19 พฤษภาคม 2567 21:51:28
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ห้องสมุด
.:::
เรื่องเล่า จากภาพสะสม
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: เรื่องเล่า จากภาพสะสม (อ่าน 1064 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5498
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
เรื่องเล่า จากภาพสะสม
«
เมื่อ:
07 กุมภาพันธ์ 2563 13:36:14 »
Tweet
เรื่องเล่าจากภาพสะสม
คันฉ่อง สมัยรัตนโกสินทร์
ภาพจาก พระตำหนักแดง กรุงเทพมหานคร
คันฉ่อง
ตามพจนานุกรม
คันฉ่อง
(น.)
เหมายถึง เครื่องใช้ทำด้วยโลหะ ขัดจนเป็นเงา มีด้าม ใช้สำหรับส่องหน้า ปัจจุบันเรียกกระจกเงา
คันฉ่อง มักมีด้ามสำหรับถือ. คันฉ่อง ประกอบด้วยคำว่า
คัน
กับ
ฉ่อง
.
คัน คือ ด้ามของวัสดุสำหรับถือ
ฉ่อง เป็นคำเดียวกับคำว่า ส่อง
ต่อมาคำว่า
คันฉ่อง
ใช้เรียกกระจกส่องหน้าแบบหนึ่งที่ตั้งบนโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นกระจกที่มีขอบไม้โดยรอบ. ตรงกลางขอบด้านตั้งทั้งสองข้างเจาะรูสอดไม้เป็นเดือย เชื่อมกับขอบไม้ที่ติดอยู่กับเสาทั้ง ๒ ข้าง ทำให้แผ่นกระจกเอียงไปมาเพื่อปรับระดับให้เหมาะแก่ผู้ที่ใช้กระจกได้. โต๊ะเครื่องแป้งแบบที่ติดตั้งคันฉ่องมักทำเป็นโต๊ะเตี้ย มีลวดลายประดับงดงาม จัดเป็นงานศิลปกรรมอย่างหนึ่งของไทย
กำปั่น
กำปั่น ในภาษาไทยมีหลายความหมาย ความหมายหนึ่งเป็นคำเรียกเรือเดินทะเลแบบหนึ่งในสมัยโบราณ เป็นเรือขนาดใหญ่ หัวเรือเรียวแหลม ท้ายเรือมนและราบในระดับเดียวกับหัวเรือ. เรือกำปั่นมี ๒ แบบ คือ แบบที่ใช้ใบ มีเสากระโดง ๒ หรือ ๓ เสา อยู่กลางลำสำหรับขึงใบเรือ เรียกว่า เรือกำปั่นใบ. อีกแบบหนึ่ง เดินเครื่องด้วยกำลังเครื่องจักรไอน้ำ มีเครื่องต้มน้ำและมีมีปล่องไฟอยู่กลางลำเรือ เรือแบบนี้เรียกว่า เรือกำปั่นไฟ. คำว่า กำปั่น ที่ใช้เรียกเรือ เป็นคำที่มาจากภาษามลายูว่า
kapal
(อ่านว่า กา-ปัล).
ความหมายที่ ๒ คำว่า
กำปั่น
เป็นคำเรียกหีบเหล็กหนาที่ใช้สำหรับเก็บข้าวของมีค่าต่างๆ. กำปั่นมักมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงมีน้ำหนักมาก เมื่อวางไว้ที่ใดแล้วก็มักจะไม่เคลื่อนย้ายไปไหน กำปั่นขนาดย่อมมักจะเจาะรู ๔ รู ไว้ข้างใต้ ที่วางกำปั่นจะมีแท่งเหล็กที่มีเดือยสอดเข้าพอดีกับรูและยึดกำปั่นไว้ กันการเคลื่อนย้ายด้วย.
ตู้นิรภัย หรือ ตู้เซฟ
ตู้นิรภัย
คำว่า
นิรภัย
ประกอบด้วย
นิร
แปลว่า ไม่ หรือ ไม่มี กับ
ภัย
แปลว่า สิ่งที่น่ากลัว หรือ อันตราย.
นิรภัย แปลว่า ไม่มีอันตราย หรือทำให้แคล้วคลาดจากอันตราย มักใช้ประกอบคำอื่น ทำให้เกิดคำเรียกสิ่งของหลายอย่างที่ทำให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากอันตรายในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น
ตู้นิรภัย
เป็นตู้ที่ใช้เก็บเงิน เครื่องเพชร เอกสารสำคัญ และของมีค่าอื่นๆ บางชนิดกันไฟได้ด้วย บางคนเรียกว่าตู้เซฟ.
