[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: phonsak ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 22:27:11



หัวข้อ: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 22:27:11
อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย


พระพุทธเจ้าครัสไว้ใน  ๑. นิพพานสูตรที่ ๑ ว่า:

[๑๕๘] ......ดูกรภิกษุทั้งหลาย "อายตนะนั้นมีอยู่" ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

ที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=3977&Z=3992 (http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=3977&Z=3992)
***************************************************
สังเกตคำว่า
"อายตนะนั้นมีอยู่" แสดงว่าอายตนะนิพพานนั้นมีอยู่จริง

"หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ" เป็นอายตนะที่ไม่มีอารมณ์หาทุกข์มิได้

พุทธวจนะบทนี้เป็นข้อสรุปว่าพระนิพพานนั้น สามารถเข้าถึงได้โดยอายตนะนั้นมีอยู่
แต่เป็นอายตนะที่ปราศจากทุกข์ ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการจุติ

แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพราะทรงกล่าวยืนยันชัดหนักแน่นว่า "อายตนะ
อายตนะนั้นมีอยู


อ้างอิง:จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


อายตนะ (อ่านว่า อายะตะนะ) แปลว่า ที่เชื่อมต่อ, เครื่องติดต่อ หมายถึงสิ่งที่เป็นสื่อสำหรับติดต่อกัน ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้น แบ่งเป็น 2 อย่างคือ

อายตนะภายใน หมายถึงสื่อเชื่อมต่อที่อยู่ในตัวคน บ้างเรียกว่า อินทรีย์ 6 มี 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  ทั้งหมดนี้เป็นที่เชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก

อายตนะภายนอก หมายถึงสื่อเชื่อมต่อที่อยู่นอกตัวคน บ้างเรียกว่า อารมณ์ 6 มี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นคู่กับอายตนภายใน เช่น รูปคู่กับตา หูคู่กับเสียง เป็นต้น

อายตนะภายนอกนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อารมณ์ เมื่อตาเห็นรูป เรียกว่า สัมผัส รู้ว่ามีการเห็น เรียกว่าวิญญาณ เกิดความรู้สึกขึ้นเมื่อตาเห็นรูป เรียกว่า เวทนา

สรุป

เมื่อพระพุทธเจ้ายืนยันว่า อายตนะนิพพานมีอยู่  และไม่ใช่เป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และไม่ใข่วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ  แต่อายตนะภายในแปลว่า มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  และก็มีอายตนะภายในแปลนอกด้วย อายตนะภายนอกนั้นก็คือ เมืองพระนิพพาน   มหายานเรียกว่า พุทธเกษตร

อายตนะนิพพานภายใน นั้นคือ ธรรมกาย ซึ่งธรรมกายนี้เป็น"อัตตา" ยืนยันได้จากพุทธพจน์ที่ผมยกมา

อ้างอิง 1. [ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรสอนพระสารีบุตรว่า


" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้
ก็คืออายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "


อ้างอิง 2.[ ขุทฺทกนิกาย จริยา อรรถกถาปกิณณกกถา เล่ม 74 หน้า 571

"...หรือบารมีย่อมตักตวงคุณมีศีลเป็นต้นอื่นไว้ในสันดานของตนเป็นอย่างยิ่ง หรือบารมีย่อมทำลายปฏิปักษ์อื่นจาก ธรรมกายอันเป็นอัตตา...."

...


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 23:28:43
อ้างอิงข้อความ คุณพลศักดิ์
พุทธวจนะบทนี้เป็นข้อสรุปว่าพระนิพพานนั้น สามารถเข้าถึงได้โดยอายตนะนั้นมีอยู่
แต่เป็นอายตนะที่ปราศจากทุกข์ ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการจุติ

 ;D ;D ;D
กลับไปท้าวความ
ดูกระทู้เดิม http://www.sookjai.com/index.php?topic=16254.0 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=16254.0)

ที่มีมา มีไป มีจุติ มีอวตาร  555+

ก็เพราะว่า สภาวธรรม ยังไม่ใช่อายตนะนิพพาน
แต่เป็นพวกที่เพลิดเพลิน ไปกับอายตนะ  อายตนะ ที่เพลิดเพลิน ไปๆมาๆ หอมกรุ่น ไปด้วยกลิ่นอายของมาร
ต้องเวียนว่ายในสังสารตามคติทั้งหก


อ้างอิงคำพูดคุณพลศักดิ์อีกรอบ  
  2.[ ขุทฺทกนิกาย จริยา อรรถกถาปกิณณกกถา เล่ม 74 หน้า 571

"...หรือบารมีย่อมตักตวงคุณมีศีลเป็นต้นอื่นไว้ในสันดานของตนเป็นอย่างยิ่ง หรือบารมีย่อมทำลายปฏิปักษ์อื่นจาก ธรรมกายอันเป็นอัตตา...."


