[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: phonsak ที่ 25 พฤศจิกายน 2553 23:14:11



หัวข้อ: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 25 พฤศจิกายน 2553 23:14:11
หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่าอะไร?


คุณหนอนเขียนว่า : อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน(พระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว-เทศน์)

ตอบ

กระได มี 2 ระดับ
 
1. กระไดของคนธรรมดา = อัตตา(นุทิฏฐิ) เห็นและหลงผิดว่า "กายหรือขันธ์ 5 โลกและจักรวาลเป็นอัตตา" กระไดแบบนี้ลื่น ทำให้ออกจากสังสารวัฏฏ์ไม่ได้

2. กระไดของพระโสดาบัน-อรหันต์ = พวกท่านเห็นและรู้ว่า กายหรือขันธ์ 5 โลกและจักรวาลเป็นอัตตานุทิฏฐิ  ความจริงแล้วมันเป็นเพียง อนัตตา ไม่ใชตัวตน 

เมื่อรู้ชัดแจ่มแจ้งว่า  กายหรือขันธ์ 5 โลกและจักรวาลเป็นอนัตตา ก็ต้องทิ้งกระได เข้าบ้าน=  คือ นิพพาน

จึงหมดปัญหาสำหรับผู้รู้แจ้งแล้วว่า นิพพานไม่ใช่กระได ที่เป็นอัตตานุทิฏฐิและอนัตตาอย่างแน่นอน แต่นิพพานเป็นบ้าน  ส่วนผู้ไม่รู้แจ้ง คือ คนในโลกทั่วไป ก็ยังหลงผิดต่อไปว่า  ขันธ์ 5 โลกและจักรวาล ที่เป็นอนัตตาเป็นอัตตาต่อไป พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรียก อัตตาที่เกิดจากความเข้าใจผิดของมนุษย์ในโลกว่า "อัตตานุทิฏฐิ"  และให้ความหมายของอัตตาและอนัตตาไว้ในอนัตตลักขณะสูตรว่า:

พระบรมศาสดา ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา
 ปัญจวัคคีย์ ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = ขันธ์ 5 ที่เป็นกายเป็นอนัตตา

ผู้รู้แจ้งแล้ว จะสามารถตีความออกว่า "ก็สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"  

ผู้รู้แจ้งแล้วย่อมตอบว่า: ข้อนั้นสมควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = อัตตา  ในความหมายว่า เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือ จิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์


ลองฟังคำตอบจากหลวงตาพระมหาบัวบ้าง


ทีนี้จะมาตอบปัญหาละที่นี่นะ เรื่องพุทธศาสนาขณะนี้ สื่อมวลชนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพระนิพพาน จึงขอนมัสการเรียนถามว่า พระนิพพานเป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา นี่ถามว่าอย่างนี้นะ


พระนิพพานนั้นคือพระนิพพาน นี่ตอบแล้วนะนี่นะ ท่านแสดงไว้ในธรรมว่า มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มรรค ๔ นั้นได้แก่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค อรหัตผล นี่เรียกว่า มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ คือพ้นจาก ๘ ภูมินี้ไปแล้วเป็นนิพพาน ๑ นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา นิพพานคือนิพพาน อัตตา อนัตตา นั้นเป็นทางเดินเพื่อพระนิพพานล้วน ๆ เป็นพระนิพพานไปไม่ได้

ผู้ที่จะพิจารณาให้ถึงพระนิพพาน ต้องเดินเหยียบย่างไปในไตรลักษณ์ คือพิจารณาไปกับเรื่อง ทุกขัง เรื่อง อนิจจัง อนัตตา และอัตตา ซึ่งเป็นกองแห่งกิเลสสุมเต็มอยู่ในนั้น  ให้ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นว่าเป็นตนเป็นตัวเหล่านี้ออกเสียได้ จิตจึงจะหลุดพ้นเป็นพระนิพพาน เพราะฉะนั้นพระนิพพานจึงเป็นพระนิพพานเท่านั้น เป็นอัตตาเป็นอนัตตาไม่ได้ เพราะอัตตากับอนัตตานั้นเป็นทางเดินเพื่อพระนิพพาน  

