[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
13 พฤษภาคม 2567 22:44:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 271 272 [273] 274
5441  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / Re: อาบัติปาราชิกยังพอแก้ไขได้ เมื่อ: 10 เมษายน 2555 14:56:39




เป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังธรรมของพระอาจารย์สุรศักดิ์  เขมรํสี  หรือพระครูเกษมธรรมทัต แห่งสำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดมเหยงคณ์  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  คือฟังเกือบทุกเช้า ระหว่างเตรียมอาหารใส่บาตร  (เป็นคนตื่นแต่ตี 4 จนเป็นนิสัย)   ท่านพูดโดยสรุปได้ว่าพระสงฆ์ที่ต้องอาบัตินั้น หากได้ปลงอาบัติแล้ว ศีลบริสุทธิ์ขึ้นมาใหม่ได้ แต่บาปนั้นยังติดตัวพระรูปนั้นอยู่ การปลงอาบัติไม่สามารถลบล้างบาปกรรมที่พระสงฆ์รูปนั้นได้กระทำไว้ได้.....แต่ในเรื่องของปาราชิกไม่ทราบมาก่อนค่ะ


 







.
5442  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต เมื่อ: 10 เมษายน 2555 14:31:14


"พระอรหันต์กลางกรุง" พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต


คนเราเมื่อมีลาภก็เสื่อมลาภ  เมื่อมียศก็เสื่อมยศ  เมื่อมีศุขก็มีทุกข์  เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา
เป็นของคู่กันมาเช่นนี้  จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์  ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ  ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม
นับประสาอะไร  พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดายังมีมารผจญ  ยังมีคนนินทาติเตียน
ปุถุชนอย่างเรา จะรอดพ้นจากโลกะธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้
ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง  เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ
ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราแลคนอื่น เราจึงทำ
เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา  
บุญเราทำกรรมเราไม่สร้าง  พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ
จะต้องไปกังวนกลัวใครติเตียนทำไม  ไม่เห็นมีประโยชย์
เปลืองความคิดเปล่า ๆ
ธมฺมวิตกฺโก


                                    
Death is my friend


ก้อนเนื้อที่คอท่านซึ่งบวมออกมาเป็นก้อน ท่านว่าหมอตรวจพบก้อนนุ่มๆอยู่ภายใน แนะนำให้ผ่าตัดออกเพราะเป็นเนื้อร้ายหรือที่เรียกกันว่ามะเร็ง ท่านว่า "จะไปทำมันทำไม Death is my friend อันความตายนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอะไรเลยเหมือนกับพวกคุณกลับจากที่ทำงานแล้วก็เปลี่ยน "เสื้อผ้า"







.
5443  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / รำลึกครบ 100 ปีไททานิค : 15 เม.ย. 55 เมื่อ: 10 เมษายน 2555 11:22:35


รำลึก 100 ปี “ไททานิค”
 


          
ในภาพยนตร์เรื่องไททานิค บทสรุปของเรื่องราวบนแผ่นฟิล์มคือการอับปางลงอย่างไม่มีวันกลับ พร้อมกับความรักนิรันดร์ของแจ๊คกับโรสที่กลายเป็นตำนานชู้รักเรือล่มอันยิ่งใหญ่ ทว่าในความเป็นจริงหลังจากเรือที่ไม่มีวันจมอย่างไททานิคชนหินโสโครกจนหักเป็นสองท่อนและจมลงเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2455 นั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของคนอีกกลุ่มที่ต้องรีบทำงานแข็งกับเวลาที่ผ่านไปเพื่อระบุว่าใครรอดและใครเสียชีวิต

เมืองฮาลิแฟกซ์ ในมณฑลโนวาสโกเทียของแคนาดา ท่าเรือใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่ใกล้กับจุดที่ไททานิคจมไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 1,200 กิโลเมตร คนในเมืองนี้จึงต้องรับบทบาทสำคัญในโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของศตวรรษที่ 20

เฟรเดอริค ลาร์ดเนอร์ กัปตันเรือแม็คเคย์-เบนเน็ตต์ เรือวางสายโทรเลขใต้ทะเล ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อให้แล่นผ่านน้ำแข็งและหมอก มันถูกติดตั้งอุปกรณ์สำหรับค้นหาสายโทรเลขใต้ทะเลลึกและซ่อมแซมสายเหล่านั้น แต่สำหรับครั้งนี้งานของเขาคือต้องไปถึงจุดเรือจมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และกู้ศพจากเรือไททานิคขึ้นมา ลูกเรือซึ่งเป็นคนท้องถิ่น 75 คนจากหมู่บ้านชาวประมงซึ่งอยู่ใกล้เมืองฮาลิแฟกซ์ที่สุดขนโลงศพขึ้นเรือลำนี้แทนที่สายโทรเลข พวกเขาจะได้รับค่าจ้างสองเท่าสำหรับช่วงเวลาน่ากลัวหลายวันที่รออยู่ข้างหน้าได้

ก่อนที่ไททานิคจะหักสองท่อนและจมลง มีผู้โดยสารเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่สามารถลงเรือชูชีพได้ พวกเขาถูกรับขึ้นเรือโดยสารที่ผ่านมาเพียงลำเดียวที่ไปถึงจุดเกิดเหตุ ส่วนคนที่เหลือถูกทิ้งไว้ให้เสียชีวิต ในคืนที่ไททานิคจม อุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือลบสององศาต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ในสภาพเลวร้ายสุด ๆ เช่นนี้ กัปตันลาร์ดเนอร์รู้ว่าระยะเวลารอดชีวิตโดยเฉลี่ยนั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

