[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
10 พฤษภาคม 2567 11:45:01 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา ผู้รับพุทธบัญชา ให้รักษาพระพุทธศาสนา  (อ่าน 4723 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 มิถุนายน 2553 20:26:04 »

พระมัญชุศรีโพธิสัตต์ หรือ บุ้นซู้พู่สระ

พระองค์มีชื่อเรียกมากมาย อาทิ พระมัญชุโฆษ (ผู้มีเสียงเพราะ) , พระมัญชุนาถ , พระวาคีศวร คนจีนเรียกบุ้นซู้พู่สะ เป็นพระโพธิสัตต์แห่งมหาปัญญา ในประเทศธิเบตให้ความเคารพต่อพระโพธิสัตต์องค์นี้มาก ฉายาของพระองค์เรียกแตกต่างกันไป อาทิ ไต้ตี่ (มหามติ - มีปัญญาใหญ่) , ไทจือ (ราชกุมาร) , เชยปี่ก๊าจู๊ (ธรรมราชผู้มีแขนหนึ่งพัน) ทรงประสูติเมื่อวันที่ 4 เดือน 4 ทางจันทรคติแบบจีน

พระนามเต็มของพระองค์ คือ พระมัญชุศรีกุมารภูติโพธิสัตต์ ทรงประทับบนหลังราชสีห์ อันราชสีห์นั้นเป็นราชาแห่งสัตว์ทั้งหลาย ไม่หวาดหวั่นครั่นคร้ามต่อสัตว์ใดๆ เปรียบเป็นเช่นกับพระพุทธเจ้าและโพธิสัตต์ ไม่หวาดหวั่นท้อถอยต่อการประกาศสัจธรรม และเมื่อราชสีห์คำราม บรรดาสรรพสัตว์ใหญ่น้อยต่างก็หลีกไป เฉกเช่นพุทธองค์ประกาศธรรม ทำให้คำสอนของเดียรถีย์ทั้งหลายด้อยรัศมีไปฉันนั้น ราชสีห์นี้ บางครั้งเรียก " สิงหอาสน์ "

บุ้นซู้พู่สะ เป็นพระมหาโพธิสัตต์ ที่มักได้รับการเอ่ยถึงในพระสูตร และตั้งองค์พระปฏิมาให้อยู่คู่กับ " โผวเฮี้ยงพู่สะ " หรือ "โผวเฮี้ยงผ่อสัก " หรือ " พระสมัตภัทรมหาโพธิสัตต์ " ทรงได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าของบรรดาพระโพธิสัตต์นับร้อยนับพันที่มาเฝ้าชุมนุมพระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงเป็น " พระฌานิโพธิสัตต์ " ที่ถือกำเนิดก่อนสมัยพุทธกาล ทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความสามารถในการแสดงธรรม ทรงมุ่งมั่นให้สัตว์โลกได้พ้นทุกข์ และบรรลุธรรมอย่างไม่ทรงเกรงกลัวต่อความยากลำบาก กำเนิดของมัญชุศรีโพธิสัตต์นั้น มีตำนานเล่ากันไปต่างๆนาๆที่เมืองจีนว่า เกิดจากพระนลาฎของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ด้วยลำแสงที่พุ่งออกไปนั้นตัดต้นไม้ต้นหนึ่งที่ภูเขาอู่ไถ่ แล้วบังเกิดดอกบัวมารองรับพระมัญชุศรีขึ้นมา ดังนั้นพระโพธิสัตต์พระองค์นี้จึงไม่แปดเปื้อนครรภ์มลทินแต่อย่างไร

อีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า คหบดีจีนท่านหนึ่ง ต้องการเลี้ยงพระทั้งวัดบนภูเขาอู่ไถ่ พระจึงชักชวนคนยากจนมารับทานด้วย เพราะพระโพธิสัตต์มัญชุศรีมักจะสอนเน้นให้คนทั้งหลายมีความเสมอกัน ไม่แบ่งแยกระหว่างคนรวยกับคนจน ไม่แบ่งแยกระหว่างพระกับฆราวาส ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงใคร่อยากรู้ใจมนุษย์ จึงจำแลงร่างเป็นหญิงขอทานที่กำลังตั้งครรภ์ คหบดีรำคาญใจมากที่เห็นชาวบ้านพวกนี้

เพราะตั้งใจมาทำบุญเลี้ยงพระเพียงอย่างเดียว ครั้นมาถึงคิวหญิงขอทาน นางบอกว่า ต้องการข้าว 2 จาน จานหนึ่งสำหรับตนเอง อีกจานหนึ่งสำหรับลูกในท้อง เจ้าของงานไม่ยอม นางจึงไม่ยอมกินอาหารนั้นและเดินออกจากวิหารไป กลายเป็นพระมัญชุศรีโพธิสัตต์เหาะขึ้นท้องฟ้าด้วยเทพบริวารตระการตา เป็นเหตุให้เจ้าของงานและทุกคนที่อยู่สถานที่นั้นก้มกราบขมาลาโทษต่อพระโพธิสัตต์กันถ้วนหน้า ตั้งแต่นั้นมา ถือเป็นนโยบายของเขาอู่ไถ่ว่า หากต้องการเลี้ยงพระก็ต้องทำทานต่อผู้ยากไร้ด้วย
http://i168.photobucket.com/albums/u170/pintip/17-2-50.jpg
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา ผู้รับพุทธบัญชา ให้รักษาพระพุทธศาสนา