อนัตตา/อัตตา  อัตตา ที่หลวงตาพระมหาบัวพูดถึงคือ อัตตานุทิฏฐิ คือความเห็นว่าเป็นตนเป็นตัว

จะเห็นได้จากหลักฐานที่หลวงตามหาบัวพูดไว้ วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ เหลืออยู่ในgoogleแค่นี้

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

ย้ำ! พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

สรุป

“อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” คือ อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน คู่กับ “อนัตตา” ซึ่งเป็นเรื่องการมองเห็นขันธ์ 5 ของคนธรรมดากับของพระอริยะ  ปถุชนคนธรรมดาจะเห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นอัตตา ซึ่งเป็นความเห็นที่ผิด พระพุทธเจ้าเรียกอัตตาจากความเห็นผิดนี้ว่า อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน  ส่วนพระอริยะเจ้าจะเห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นอนัตตา เมื่อปฏิบัติจนเข้าถึงอรหันต์แล้ว เขาจะเข้าใจความหมายของอัตตาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าหมายถึงอะไร?

“อัตตา” ในความหมายของพระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร คือ อัตตา ที่เป็นสิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 09:08:23
ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  

อนัตตลักขณะสูตร กล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า
แล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา
ขันธ์นี้จะมั่ว กล่าวอะไรก็ได้

ฉะนั้น เอาขันธ์อมพระไว้ในปาก มาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก

เพราะที่มากระจายเสียงอยู่ นั่น เรียกว่าเอาขันธ์ มากระจายเสียง
แน่จริง เอานิพพาน มากระจายเสียง ถึงจะเชื่อได้

 ;D

ฟังพระพุทธเจ้า กันดีไหม

                         เรือน คือ อัตภาพที่เกิดในภพนั้นๆ บ่อยๆ
                         เป็นของไม่เที่ยง เราแสวงหานายช่างคือตัณหาผู้สร้าง
                         เรือน เมื่อไม่พบ ได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสารสิ้นชาติมิใช่
                         น้อย การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ร่ำไป ดูก่อนนายช่างผู้
                         สร้างเรือน บัดนี้ เราพบท่านแล้ว ท่านจักไม่ต้องสร้าง
                         เรือนให้เราอีก ซี่โครงคือกิเลสของท่าน เราหักเสียหมด
                         แล้ว และช่อฟ้าคืออวิชชาแห่งเรือนท่าน เราทำลายเสีย
                         แล้ว จิตของเราไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว จักดับอยู่
                         ในภพนี้เอง ดังนี้.  

เรือนนิพพาน ของคุณหนูพลศักดิ์  ต่างกับเรือนที่พระพุทธเจ้าสอน ด้วยประการฉะนี้




หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 10:07:22
ซ๊าาาาา ธุ..


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 10:50:25
ซ๊าาาาา ธุ..

จึงเอวัง...วิวัฒน์
ด้วยประการฉะนี้

คริ คริ


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 13:27:31
ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค


เขียนย้ำให้ดูแล้ว  ยังไม่ดูอีก  คราวนี้ขีดเส้นใต้ และแยกให้เห็นชัดๆด้วย  ดูซิว่าคุณจะฉลาดขึ้นไหม

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

หลวงตามหาบัว บอกว่า (นิพพาน)เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด (ก็คือถูกนั่นเอง)

หลวงตามหาบัว บอกว่า แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” เพราะอัตตาที่ตรงข้ามกับอนัตตา คืออัตตานุทิฏฐิ



เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  

ไปอ่านบทความของหลวงตาแล้วมาถามผมดีกว่า  นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง = จิตบริสุทธิ์ที่เรียกว่าใจ  สิ่งนี้ไม่เคยตาย ไม่เคยเกิด  มันดำรงอยู่ชั่วนิรันดร จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อัตตา

ส่วนจิตที่ไม่บริสุทธิ์นั้น มันตาย แล้วไปรับผลบุญบาปในปรโลก เสร็จแล้วก็ตาย(จุติ)จากปรโลก แล้วก็กลับมาเกิดตายในโลกซ้ำไปซำมาอีก จิตไม่บริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อนัตตา

อนัตตลักขณะสูตร กล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า
แล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา
ขันธ์นี้จะมั่ว กล่าวอะไรก็ได้

ถูกต้องที่สุด อนัตตลักขณะสูตรกล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า

แต่ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร และตอนสุดท้ายของเรื่อง พระพุทธองค์กล่าวถึงอัตตา และให้ผู้เข้าถึงธรรม สามารถตีความได้ว่า นิพพานเป็นอัตตา

ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร

ดูกรภิกษุทั้งหลาย

        รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูปว่า รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะรูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ตอนท้ายเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร พระพุทธองค์ถามปัญจวัคคีว่า

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้ว จะสามารถตีความออกว่า "ก็สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้วย่อมตอบว่า: ข้อนั้นสมควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = อัตตา  ในความหมายว่า เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือ จิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์

จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น(อายตนะนิพพาน) = อัตตา


แล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา   คุณหนูphonsak คนนี้จะไม่ตอบคุณว่าเอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา  แต่จะให้พระอวโลกิเตศวร และพระพุทธเจ้า มาตอบคุณเองว่า ขันธ์อะไรที่เป็นอัตตา

พระอวโลกิเตศวร : ธรรมกาย คือ อายตนะนิพพาน พระพุทธเจ้า : ธรรมกาย เป็น อัตตา  http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/adicaaoaeca-aaaoa-xi-ioa1d1oo1-adoaeo-aaaoa-ac1-ino/ (http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/adicaaoaeca-aaaoa-xi-ioa1d1oo1-adoaeo-aaaoa-ac1-ino/)


ฉะนั้น เอาขันธ์อมพระไว้ในปาก มาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก

คุณเป็นบัวที่อยู่ไม่พ้นน้ำ เพราะทิฏฐิมานะของคุณเอง ที่ต้องการเอาชนะคะคานผมให้ได้  เมื่อคุณไม่ถอนทิฏฐิมานะตัวนี้  หันมาฟังธรรมจากผม  ต่อให้พระพุทธเจ้าลงมาสอนตรงหน้าคุณ คุณก็ไม่เชื่อ  เช่นเดียวกับกามนิต ที่พระชราสอนให้ทุกอย่าง  เขาเห็นธรรมแล้ว  แต่ยังต้องการพบพระพุทธเจ้าอีก

พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว  แต่พระองค์ท่านลงมาสอนคุณได้ โดยอาจจะผ่านขันธ์ 5 ของผมก็ได้นะครับ  ผมที่กำลังอยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละ


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 15:34:44
555555555555555555+

เถียงกันไม่จบสองคนนี้

 (^^) (^^) (^^)


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 15:55:33



เขียนย้ำให้ดูแล้ว  ยังไม่ดูอีก  คราวนี้ขีดเส้นใต้ และแยกให้เห็นชัดๆด้วย  ดูซิว่าคุณจะฉลาดขึ้นไหม

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

หลวงตามหาบัว บอกว่า (นิพพาน)เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด (ก็คือถูกนั่นเอง)

หลวงตามหาบัว บอกว่า แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” เพราะอัตตาที่ตรงข้ามกับอนัตตา คืออัตตานุทิฏฐิ

หลวงตาไม่เห็นจะพูดชัดเจนที่ไหนเลย คำว่า "ไม่น่าจะผิด"
ก็แสดงชัดอยู่แล้ว ว่าที่พูดไว้แบบแบ่งรับ แบ่งสู้ แค่นั้นเอง