 ;D ;D ;D
แล้วก็กลับไป กระทู้เดิม
http://www.sookjai.com/index.php?topic=16254.0 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=16254.0)

ที่มีการเวียนว่าย กลับมาทำบารมี มาอัฟหน่อยกิต มาทำบารมีต่อ

 ;D ;D ;D

นี่แหละกลิ่นอายของมาร ที่ส่งกลิ่นออกมา
บารมีไม่พอ
ต้องมาทำบารมีต่อ

 ;D ;D ;D

แล ก็โยงกลับไป ที่กระทู้นี้  ที่จินตนาการขัดกันเองของคุณพลศักดิ์ (มั่ว)
http://www.sookjai.com/index.php?topic=16042.msg34466#new (http://www.sookjai.com/index.php?topic=16042.msg34466#new)

เมื่อจินตนาการ ของผู้หลับไหล ผู้ฝันต่อไม่ยอมตื่น ที่หลงกลิ่นนอายของมาร
จึงกลับมาเวียนว่าย ในสังสาร ด้วยกำลังบุญแลบาป ของตนเอง
 จนต้องกลาย เป็นสัตว์ตัวสุดท้าย กว่าที่จะได้เข้านิพพาน (จริงๆ)

 ;D ;D ;D

จึงมิใช่ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน  
หลับต่อไปเถิด จงหลับฝันต่อให้สบาย
แล้วก็ เป็นสัตว์ตัวสุดท้าย ที่จะได้ตื่น เพื่อเข้าพระนิพพาน(จริงๆ)
 ;D ;D ;D






หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 00:57:08
คุณarmageddon ครับ


ความจริงผมก็ไม่อยากจะตอบคุณในเรื่องที่คุณสงสัย  เพราะเรื่องนี้มันสูงกว่าปัญญาของคุณจะเข้าใจได้ 

นิพพาน มี 2 สภาวะ

1.  นิพพานที่มีบ้านมีเมือง = แดนพุทธเกษตรต่างๆ ที่พระโพธิสัตว์ที่เป็นอรหันต์จะไปสอนธรรมให้กับผู้ยังไม่ถึงอรหันต์ แต่ขึ้นมาอยู่ได้ เพราะอาศัยอำนาจความศรัทธาในพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์อรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง พุทธเกษรเหล่านี้ยังเป็นที่สนธนา  และธรรมกิจกรรมกัน ดีกว่าไม่มีอะไรจะทำ

ชั้นสูงสุดที่พระอรหันต์อยู่ รู้จักกันในชื่อว่า "เมืองแก้ว"

2.  นิพพานที่ไม่มีการไป การมา ไม่มีเวลาอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เรียกว่าเวลาหยุด  ถ้าเป็นขั่วคราว เรียกว่า นิโรธ  ถ้าถาวรตลอด  ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คือ "หลุมดำ" หรือพุทธภาวะเริ่มต้น


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 23:07:11
คุณarmageddon ครับ


ความจริงผมก็ไม่อยากจะตอบคุณในเรื่องที่คุณสงสัย  เพราะเรื่องนี้มันสูงกว่าปัญญาของคุณจะเข้าใจได้ 

นิพพาน มี 2 สภาวะ

1.  นิพพานที่มีบ้านมีเมือง = แดนพุทธเกษตรต่างๆ ที่พระโพธิสัตว์ที่เป็นอรหันต์จะไปสอนธรรมให้กับผู้ยังไม่ถึงอรหันต์ แต่ขึ้นมาอยู่ได้ เพราะอาศัยอำนาจความศรัทธาในพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์อรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง พุทธเกษรเหล่านี้ยังเป็นที่สนธนา  และธรรมกิจกรรมกัน ดีกว่าไม่มีอะไรจะทำ

ชั้นสูงสุดที่พระอรหันต์อยู่ รู้จักกันในชื่อว่า "เมืองแก้ว"

2.  นิพพานที่ไม่มีการไป การมา ไม่มีเวลาอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เรียกว่าเวลาหยุด  ถ้าเป็นขั่วคราว เรียกว่า นิโรธ  ถ้าถาวรตลอด  ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คือ "หลุมดำ" หรือพุทธภาวะเริ่มต้น

จากสัทธรรมปุณฑริกสูตร

ครั้งนั้น ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถานี้ว่า

34       อย่าให้เราประกาศธรรม ณ ที่นี้เลย ธรรมนี้สุขุมลุมลึก เข้าใจยาก คนโง่ที่เย่อหยิ่ง มีจำนวนมาก พวกเขาไม่รู้ก็จะใส่ร้ายธรรมที่เราประกาศแล้วนั้น ;D ;D ;D

