ผีหลังวัด
ขนหัวลุก ใบหนาด
"จ่าท้วม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหลังวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ เท่าไหร่ คิดว่าคนตายแล้วก็แล้วกันไป ถูกเผาถูกฝังไปแล้วไม่น่าจะมีฤทธิ์อะไร คนเป็นๆ เสียอีกที่น่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ หลายคนก็หลอกหลอนเก่งกาจกว่าภูตผีด้วยซ้ำ คนเราส่วนมากกลัวความมืดนะครับ แต่คิดว่าตัวเองกลัวผี!
สังเกตว่าตอนกลางวันเราจะไม่กลัวผีเลย แต่พอตกกลางคืนอยู่คนเดียวก็มีอาการหวาดระแวง เหลียวซ้ายแลขวา เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด คนหรือผีกันแน่...
ส่วนมากก็ย่อมคิดว่าเป็นผีดุ วิญญาณสยองไว้ก่อน
สมัยวัยรุ่น ผมได้พบกับเรื่องแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าประสาทหลอนไปเองหรือถูกผีหลอกกันแน่?
ขณะนั้นผมอยู่ในบ้านสวนหลังวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เชิงสะพานพิบูลสงครามค่อนไปทางสี่แยกบางโพ หน้าวัดเพิ่งมีตึกแถวสร้างใหม่หลังป้ายรถเมล์ ร้านริมสุดคือร้านเจ๊ป้อมเปิดทั้งด้านหน้าและด้านข้างที่ติดกับทางเข้าวัด ลาบร้านนี้ขายดิบขายดีจนเจ๊ป้อมต้องทำไว้เป็นกะละมัง ไหนจะมีส้มตำกับเนื้อย่างน้ำตกอีกล่ะ
ตกเย็นมีคอเหล้านั่งเต็มร้านไปจนถึงสองสามทุ่ม คนมาช้าต้องซื้อลาบใส่ถุงไปกินที่บ้าน
วัดประดู่ฯ สมัยนั้นจะก็เฉพาะหน้าซอย ตอนเย็นๆ มีหนุ่มสาวเดินหาของกินกันคึ่กๆ จนถึงตรอกโอ่ง ตรงข้ามตรอกบันไดหิน แต่ในซอยเข้าวัดค่อนข้างแคบ ยามค่ำคืนจะเปล่าเปลี่ยวเอาการ
มีบ้านเรือนทางขวามือ ส่วนทางซ้ายเป็นเมรุเผาศพตั้งเด่น ถัดไปมีศาลาเล็กๆ เก่าแก่ติดๆ คูน้ำ อันเป็นทางเข้าสวนที่มีบ้านช่องปลูกอยู่ห่างๆ กัน คนชำนาญทางสามารถเดินเลาะลัดสวนไปทะลุสะพานสูง บางซื่อได้อย่างง่ายดาย
ตอนนั้นผมเพิ่งเรียนจบ ได้ทำงานที่กรมชลประทานแถวศรีย่าน เพื่อนฝูงมากหน้าหลายตาขึ้น ตกเย็นก็มักแวะร้านเหล้าประสาชายโสด ที่หน้ากรมบ้าง หน้าโรงหนังบางกระบือบ้าง บางคืนก็มาแวะต่อที่ร้านเจ๊ป้อม...ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวจิ้มลาบก็สบายท้องแล้วครับ
ขากลับตอนปิดร้านมักมีคนในซอยที่รู้จักกันเดินไปด้วย เสียอย่างเดียวที่บ้านพวกนั้นถึงก่อน แต่ผมต้องเข้าสวนไปอีกหน่อย
ที่ศาลาเล็กหลังวัดจะเห็นตาเตียนนั่งสูบยาแดงวาบๆ แทบทุกคืน!
ถ้าคนแปลกถิ่นอาจจะนึกว่าผีหลอก แต่ผมรู้จักแกสิบกว่าปีแล้ว ตาเตียนอยู่ในสวนเหมือนกัน แต่พอลูกเต้าโตขึ้นแกก็ได้พักผ่อน...เขาลือกันว่าแกชอบดอดเข้าไปสูบกัญชาในสวนเปลี่ยวเป็นประจำ บางคนก็ว่าแกเล่นของ ร้อนวิชาจนอยู่บ้านไม่ติด ตกค่ำต้องออกมานั่งสูบยา คุยกับผีๆ สางๆ เรื่อยเปื่อยเป็นประจำ
ตาเตียนถูกชะตากับผม ชอบทักทายชวนพูดชวนคุย แถมเล่าเรื่องผีให้ฟัง
"เมื่อตะกี้ตาหมาดแกลงจากเมรุ เดินมาส่งเอ็งถึงนี่เลยโว้ย"
"แหม! นังแตนมันคงชอบเอ็งมากซีนะ ข้าเห็นเดินกระแซะไหล่เอ็งมาถึงนี่แน่ะ หน็อย! พอเห็นข้าคงอายเลยเดินกลับหลุม"
แกชอบพูดแบบนี้แหละครับ ว่าผีเดินมาส่งผม...ตอนแรกก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ตอนหลังสังเกตว่าพอเดินผ่านเมรุหมาจะหอนทุกครั้ง พอหันไปดูก็เห็นเงาวูบๆ วาบๆ ก่อนจะหายไป...กระทั่งถึงคืนสยองขวัญ!
คืนนั้นผมเดินเข้าซอยเปลี่ยวมาตามเคย อากาศปลายปีหนาวจัดจนขนลุกซ่า พิษเหล้าจางหาย...เสียงหมาหอนเยือกเย็นจนผมหันไปมองเมรุที่โดดเด่นอยู่ใต้แสงดาว ก่อนจะชะงักกึก มองภาพนั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
...ร่างผอมกะหร่องของตาเตียน ผมขาวโพลน นุ่งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว มีผ้าขาวม้าพาดไหล่เดินเข้ามาหา ยิ้มเหงือกแดงบอกว่า...คืนนี้ข้าจะไปส่งเอ็งแทนพวกนั้นนะโว้ย!
ว่าแล้วแกก็ออกเดินนำหน้า ผมเดินตามต้อยๆ ตาลายจนเห็นตาเตียนเดินเหมือนลอย ผ่านศาลาเงียบเชียบเข้าไปในสวน ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่าราวกับป่าเปลี่ยว...จนกระทั่งถึงบ้านผมเรียบร้อย
"ข้าส่งเอ็งแค่นี้ละโว้ย เดี๋ยวจะกลับไปสูบยาซะหน่อย" แกบอกแล้วหันกลับ ผ่านผมวูบวาบไปดื้อๆ พอหันไปมองก็ไม่เห็นแกเสียแล้ว
รุ่งขึ้นถึงได้รู้ข่าวว่าตาเตียนหัวใจวายตายคาบ้องกัญชาตั้งแต่เย็นวาน ตอนนี้ศพอยู่ที่วัด...ถึงจะซาบซึ้งว่าแกห่วงใยผมแค่ไหน แต่ไม่กล้ากลับบ้านดึกๆ อีกต่อไป เพราะกลัวจะเห็นแกเดินยิ้มแป้นเข้ามาหาน่ะซีครับ...บรื๋อส์!
ที่มา: นสพ.ข่าวสด