ก็เพราะเมตตาพวกที่หลงว่า เป็นนิพพานเป็นอัตตตา และนิพพาน เป็นอนัตตา ให้พอมีที่ยืนบ้าง
เดี๋ยวจะเสียกำลังใจ น่ะ

แต่หลวงตา พูดที่ชัดเจน คือ นิพพานมีหนึ่งเดียว  ไม่มีสองกับอัตตา และไม่มีสามกับอนัตตา  
อันนี้ คุณหนู phonsak มองไม่เห็น ตีความไม่ออก แถไม่ออก  เพราะมันขัดกับอัตตาตนเอง

 


ไปอ่านบทความของหลวงตาแล้วมาถามผมดีกว่า  นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง = จิตบริสุทธิ์ที่เรียกว่าใจ  สิ่งนี้ไม่เคยตาย ไม่เคยเกิด  มันดำรงอยู่ชั่วนิรันดร จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อัตตา

ส่วนจิตที่ไม่บริสุทธิ์นั้น มันตาย แล้วไปรับผลบุญบาปในปรโลก เสร็จแล้วก็ตาย(จุติ)จากปรโลก แล้วก็กลับมาเกิดตายในโลกซ้ำไปซำมาอีก จิตไม่บริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อนัตตา


ถูกต้องที่สุด อนัตตลักขณะสูตรกล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า

แต่ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร และตอนสุดท้ายของเรื่อง พระพุทธองค์กล่าวถึงอัตตา และให้ผู้เข้าถึงธรรม สามารถตีความได้ว่า นิพพานเป็นอัตตา

ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร

ดูกรภิกษุทั้งหลาย

        รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูปว่า รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะรูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย

ตอนท้ายเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร พระพุทธองค์ถามปัญจวัคคีว่า

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้ว จะสามารถตีความออกว่า "ก็สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

ผู้รู้แจ้งแล้วย่อมตอบว่า: ข้อนั้นสมควรเลยพระพุทธเจ้าข้า  = อัตตา  ในความหมายว่า เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือ จิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์

จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น(อายตนะนิพพาน) = อัตตา

ก็ปัญญาตีความได้ครึ่งๆกลางๆ แบบนี้นี่เล่า นิพพานถึงได้เป็นอัตตา
แล้วก็โอ่ว่าตนฉลาด

ถ้านิพพานเป็นอัตตา  ก็ต้องอยู่ในวิสัย ที่บังคับบัญชาได้  




คุณหนูphonsak คนนี้จะไม่ตอบคุณว่าเอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา  แต่จะให้พระอวโลกิเตศวร และพระพุทธเจ้า มาตอบคุณเองว่า ขันธ์อะไรที่เป็นอัตตา

พระอวโลกิเตศวร : ธรรมกาย คือ อายตนะนิพพาน พระพุทธเจ้า : ธรรมกาย เป็น อัตตา  http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/adicaaoaeca-aaaoa-xi-ioa1d1oo1-adoaeo-aaaoa-ac1-ino/ (http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/adicaaoaeca-aaaoa-xi-ioa1d1oo1-adoaeo-aaaoa-ac1-ino/)


คุณเป็นบัวที่อยู่ไม่พ้นน้ำ เพราะทิฏฐิมานะของคุณเอง ที่ต้องการเอาชนะคะคานผมให้ได้  เมื่อคุณไม่ถอนทิฏฐิมานะตัวนี้  หันมาฟังธรรมจากผม  ต่อให้พระพุทธเจ้าลงมาสอนตรงหน้าคุณ คุณก็ไม่เชื่อ  เช่นเดียวกับกามนิต ที่พระชราสอนให้ทุกอย่าง  เขาเห็นธรรมแล้ว  แต่ยังต้องการพบพระพุทธเจ้าอีก

พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว  แต่พระองค์ท่านลงมาสอนคุณได้ โดยอาจจะผ่านขันธ์ 5 ของผมก็ได้นะครับ  ผมที่กำลังอยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละ




ก็บอกแล้ว ว่าเอานิพพานมาตอบดีกว่า

ถึงแม้ว่า คุณหนู พลศักดิ์  เอาปากอมพระประธานองค์ใหญ่ตามวัด  มาพูด ก็ไม่เชื่อหรอก

ถึงเอาขันธ์พระอวโลกิเตศวร มาบอก ก็ไม่เชื่อหรอก
ขันธ์พระอวโลกิเตศวร ก็ของไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดได้ ดับได้

เนรมิตให้เกิด ขึ้นมาได้แค่ องค์เดียว
ถ้าเป็นอัตตา ก็ต้องเนรมิตให้เกิดได้ หลายๆองค์ ตามใจบังคับบัญชา
และขันธ์เนรมิตนั้น ยังมีเกิด ก็ต้องมีดับ  เป็นธรรมดาๆๆ

และก็ในพระไตรปิฎก มีแต่กล่าวว่า มารเข้าสิงพรหมได้
แต่ ไม่มีเรื่องพระพุทธเจ้า เข้าสิงใคร สักประโยคเดียว

มีบ้างไหมล่ะ ที่พระพุทธเจ้าจะไปเข้าสิงใคร

เอาพระไตรปิฎก มายืนยันดีกว่า ว่าพระพุทธเจ้า เข้าสิงใครได้ คุณหนู พลศักดิ์

และก็เอาพระไตรปิฎก มายืนยันดีกว่า
ว่าพระอานนท์ เอตทัคคะพหูสูตร ที่จำได้ทุกคำสอน พระพุทธเจ้า
แต่ไม่รู้เรื่องราวพระอวโลกิเตศวรเลย

ไม่เคยผ่านหู ผ่านตา ไม่มีจารึก ในสังคยานาครั้งแรก ทั้งๆ ที่พระอานนท์ มีชีวิตอยู่
แล้ว พระอวโลกิเตศวร มาในสมัยไหน

หามายินยันดีกว่า ไม่ต้องไปแถอย่างอื่น 

จึง เอวัง...วิวัฒน์  พลศักดิ์

ด้วยประการฉะนี้  





หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: nrc2553 ที่ 02 ธันวาคม 2553 12:33:06
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 02 ธันวาคม 2553 15:02:07
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ

ถ้าคุณ nrc มีอะไร จะสนทนา หรือจะแสดงธรรม ก็เชิญได้เลยครับ  ;D


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 03 ธันวาคม 2553 15:28:51
ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 03 ธันวาคม 2553 15:32:51
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ

พุทธะ ต้องการเผยแพร่พุทธศาสนา
มาร ต้องการทำลายพุทธศาสนา

พุทธะ จึงต้องสู้กับ มาร ตลอดเวลา  แล้วผมก็ไม่มีนโยบายเจรจาอะไรกับมาร  เดี๋ยวหลงกลมัน  ผมมาเพื่อชนมารสถานเดียว


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 04 ธันวาคม 2553 00:02:59
ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”

555+ ยังไงๆๆ  ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

ไม่น่าจะ ..

ไม่แน่ว่าจะ ..
อาจจะ ..
แบบนี้ หรือชัด

แต่ที่แน่ๆๆ
ชัดๆ ก็คือ

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  




หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 04 ธันวาคม 2553 00:05:52
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ

พุทธะ ต้องการเผยแพร่พุทธศาสนา
มาร ต้องการทำลายพุทธศาสนา

พุทธะ จึงต้องสู้กับ มาร ตลอดเวลา  แล้วผมก็ไม่มีนโยบายเจรจาอะไรกับมาร  เดี๋ยวหลงกลมัน  ผมมาเพื่อชนมารสถานเดียว