เรื่องเล่าจากอินเดียว่า เมื่อครั้งที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าจะเสด็จไปแสดงธรรมนั้น พระมัญชุศรีประกาศว่า ขอให้คอยสดับพระธรรมจากพระธรรมราชา (พระพุทธเจ้า) พระธรรมของพระธรรมราชาเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาแล้วประทับ ณ พุทธอาสน์ ไม่ทรงแสดงธรรมอันใดเลย เพราะพระมัญชุศรีแสดงธรรมไปหมดแล้ว ทั้งสั้นและได้ใจความ " พระธรรมเป็นเช่นนั้นเอง ในประเทศธิเบตยังมีการสร้างภาคดุร้ายของพระมัญชุศรีด้วย ปางนั้นคือ ยมานตกะ โดยสร้างตำนานขึ้นสนับสนุนว่า พระมัญชุศรีลงไปยังยมโลก พระยมมีศีรษะเป็นกระบือ พระมัญชุศรีจึงต้องแปลงร่างเป็นเช่นนั้น เพื่อให้พระยายมกลัว

ทั้งที่พระยมเป็นเจ้าแห่งความตาย แต่ยังเกรงในพระบารมี จนแลเห็นความไม่สิ้นสุดของพระโพธิสัตต์พระองค์นี้ ชาวธิเบตนิยมเพ่งรูปยมานตกะเพื่อเอาชนะความตาย

นอกจากนี้ยังทรงแบ่งภาคออกเป็นปางต่างๆมากมาย อาทิ ธรรมธาตุวาคีศวร , ไภรวัชร , พระวัชรนังคอารยมัญชุโฆษ , พระยมานตกะ มหาบุรุษโพธิสัตต์ที่ชาวธิเบตให้การยกย่องนั้นมี อวโลกิเตศวร , มัญชุศรีและวัชรปาณี ด้วยเหตุที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุณา ปัญญาและพละ ตามรูปศัพท์แล้ว มัญชุศรี แปลว่า ผู้มีเสียงไพเราะ และมีความสามารถพิเศษในการเทศนาให้คนเกิดปัญญาได้

ตามคติในฝ่ายมหายานนั้น ยกย่องให้พระองค์เป็นพระโพธิสัตต์แห่งปัญญาและคุ้มครองนักปราชญ์ ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของวิทยาศาสตร์ และการแสวงหาสัจจะทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ การบูชาพระโพธิสัตต์พระองค์นี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความชาญฉลาด มีความจำดี และสามารถจดจำคัมภีร์ต่างๆได้อย่างแม่นยำ

พระโพธิสัตต์มัญชุศรีได้รับการยกย่องและนับถือกันมากในเมืองสารนาถ แคว้นมคธ เบงกอล เนปาลและธิเบต คัมภีร์ซึ่งทรงถือนั้นคือ ปรัชญาปารมิตา ซึ่งถือเป็นคัมภีร์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่จะมาตรัสรู้

พระนามของพระองค์ปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์อมิตยุสสูตร เพราะพระองค์เป็นหัวหน้ากลุ่มพระโพธิสัตต์บนเขาคิชฌกูฎ และในคัมภีร์คัณฑวยุหสูตร กล่าวว่า ความยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้นเทียบเท่ากับพระอวโลกิเตศวร ผู้ใดที่จะบรรลุพระสัมมาสัมพุทธะ ต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์เสียก่อน

ในคัมภีร์สัทธรรมปุณฑรีกสูตรนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้า ได้ตรัสถึงฐานะของพระมัญชุศรีโพธิสัตต์ว่า เป็นผู้รักษาพระสูตรนี้ และเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองพุทธศาสนาในช่วง 500 ปีสุดท้าย เหตุที่ชาวเนปาลนับถือพระมัญชุศรีโพธิสัตต์ มีเรื่องบรรยายอยู่ในคัมภีร์สวยัมภูปุราณะว่า ราวศตวรรษที่ 8 พระโพธิสัตต์มัญชุศรีเดินทางจากเมืองจีน เพราะแต่เดิมนั้นทรงสถิตย์ ณ ยอดเขาโหงวไท้ซัว (ภูเขา 5 ยอด) แล้ววันหนึ่งพระองค์ทราบด้วยญาณทิพย์ว่า พระอาทิพุทธแบ่งภาคลงมาเป็นเปลวไฟบนดอกบัว ในทะเลสาปกาลีหรัท ที่เนปาล ดังนั้นพระองค์จึงเสด็จมาพร้อมด้วยสานุศิษย์ และสร้างวัดครอบไฟนั้นไว้ เรียกว่า สวยัมภูเจดีย์ ทั้งยังได้กำจัดสัตว์ร้ายที่ทะเลสาปนั้น และสถาปนาผู้ติดตามคือ พระเจ้าธรรมกรเป็นกษัตริย์ปกครองเนปาล

ท่านสงกะปะ อันเป็นต้นตอของนิกายแห่งองค์ทาไลลามะ ถือว่าเป็นนิรมาณกายของพระมัญชุศรีแบ่งภาคมาเกิด


ไม่ได้นั่งเทียน นะ มีที่มา จาก

http://www.buddhakun.com/index.php?topic=5916.0







Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.593 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 08 เมษายน 2567 21:02:18