เวลาเดียวกันนั้น จอห์น เฮนรี บาร์นสเตด นายทะเบียนของเมืองฮาลิแฟกซ์ ที่คอยจดบันทึกว่าใครเกิด ใครแต่งงาน และใครตายซึ่งตามปกติแล้วมันเป็นงานที่ไม่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ในเวลานี้เพราะงานของเขาคือเตรียมการสำหรับศพผู้เสียชีวิต และระบุตัวตนของทุก ๆ ศพ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเทคโนโลยีนิติวิทยาศาสตร์ในปี 1912 ห้องดับจิตทั้งเมืองถูกเตรียมให้ว่างไว้ และสัปเหร่อจากทั่วทั้งมณฑลก็เตรียมพร้อมที่จะทำงาน

บาร์นสเตดไม่ปล่อยให้มีสิ่งใดเป็นไปตามยถากรรม สมัยเป็นหนุ่ม บาร์นสเตดได้เห็นผู้บังคับบัญชาของเขาล้มเหลวในการทำภารกิจนำศพกลับบ้านจากเรืออีกลำของบริษัทไวท์สตาร์ ที่ชื่อ อาร์เอ็มเอส แอตแลนติก ซึ่งอับปางที่ชายฝั่งของมณฑลโนวาสโกเทีย  พวกเขาระบุตัวตนได้ไม่กี่ศพ ทรัพย์สินถูกขโมยและครอบครัวของพวกเขาต้องสิ้นหวัง บาร์นสเตดปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้

การระบุตัวตน การเขียนหมายเลข และทรัพย์สิน คือวิธีการของบาร์นสเตด ทุกศพจะถูกเขียนหมายเลข และหมายเลขนั้นพร้อมด้วยคำบรรยายรูปพรรณสัณฐานและรายการทรัพย์สินจะอยู่กับศพนั้นเสมอ

http://abroadcenter.com/admin/upload/module_cms/title_cms/img_35c39782a5f46a45addfbd98761a74cd.jpg
เมืองฮาลิแฟกซ์  มณฑลโนวาสโกเทีย  แคนาดา

17 เมษายน สองวันหลังจากไททานิคจมลง และยังไม่มีความชัดเจนว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น หรือมีกี่คนรอดชีวิต บนเรือที่มาช่วยเหลือซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปนิวยอร์ก มีนางแมเดลีนซึ่งขณะนั้นตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ภรรยาของผู้โดยสารที่รวยที่สุดบนเรือไททานิครวมอยู่ด้วย สามีของเธอคือ จอห์น เจค็อบ แอสเตอร์ และหลานสาวของเขาคือแจ๊คกี้ แอสเตอร์ เดร็กเซล

เกือบสี่วันแล้วหลังจากเรือไททานิคจม เรือช่วยเหลือก็นำผู้รอดชีวิตกลับมาก็มาถึงนิวยอร์ก การกลับบ้านครั้งประวัติศาสตร์ของเรือลำนี้เกิดขึ้นตรงจุดที่ปัจจุบันคือท่าเทียบหมายเลข 54 ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว ในท่าเรือเวสต์ไซด์ของนิวยอร์ก พอเรือช่วยเหลือเข้าเทียบท่า เมื่อวินเซนต์เห็นแมเดลีนอยู่คนเดียว เขาก็รู้ว่าพ่อของเขาจะไม่มีวันได้กลับมาบ้านอีกแล้ว แต่ถ้ายังไม่พบศพและระบุตัวตน ก็ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอห์น เจค็อบ แอสเตอร์ ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้นที่ไม่ได้กลับบ้าน

21เมษายน เรือแม็คเคย์-เบนเน็ตต์ไปถึงจุดเรืออับปาง หลายศพลอยไปแล้ว แต่พวกลูกเรือก็ต้องประหลาดใจที่อีกหลายศพยังเกาะกลุ่มกันอยู่ท่ามกลางซากอับปางศพเหล่านี้ต้องถูกกู้ ถอดเสื้อผ้า ตรวจสอบ และจดบันทึกตามคำสั่งของบาร์นสเตด

ขั้นแรกศพถูกวางเรียงบนดาดฟ้าเรือ แล้วเสื้อผ้าก็ถูกถอดออก และสิ่งของแต่ละชิ้นจะถูกเขียนบรรยายและจดบันทึกไว้ หลังจากนั้นเสื้อผ้าจะถูกเผาเพื่อป้องกันพวกนักล่าของที่ระลึก จะต้องมีสองคนอยู่ด้วยเสมอขณะเก็บทรัพย์สินจากแต่ละศพ นี่หมายความว่าจะปล่อยให้มีสิ่งใดถูกเก็บไว้ผิดที่หรือถูกขโมยไปไม่ได้ รายการของที่อยู่ในกระเป๋าของผู้ตายถูกบันทึกไว้อย่างครบถ้วน เพื่อช่วยในการระบุตัวตน ทั้งบนเรือและบนฝั่งตรงกัน

หมายเลขซึ่งกำหนดให้ศพจะถูกส่งมอบให้บาร์นสเตดที่บนฝั่ง และจะอยู่กับบุคคลนั้นไปตลอดการจดบันทึกทั้งหมด หลักการระบุตัวตน การใส่หมายเลข และการเก็บทรัพย์สินของบาร์นสเตดยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน ในหน่วยงานกู้ภัย ดับเพลิง ตำรวจ และยามฝั่ง

22 เมษายน ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ มีข่าวมาถึงเรือแม็คเคย์-เบนเน็ตต์ว่าวินเซนต์ แอสเตอร์ได้เสนอเงิน 10,000 ดอลลาร์ หรือเท่ากับสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์ในปัจจุบัน เป็นเงินรางวัลสำหรับการหาศพบิดา และก็ดูเหมือนจะมีคนได้รางวัลนั้น จอห์น เจค็อบ แอสเตอร์ถูกระบุตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยอักษรย่อปักด้วยไหมในคอปกเสื้อของเขา โดยกระดุมข้อมือเพชร และเงินสด 3,000 ดอลลาร์ในกระเป๋า