ดูท่า คุณพลศักดิ์ จะเป็นคนโง่ และเย่อหยิ่งหนึ่งในนั้น

เมื่อพุทธเกษตร ของสมณโคดมพุทธเจ้า เป็นโลกนี้ เป็นชมพูทวีป เป็นเมืองแก้ว เป็นที่สอนที่แสดงพระธรรมแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
เป็นเมืองแก้ว เป็นพระนิพพานอย่างที่คุณพลศักดิ์ว่า

แล้วจะไปแสวงหานิพพานที่ไหน หาโตมร หาหอก อะไรอีกล่ะครับ

แค่คำว่าพุทธเกษตร ยังแปลไม่ออก

 ;D ;D ;D





หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 23:38:41
 อ้างอิงข้อความคุณพลศักดิ์
นิพพาน มี 2 สภาวะ

1.  นิพพานที่มีบ้านมีเมือง = แดนพุทธเกษตรต่างๆ ที่พระโพธิสัตว์ที่เป็นอรหันต์จะไปสอนธรรมให้กับผู้ยังไม่ถึงอรหันต์ แต่ขึ้นมาอยู่ได้ เพราะอาศัยอำนาจความศรัทธาในพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์อรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง พุทธเกษรเหล่านี้ยังเป็นที่สนธนา  และธรรมกิจกรรมกัน ดีกว่าไม่มีอะไรจะทำ

ชั้นสูงสุดที่พระอรหันต์อยู่ รู้จักกันในชื่อว่า "เมืองแก้ว"

;D ;D ;D

จากสัทธรรมปุณฑริกสูตร

ครั้งนั้น ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถานี้ว่า

34       อย่าให้เราประกาศธรรม ณ ที่นี้เลย ธรรมนี้สุขุมลุมลึก เข้าใจยาก คนโง่ที่เย่อหยิ่ง มีจำนวนมาก พวกเขาไม่รู้ก็จะใส่ร้ายธรรมที่เราประกาศแล้วนั้น

 ;D ;D ;D
แล้วก็มองให้ดีๆนะครับ

ว่าที่ตรัสนั้น่ะ พุทธเกษตรนั่น ประกอบด้วยคนโง่ คนเย่อหยิ่ง เป็นอันมาก
นิพพาน ที่คุณพลศักดิว่า เป็นบ้านเมือง เป็นเมืองแก้ว ประกอบด้วยคนโง่ แหละครับ

โง่ เพราะคิดว่า ว่าเมืองนั่น พุทธเกษตรที่สมณโคดมพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมนั่น  เป็นนิพพาน

คนโง่ ตัวพ่อแหละคร๊าบบ


 ;D ;D ;D








หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 16:20:37
เมื่อพุทธเกษตร ของสมณโคดมพุทธเจ้า เป็นโลกนี้ เป็นชมพูทวีป เป็นเมืองแก้ว เป็นที่สอนที่แสดงพระธรรมแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
เป็นเมืองแก้ว เป็นพระนิพพานอย่างที่คุณพลศักดิ์ว่า

แล้วจะไปแสวงหานิพพานที่ไหน หาโตมร หาหอก อะไรอีกล่ะครับ

แค่คำว่าพุทธเกษตร ยังแปลไม่ออก

อ่านก่อน  ถ้าสงสัยอะไรอีกค่อยมาถาม http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/aoauenoaeaiadoaeon1oax1an1ceo-eacecaaiiadaoeiaoao/ (http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/aoauenoaeaiadoaeon1oax1an1ceo-eacecaaiiadaoeiaoao/)

มารู้จักพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้ากัน+คำยืนยันว่า สรวงสวรรค์ของพระคริสต์มีจริง


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 16:41:56
เมื่อพุทธเกษตร ของสมณโคดมพุทธเจ้า เป็นโลกนี้ เป็นชมพูทวีป เป็นเมืองแก้ว เป็นที่สอนที่แสดงพระธรรมแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
เป็นเมืองแก้ว เป็นพระนิพพานอย่างที่คุณพลศักดิ์ว่า

แล้วจะไปแสวงหานิพพานที่ไหน หาโตมร หาหอก อะไรอีกล่ะครับ

แค่คำว่าพุทธเกษตร ยังแปลไม่ออก  


]อธิบายให้ชัดๆเลย[/b]

พวกเราทุกคนต่างกำลังอยู่ในพุทธเกษตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(โคตมะพุทธเจ้า)  แต่เป็นภูมิกึ่งกลางในพุทธเกษตรนั้น  เราจะเห็นความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ ก็ต่อเมื่อใจของเราหมดจดบริสุทธิ์  ถ้าใจเราไม่หมดจดบริสุทธิ์  เราก็ย่อมเห็นมันเป็นที่ไม่น่าอยู่ไป  (ตามแต่กรรมเวรที่เราเคยก่อไว้ และกำลังรับผล)  