หนังใหญ่
หนังใหญ่เป็นมหรสพอย่างหนึ่งที่มีมาแต่สมัยโบราณ ไม่ใช่หนังที่ฉายจอใหญ่ หรือหนังที่ฉายที่โรงใหญ่ ที่เรียกว่าหนังก็เพราะสิ่งที่ใช้แสดงคือตัวหนัง ใช้หนังวัวหนังควายแผ่นใหญ่ๆ ฉลุฉลักเป็นรูปตัวละครในเรื่องที่จะแสดง เช่น เรื่องรามเกียรติ์ก็ฉลุฉลักเป็นรูปพระราม พระลักษณ์ นางสีดา ทศกัณฐ์ พิเภก หนุมาน สุครีพ พาลี เป็นต้น
การแสดงหนังใหญ่เป็นการแสดงภาพตัวหนังที่เชิดหน้าจอผ้าขาว มีไฟอยู่ด้านหน้าผู้เชิด เงาของตัวหนังจะปรากฏบนจอ และผู้เชิดตัวหนังก็แสดงท่าเต้นคล้ายการแสดงโขน มีดนตรี บทพากย์ และบทเจรจาอย่างโขน
คนเชิดหนังจับตัวหนังซึ่งเป็นแผ่นใหญ่มาก เต้นไปตามบทและตามดนตรี หนังใหญ่จึงเป็นการแสดงโขนรวมกับการแสดงหนัง
ด้วยเหตุที่การแสดงหนังใหญ่ต้องลงแรงลงทุนมาก ทั้งไม่ค่อยมีผู้นิยมดู เนื่องจากนิยมดูภาพยนตร์หรือหนังฝรั่งกันหมด การแสดงหนังใหญ่จึงค่อยๆ หายไปจากสังคมไทย นานไปอาจจะสูญไปเลยก็ได้หากไม่ช่วยกันรักษาและสืบทอดไว้
ภาพจาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ "เรือพระราชพิธี"
หนุมาน
หนุมาน
เป็นพญาวานรที่เป็นทหารเอกของพระราม มีผิวกายสีขาว มีกุณฑล (ตุ้มหู) ขนเพชร เขี้ยวแก้ว หาวเป็นดาวเป็นเดือน
หนุมานเป็นลูกของนางสวาหะกับพระพายซึ่งเป็นเทพแห่งลม หนุมานจึงมีชื่อว่า
วายุบุตร
ด้วย
หนุมาน แปลว่า ผู้มีคาง หมายถึง หนุมานมีคางใหญ่และเด่น
พระอิศวรเล็งเห็นว่านางสวาหะผู้ถูกนางกาลอัจนาสาปให้ไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาลสมควรมีลูกที่จะได้เป็นทหารเอกของพระราม จึงให้พระพายเอากำลังและอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากนางสวาหะเพื่อให้เกิดลูกผู้เก่งกล้า อาวุธทั้ง ๓ อย่างคือ จักรแก้วกลายเป็นหัว ตรีเพชรกลายเป็นร่างกายและมือเท้า คทาเพชรก็กลายเป็นสันหลังถึงหาง เมื่อจะทำลายล้างศัตรูให้ชักเอาตรีเพชรที่อกออกมา ให้พระพายเป็นบิดาและเป็นผู้รักษากุมารนั้น
หนุมานมีกำเนิดที่พิเศษกว่าลิงอื่นๆ คือกระโดดออกจากปากของมารดาในวันอังคาร เดือนสาม ปีขาล มีผิวกายสีขาว มีขนาดเท่ากับผู้มีอายุได้ ๑๖ ปี
ภาพจาก : พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย กรุงเทพมหานคร
เช่า
เช่า
แปลว่า เข้าใช้ทรัพย์สินของผู้อื่นชั่วคราว โดยจ่ายค่าเช่าเป็นเงินหรือสิ่งของ เช่น เช่าบ้าน เช่าที่ดิน เช่ารถยนต์ เช่าชุดแต่งงาน เช่าเครื่องประดับหรือของใช้ต่างๆ
นักศึกษาเช่าชุดครุยเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
ชาวนาบางคนเช่าที่ทำนาแล้วจ่ายค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก
ผู้ให้เช่าอาจเก็บค่าเช่าเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี ก็ได้ ในทางกฎหมายเรียกว่า เช่าทรัพย์
การเช่ามีหลายประเภท เช่น
เช่าช่วง
คือการที่ผู้เช่าเอาทรัพย์สินที่ตนเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าอีกทอดหนึ่ง เช่น คนขับรถแท็กซี่ให้เพื่อนเช่าช่วงตอนกลางคืน.