แม้จะหาบางคนพบแต่ไม่ได้หมายความว่าทุคนจะได้กลับบ้าน เมื่อโลงศพ 70 โลงที่นำไปกับเรือถูกใช้จนหมด และศพมีสภาพแย่มากจนระบุตัวตนไม่ได้ การฝังศพในทะเลจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนั้น พวกเขาต้องอาศัยน้ำลึกอย่างน้อย 600 ฟุต และน้ำหนักถ่วงในผ้าห่อศพเพื่อป้องกันไม่ให้ศพลอยขึ้นมา กัปตันลาร์ดเนอร์คาดการณ์เรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว จึงใส่ตะแกรงเหล็กมาในห้องเก็บสินค้าใต้ท้องเรือ ศพเกือบทั้งหมดที่ถูกฝังในทะเลนั้นเป็นผู้โดยสารชั้นสามหรือลูกเรือ ซึ่งถูกส่งกลับลงสู่ก้นทะเลลึกโดยมีพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเหมาะสม





5444  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: กิมเล้งพาเข้าครัว - ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วและไข่เค็ม เมื่อ: 10 เมษายน 2555 00:29:34

























ติดตามสูตรอาหารและเคล็ดลับการประกอบอาหารคาว-หวาน
ได้ที่  "สุขใจในครัว" สุขใจดอทคอม
5445  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: กิมเล้งพาเข้าครัว - ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วและไข่เค็ม เมื่อ: 10 เมษายน 2555 00:20:21

ส่วนผสมแป้งชั้นนอก : ในชามคือแป้งขนมปัง+แป้งบัวแดง ร่อนแล้ว (ลายมือที่กระดาษอาจจะอ่านค่อนข้างยาก  กรุณาย้อนกลับไปดูสูตรข้างบนค่ะ )


ส่วนผสมแป้งชั้นใน : แป้งบัวแดง + เนยขาว  (ขออภัยด้วยค่ะ ที่เขียนด้วยลายมือว่าแป้งชั้นนอก ที่ถูกต้องคือแป้งชั้นในค่ะ)


วัสดุทำไส้ขนม : ถั่วกวนอบควันเทียน   ไข่เค็มดิบ


ปั้นไส้หุ้มด้วยไข่เค็มให้ได้ 140 ลูก


แป้งชั้นนอก :  ทำเป็นบ่อตรงกลาง  เติมน้ำตาลทราย น้ำ น้ำมันพืช นวดพอเข้ากันใส่เนยขาวนวดจนเนียน
เคล็ดลับส่วนตัว : พอนวดแป้งจนเนียนแล้ว  ฟาดแป้งแรง ๆ สัก 5-10 นาที แป้งจะเหนียวหนึบ มีประสิทธิภาพดีมาก  
เมื่อนำไปหุ้มแป้งชั้นในและการรีดแป้งม้วนแป้งจะไม่มีปัญหาแป้งชั้นในทะลักออกมา


พักแป้งไว้ประมาณ 10 นาที  ให้แป้งเซ็ทตัวได้ดี
 

แป้งชั้นใน :  ผสมแป้งกับเนยขาวนวดพอเป็นเนื้อเดียวกัน


ได้ดังนี้


ปั้นแป้งชั้นนอกและชั้นในเป็นก้อนกลม ๆ  ให้ได้อย่างละ 70 ลูก

 
นำแป้งชั้นนอกมาแผ่เป็นแผ่นกลม ๆ แล้วนำแป้งชั้นในวางตรงกลางหุ้มแป้งชั้นนอกให้มิดชั้นใน 
แล้วคลึงเป็นเส้นยาว ๆ (ะวังอย่าให้แป้งชั้นในทะลักออกมา)


ใช้ไม้รีดแป้งรีดให้เป็นแผ่นบาง ๆ (ถ้าไม่มีไม้รีดแป้ง ใช้ขวดกลมได้)


ม้วนแป้งไปเรื่อย ๆ


จะได้รูปร่างอย่างนี้


ตัดแบ่งครึ่ง


พลิกให้เห็นลายดังภาพ


คลึงให้เป็นแผ่นกลม 


นำไส้วางไว้ตรงกลาง  แล้วหุ้มให้มิดไส้


ที่เห็นใต้ผ้าขาวบางคือแป้งชั้นนอกที่ยังไม่ได้นำมาคลึง  ควรใช้ผ้าขาวบางคลุมไว้ มิฉะนั้นแป้งโดนลมทำให้แห้งคลึงยาก


รูปสำเร็จ


นำวางเรียงในถาดปูด้วยกระดาษไข  แต้มด้วยไข่แดงเตรียมนำเข้าอบ





5446  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / กิมเล้งพาเข้าครัว - ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม เมื่อ: 10 เมษายน 2555 00:17:19
กิมเล้งพาเข้าครัว - ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม


ส่วนผสม
แป้งชั้นนอก
แป้งขนมปัง  1 ถ้วย
แป้งบัวแดง  1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย   1/2 ถ้วย
น้ำ 1/2 ถ้วย
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
เนยขาว 50 กรัม

แป้งชั้นใน
แป้งบัวแดง 2 1/2 ถ้วย
เนยขาว 150 กรัม

ไส้ถั่วกวน
ถั่วเขียวเลาะเปลือกดิบ 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
กะทิสด 1 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
แบะแซ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ไส้ถั่วกวน
1. แช่ถั่วในน้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง  นำไปนึ่งให้สุกแล้วบดให้ละเอียดผสมน้ำตาลทราย เกลือ กะทิ กวนจนแห้ง  นำไปอบควันเทียน  
2. ปั้นไส้ถั่วกวน  โดยยัดไส้ไข่เค็มดิบให้ได้ 140 ก้อน