เออนะ  เห็นคุณหนู phonsak ประกาศชัด
ว่ามาเพื่อทำลายระบบเถรวาท



หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 04 ธันวาคม 2553 00:23:30
555+

 ;D ;D ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 04 ธันวาคม 2553 23:54:14
[quote author=armageddon

เออนะ  เห็นคุณหนู phonsak ประกาศชัด
ว่ามาเพื่อทำลายระบบเถรวาท

[/quote]

นายarmageddon ตัดต่อคำพูดของผมเสียแล้ว  คุณนี่สมเป็นมารจริงๆ   

ผมมาเพื่อทำลายศาสนาพุทธเถรวาทของมาร  ที่เป็นสัทธรรมปฏิรูป  เป็นของปลอมที่มารสร้างขึ้นเพื่อบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  ให้เฉไปในทางอื่น


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 05 ธันวาคม 2553 00:53:00
[quote author=armageddon

เออนะ  เห็นคุณหนู phonsak ประกาศชัด
ว่ามาเพื่อทำลายระบบเถรวาท


นายarmageddon ตัดต่อคำพูดของผมเสียแล้ว  คุณนี่สมเป็นมารจริงๆ   

ผมมาเพื่อทำลายศาสนาพุทธเถรวาทของมาร  ที่เป็นสัทธรรมปฏิรูป  เป็นของปลอมที่มารสร้างขึ้นเพื่อบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  ให้เฉไปในทางอื่น
[/quote]

เออนะ
เห็นคุณหนูพลศักดิ์ บิดเบือน
เอาเรื่องที่พระพุทธเจ้าพระองค์จริง ไม่ได้ตรัส
พระอานนท์ ไม่ได้จำ มา
และเห็นชอบบิดเบือน ให้เฉไปหา สรวงสวรรค์ของพระเยซู นั่นแล





หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 05 ธันวาคม 2553 10:07:26
(http://;D ;D ;D ;D ;D)


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 06 ธันวาคม 2553 11:00:38



armageddon เขียน:

ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  



phonsak ยกคำพูดของหลวงตามหาบัวมา:


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”



armageddon เขียน:


555+ ยังไงๆๆ  ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

ไม่น่าจะ ..

ไม่แน่ว่าจะ ..
อาจจะ ..
แบบนี้ หรือชัด

แต่ที่แน่ๆๆ
ชัดๆ ก็คือ

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  



phonsakเขียน:

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา

"อัตตา" ที่หลวงตามหาบัวพูดถึง ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน

ส่วนที่หลวงตามหาบัวพูดว่า  พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ หลวงตามหาบัวพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด = อัตตาแท้ที่ระบุในอนัตตลักขณะสูตรว่า เป็นสิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

อย่าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเลยคุณarmageddon   

สรุป


"อัตตา" ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน  อัตตาตัวนี้เป็นความเข้าใจผิดของมนุษย์ว่า ขันธ์ 5 หรือร่างกายของเรามีตัวตน  พระพุทธองค์จึงเปลี่ยนเรียกชื่อ "อัตตา" ที่เป็นอัตตานุทิฏฐิ ว่า  "อนัตตา"

ส่วน "อัตตา" ที่พระพุทธองค์ให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร = สิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

พูดง่ายๆ

-  สิ่งที่ไม่เป็นอมตะ  ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย = อนัตตา หรือ "อัตตา"เก๊ = อัตตานุทิฏฐิ 

-  สิ่งที่เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย =  "อัตตา" ที่พระพุทธเจ้าพูดถึงในอนัตตลักขณะสูตร


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 06 ธันวาคม 2553 18:41:29



armageddon เขียน:

ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  



phonsak ยกคำพูดของหลวงตามหาบัวมา:


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”



armageddon เขียน:


555+ ยังไงๆๆ  ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

ไม่น่าจะ ..