ลองอ่าน ปริเฉทที่ ๑ พระพุทธเกษตรวรรค  พระสูตรวิมลเกียรตินิรเทศสูตร แล้วจะเข้าใจมากขึ้น
  

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับแสดงธรรมโปรดสัตว์อยู่ ณ สวนอัมพปาลีวัน ณ กรุงเวสาลี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๘,๐๐๐ รูป พระโพธิสัตว์อีก ๓๒,๐๐๐ องค์ ..........
  
   ตรัสสรุปว่า
  
   “เพราะฉะนั้นแล รัตนกูฏ ! พระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาจักบรรลุถึงวิสุทธิเกษตรดังกล่าว ! พึงชำระจิตแห่งตนให้บริสุทธิ์สะอาด เมื่อจิตบริสุทธิ์สะอาดดีแล้ว พุทธเกษตรก็ย่อมบริสุทธิ์สะอาดตามไปด้วย.”
  
   ครั้งนั้นแล พระสารีบุตรเถรเจ้าโดยการบันดาลดลแห่งพุทธานุภาพได้บังเกิดปริวิตกอย่างนี้ขึ้นว่า
  
   “ถ้าจิตของพระโพธิสัตว์บริสุทธ์พุทธเกษตรก็พลอยบริสุทธิ์ด้วยไซร้ เมื่อเป็นเช่นนี้พระผู้มีพระภาคของเรา เมื่อยังสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ จักมีจิตไม่บริสุทธิ์กระมังหนอ พุทธเกษตรของพระองค์จึงไม่สะอาดหมดจดดั่งประกฎอยู่ ณ บัดนี้ ?”
  
   พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกนั้นแล้ว จึงมีพระดำรัสว่า
  
   “สารีบุตร ! เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ? บุคคลผู้มีจักษุบอดมองไม่เห็นความสุกสว่างหมดจดแห่งดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ นั้นเป็นความผิดของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ฤๅหนอ ?”
  
   พระสารีบุตรทูลว่า “หามิได้ข้าแต่พระสุคต เป็นความบกพร่องของบุคคลผู้มีจักษุบอดเอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักมีโทษด้วยก็หาไม่”
  
   ตรัสว่า “ฉันใดก็ฉันนั้นนะสารีบุตร ! เป็นความผิดของสรรพสัตว์เอง ! ที่มองไม่เห็นความบริสุทธิ์สะอาดในโลกธาตุเกษตรแห่งเราตถาคต จักเป็นความผิดของตถาคตด้วยก็หาไม่ สารีบุตรเอย ! โลกธาตุของตถาคตนั้นบริสุทธิ์ แต่เธอมองไม่เห็นเอง”.......
  
   ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า
  
   “ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่าวพุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเรานั้นได้เห็น ความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ ฉะนั้น.”
  
   พระบรมศาสดาตรัสว่า
  
   “โลกธาตุของตถาคต ย่อมบริสุทธิ์เป็นปกติอยู่เป็นนิตย์ แต่เพื่อโปรดบรรดาชนผู้มีอินทรีย์ต่ำ ตถาคตจึงสำแดงให้ปรากฏเห็นเป็นไม่บริสุทธิ์ขึ้น เหมือนดังปวงเทพยาดาต่างร่วมเสวยสุทธาโภชน์ในทิพยภาชน์อันเดียว ด้วยอำนาจแห่งบุญสมภารของแต่ละองค์ไม่เสมอกัน ทิพย์โภชน์จึงปรากฏหาคล้ายกันไม่ ฉันใดก็ฉันนั้นนะ สารีบุตร! ถ้าบุคคลมีจิตบริสุทธิ์ไซร้ เขาย่อมเห็นคุณาลังการแห่งพุทธเกษตรนี้ได้.”
  