2. แป้งหุ้มไส้ขนม
1. ร่อนแป้งชั้นนอกทั้งสองชนิดรวมกัน
2. ทำเป็นบ่อตรงกลาง  ใส่น้ำตาลทราย  น้ำ  น้ำมันพืช  นวดพอเข้ากัน  ใส่เนยขาวนวดจนเนียนพักไว้ 10 นาที ให้แป้งเซ็ทตัว ปั้นเป็นก้อนกลม 70 ก้อน
3. ผสมแป้งชั้นในกับเนยขาวนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน  ปั้นเป็นก้อนกลม 70 ก้อน
4. แผ่แป้งชั้นนอกหุ้มแป้งชั้นใน  คลึงตามยาว ม้วนลงจนเป็นแท่งกลม ๆ ตัดครึ่ง  
5. คลึงแป้งที่ตัดครึ่งเป็นแผ่นกลม นำไปห่อไส้ถั่วกวนไข่เค็มให้มิด  วางบนถาดทาเนยขาวหรือรองด้วยกระดาษไข  
6. ทาหรือแต้มหน้าขนมด้วยไข่แดง
7. นำไปอบด้วยไฟล่าง 180 องศาเซลเซียส  ประมาณ 15 นาที


แช่ถั่วในน้ำอุ่นประมาณ 6 ชั่วโมง  นำมาล้างให้หมดกลิ่นใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ


ใส่ลังถึงปูด้วยผ้าขาวบาง  นำไปนึ่งให้สุก


วัสดุทำไส้ถั่วกวน  :  ถั่วบดละเอียด   หัวกะทิสด  น้ำตาลทราย  เกลือ  แบะแซ   และเทียนอบ


กวนไส้ด้วยไฟค่อนข้างอ่อน ถ้าไม่หวานเพิ่มน้ำตาลทรายได้ค่ะ (ถ้ามีกระทะทองเหลืองควรนำมาใช้เพราะกระจายความร้อนได้ดีมากและช่วยประหยัดพลังงาน)


กวนพอแห้งไม่ติดกระทะเป็นพอ  อย่ากวนนานเกินไปมิฉะนั้นไขมันจากถั่วและกะทิจะแยกตัวใช้ไม่ได้ต้องทิ้งไป


ทิ้งไว้ให้เย็นนำไปใส่ภาชนะมีฝาปิด นำเทียนอบวางลงดังภาพ (ถั่วกวนต้องเย็นสนิทจริง ๆ มิฉะนั้นไอน้ำจะลอยไปที่ฝาปิดและหยดลงมาที่ขนมเมื่อปิดฝาภาชนะ)


จุดไฟที่ปลายเทียน


ปิดฝาภาชนะให้สนิท


ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง  ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งจะหอมยิ่ง ๆ ขึ้น  (ที่ทำมานำเสนอครั้งนี้อบด้วยควันเทียนประมาณ 5 ครั้ง แล้วทิ้งไว้ค้างคืนหนึ่งคืน)
 





.
5447  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / กิมเล้งพาเข้าครัว - แกงคั่วปลาดุกปักษ์ใต้ เมื่อ: 09 เมษายน 2555 19:13:09
กิมเล้งพาเข้าครัว - แกงคั่วปลาดุกปักษ์ใต้


แกงคั่วปลาดุกปักษ์ใต้

เครื่องปรุง
ปลาดุกหั่นชิ้น  1/2 กิโลกรัม
หัวกะทิ (ที่บ้านจะซื้อหัวกะทิล้วน ๆ ไม่ผสมน้ำมาแช่ช่องแข็งติดตู้เย็นไว้เสมอ จะไม่ใช้กะทิกล่องค่ะ ไม่อร่อย)
ใบมะกรูด
พริกชี้ฟ้า
น้ำปลา

เครื่องปรุงน้ำพริก
พริกแห้งขี้หนูแห้ง 10-15 เม็ด
กระเทียมปอกเปลือก 2 หัว (เท่าที่สังเกต  อาหารใต้จะใช้กระเทียมมากกว่าหอมแดง)
หอมแดงปอกเปลือก 1 หัว
ผิวมะกรูด 2 ช้อนชา
ข่า 2 ช้อนขา
ตะไคร้ 1 ต้น
ขมิ้นสดปอกเปลือก ยาว 1 1/2 นิ้ว
พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
เกลือ
กะปิ 1 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ปลาดุกล้างน้ำให้สะอาดนำไปใส่ภาชนะก้นลึกพอสมควร  ต้มน้ำใส่เกลือป่นให้น้ำร้อนจัดแล้วนำมาราดบนปลาพักไว้สักครู่ จึงเทน้ำลวกปลาทิ้ง   พักไว้ (จะช่วยดับคาวปลาทุกชนิด
    ได้ดีมาก ๆ ค่ะ)
2. โขลกเครื่องน้ำพริกแกงพอหยาบ ๆ ให้ได้กลิ่นหอมของน้ำมันจากสมุนไพรเครื่องแกงก่อน จึงนำไปปั่นในเครื่องผสมอาหาร  หากไม่เมื่อยมือก็เชิญโขลกต่อไปตามอัธยาศัย
3. ใบมะกรูดนำมาหั่นฝอยส่วนหนึ่ง  และฉีกไว้โรยหน้าอีกส่วนหนึ่ง
4. นำกะทะตั้งไฟ  ใส่กะทิพอประมาณ เคี่ยวจนเป็นขี้โล้ (ไขมันแตกตัว) ใส่เครื่องแกงผัดจนหอม
5. ใส่กะทิที่เหลือ  พอเดือดใส่ปลาดุกที่ลวกไว้   ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอย ปรุงรสด้วยน้ำปลา  น้ำตาลปีบ (ถ้าชอบหวาน : แต่ที่ทำไม่ได้ใส่เพราะกะทิก็หวานพอแล้ว)
6. ตักใส่จาน โรยด้วยใบมะกรูดฉีก  พริกชี้ฟ้าสีแดง  เพื่อให้สีสันสวยงาม



เครื่องปรุงน้ำพริกค่ะ อ้อขาดอย่างหนึ่งค่ะ  พริกแห้ง 10-15 เม็ด


โขลกบานครกเลย....คนสมัยก่อนเขาถือว่ายังใช้ไม่ได้...

