หัวข้อ: ไปฟังเทศนามหาเวสสันดรชาดก (เทศน์มหาชาติ) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 15:34:43 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/17824588922990_DSC02674.JPG) การเทศนามหาเวสสันดรชาดก (เทศน์มหาชาติ) ประเพณีการเทศน์มหาชาติ ประเพณีอันนี้เห็นจะมีมาในเมืองไทย ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระร่วงครองพระนครสุโขทัยเป็นปฐม แล้วมีต่อติดมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ จัดเป็นประเพณีที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดและมีความหมายมากที่สุดในสังคมไทย เพราะความเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติแล้วจะได้กุศลแรงและหากใครตั้งใจฟังให้จบในวันเดียวจะได้เกิดร่วมและพบพระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์ ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มหาชาติชาดก กล่าวถึงการดำเนินชีวิตตามหลักพุทธศาสนา โดยเฉพาะคติของการทำบุญให้ทาน การกลับชาติมาเกิดของพระโพธิสัตว์ เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร อันเป็นพระชาติสุดท้ายที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีครบ ๑๐ ประการ ก่อนจะทรงตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยทานบารมีชั้นสุดยอดที่ยากยิ่ง โดยปรากฏให้เห็นในวรรณกรรมที่แต่งขึ้นมากมายทั้งต่างสำนวนและต่างยุคสมัย ทั้งที่เป็นฉบับหลวงซึ่งมีลักษณะเป็นคำประพันธ์ต่างๆ และฉบับท้องถิ่น เช่น ทางภาคเหนือมีมหาชาติภาคพายัพ เขียนเป็นภาษาล้านนาหลายฉบับและหลายสำนวน ทางภาคอีสานมีมหาชาติคำเฉียง ส่วนทางภาคใต้มีมหาชาติชาดกฉบับวัดมัชฌิมาวาส สงขลา เป็นต้น (http://www.sookjaipic.com/images_upload/84062718144721_1.png) บำเพ็ญทานบารมีขั้นปรมัตถ์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/82345293338100_1.png) พิธีแห่พระเวสเข้าเมือง ในงานบุญพระเวส ประเพณีการเทศน์มหาชาติ ในราชสำนัก ปรากฏเป็นพระราชพิธีในวังหลวงมาแต่ครั้งสมัยกรุงสุโขทัย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ถึงกับทรงโปรดฯ ให้สร้างพระที่นั่งทรงธรรม ด้วยพระราชประสงค์ให้เป็นที่ทรงธรรมในงานพระราชพิธีเทศน์มหาชาติ ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ ๑-๓) การเทศนามหาชาติมีถึง ๓๓ กัณฑ์ เครื่องกัณฑ์คล้ายกับบริขารกฐิน คือ ผ้าไตร แพร เงิน ๑๐ ตำลึง ขนมต่างๆ และกำหนดให้เทศน์บนพระที่นั่งเศวตฉัตร ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยแห่งเดียว ยกเว้นแต่มีพระบรมศพอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จึงได้ยกขึ้นไปเทศน์บนพระแท่นมุก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เคยยกไปจัดที่พระที่นั่งอนันตสมาคม แต่ข้างในฟังไม่ได้ยิน จึงได้ย้ายเข้าไปจัดที่พระที่นั่งทรงธรรมข้างใน เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงดำรงอยู่ในสมณเพศก็ทรงหัดเทศน์กัณฑ์มัทรี จนกลายเป็นธรรมเนียมให้พระราชโอรสถวายเทศน์มหาชาติในวังหลวง แต่ในรัชกาลที่ ๓ นั้น ถ้าปีใดมีพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า ทรงผนวชเป็นภิกษุและสามเณรมาก ปีนั้นก็มีเทศน์มหาชาติ ปีใดไม่ใคร่มีพระองค์เจ้าและหม่อมเจ้าทรงผนวช ก็เปลี่ยนเป็นเทศนาปฐมสมโภชโพธิ ในท้องถิ่น โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่สำคัญที่สุดของปี จะจัดขึ้นในราวเดือน ๔ เรียกว่า บุญพระเวส ทั้งยังนิยมให้มีประเพณีเกี่ยวเนื่องกันด้วย เช่น พิธีแห่พระเวสเข้าเมือง พิธีแห่ข้าวพันก้อนเพื่อบูชาคาถาพัน ทางภาคเหนือก็ให้ความสำคัญกับการเทศน์มหาชาติมาก โดยจัดให้มีประเพณีสร้างหลาบเงินหรือแผ่นเงินแกะลาย แขวนห้อยรอบฉัตร ถวายเป็นเครื่องขันธ์ตั้งธรรมหลวงในงานบุญเทศน์มหาชาติ แผ่นเงินเหล่านี้จะจำหลักเป็นรูปลวดลายต่างๆ ส่วนทางภาคใต้นั้น