ไม่แน่ว่าจะ ..
อาจจะ ..
แบบนี้ หรือชัด

แต่ที่แน่ๆๆ
ชัดๆ ก็คือ

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา  



phonsakเขียน:

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา

"อัตตา" ที่หลวงตามหาบัวพูดถึง ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน

ส่วนที่หลวงตามหาบัวพูดว่า  พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ หลวงตามหาบัวพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด = อัตตาแท้ที่ระบุในอนัตตลักขณะสูตรว่า เป็นสิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

อย่าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเลยคุณarmageddon   

สรุป


"อัตตา" ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน  อัตตาตัวนี้เป็นความเข้าใจผิดของมนุษย์ว่า ขันธ์ 5 หรือร่างกายของเรามีตัวตน  พระพุทธองค์จึงเปลี่ยนเรียกชื่อ "อัตตา" ที่เป็นอัตตานุทิฏฐิ ว่า  "อนัตตา"

ส่วน "อัตตา" ที่พระพุทธองค์ให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร = สิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

พูดง่ายๆ

-  สิ่งที่ไม่เป็นอมตะ  ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย = อนัตตา หรือ "อัตตา"เก๊ = อัตตานุทิฏฐิ 

-  สิ่งที่เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย =  "อัตตา" ที่พระพุทธเจ้าพูดถึงในอนัตตลักขณะสูตร

 ;D ;D ;D
ทั้งสองอย่าง นั้นเรียกว่า วันตะ
เป็นลัขณะวันตะ
เมื่อมีวันตะ เป็นลักขณะ จึงมีจุดที่สังเกตุ ของความเป็นลักขณะ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

จึงเป็นจุดสังเกตุให้มารก็ตามเจอได้ อยู่ดี

 ;D ;D ;D

แต่ไม่มีลัขณะแบบนี้ มารก็ตามไม่พบ
คุณหนู พลศักดิ์ ก้ยังมองไม่เห็น

 “นั่นแหละมารผู้มีใจบาป กำลังแสวงหาวิญญาณพระโคธิกะอยู่
             ภิกษุทั้งหลาย  หาได้มีวิญญาณของพระเถระอยู่ในที่นั้นไม่ ด้วยเธอได้ปรินิพพานแล้ว”


พระพุทธภาษิต
เตสํ สมฺปนฺนสีลานํ อปฺปมาทวิหารินํ สมฺมทญฺญา วิมุตฺตานํ มาโร มคฺคํ น วินฺทติ
คำแปล
มารย่อมหาไม่พบซึ่งทางของท่านผู้มีศีลสมบูรณ์, ผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท ผู้หลุดพ้นเพราะรู้ชอบ


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 ธันวาคม 2553 19:49:59
 (:3:) (:3:) (:3:) (:3:) (:3:)


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 06 ธันวาคม 2553 21:34:11
สังเกตุคนแถได้ง่ายๆๆ    ;D ;D ;D


ลักขณะวันตะ ความเกิดแก่เจ็บตาย
หรือ ความไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

เป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น
เพราะ มีจุดที่เป็นที่สังเกตุได้  ว่ามีลักณะใด เรียกว่า ลักขณะวันตะ

คุณหนูพลศักดิ์  แถไปส่งเดชจริงๆ



หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: WangJai ที่ 07 ธันวาคม 2553 00:36:17
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ

พุทธะ ต้องการเผยแพร่พุทธศาสนา
มาร ต้องการทำลายพุทธศาสนา

พุทธะ จึงต้องสู้กับ มาร ตลอดเวลา  แล้วผมก็ไม่มีนโยบายเจรจาอะไรกับมาร  เดี๋ยวหลงกลมัน  ผมมาเพื่อชนมารสถานเดียว

คุณ phonsak หลงกลจนถอนตัวถอนในไม่ขึ้นแล้วละ
หลงมาชนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ีคนเดียวนี่ไง

;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 07 ธันวาคม 2553 01:05:27
 ;D ;D ;D