ปลาดุกลวกแล้ว  พริกแกง  กะทิ  น้ำปลา  ใบมะกรูด  พริกชี้ฟ้าสีแดง (สำหรับแต่งสีสัน)


เคี่ยวกะทิให้น้ำมันแตกตัวในกะทะใบเก่ง  (ภาชนะในการปรุงอาหารสำคัญมากนะจ๊ะ...จะให้กลิ่นและรสแตกต่างกันอย่างแน่นอน...กะทะเทฟล่อนเหมาะสำหรับการทอดปลาเพื่อไม่ให้หนังปลาติดกระทะเท่านั้น)


ใส่เครื่องแกง และผัดด้วยไฟอ่อน ๆ จนหอมไปทั้งบ้าน

ใส่กะทิที่เหลือ  พอเดือดใส่ปลาดุก (ห้ามคน ใช้มุมตะหลิวพลิกชิ้นปลาได้เบา ๆ) จนเกือบสุกปรุงรสด้วยน้ำปลา  น้ำตาลปีบนิ๊ด.ด.เดียวเท่านั้น  ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอย  


ตักใส่จาน โรยด้วยใบมะกรูดฉีก  พริกชี้ฟ้าสีแดง

และก็อย่าลืม
ไข่ฟูร้อน ๆ  กับน้ำปลาพริก ด้วยจ๊ะ


ติดตามสูตรอาหารและเคล็ดลับการประกอบอาหารคาว-หวาน
ได้ที่  "สุขใจในครัว" สุขใจดอทคอม
5448  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / กิมเล้งพาเข้าครัว - แกงฮังเล เมื่อ: 09 เมษายน 2555 16:02:41
กิมเล้งพาเข้าครัว - แกงฮังเล


แกงฮังเล    เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวล้านนา  บางแห่งเรียกว่า แกงฮินเล  หรือ แกงฮันเล   มี ๒ ชนิด คือ แกงฮังเลม่าน และ แกงฮังเลเชียงแสน   เชื่อกันว่าแกงฮังเลเป็นอาหารที่ชาวล้านนาได้รับอิทธิพลมาจากพม่าในครั้งอดีต  เนื่องจากอาณาจักรล้านนาซึ่งมีเมืองเชียงใหม่เป็นราชธานี  มีภาษา  มีหนังสือ มีวัฒนธรรม และประเพณีเป็นของตนเอง  เคยถูกปกครองในฐานะรัฐบรรณาการของราชอาณาจักรตองอู  ราชอาณาจักรอยุธยา  และราชอาณาจักรอังวะ  มาก่อนนั่นเอง

และสิ่งยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่างชนชาวล้านนาและราชอาณาจักรพม่าในอดีต   และเป็นที่มาของตำนานความรักอันสะเทือนขวัญและเล่าขานสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้    คือเรื่องราวของ
มะเมียะกับเจ้าน้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่  (นางสาวมะเมียะ : พ.ศ. 2430-พ.ศ. 2505)   นางสาวมะเมียะเป็นสาวแม่ค้าชาวพม่าที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ล้านนา โดยเป็นหญิงสาวที่มีความรักมั่นกับเจ้าอุตรการโกศลแห่งนครเชียงใหม่ เมื่อครั้งที่เจ้าอุตรการโกศล น้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่ เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า แต่ความรักต้องจบลงด้วยความโศกสลด  

วิธีทำแกงฮังเล
เครื่องปรุง
- ขาหมู (ขาหน้า)   1  กิโลกรัม   (โดยทั่ว ๆ ไป นิยมใช้เนื้อหมูสันนอก และหมูสามชั้น  หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2 x 2 นิ้ว  ในปริมาณเท่า ๆ กัน)
- กระเทียมปอกเปลือกแล้ว  1/2 ถ้วยตวง  (ตามภาพ : ใช้กระเทียมจีน เพราะถ้ารับประทานไม่หมด เมื่อนำไปอุ่นซ้ำหลายครั้งจะไม่เละเหมือนกระเทียมไทย)
- ขิงสดหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง
- แกนสับปะรด  1/2 ถ้วยตวง (ใส่เพื่อให้เนื้อหมูนิ่มเร็วขึ้นค่ะ ไม่ต้องเคี่ยวนานเกินไป)
- ผงแกงฮังเล 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา
- ซีอิ็วดำหมักหมู 2 ช้อนชา
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลปีบ

ส่วนผสมเครื่องแกง
- พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ด 8-10  เม็ด
- หอมแดง 4 หัว
- กระเทียม 3 หัว  
- ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- กะปิ 2 ช้อนชา (หรือถั่วเน่า-มีขายที่ภาคเหนือ)  

วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูกว้างยาวประมาณ 2 นิ้ว  นำไปคลุกกับซีอิ๊วดำ หมักทิ้งไว้นานประมาณ 10 นาที
2. โขลกเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด (หรือหากจะปั่นเครื่องแกง  ควรโขลกเครื่องปรุงเสียก่อนพอหยาบ ๆ จะทำให้ได้กลิ่นหอมน้ำมันจากสมุนไพร)
3. นำเนื้อหมูที่หมักไว้ใส่หม้อเติมน้ำลงไปพอท่วมเนื้อหมูยกขึ้นตั้งไฟ   ใส่เครื่องแกง  แกนสับปะรด  พอร้อนใส่เต็มที่จึงใส่ผงแกงฮังเล   เคี่ยวด้วยไฟอ่อนสุด  จนหมูเปื่อย
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา  น้ำตาลปีบ  น้ำมะขามเปียก