   สรุป
  
ถ้าเราอยากจะไปอยู่ในพุทธเกษตรอื่นๆที่ไม่ใช่พุทธเกษตรของโคตมพระพุทธเจ้า ที่มีโลกมนุษย์ สวรรค์ นรก และภูมิ 31-33 ภูมิในสังสารวัฏฏ์ (และมีนิพพาน)  เช่น อยากไปอยู่ในพุทธเกษตรของพระอมิตา  หรืออยากไปอยู่พุทธเกษตรของพระคริสต์ ฯลฯ  หรือแม้แต่เปลี่ยนไปอยู่ในพุทธเกษตรที่มีสวรรค์นรกของศาสนาอื่น เช่น อิสลาม  เราก็ย่อมทำได้ เมื่อเขามีความเชื่อและศรัทธาอย่างแรงกล้า

ในสมัยโบราณ ชาวกรีก ชาวโรมัน อินเดียนแดง ฯลฯ เมื่อพวกเขาตายลง  พวกเขาก็ได้ไปอยู่ในที่ๆพวกเขามีความเชื่อและศรัทธา   ตัวอย่าง คนฮินดูเขาต้องการอยู่ในพุทธเกษตร(โลก)ที่มีทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ เป็นที่สูงสุด  เมื่อเขาทำจิตของเขาให้บริสุทธิ์สูงสุดแล้วไซร้  เขาย่อมไปถึงซึ่งทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ   คนโบราณและคนจีนปัจจุบันต่างเชื่อและศรัทธาในลัทธิเต๋าและพุทธศาสนา  พุทธเกษตรในส่วนที่เป็นสวรรค์ของเขา จึงต้องมี  เง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นเทพเจ้าสูงสุด


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:27:38
อ้างอิงข้อความคุณพลศักดิ์

 ท้าวสนังพรหมกุมาร ได้กล่าวกับพระสารีบุตรว่า
   
   “ขอท่านผู้เจริญอย่าได้ปริวิตก แลกล่าวว่าวพุทธเกษตรนี้ไม่บริสุทธิ์เลย ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเรานั้นได้เห็น ความบริสุทธิ์หมดจดแห่งพุทธเกษตรของพระศากยมุนีเจ้า เปรียบดุจทิพยมณเฑียรแห่งพระอิศวรเทพ ฉะนั้น.”

 ;D ;D ;D

พระสูตรนั้น  ใครแต่งมาเล่าหนอ


โอ้ พระสารีบุตร นั้นเป็นเอตทัคคะทางด้านปัญญา นะพ่อแม่พี่น้อง  

ปัญญาเห็นความบริสุทธิ์ ยังไม่เท่าพรหมกุมาร  นั่นหรือ ?

หรือว่า ปัญญา เห็นความบริสุทธิ์  ของพรหมกุมาร ยังต่ำต้อย เห็นได้เพียง  ทิพยมณเฑียรแห่งอิศวร เทพ

ถ้ามีปัญญาเห็นได้ เหนือกว่า กว่าพระสารีบุตร
สนังพรหมกุมารก็คงจะได้รับตำแหน่ง เอตทัคคะ ด้านใดด้านหนึ่ง หล่ะ พ่อแม่พี่น้อง

รวมทั้งวิมลเกียรติด้วย
ก็คงจะได้รับตำแหน่ง เป้นเอตทัคคะ ด้านอุบายหลอกพระพุทธเจ้า หลอกพระอรหันต์ เอตทัคคะ หลายๆพระองค์  ว่าตนเองป่วยไข้

นั้นมันเรียกว่า นิยายประรำปะรา ไม่ใช่พระสูตรหรอก

 ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 00:50:30
พระสูตรต่างๆของทางมหายาน น่าเชื่อถือมากกว่าเถรวาทซะอีก เพราะมหายานมีนิกายกว่า 18 นิกาย  ถ้าพระสูตรไหนมนยุคใดพยายามไปเปลี่ยนพุทธพจน์ต่างๆ  นิกายอื่นๆเขาไม่มีทางเห็นด้วย

เถรวาทมีนิกายน้อยกว่า  การแก้ไขพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าทำได้ง่ายกว่า

เหมือนกัยโลกของเราไม่นิยมระบอบเผด็จการ ประเทศอย่างอียิปต์ แม้กระทั่งลิเบีย เอาเผด็จการมาใช้ แม้ทหารของผ้นำจะเอาด้วย  ประชาชนส่วนหนึ่งเอาด้วย อีกส่วนไม่เอา  ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่เอา  ถ้ามีการร่วมมือกันอย่างจริงจังระบอบเผด็จการก็อยู่ไม่ได้

ศาสนาก็เหมือนกัน นิกายเถรวาทมีนิกายน้อยกว่า ความเป็นเผด็จการจะแก้ไขพุทธพจน์บางแห่งอาจจะทำได้  แต่นิกายมหายานมีนิกายมากกว่า  ต่างเป็นอิสระต่อกัน ความเป็นเผด็จการจะแก้ไขพุทธพจน์คงยากมากๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 16:41:13
พระสูตรต่างๆของทางมหายาน น่าเชื่อถือมากกว่าเถรวาทซะอีก เพราะมหายานมีนิกายกว่า 18 นิกาย  ถ้าพระสูตรไหนมนยุคใดพยายามไปเปลี่ยนพุทธพจน์ต่างๆ  นิกายอื่นๆเขาไม่มีทางเห็นด้วย

