[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 พฤษภาคม 2567 10:31:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์กินคน  (อ่าน 4241 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2334


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557 17:38:17 »

.


มนุษย์กินคน

การกินเนื้อคนปรากฏอยู่ในธรรมเนียมปฏิบัติของหลายชนเผ่าในยุคโบราณ โดยมีเหตุผลหลากหลายในการกินเนื้อมนุษย์ ตั้งแต่การเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ การล้างแค้น การถ่ายทอดพลังความสามารถ หรือเพราะความอดอยาก มีแม้กระทั่งที่มองว่าเนื้อคนเป็นอาหารปกติสามัญ

วิถีที่ผู้คนแห่งโลกอารยะอาจมองว่าป่าเถื่อน แต่นั่นก็คือการดำรงชีพ ในภาวะที่พวกเขาเห็นว่าถูกต้องเช่นกัน

ในยุคดึกดำบรรพ์ นักโบราณคดีค้นพบร่องรอยหลายอย่างที่สื่อถึงการกินเนื้อพวกเดียวกันเองในกลุ่มมนุษย์วานรนับแต่ยุคของโฮโมอิเร็คตัส ซิแนนโทรปุส หรือที่รู้จักกันในชื่อมนุษย์ปักกิ่ง โดยพบร่องรอยของกระดูกมนุษย์ปักกิ่งที่ถูกทุบจนแตกเพื่อดูดกินไขกระดูกข้างใน รวมทั้งชิ้นส่วนกระดูกที่มีรอยถูกเฉือนด้วยอาวุธหิน นักโบราณคดีเชื่อว่า ซิแนนโทรปุสอาจสังหารพวกที่อยู่ต่างกลุ่มและกินเป็นอาหาร หรืออาจจะสังหารและกินพวกเดียวกันที่อ่อนแอในยามภาวะอาหารขาดแคลน



ชนเผ่าแห่งนิวกินี

นอกจากซิแนนโทรปุส พวกนีแอนเดอร์ธาลที่มีชีวิตอยู่เมื่อหนึ่งแสนถึงสามหมื่นปีก่อน ก็มีหลักฐานว่า มีการกินพวกเดียวกันเอง โดยพบชิ้นส่วนกระดูกที่ไหม้เกรียมในลักษณะที่ถูกย่างกองรวมกับกระดูกสัตว์ชนิดอื่นๆ รวมทั้งชิ้นส่วนกระดูกที่ถูกทุบแตกเพื่อกินไขกระดูกข้างในด้วย

สำหรับมนุษย์ยุคปัจจุบัน การกินเนื้อพวกเดียวกันเอง ถูกพบในหลายวัฒนธรรมและหลายทวีป ตั้งแต่ เมโสอเมริกา หมู่เกาะแถบทะเลแคริบเบียน บางส่วนของเอเชีย แอฟริกา ไปจนถึงเกาะนิวกินี

ในเมโสอเมริกา เมื่อราวห้าร้อยปีมาแล้ว ชนเผ่าแอสเท็ค ผู้สร้างอารยธรรมอันยิ่งใหญ่บนดินแดนที่เป็นประเทศเม็กซิโกในปัจจุบัน มีประเพณีบูชายัญมนุษย์เพื่อสังเวยเทพเจ้า โดยในการประกอบพิธี นักบวชจะนำเชลยศึกมายังแท่นพิธีซึ่งตั้งอยู่บนยอดพีระมิด จากนั้นจะใช้มีดที่ทำจากหินแก้วภูเขาไฟกรีดหน้าอก ควักหัวใจเหยื่อบูชายัญออกมา โดยพวกเขาเชื่อว่า เลือดและชีวิตของมนุษย์จะยังความพึงพอใจให้แก่เทพเจ้า ส่วนร่างของเหยื่อจะกลายเป็นอาหารพิเศษของชนชั้นสูง ซึ่งการกินเนื้อมนุษย์ที่ถูกบูชายัญนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม

เมื่อครั้งที่ออกเดินทางค้นพบโลกใหม่ในปี ค.ศ.1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสและกองเรือของเขาได้ล่องเรือผ่านน่านน้ำแถบอเมริกากลางและได้เผชิญหน้ากับชนเผ่าแคริบ ซึ่งบันทึกของโคลัมบัสเล่าว่า พวกแคริบเป็นชนเผ่านักรบที่ดุร้ายและมักยกกำลังเข้าโจมตีชนเผ่าอื่นๆที่อยู่บนเกาะข้างเคียงเสมอ หลังการโจมตีพวกเขาจะนำเอาเชลยกลับไปยังหมู่บ้านและฆ่ากินเป็นอาหาร ส่วนคนที่ยังไม่ถูกฆ่านั้นจะถูกเลี้ยงเอาไว้กินในวันหลัง โดยเชลยที่เป็นชายจะถูกตอน ส่วนเชลยหญิงหากเป็นหญิงสาวหน้าตาดีก็จะถูกใช้เป็นนางบำเรอ โดยพวกคาริบจะร่วมเพศกับพวกนาง ซึ่งหากพวกนางเกิดตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาก็จะถูกนำไปกินเป็นอาหาร และหากเมื่อใดที่หญิงสาวเหล่านี้เป็นที่เบื่อหน่ายก็จะถูกฆ่ากินเช่นกัน ซึ่งการกินเนื้อมนุษย์นี้