ที่บ้านมีขาหมู จึงใช้ขาหมูแทนส่วนสันนอกและสามชั้น


ผงแกงฮังเล (ซื้อมาจากเชียงใหม่ ถ้าหาไม่ได้ใช้ผงกะหรี่แทนได้ค่ะ)


บนเขียงใกล้ๆ ตะไคร้ คือถั่วเน่า (เป็นเครื่องปรุงสำคัญของอาหารไทยภาคเหนือ ทำจากถั่วเหลือง ใช้แทนกะปิ)


คลุกซีอิ๊วดำกับหมู หมักไว้ประมาณ 10 นาที


โขลกเครื่องแกง


ให้ได้น้ำมันหอมจากสมุนไพร เช่น พริก ตะไคร้ หอม กระเทียม ไม่ต้องละเอียดมาก เมื่อยมือน่ะ  


นำไปบดต่อในเครื่องผสมอาหาร


เคล้าพริกแกงกับหมูให้เข้ากัน


ตั้งไฟผัดให้หอม (ไม่ต้องใส่น้ำมัน..คนสมัยโบราณเรียกวิธีนี้ว่าการรวน - รวนหมู - รวนไก่ ฯลฯ)




เติมน้ำลงไปให้ท่วมหมู  น้ำแกงเดือดเต็มที่ ใส่ผงฮังเล  เคี่ยวไฟอ่อนสุดๆ


เคี่ยวมาหลายชั่วโมงแล้ว ใส่กระเทียมปอกเปลือก ขิงซอย น้ำปลา น้ำตาลปีบ และน้ำมะขามเปียก


ชิมรสตามชอบ เคียวสักพักใหญ่ใช้ได้











5449  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปเที่ยว / กิมเล้งพาทัวร์ - หาดเจ้าสำราญ เพชรบุรี เมื่อ: 09 เมษายน 2555 12:34:41





ทิวทัศน์ข้างทาง จังหวัดสมุทรสงคราม






http://www.sookjai.com/external/jaosamran-beach/DSC09950.JPG
http://www.sookjai.com/external/jaosamran-beach/DSC09951.JPG









..ศิลปินเม็ดทรายครับ




ยามบ่าย






ยามเย็น




5450  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปเที่ยว / กิมเล้งลุยต่างแดน ....ตะลุยออสเตรเลีย เมื่อ: 05 เมษายน 2555 19:03:04
กิมเล้ง ลุยต่างแดน ภาค 2 ตอน... กิมเล้งตะลุยออสเตรเลีย



ที่เห็นในมือคือบูมเมอแรง



แสดงโชว์การขว้างบูมเมอแรง


1.
1 - 2 การแสดงโชว์การโกนขนแกะ (ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 2-3 นาที)
ที่มีชื่อเสียงของออสเตรเลีย ณ KOALA PARK

2.


..?....


ต่อค่ะ...โกนขนแกะ



หมีโคล่า (Koala)  ขนนิ่มมาก สามารถจับเล่นได้ไม่ดุร้าย



จิงโจ้..เจ้าพวกนี้ก็ไม่ดุร้ายเข้าไปจับเล่นได้เหมือนกัน



...จำไม่ได้..ที่ไหนไม่ทราบ  





...ที่ไหนก็ไม่รู้...จำไม่ได้



ล่องเรือที่อ่าวซิดนีย์ (Sydney) (ณ มหานครซิดนีย์)



...ที่ไหนก็ไม่รู้...จำไม่ได้อีกแหละ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sydney Aquarium










5451  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / Re: ใส ๆ เบา ๆ สบาย ๆ นะจ๊ะ เมื่อ: 05 เมษายน 2555 14:22:10



เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้







....ข้าโดดก่อนละเจ้า Mck......ตัวใครตัวมันนะเฟ้ย.... บ๊าบบาย บ๊าบบาย บ๊าบบาย
.






.
5452  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / นี่ก็เบา ๆ ใส ๆ สบาย ๆ นะจ๊ะ! เมื่อ: 04 เมษายน 2555 18:53:18




นี่ก็เบา ๆ ใส ๆ สบาย ๆ ...นะจ๊ะ!




 
หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น





.
5453  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / Re: ใส ๆ เบา ๆ สบาย ๆ นะจ๊ะ เมื่อ: 04 เมษายน 2555 13:24:52




                    
นาย Mck.!.. เอ็งแน่ใจแน่นะ  ว่างานนี้ใส .ๆ. . สบาย .ๆ .. นะจ๊ะ...?..

 หือ ?




.
5454  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / เค้กช็อกโกแลตนมสด เมื่อ: 01 เมษายน 2555 20:14:20



เค้กช็อกโกแลตนมสด
(สปันจ์เค้ก)
----------------------------------------------------------

ส่วนผสม –  ตัวเค้ก

แป้งเค้ก                         150 กรัม                    
5.70 บาท
ผงโกโก้½ ถ้วยตวง
5.00 บาท
ไข่ไก่3 ฟอง
9.90 บาท
เนยสดละลาย75 กรัม
10.00 บาท
โอวาเล็ต1 ช้อนโต๊ะ
1.00 บาท
น้ำตาลทรายป่นละเอียด¾ ถ้วยตวง
6.00 บาท
น้ำเย็น1/3 ถ้วยตวง
-  บาท
ผงฟู1 ช้อนชา
-  บาท
เกลือป่น½ ช้อนชา
-  บาท
โซดาไบคาบอร์เนต1 ช้อนชา
-  บาท
กลิ่นวานิลลา1 ช้อนชา
-  บาท
กลิ่นช็อคโกแลต1 ช้อนชา
-  บาท


ส่วนผสม - ครีมนมสด
ครีมนมสด         1 ถ้วยตวง   30.00  บาท
น้ำตาลไอซิ่ง      1 ช้อนโต๊ะ     1.00 บาท