เถรวาทมีนิกายน้อยกว่า  การแก้ไขพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าทำได้ง่ายกว่า

เหมือนกัยโลกของเราไม่นิยมระบอบเผด็จการ ประเทศอย่างอียิปต์ แม้กระทั่งลิเบีย เอาเผด็จการมาใช้ แม้ทหารของผ้นำจะเอาด้วย  ประชาชนส่วนหนึ่งเอาด้วย อีกส่วนไม่เอา  ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่เอา  ถ้ามีการร่วมมือกันอย่างจริงจังระบอบเผด็จการก็อยู่ไม่ได้

ศาสนาก็เหมือนกัน นิกายเถรวาทมีนิกายน้อยกว่า ความเป็นเผด็จการจะแก้ไขพุทธพจน์บางแห่งอาจจะทำได้  แต่นิกายมหายานมีนิกายมากกว่า  ต่างเป็นอิสระต่อกัน ความเป็นเผด็จการจะแก้ไขพุทธพจน์คงยากมากๆๆๆๆ

 ;D ;D ;D


อย่าใช้การเดาส่งเดช
อ้างเหตุผลต่างๆที่ไม่มีในพระไตรปิฎก

ยิ่งแตกนิกายมากเท่าไร
อนันตริยกรรมยิ่งมากๆๆขึ้น
ขัดขวางมรรคผลพระนิพพาน

บรรดาสัตว์ทั้งหลาย ที่ผูกพันอยู่กับวงล้อมแห่งการเวียนเกิดเวียนตายนั้น เป็นสิ่งที่ถูกสร้างย้อนกลับมาจากกรรมแห่งตัณหาของเขาเอง !

หัวใจของเขายังผูกพันอยู่กับภูมิแห่งกำเนิดทั้งหกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จึงเข้านิพพานไม่ได้ เพราะเหตุแห่งอนันตริกรรม แตกแยกนิกาย
และการหลงเพลิดเพลินต่ออายตนะ ทำให้ต้องอยู่เป็นสัตว์ ตัวสุดท้าย
เข้านิพพาน ไม่ได้

 ;D ;D ;D

วิมลเกียรติน่ะ เอตทัคคทางด้านไหน
สนังพรหมกุมาร น่ะ เอตทัคคทางด้านไหน
ถึงได้เก่งกาจกว่า พระอรหันต์

พระพุทธเจ้ามีวจนะ รับรองหรือเปล่า

ตอบมาให้ชื่นใจที

 ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 16:53:47


 ;D ;D ;D

เถรวาท ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก
และจะไม่ตัดทอน ไม่ปรุงแต่ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส

ถ้าพวกนั้นเจ๋งจริงๆ  ก็มีแต่จะเป็นที่เชิดหน้าชูตา พระศาสนา
แต่เมื่อไม่เจ๋งจริง ได้แต่คุย
เถรวาท ก็ไม่เอานิยายเหล่านั้นมาบรรจุไว้หรอก

เอาพระไตรปิฎก มายืนยันเทียบเคียงสภาวะธรรม ชี้ตัวพวกเหล่านั้นดีกว่า ว่าของจริงหรือปลอม

 ;D ;D ;D



หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 01 มีนาคม 2554 12:53:12
armageddon เอ๋ย!




เอ็งนี่โง่จริง หรือว่าแกล้งโง่วะ พูดเหมือนพวกมารศาสนาที่เป็นพระทำสัทธรรมปฏิรูปเลย

เถรวาท ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก
และจะไม่ตัดทอน ไม่ปรุงแต่ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส

มหายานแต่ละนิกายใน 18 นิกาย  พวกเขาก็ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก ที่ปรมาจารย์ของเขาได้ยินมาจากพระโอษฏ์ของพระพุทธเจ้า  ไม่มีใครหน้าไหนโคตรชั่วถึงขั้นแต่งพระสูตรขึ้นมาเอง

มีแต่พวกมารที่แฝงตัวเป็นปถุชนและพระซ่อนตัวอยู่ในเถรวาท เช่น นายarmageddon  แล้วกล่าวหาใส่ร้ายเขาเท่านั้น   เอ็งนึกหรือว่า ข้าไม่รู้หรือว่าเอ็งเป็นใคร


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 01 มีนาคม 2554 22:24:44
armageddon เอ๋ย!