เช่าซื้อ
คือซื้อสิ่งที่มีราคาแพงอย่างบ้าน ที่ดิน รถยนต์ โดยการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นงวดๆ เมื่อชำระครบตามสัญญาแล้ว ทรัพย์สินจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เช่าซื้อ
ส่วนการเช่าที่ดินที่เป็นสวนเพื่อทำมาหากินโดยการปลูกพืชผักผลไม้ เรียกว่า เช่าถือสวน หรือ ถือสวน
สหัสสเดชะ (ทวารบาล) วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ
ยักษ์ทวารบาล วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ
ยักษ์
ยักษ์
เป็นอมนุษย์พวกหนึ่ง มีกล่าวถึงทั้งในทางศาสนาและวรรณคดี
ยักษ์มีรูปร่างใหญ่โต มีเขี้ยว มีฤทธิ์ เป็นบริวารของท้าวกุเวรผู้เป็นโลกบาลประจำทิศเหนือ
ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ยักษ์ส่วนใหญ่รักษาศีล นับถือและปกป้องพระพุทธศาสนา คนไทยจึงนิยมสร้างประติมากรรมรูปยักษ์ขนาดใหญ่ไว้บริเวณซุ้มประตูทางเข้าศาสนสถานสำคัญๆ หรือเขียนรูปยักษ์ไว้ที่บานประตู เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นทวารบาลปกป้องพุทธสถาน เช่น ช่องประตูพระระเบียงคดของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นยักษ์ปูนปั้น สูงประมาณ ๖ เมตร จำนวน ๑๒ ตน
ซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑปของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) มีรูปยักษ์ขนาดเล็กหล่อด้วยโลหะ สูงประมาณ ๑๗๕ เซนติเมตร จำนวน ๘ ตน และซุ้มประตูทางเข้าพระวิหารวัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) เป็นยักษ์ปูนปั้น สูงประมาณ ๖ เมตร จำนวน ๒ ตน
"อับเฉา" ตุ๊กตาหินเนื้อสีเทา
ภาพจาก : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ
อับเฉา
คำ
อับเฉา
ถ้าเป็นคำวิเศษณ์หมายถึงไม่สดชื่น ไม่ชื่นบาน แต่ที่จะกล่าวถึงนี้คือคำนามซึ่งหลายคนอาจไม่ทราบความหมาย อับเฉาคือสิ่งที่เป็นของใช้ถ่วงเรือกันเรือโคลง ดังนั้นสิ่งที่ใช้เป็นอับเฉาจึงมักจะมีน้ำหนักมากอย่างหินหรือทราย
อับเฉามิได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้ถ่วงน้ำหนักเรือ เมื่อนำมาทำให้สวยงามก็สามารถใช้ประดับตกแต่งสถานที่ได้ อย่างในประเทศไทยใช้อับเฉาที่เป็นตุ๊กตาหินศิลปะจีนตกแต่งพระราชวังหรือวัด ซึ่งมีปรากฏมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หรืออาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ตุ๊กตาหินเหล่านี้ทำจากหินเนื้อสีเทา แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นวัสดุที่ผสมขึ้นแล้วปั้น แกะสลักจากหิน หรือเป็นวัสดุเช่นเดียวกับศิลาแลงที่ปั้นได้ขณะยังไม่แข็งตัว มีรูปต่างๆ เช่น สิงโต มังกร ช้าง ม้า ที่ทำเป็นรูปมนุษย์ก็มีรูปขุนนางจีนฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น สตรี ทหารแต่งกายอย่างฝรั่ง
เรื่องตุ๊กตาหินนี้มีกล่าวไว้ในหนังสือพจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรม อักษร ซ-ฮ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งให้ข้อมูลว่า พ่อค้าชาวจีนนำตุ๊กตาหินดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้เป็นอับเฉาของเรือสำเภา เพื่อถ่วงน้ำหนักเรือกันเรือถูกพายุพัดล่ม เนื่องจากเมื่อเดินทางมาซื้อสินค้าจากไทยกลับไปขายที่ประเทศตนนั้นเรือสำเภาจะว่างและเบา