* ต้นทุนรวมโดยประมาณ 70 บาท  ได้เค้กขนาด 2 ปอนด์1 ชิ้น และชิ้นเล็ก อีก 2 ชิ้น  (ตีขึ้นมากจนล้นพิมพ์  ต้องใส่พิมพ์เล็กอีก 2 พิมพ์ค่ะ)

วิธีทำ – เนื้อเค้ก
 1. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เกลือป่น เข้าด้วยกัน
2. ร่อนผงโกโก้รวมกับผงแบคกิ้งโซดา พักไว้
3. นำแป้งเค้กที่ร่อนแล้วใส่ลงในโถปั่น  ใส่น้ำตาลทรายป่นละเอียด  ไข่ไก่  น้ำเย็น  โอวาเล็ต  กลิ่นวานิลลาและกลิ่นช็อกโกแลต  รวมเข้าด้วยกัน  ตีด้วยความเร็วต่ำให้แป้งเพื่อมิให้แป้งฟุ้งกระจาย
    ตีพอส่วนผสมเข้ากัน   จึงค่อยเร่งเป็นความเร็วสูงสุดของเครื่องนานประมาณ  2 นาที
4. ปิดเครื่อง  ใส่ผงโกโก+โซดาไบคาบอเนต  แล้วตีต่อด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ  3 นาที
5. ค่อย ๆ ใส่เนยละลาย และตีต่อด้วยความเร็วต่ำสุดพอให้เนยสดเข้ากันกับเนื้อเค้ก
6. เทใส่พิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ ที่ทาด้วยเนยขาวและรองกระดาษไข  อบไฟบน-ล่าง 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 45 นาที  นำออกจากพิมพ์พักทิ้งไว้ให้เย็น

วิธีทำ – ครีมนมสด   
ใส่ครีมนมสดที่แช่เย็นจัด  และน้ำตาลไอซิ่งลงในโถปั่น  ตีด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู (สังเกตภาพถ่ายประกอบ) จึงนำมาปาดบนเค้กและตกแต่งลวดลายตามความชอบ

* เค้กตามภาพประกอบทำเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555  ที่บ้านอากาศค่อนข้างร้อน  การบีบเนื้อครีมและลวดลายบนเนื้อเค้ก เส้นจึงไม่คมชัดที่ที่ควรเพราะครีมนมสดละลายเร็ว *  
                                                                              
                                                                                                                                         สุขใจดอทคอม



วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำเค้กค่ะ




ผสมแป้งเค้ก+เกลือ+ผงฟู  ไข่ไก่ น้ำตาลทรายป่น
น้ำเปล่า โอวาเลต กลิ่นวานิลลา และกลิ่นช็อกโกแลตลงในเครื่องผสม


ตีส่วนผสมด้วยความเร็วต่ำสุด เพื่อมิให้แป้งฟุ้งกระจาย
แล้วค่อย ๆ เร่งความเร็วของเครื่องจนถึงระดับสูงสุด ใช้เวลา 2 นาที ปิดเครื่อง




ใส่ส่วนผสมผงโกโก้+โซดาไบคาร์บอเนต ตีส่วนผสมด้วยความเร็วต่ำสุดพอเข้ากัน มิให้ผงโกโก้ฟุ้งกระจาย


ตีต่อด้วยความเร็วสูงสุด ประมาณ 3 นาที ปิดเครื่อง


ค่อยๆ เทเนยสดละลายผสมลงไป


ตีต่อด้วยความเร็วต่ำสุดพอเข้ากัน ปิดเครื่อง


เปิดเตาอบไฟบน-ล่าง ระดับ 180 องค์ศาเซลเซียส ไว้ล่วงหน้าประมาณ 10 นาที
เพื่อให้ความความร้อนกระจายคงที่ (ควรเปิดขณะเริ่มตีเค้ก)


นำเค้กใส่พิมพ์ ประมาณ 3/4 ส่วนของพิมพ์ (ทาด้วยเนยขาวและรองกระดาษไข)


นำเข้าอบประมาณ 45 นาที




ใช้ได้แล้วค่ะ




คว่ำถาดบนตะแกรงลวด-เบา ๆ มือนะคะ เนื้อเค้กสูตรนี้นิ่มมาก เค้กจะได้รูปทรงสวยงาม


ลอกกระดาษไขรองถาดออก


ลอกกระดาษไขออกค่ะ


นำตะแกรงลวดมาปิดเค้ก  แล้วคว่ำตะแกรง


พลิกตะแกรงค่ะ  ให้หน้าเค้กอยู่ด้านบน


นำตะแกรงออก แล้วปล่อยเค้กทิ้งไว้ให้เย็น


ขั้นตอนการทำครีมนมสด  เทครีมนมสดลงโถปั่นพร้อมน้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะพูน


เค้กและวัสดุอุปกรณ์ในการต่งหน้าเค้ก


ตีครีมนมสดด้วยความเร็วปานกลาง  


จนขึ้นฟูเต็มที่ดังภาพ นำไปแต่งเค้กได้แล้วค่ะ


"ครีมนมสด" ต้องรีบปาดครีมและบีบลวดลายอย่างรวดเร็ว




ถ้ารับประทานไม่หมด อย่าลืมนำเข้าแช่ในตู้เย็นนะคะ

หมายเหตุ ภาพที่โพสท์ครั้งแรก เป็นภาพขนาดใหญ่ มีความแจ่มชัด
แต่ปรากฏว่าภาพหายไปจากระบบโดยไม่ทราบสาเหตุ มากกว่า 100 รายการอาหารคาว-หวาน
เว็บไซท์รับฝากภาพ ไม่สามารถอธิบายได้ ผู้โพสท์ต้องตามเก็บจาก https://encrypted-tbn2.gstatic.com
ซึ่งเป็นภาพขนาดเล็ก และค่อนข้างมัวๆ มาลงซ่อมใหม่ทั้งหมดไปพลางก่อน
ขอเวลาในการทำอาหารคาว/หวาน อีกครั้ง เพื่อซ่อมกระทู้นับร้อยกระทู้
เว็บไซต์สุขใจดอทคอม. ค่ะ Kimleng.
...สิงหาคม 2558
5455  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / ขอโทษ : ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ เมื่อ: 01 เมษายน 2555 19:17:54



ขับร้อง : ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์







.