เอ็งนี่โง่จริง หรือว่าแกล้งโง่วะ พูดเหมือนพวกมารศาสนาที่เป็นพระทำสัทธรรมปฏิรูปเลย

เถรวาท ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก
และจะไม่ตัดทอน ไม่ปรุงแต่ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส

มหายานแต่ละนิกายใน 18 นิกาย  พวกเขาก็ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก ที่ปรมาจารย์ของเขาได้ยินมาจากพระโอษฏ์ของพระพุทธเจ้า  ไม่มีใครหน้าไหนโคตรชั่วถึงขั้นแต่งพระสูตรขึ้นมาเอง

มีแต่พวกมารที่แฝงตัวเป็นปถุชนและพระซ่อนตัวอยู่ในเถรวาท เช่น นายarmageddon  แล้วกล่าวหาใส่ร้ายเขาเท่านั้น   เอ็งนึกหรือว่า ข้าไม่รู้หรือว่าเอ็งเป็นใคร

;D ;D ;D

พระพุทธเจ้าเข้านิพพานไปก่อนตั้ง ร้อยปี

มหายานและนิกายต่างๆ เพิ่งทำอนันตริกรรม แยกนิกายออกมา ได้ฟังมาจากพระโอษฐ์
นานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นร้อยปี เลย


ผลจากอนันตริยกรรม แตกแยกนิกาย
ก็เลยเข้านิพพานไม่ได้หรอก
ต้องอยู่เป็นสรรพสัตว์ตัวสุดท้าย

 ;D ;D ;D




หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 01 มีนาคม 2554 22:26:52
 ;D ;D ;D

เมื่อไร คุณพลศักดิ์ มหาเกรียนสิบประโยค
มีดวงตาเห็นธรรม
เมื่อนั้น ก็จะรู้จักผมได้หละ

 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 01 มีนาคม 2554 22:46:39
 ;D  ;D ;D

คุณพลศักดิ์ ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลย

ได้แต่แถส่งเดช

ตอบไม่ได้ใช่ป่าวครับ

วิมลเกียรติ
เป็นเอตทัคคะด้านไหน ?

ถึงได้เก่งกาจเกินพระอรหันต์เอตทัคค หลายๆพระองค์

ทำมัยถึงฉลาดมากๆๆ จนถึงได้กล้า ทำอุบาย หลอกพระพุทธเจ้า แสร้งว่าป่วย

แล้วตอบสงังพรหมกุมาด้วยนะครับ ว่าเป็นเอตทัคคทางด้านไหน?

ว่าเห็นได้สูงกว่าพระสารีบุต  ที่เป็นเอตทัคคทางด้านปัญญา
หรือ เพราะสนังพรหมกุมาร มีปัญญาต่ำต้อย
จึงเห็นได้แค่ทิพยมณเฑียรของอิศวรเทพ

แล้วจินตนาการไปว่า นั่นเป็นของบริสุทธิ์


 ;D ;D ;D

อ่อ. แถมมีวัวชื่อนนทิ อยู่ในทิพยมณเทียรด้วย
วัวนั่น เป็นพระอรหันค์ เอตทัคคด้านไหนอีกหละครับ

 ;D ;D ;D









หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 05 มีนาคม 2554 16:50:17
armageddonเขียนว่า:

เมื่อไร คุณพลศักดิ์ มหาเกรียนสิบประโยค
มีดวงตาเห็นธรรม
เมื่อนั้น ก็จะรู้จักผมได้หละ


armageddon เอ๋ย!


เราจะบอกความจริงแก่เธอ

"ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเรา(ตถาคต)"

เราได้พบเห็นพูดคุยกับทั้งโคตมะพระพุทธเจ้า(พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้)   พระกกุสันธะ (พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 ในภัทรกัปนี้)   และพระศรีอริยเมตไตรย์ (พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้)  
นอกจากนี้ เรายังได้พบและพุดคุยกับพระติกขะตัมมะพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้า ผู้เป็นผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่ง เป็นต้นกำเนิดทุกสิ่ง) ที่ชาวโลกเรียกว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เป็นพระบิดา

แม้แต่พระอวโลกิเตศวร(กวนอิม) พระนางสิริมหามายา(มารดาพระพุทธเจ้า) เราก็เคยเจอและพูดคุยกัน
ผู้ดูแลคุ้มครองโลกนี้ (suppermanของโลก) เราก็เคยเจอและพุดคุยด้วยเป็น 10 ครั้ง

แล้วเธอไม่คิดหรือว่า  เราจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร  เธอเป็นพระยามารยังไงล่ะ เธอตามรังควานเรามา 7 ปีแล้ว  ตั้งแต่เราเข้ามาในเว็บธรรมะ



หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 06 มีนาคม 2554 00:01:14
armageddonเขียนว่า:

เมื่อไร คุณพลศักดิ์ มหาเกรียนสิบประโยค
มีดวงตาเห็นธรรม
เมื่อนั้น ก็จะรู้จักผมได้หละ


armageddon เอ๋ย!