แต่มีบางส่วนอาจนำเข้ามาถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งเมื่อยังดำรงพระราชอิสริยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระองค์เจ้าทับ) ทรงดำรงตำแหน่งเจ้ากรมท่า และสันนิษฐานว่าคงมีการนำเข้ามาหลายครั้ง จึงพบว่ามีประดับอยู่ตามพระอารามต่างๆ ทั้งพระอารามที่มีอยู่เดิม และที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างขึ้นใหม่หรือบูรณปฏิสังขรณ์ตามแบบพระราชนิยม เช่น วัดอรุณราชวราราม วัดเทพธิดาราม ในภายหลังจึงมีการสั่งซื้อเข้ามาถวายวัดหรือตั้งประดับในอาคารสถานที่ของข้าราชการผู้ใหญ่และวังเจ้านาย
เมื่อกล่าวถึงตุ๊กตาหินศิลปะจีนแล้ว ก็ขอกล่าวถึงตุ๊กตาหินที่เป็นศิลปะของไทยด้วย แต่ตุ๊กตาเหล่านี้ไม่ได้ใช้เป็นอับเฉา เช่น ตุ๊กตาหินทรายรูปเจ้าเงาะกับนางรจนา รูปพระสุธนกับนางมโนราห์ รูปไกรทองกับนางวิมาลา และรูปหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา ปัจจุบันเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าใจว่าคงจะทำขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ลักษณะทั่วไปของตุ๊กตาหินเหล่านี้คล้ายรูปที่หล่อด้วยโลหะหรือรูปที่แกะสลักด้วยไม้ตามแบบศิลปะไทย
ข้อมูลจาก เว็บไซต์ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
700/24
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กุมภาพันธ์ 2563 09:32:24 โดย Kimleng
»
บันทึกการเข้า
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5498
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
Re: เรื่องเล่า จากภาพสะสม
«
ตอบ #1 เมื่อ:
14 กุมภาพันธ์ 2563 09:38:53 »
เรื่องเล่าจากภาพสะสม
พัดลมไฟฟ้า - ความเป็นมา
พัดลมไฟฟ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนชนิดหนึ่ง ช่วยคลายความร้อนจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำงานโดยกำลังของมอเตอร์ขับใบพัดให้หมุนพัดพาลมเข้ามาระบายความร้อน
ประเทศไทยมีภูมิอากาศร้อน พัดลมจึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และมีราคาถูกกว่าเครื่องปรับอากาศ
พัดลมไฟฟ้าเครื่องแรกของโลกเกิดขึ้นจากการประดิษฐ์ของ ชอยเลอร์ วีลเลอร์ (
Schuyler Wheeler
) วิศวกรชาวอเมริกัน ที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยก่อนการประดิษฐ์พัดลมไฟฟ้า วีลเลอร์ ในวัย21ปี เริ่มต้นทำงานเป็นผู้ช่วยช่างไฟฟ้าที่บริษัท จาบลอชคอฟฟ์ และมีโอกาสร่วมงานเป็นวิศวกรกับ โทมัส เอดิสัน เพื่อวางระบบไฟฟ้าใต้ดิน ก่อนที่เขาจะออกมาร่วมงานกับบริษัท ซีแอนด์ซี มอเตอร์ไฟฟ้า ที่นี่ถือได้ว่าเขาเป็นผู้บุกเบิกการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก และนำไปสู่การผลิตพัดลมไฟฟ้าโดยใช้ไฟฟ้ากระแสตรงและพัฒนารูปแบบมาใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ ในปี พ.ศ.๒๔๓๑ วีลเลอร์ ร่วมกับฟรานซิส คร๊อคเกอร์ ก่อตั้งบริษัท คร๊อคเกอร์แอนด์ วีลเลอร์ มอเตอร์ และขยายกิจการอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ จนใหญ่เป็นอันดับ ๓ ของสหรัฐอเมริกา
นาฬิกาปลุก
นาฬิกาปลุก คือ นาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างเสียงที่ดังเป็นพิเศษในเวลาที่กำหนด โดยมีจุดประสงค์เพื่อปลุกผู้ที่นอนหลับหรืองีบหลับเป็นเวลาสั้นๆ ให้ตื่นขึ้น หรืออาจใช้ในการเตือนความจำก็ได้เช่นกัน สำหรับการปิดเสียงของนาฬิกาปลุก จะต้องกดปุ่มหรือด้ามบนตัวนาฬิกา รวมไปถึงนาฬิกาที่สามารถปิดเสียงเองได้เมื่อเวลาผ่านไป นาฬิกาปลุกแบบอนาล็อกอาจมีเข็มนาฬิกาพิเศษที่สามารถใช้กำหนดเวลาปลุกได้