พวกสเปนลูกเรือของโคลัมบัสได้มีโอกาสพบเห็นด้วยตาตนเอง หลังจากที่พวกเขาบุกเข้าไปในหมู่บ้านของพวกแคริบและเห็นชิ้นส่วนมนุษย์ทั้งแขน ขา และหัวอยู่ในหม้อปรุงอาหารและบนเตาย่างเนื้อ ความดุร้ายเหี้ยมโหดของชนเผ่าแคริบนี้เป็นที่หวาดกลัวของชนเผ่าอื่นๆ ทำให้น่านน้ำในบริเวณนั้นถูกตั้งชื่อในเวลาต่อมา ตามชื่อของชนเผ่านี้ว่า ทะเลแคริบเบียน


ภาพสงครามทางเรือและชนเผ่ากินคนในอเมริกาใต้ ค.ศ.1621

ในสมัยอยุธยาตอนต้น ช่วงศตวรรษที่ 15 มีบันทึกของชาวโปรตุเกสที่ล่องเรือมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และได้เขียนเล่าถึงชนเผ่าต่างๆในแถบนี้ พวกเขาได้เล่าถึงชนเผ่าที่เรียกว่ากุออส (Guaos) ซึ่งอาศัยอยู่บนภูเขา โดยมีหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งคล้ายป้อมปราการเป็นที่มั่น พวกกุออสนี้เป็นชนพื้นเมืองที่ดุร้ายและชำนาญในการรบบนหลังม้า พวกเขามักจะขี่ม้าลงมาโจมตีชาวลาวและชนพื้นเมืองอื่นๆ ในที่ราบ นักรบกุออสจะใช้เหล็กเผาไฟนาบเนื้อตัวเป็นสัญลักษณ์ นอกจากจะดุร้ายและชำนาญการรบแล้ว พวกนี้ยังกินเนื้อคนอีกด้วย นักประวัติศาสตร์ในยุคหลังสันนิษฐานว่า ชาวกุออสที่พวกโปรตุเกสบันทึกไว้นี้ คือชนเผ่าว้า ซึ่งเป็นชนกลุ่มเดียวกับชาวว้าในรัฐว้าของพม่าปัจจุบัน โดยเมื่อราวห้าร้อยปีก่อนพวกว้าเคยมีถิ่นอาศัยกระจายตัวมาถึงบริเวณภาคเหนือของล้านนา ชาวว้าเป็นนักรบที่ดุร้าย ในสมัยโบราณพวกนี้มีธรรมเนียมล่าหัวคนเพื่อนำมาสังเวยผีไร่ โดยเชื่อว่าหัวคนจะบันดาลให้ผีไร่ พอใจและทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ นอกจากจะเคยเป็นนักล่าหัวมนุษย์แล้ว ในสมัยโบราณชาวว้ายังมีประเพณีกินเนื้อมนุษย์ด้วย ทว่าได้ยกเลิกไปเมื่อราวสามร้อยปีก่อน

ในทวีปแอฟริกายุคโบราณ ธรรมเนียมการกินเนื้อมนุษย์พบได้ในหลายพื้นที่ โดยบางชนเผ่าจะกินเฉพาะในช่วงสงครามหรือในพิธีกรรมบางอย่าง แต่ก็มีบางชนเผ่าที่มองว่าเนื้อมนุษย์นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเนื้อสัตว์ทั่วไป จากคำบอกเล่าของ จอห์น เอ ฮันเตอร์ ยอดพรานผิวขาวของแอฟริกาได้เล่าไว้ว่า ในสมัยศตวรรษที่ 19 หลายพื้นที่ในป่าดงดิบของคองโกแถบแอฟริกากลาง มีความนิยมในการบริโภคเนื้อมนุษย์อยู่ทั่วไป โดยในยุคนั้นจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ในหมู่บ้านอันห่างไกลจะมีทาสถูกนำไปผูกไว้กลางลานเพื่อให้คนมาซื้อ บางครั้งถ้าหากไม่มีใครต้องการซื้อทาสทั้งคน ก็จะมีลูกค้ามาเลือกซื้อชิ้นส่วนเป็นบางส่วน โดยเจ้าของจะทำเครื่องหมายด้วยการใช้ขี้เถ้าเขียนลงไปบนร่างของทาส จากนั้นเมื่อมีคนสั่งจองครบทั้งตัว เจ้าของทาสก็จะฆ่าทาสและชำแหละเป็นชิ้นขายให้กับลูกค้าที่สั่งจองไว้