เราจะบอกความจริงแก่เธอ

"ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเรา(ตถาคต)"

เราได้พบเห็นพูดคุยกับทั้งโคตมะพระพุทธเจ้า(พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้)   พระกกุสันธะ (พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 ในภัทรกัปนี้)   และพระศรีอริยเมตไตรย์ (พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้)  
นอกจากนี้ เรายังได้พบและพุดคุยกับพระติกขะตัมมะพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้า ผู้เป็นผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่ง เป็นต้นกำเนิดทุกสิ่ง) ที่ชาวโลกเรียกว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เป็นพระบิดา

แม้แต่พระอวโลกิเตศวร(กวนอิม) พระนางสิริมหามายา(มารดาพระพุทธเจ้า) เราก็เคยเจอและพูดคุยกัน
ผู้ดูแลคุ้มครองโลกนี้ (suppermanของโลก) เราก็เคยเจอและพุดคุยด้วยเป็น 10 ครั้ง

แล้วเธอไม่คิดหรือว่า  เราจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร  เธอเป็นพระยามารยังไงล่ะ เธอตามรังควานเรามา 7 ปีแล้ว  ตั้งแต่เราเข้ามาในเว็บธรรมะ



 ;D ;D ;D

คุณพลศักดิ์ หลงง่ายดี
ไปโดนเปรต โดนสัมภเวสี  ที่ยังเวียนว่าย เข้านิพพานไม่ได้ โดนเค้าแอบอ้างชื่อนั้นชื่อนี้มาหลอก มาคุยก็หลงเชื่อซะแล้ว

ที่ถามไป เรื่องสนังพรหม กับ วิมลเกียรติ ยังหาคำตอบมาตอบให้ชื่นใจไม่ได้เลย

เรื่องราวของพญามาร กว่าจะรู้จักได้ ก็เป็นชาติท้ายๆๆ
ที่จริง ตกอยู่ในอำนาจมาร มาตลอด
ก่อนการตั้งความปราถนาจะเป้นพระพุทธเจ้า  ก่อนการเริ่มบำเพ็ญในอสงไขยแรกเสียอีก
 ;D ;D ;D





หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 08 มีนาคม 2554 09:21:21
 ;D ;D ;D


เหอๆๆ รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นพญามาร

ข้าพเจ้า จะสำแดงวิศวะรูปให้คุณพลศักดิ์เห็น ซะเป็นขวัญตา
จะได้เห็น ได้มี พุทธานุสติ  แบบเรื่องราวของพระอุปคุตบ้าง
เพื่อยังกุศลให้




ต่อจากนั้น พระเถระได้ขอให้พญามารได้แปลงกายเป็นพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็นพุทธานุสติบ้าง  พญามารรับคำ แต่บอกว่า ห้ามลืมตัวกราบไหว้เด็ดขาด มิฉะนั้นตนจะบาปหนัก

ครั้นแล้ว พญามารก็เนรมิตตนเป็นพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสีอันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้ายขวา แวดล้อมด้วยมหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวารเสด็จเยื้องย่างด้วยพุทธลีลางดงามยิ่งนัก

พระเถระและพุทธบริษัทเห็นเช่นนั้น ก็เกิดความปิติอย่างสูงยิ่ง เกิดปิติลืมตัวพร้อมกันนมัสการด้วยเบญจางคประดิษฐ์ทั้งสิ้น ทำให้พญามารตกใจกลับร่างเดิม
"ทำไมท่านลืมสัญญามากราบไหว้ข่าเล่า"
"พวกเรามิได้ไหว้ท่านหรอก เพียงแต่กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้าและพระสาวกตางหาก"
"แต่ข้าก็บาปนะท่าน"
"ไม่บาปหรอก ท่านได้ทำกุศลแก่พวกเราตางหาก"

http://sopanut33.spaces.live.com/blog/cns (http://sopanut33.spaces.live.com/blog/cns)!F62AADC5B8224D2A!230.entry

 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 08 มีนาคม 2554 17:23:38
 ;D ;D ;D

คราวนี้ ก็ลองให้ เปรต สัภเวสี ทีชอบแอบอ้างชื่อนั้นชื่อนี้ ของคุณพลศักดิ์

ได้สำแดงแบบนี้บ้าง

เนรมิตตนเป็นพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสีอันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้ายขวา แวดล้อมด้วยมหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวารเสด็จเยื้องย่างด้วยพุทธลีลางดงามยิ่งนัก

 ;D ;D ;D

แล้วจะรู้ ชัดเอง ว่าเปรตสัมภเวสีพวกนั้น ไม่สามารถสำแดงได้
ได้แต่คุย แอบอ้างชื่อ

 ;D ;D ;D