[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 17:15:36



หัวข้อ: พระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน‏
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 17:15:36

(http://www.daowadung.com/images/1111040433/lostc086.jpg)

พระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน‏

ในยุคปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๒) พระพุทธศาสนา ทั้งเถรวาท, มหายาน และวัชระยาน แตกแขนงออกไปมากมาย หลายพวกหลายเหล่า

ซึ่งในข้อเท็จจริง การแตกแขนงนี้ มีมาแต่โบราณ บางสำนักก็สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยบางส่วนปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา บางส่วนคงรูปแบบและคำสอนเดิมไว้ แต่โดยมากมากกว่าร้อยละ ๙๐ สูญสลายไปตามกาลเวลา

สำหรับประเทศไทย ฝ่ายเถรวาท แตกออกเป็นสายเล็กสายน้อย วัดนั่นวัดนี่ สำนักนั่นสำนักนี่ หลวงพ่อนั่นหลวงพ่อนี่

ฝ่ายมหายานและวัชระยานก็เช่นเดียว สารพัดสำนัก ดั้งเดิมก็เต๋าปนพุทธ – พุทธปนเต๋า– พราหมณ์ปนพุทธ – พุทธปนพราหมณ์ ในขณะที่ในปัจจุบันเจ้าพ่อเจ้าแม่ ร่างทรงเต็มไปหมด บางสำนักเป็นสาขามาจากต่างประเทศอาทิเช่น ญี่ปุ่น, จีน,ไต้หวัน, เกาหลี, เวียดนาม, ทิเบต ฯลฯ

บางสำนักก็ตั้งเจ้าสำนักเป็นอวตารของเทพเจ้า เป็นนิรมาณกายของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ บางก็อวดฤทธิ์อวดวิเศษ ว่าตนมีความสามารถเหนือมนุษย์ บ้างก็ว่าตนสามารถติดต่อเทพเจ้า,พระพุทธเจ้า, และพระโพธิสัตว์ได้ ในด้านคำสอนก็แต่งคัมภีร์ขึ้นมาใหม่ แต่งเองอธิบายเอง หาคำศัพท์แปลกๆ มาใช้ในสำนัก ทั้งยังมีการแต่งกายแปลกๆ ผิดจากคนทั่วไป ขณะที่บางสำนักที่มีกำลังทรัพย์ และกำลังศรัทธาของคนมาก ก็เริ่มที่จะขยายฐานเข้าไปสู่อำนาจทางการเมือง


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน‏
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 17:23:19

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/49/49/images/4/11.JPG)

ในยุคปลายพระพุทธศาสนา ขณะที่วัตถุเจริญแต่จิตใจคนตกต่ำ ด้านหนึ่งคนแก่งแย่งแข็งขัน เพื่อให้ได้มาเพื่อให้ครอบครองซึ่งวัตถุ, ทรัพย์สิน,ชื่อเสียง, อำนาจ ฯลฯ ก่อบาปสร้างกรรมเป็นอันมาก

อีกด้านหนึ่งคนเกิดความว้าเหว่ทางจิตใจ ต้องการหาที่พึ่ง แต่หลายต่อหลายครั้ง ที่ต้องหลงทิศผิดทางเพราะไปพบที่พึ่ง อันไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม หลายคนนับถือมากมายหลายศาสนา และลัทธิต่างๆ แต่เอาดีไม่ได้ซักอย่าง

บ้างก็เอาคำสอนในศาสนาต่างๆซึ่งแตกต่างกัน มาผสมผสานกัน อธิบายแบบตีขลุม ใส่ความคิดและจินตนาการของตนเข้าไป ผนวกกับการขาดความรู้และเข้าใจในเนื้อหาของศาสนาอย่างแท้จริง จึงทำให้มีความเห็นที่ผิดพลาด และยิ่งถ้าจิตใจหนาแน่นไปด้วยความโลภ,โกรธ,หลงด้วยแล้ว นั่นย่อมเป็นอันตรายต่อตนเอง และคนอื่นอย่างยิ่ง

ความเห็นผิดดังกล่าวพระพุทธศาสนาเรียกว่า “มิจฉาทิฐิ” ซึ่งปัจจุบันนับวันก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เล็กน้อยก็เหตุผิดโดยส่วนตน ที่เลวร้ายคือนอกจากตนจะเห็นผิดแล้ว ยังเผยแพร่ความเห็นผิดดังกล่าวในลักษณะเชิงคำสอน ไปสู่สาธารณะ ในรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวีดีทัศน์ สื่อในรูปแบบเสียง จนกระทั่งถึงในโลกของอินเตอร์เนต ที่เราสามารถพบเห็นได้อย่างดาดดื่นในปัจจุบัน


ซึ่งในคนที่เห็นผิดนั้นก็มีทั้งใน และนอกพระพุทธศาสนา มีทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ทั้งนี้เพราะคนเหล่านี้ขาดความรู้และความเข้าใจในพระพุทธศาสนา หลายคนนั้นไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้