นาฬิกาปลุกในสมัยโบราณใช้เสียงกระดิ่ง และในยุคดิจิตอล นาฬิกาสามารถใช้เสียงอื่นแทนได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสียงบี๊บ นอกจากนั้นเป็นเสียงหัวเราะ เสียงดนตรี เสียงไก่ขัน นาฬิกาปลุกสมัยใหม่อาจมีให้เลือกมากกว่า ๑ เสียง นาฬิกาปลุกอีกประเภทใช้เสียงจากวิทยุ ซึ่งจะเริ่มเล่นเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
ประวัติของนาฬิกาปลุกเรือนแรกของโลก
ประดิษฐ์โดย นายเลวี ฮัตชินส์ ชาวอเมริกัน ในปี ค.ศ.๑๗๘๗
ฮัตชินส์เป็นชาวเมืองคองคอร์ด ในรัฐนิวแฮมเชียร์ สหรัฐอเมิรกา ตอนนั้นเขามีอายุได้ ๒๖ ปี เขาเป็นคนที่นอนขี้เซามาก และนอนตื่นสายเป็นประจำ อาการนอนขี้เซาตื่นสายไม่ยอมตื่นเมื่อถึงเวลาอันควรนี้เองจึงกลายเป็นปัญหาในการดำเนินชีวิตสำหรับเขา เขาจึงคิดแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรเมื่อถึงเวลาที่เขาควรจะตื่นนอนนาฬิกาที่เขามีอยู่จะต้องส่งเสียงเตือนให้เขารู้สึกตัวและสะดุ้งตื่นได้ หลังจากคิดได้ก็ลงมือทำ เขาใช้เวลาเพียง ๒-๓ วัน ก็ประดิษฐ์ได้สำเร็จ นาฬิกาของเขามีขนาดกว้าง ๒๙ นิ้ว สูง ๑๔ นิ้ว ขนาดค่อนข้างใหญ่และตั้งเปลี่ยนเวลาไม่ได้ เลวีจึงตั้งนาฬิกาเอาไว้ให้ปลุกทุกเช้าตอนตี ๔ เป็นประจำ
นาฬิกาดังกล่าวเลวีคิดเพียงว่าขอให้ได้ใช้งานมีนาฬิกาเอาไว้ปลุกให้ตัวเองตื่นนอนไปทำงานไม่สายเป็นใช้ได้จึงไม่ได้นำไปจดลิขสิทธิ์หรือตั้งเป็นโรงงานผลิตขาย แต่อย่างไรก็ตามถือได้ว่า เลวี คือบุคคลต้นคิดคนแรกที่ทำให้ผู้คนเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีนาฬิกาไว้เพื่อการปลุกและถือเป็นแนวคิดริเริ่มของการมีนาฬิกาปลุกไว้ใช้งานกัน
ต่อมาตลาดนาฬิกาปลุกมาบูมอีกครั้งในปี ค.ศ.๑๙๑๐ เมื่อ บริษัท เวสเทิร์น คล็อก หรือที่รู้จักกันดีกว่า เวสต์คล็อกซ์ (
Westclox
) ลงโฆษณานาฬิกาปลุกรุ่น "บิ๊กเบน" ในหนังสือพิมพ์แซตเทอร์เดย์ อีฟวนิ่ง โพสต์ และออกจำหน่ายเป็นที่ขายดิบขายดีในปีนั้น
ขอขอบคุณที่มาข้อมูล :-
-
168iguru.blogspot.com
- วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี
700/24
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กุมภาพันธ์ 2563 09:58:10 โดย Kimleng
»
บันทึกการเข้า
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
เรื่องเล่า พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมมารดาน้อยใหญ่
สุขใจ ห้องสมุด
Kimleng
0
2642
21 พฤษภาคม 2556 16:12:42
โดย
Kimleng
เรื่องเล่า อิทธิปาฏิหาริย์พระเกจิ
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
มดเอ๊ก
0
1155
26 กรกฎาคม 2559 11:42:28
โดย
มดเอ๊ก
[ไทยรัฐ] - เรื่องเล่า “แอร์พอร์ตลิงก์” (1) ครั้งหนึ่ง “ในความทรงจำ”
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด
0
158
07 กุมภาพันธ์ 2566 08:58:43
โดย
สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - เรื่องเล่า “แอร์พอร์ตลิงก์” (2) ทุกอย่าง “ยังเหมือนเดิม”
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด
0
119
08 กุมภาพันธ์ 2566 07:36:09
โดย
สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - เรื่องเล่า 'เด็กบ้านนาย' ฉบับโดนบังคับไป จากอดีต 'ทหารเกณฑ์'
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด
0
35
12 มีนาคม 2567 19:09:48
โดย
สุขใจ ข่าวสด
กำลังโหลด...