ภาพพิมพ์รูปชนเผ่ากินคน

บนเกาะฟิจิ เนื้อมนุษย์ถูกยกให้เป็นอาหารพิเศษสำหรับชนชั้นสูงของเผ่าเท่านั้น ทั้งยังมีธรรมเนียมว่า ชนชั้นสูงจะสัมผัสอาหารนี้ไม่ได้ ดังนั้นในเวลากินเนื้อคน จึงต้องมีบริวารใช้วัตถุรูปร่างคล้ายส้อมที่มีสองกิ่งจิ้มเนื้อมนุษย์ป้อนให้กิน

สำหรับนิวกินี เกาะใหญ่อันดับสองของโลก ธรรมเนียมกินเนื้อมนุษย์แพร่กระจายในหลายชนเผ่า เช่น ชาวอาสมัต ชาวปาปัว ชนเผ่าเหล่านี้มีประเพณีลงโทษผู้กระทำผิดด้วยการสังหารและกินเนื้อคนผู้นั้น ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะกินเนื้อนักรบฝ่ายศัตรูที่มีฝีมือเข้มแข็ง โดยเชื่อว่าจะได้รับพลังความแข็งแกร่งผ่านทางเลือดเนื้อที่กินเข้าไป ซึ่งธรรมเนียมการกินเนื้อคนนี้ยังคงปรากฏอยู่จนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งหมดสิ้นไปเมื่อราวสี่สิบปีมานี้เอง

ในยุคโบราณ แม้แต่ชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองและมีอารยธรรมสูงส่งก็ยังมีเหตุการณ์กินเนื้อพวกเดียวกันเอง เช่น ในประเทศจีน ช่วงยุคสงครามระหว่างแคว้น เมื่อกองทัพของแคว้นจ้าวถูกกองทัพแคว้นฉินปิดล้อมในการรบที่ฉางผิงจนทัพจ้าวขาดเสบียงอาหาร มีเรื่องเล่าว่าพวกทหารแคว้นจ้าวที่หิวโหยถึงกับลอบฆ่าพวกเดียวกันเพื่อเอาเนื้อมากิน นอกจากนี้ ยังมีบันทึกที่เล่าถึงช่วงสงครามกลางเมืองในยุคสามก๊กที่เกิดภาวะอาหารขาดแคลนเนื่องจากภัยสงครามจนทำให้พลเมืองต้องหันมากินเนื้อคนเพื่อความอยู่รอด หรือเมื่อครั้งที่กองทัพมองโกลของเจงกีสข่านเข้าโจมตีอาณาจักรของชาวเจอร์เชน ได้ปิดล้อมนครเป่ยจิง ชาวเมืองที่หิวโหยก็จำต้องกินเนื้อพวกเดียวกันเอง


มนุษย์กินคนบนเกาะฟิจิ

ในปี ค.ศ.1610 หลังจากชาวอังกฤษเข้ามาตั้งอาณานิคมเจมส์ทาวน์ บริเวณอ่าวเซซาพีคทางภาคตะวันออกของทวีปอเมริกา ได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น ส่งผลให้ชาวอาณานิคมล้มป่วยและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก มีบันทึกของจอร์จ เปอร์ซี่ ประธานเมืองเจมส์ทาวน์เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “ชาวเมืองต้องกิน หมา แมว หนูบ้านและหนูนา เพื่อความอยู่รอด ความอดอยากทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่มีใบหน้าซูบซีดราวกับผี และในช่วงเวลาแห่งความอดอยากนี้ ชายคนหนึ่งได้ถูกลงโทษด้วยความผิดที่เขาสังหารภรรยาของตนที่กำลังตั้งครรภ์และนำเนื้อของหล่อนไปหมักเกลือไว้กินเป็นอาหาร”

แม้ในช่วงหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ พฤติกรรมมนุษย์กินคนก็ยังเกิดขึ้นและไม่ใช่กับพวกชนพื้นเมืองที่ล้าหลัง หากแต่เป็นชาวเมืองผู้อาศัยอยู่ในแดนศิวิไลซ์ที่สงบสุข โดยมีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางจิต ซึ่งบางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า ในธาตุแท้ของมนุษย์บางคนนั้นยังคงมีความอำมหิตแฝงเร้นอยู่ ไม่ว่าโลกรอบข้างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม


การบูชายัญของชาวแอสเท็ค

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.393 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 01 เมษายน 2567 12:23:59