.
5456  นั่งเล่นหลังสวน / เพลงไทยเดิม / เดี่ยวกู่เจิ้งเพลงไทยเดิม เมื่อ: 01 เมษายน 2555 18:48:43



 
         เดี่ยวกู่เจิ้ง เพลงไทยเดิม



เพลงลาวแพน
เดี่ยวกู่เจิ้ง : คุณธนทรัพย์ มีทรัพย์  มือเดี่ยวจะเข้จบจากศิลปกรรมศาสตร์­จุฬาฯ





เพลงเขมรไทรโยค
เดี่ยวกู่เจิ้ง




เพลงโหมโรง
เดี่ยวกู่เจิ้ง












http://www.sookjai.com/index.php?action=post;board=76.0
















5457  สุขใจในธรรม / พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม / พุทธวจนะในธรรมบท เมื่อ: 01 เมษายน 2555 18:10:07






             พุทธวจนะในธรรมบท
             หมวดโลก : THE WORLD

อุตฺติฏฺเฐ นปฺปมชฺเชยฺย
ธมฺมํ สุจริตํ จเร
ธมฺมจารี สุขํ เสติ
อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ ฯ ๑๖๘ ฯ

ลุกขึ้นเถิด อย่ามัวประมาทอยู่เลย
จงประพฤติสุจริตธรรม
เพราะผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข
ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า


Arise! Be not negligent!
Lead a righteous life.
For one who lives a righteous life
Dwells in peace here and hereafter.









http://www.sookjai.com/index.php?action=post;board=18.0





.
5458  นั่งเล่นหลังสวน / เพลงไทยเดิม / เพลงราตรีประดับดาว เมื่อ: 01 เมษายน 2555 14:38:26

 ราตรีประดับดาว

เพลงราตรีประดับดาวนี้ เป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗)  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดดนตรีไทยเป็นอย่างยิ่ง และทรงมีพระปรีชาสามารถในการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย โดยเฉพาะการทรงซอ   ทรงศึกษาดนตรีไทยจากหลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน) และหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ซึ่งเป็นครูดนตรีไทยที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น



บรรเลงโดยวงเครื่องสายปี่มอญ คณะภัสสรารัตน์



ราตรีประดับดาว: สยามสังคีตดนตรีไทย







.
5459  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ใต้เงาไม้ / แลหลังกวีไทย : กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง เมื่อ: 01 เมษายน 2555 13:26:54


    
ธารไหลใสสะอาดน้ำ            รินมา
มัจฉาชาตินานา                 หวั่นหว้าย
   
จอก สาหร่ายกินไคลคลา      เชยหมู่
ตามคู่มาคล้ายคล้าย            ผุดให้เห็นกัน
คัดลอกจาก กาพย์ห่อโครงประพาสธารทองแดง พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)


กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
         
          กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง   พระนิพนธ์ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์  พระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ หรือขานพระนามกันโดยทั่วไปว่า "เจ้าฟ้ากุ้ง"     พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 1 ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ กับกรมหลวงอภัยนุชิต พระมเหสีใหญ่
          เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ทรงพระปรีชาสามารถหลายด้าน โดยเฉพาะด้านวรรณกรรม พระองค์ทรงเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่ง ผลงานด้านวรรณกรรมที่พระองค์ทรงนิพนธ์ไว้นั้นจัดเป็นวรรณกรรมอันเลอค่า โดยเฉพาะคำประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลงดูจะมีมากกว่างานพระนิพนธ์ชนิดอื่น ๆ งานนิพนธ์ที่เหลือจนบัดนี้มีที่รวบรวมได้ดังนี้
           ๑. กาพย์เห่เรือ
           ๒. บทเห่เรื่องกากี ๓ ตอน
           ๓. บทเห่สังวาสและเห่ครวญอย่างละบท
           ๔. กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก
           ๕. กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง
           ๖. นันโทปนันทสูตรคำหลวง ทรงพระนิพนธ์ พ.ศ. ๒๒๗๙ ขณะทรงผนวช
           ๗. พระมาลัยคำหลวง ทรงพระนิพนธ์ พ.ศ. ๒๒๘๐ ขณะทรงผนวช



วัดไชยวัฒนาราม  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา : สถานที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ หรือ "เจ้าฟ้ากุ้ง"กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์





           ธารทองแดง  เป็นชื่อลำน้ำที่เขาพระพุทธบาท  จังหวัดสระบุรี   เป็นสถานที่อันรื่นรมด้วยธรรมชาติ  แต่ลำธารนั้นบัดนี้ตื้นเขินและแห้งเสียแล้ว   เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ได้พรรณาสภาพของธรรมชาติของป่าดง พรรณไม้
ต่าง ๆ  พรรณาลำธาร  ปลา  และตอนท้ายพรรณาความรื่่นรมย์ที่มีอยู่ในบริเวณนั้น



     http://www.sookjai.com






.

















5460  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / มาลีฮวนนา : กระท่อมกัญชา เมื่อ: 01 เมษายน 2555 07:36:41







กระท่อมกัญชา
มาลีฮวนนา

กระท่อมกัญชา - มาลีฮวนน่า







.
หน้า:  1 ... 271 272 [273] 274
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.303 วินาที กับ 26 คำสั่ง