ขณะที่บางคนศึกษาพระพุทธศาสนามาก แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งนี้เพราะศึกษาเพราะใจไม่ซื่อ อาศัยกิเลส, อัตตา, มานะ และทิฐิของตนเข้าว่า หลายคนจบปริญญาทางพระพุทธศาสนา แต่คุณภาพทางจิตใจไม่ได้ดีหรือพัฒนาขึ้น


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน‏
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 17:37:42

(http://www.yeah-we-can.com/images/keyy.jpg)

สิ่งที่ผู้ศึกษาจะต้องจับหลักให้ได้คือ พระพุทธศาสนาไม่ใช่ตัวหนังสือ หรือวาทะ ไม่ใช่ว่าใครเรียนมากกว่า, รู้มากกว่า, สวดสาธยายมนต์ และธารณีได้มากกว่า ตลอดจนถึงจดจำและพูดหัวข้อธรรมได้มากกว่า แล้วจะสามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนาได้อย่างแท้จริง  

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประกอบไปด้วย องค์ประกอบ ๓ ประการคือ ศรัทธา, ปัญญา และเมตตากรุณา ว่าถ้าขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมไม่ใช่พระพุทธศาสนา และยิ่งไม่ใช่พุทธศาสนิกชน

ศรัทธาและปัญญาเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะนับพระพุทธศาสนานิกายใด ถ้ามีศรัทธาแต่ไม่มีปัญญา นั่นคือความงมงาย บางคนทำบุญมาก สวดมนต์ไหว้พระมาก แต่ถ้าไม่มีปัญญา งมงายก็คืองมงาย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาให้เข้าใจ ทั้งอรรถและพยัญชนะ แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ เพื่อพัฒนาตนจิตใจเอง อันจะแสดงออกมาทางกายและวาจา

เมตตากรุณาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะนับถือพระพุทธศาสนานิกายใดก็ตาม ดั่งคำที่ว่า “ปัญญาที่ไม่ประกอบด้วยเมตตากรุณาเป็นปัญญาที่เลื่อนลอย เมตตากรุณาที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาเป็นเมตตากรุณาที่เพ้อเจ้อ”


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน‏
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 17:41:49



(:LOVE:)สาธุ.....................สาธุ.....................สาธุ (:LOVE:)


(:fall:)ขอบคุณ............ค่า.............. (:fall:)


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน‏
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 เมษายน 2553 17:50:30


(http://picdb.thaimisc.com/k/krumooktu/110-8.jpg)


ถ้าคนๆหนึ่งที่ทำกุศลเป็นอันมาก แต่ทว่าแต่ละวันที่ผ่านไปกลับหนาแน่นไปด้วยความเห็นแก่ตัว สาละวนอยู่แต่ว่ากุศลที่ตนทำจะให้ตนได้อะไรบ้าง เงินทอง, ชื่อเสียง, อำนาจ, สมบัติในสวรรค์และชาติหน้า ฯลฯ


ใคร่ขอถามว่า “การกระทำใดๆที่หนาแน่นไปด้วยความโลภ ที่คิดแต่จะทำเพื่อตนเองและครอบครัวพวกพ้องของตนเอง จัดเป็นกุศลหรือไม่?” และ “คนประเภทนี้จะนับว่าเป็นคนดีได้หรือไม่?”


สำหรับคนที่นับถือพระพุทธศาสนามหายานแล้วปรารถนาพุทธภูมิ ต้องเรียนว่า การปรารถนาโพธิญาณเพื่อบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณนั้น หาใช่เพื่อการเข้าถึงฐานะหรืออำนาจอันยิ่งใหญ่ หากแต่เป็นการพัฒนาตนให้เป็นที่พึ่งของสรรพชีวิต กล่าวคือการขนสรรพชีวิตออกจากวัฏฏะสงสาร


หลายคนสวดมนต์ และทำกุศลนานาประการแล้วตั้งจิตอธิษฐานเพื่อโพธิญาณ ขณะที่วันๆที่ผ่านไปกลับห่วงแต่ตนและครอบครัวพวกพ้องของตน ว่าจะกินอย่างไรจะอยู่อย่างไร ชอบอะไรเกลียดอะไร อยากได้อะไรไม่อยากได้อะไร ไม่เคยสนใจว่าคนรอบข้าง, สังคม, โลก ตลอดจนสรรพชีวิต จะอยู่อย่างไร มีสุขหรือไม่ แล้วปากบอกว่าเพื่อพระโพธิญาณ ใคร่ถามว่าจะสมเหตุผลหรือไม่


ถ้าไม่เข้าถึงองค์ประกอบทั้ง ๓ ของพระพุทธศาสนา การณ์ที่จะกล่าวว่า “ตนเป็นพุทธศาสนิกชน” คงจะกล่าวได้ แต่แน่นอนว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องจริง ในยุคที่พระพุทธศาสนาห่างจากจิตใจของผู้คน มิจฉาทิฐิรุ่งเรือง จึงกล่าวได้แต่เพียงว่า “มิจฉาทิฐิ เป็นภัยแห่งสรรพชีวิตอย่างแท้จริง”


เขียนโดย โพธิพฤกษ์
ที่มา...http://www.q1133.com/index.php/someissuesinbuddhism/75-buddhistoday (http://www.q1133.com/index.php/someissuesinbuddhism/75-buddhistoday)