ประเพณีเทศน์มหาชาติได้คลี่คลายไปเป็นประเพณีสวดด้านซึ่งคล้ายคลึงกับการสวดโอ้เอ้วิหารของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ การเทศน์มหาชาติในส่วนที่เป็นประเพณีราษฎร์ นอกจากจะรักษาแบบแผนราชสำนักที่เน้นความศักดิ์สิทธิ์แล้วยังแฝงด้วยความสนุกสนาน การละเล่น และแหล่ต่างๆ แทรกอยู่ด้วย เพื่อให้ผู้ฟังได้รสยิ่งขึ้น ชาวบ้านในบางท้องที่แถบภาคกลางจะมีการเล่นมหาชาติทรงเครื่อง เวลามีพิธีเทศน์มหาชาติ ชาวบ้านจะรับมาจากวัดและไปเล่นกันเอง ต่อมาชาวบ้านกลับไปชวนพระมาเล่นด้วยกัน จึงเป็นการเล่นระหว่างแม่เพลงที่มีเสียงดีที่มักรับบทเป็นพระนางผุสดีหรือพระนางมัทรี กับพระที่มักจะรับบทพระเวสสันดรและชูชก (http://www.sookjaipic.com/images_upload/13503554256425_DSC02696.JPG) วงปี่พาทย์ ประโคมประกอบการเทศน์มหาชาติ ด้วยเชื่อว่าเป็นการเสริมศรัทธาให้เกิดความปีติในผลบุญที่ได้บำเพ็ญ จะเห็นได้ว่าประเพณีการเทศน์มหาชาติ มีความแตกต่างกันไป เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละภาค แต่ในภาคกลางยังคงลักษณะสำคัญตามประเพณีหลวงไว้ได้มากที่สุด เช่น ในการเทศน์มักจะมีปี่พาทย์ประโคมขณะดำเนินพิธีตามแบบของหลวง ด้วยเชื่อว่าเป็นการเสริมศรัทธาให้เกิดความปีติในผลบุญที่ได้บำเพ็ญ กับทั้งเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ที่ได้ยินเสียงปี่พาทย์ได้ทราบว่ากำลังมีพิธีเทศน์มหาชาติอยู่ ผู้ใดรับกัณฑ์เทศน์ใดไว้จะได้ตระเตรียมตัวได้ทัน ปี่พาทย์ในงานเทศน์มหาชาติจะเริ่มด้วยเพลงโหมโรง และกำหนดเพลงปี่พาทย์ประจำกัณฑ์ไว้ ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์ตามแบบหลวงที่มีความศักดิ์สิทธิ์และถือเป็นเพลงชั้นสูงทั้งสิ้น เช่น กัณฑ์ทศพร ใช้เพลงสาธุการ (อัญเชิญเทวดา) กัณฑ์หิมพานต์ ใช้เพลงตวงพระธาตุ กัณฑ์วนประเวศน์ ใช้เพลงพญาเดิน เพราะเนื้อเรื่องในกัณฑ์นี้ พระเวสสันดรและพระนางมัทรี ต้องทรงพระดำเนิน อุ้มพระกุมารชาลีและกัณหา เข้าสู่ป่าอันทุรกันดาร จึงใช้เพลง “พญาเดิน” สำหรับประกอบการไปมาด้วยการเดินอย่างไม่รีบร้อนของผู้มีเกียรติศักดิ์ เช่นพระมหากษัตริย์ เป็นต้น ข้อมูล : ๑. หนังสือ พระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, สำนักพิมพ์ เพชรกะรัต โดยได้รับงบประมาณสนับสนุน จาก สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ๒. หนังสือ สารานุกรมไทยฯ เล่ม ๑๘ โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะกรรมการโครงการสารานุกรมไทย อาคารสนามเสือป่า จัดพิมพ์เผยแพร่ ๓. หนังสือ วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม ๑ กรมศิลปากร จัดพิมพ์เผยแพร่ พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๔. คอลัมน์ องค์ความรู้ภาษาไทย โดยราชบัณฑิตยสถาน หน้า ๒๒ นสพ.เดลินิวส์ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ ๒๐ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/71773758903145_DSC02665.JPG) การเตรียมพิธีเทศน์มหาชาติ จัดเตรียมธรรมาสน์ ผูกต้นกล้วย ต้นอ้อย มีดอกไม้ร้อยห้อยย้อยเป็นพวงพู่ (จำลองป่าหิมพานต์) ตั้งพาน โอ่งน้ำมนต์ ที่จุดธูปเทียนบูชากัณฑ์ ราชวัตรฉัตรธงตามธรรมเนียมนิยม วงสายสิญจน์รอบปากโอ่งน้ำมนต์ นำไปผูกติดกับสายสิญจน์ที่โยงรอบมณฑลพิธี (อธิบายยากจัง) น้ำที่ตั้งไว้ในมณฑลเป็นน้ำมนต์ เชื่อกันว่าช่วยปัดเป่าเสนียดจัญไรได้ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/92965378819240_DSC02672.JPG) เจ้าของกัณฑ์ (เจ้าภาพ) จุดธูปเทียนบูชากัณฑ์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/22737453629573_DSC02673.JPG) หัวข้อ: Re: ไปฟังเทศนามหาเวสสันดรชาดก (เทศน์มหาชาติ) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 พฤศจิกายน 2555 16:55:24 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/63869209215044_1.png) โบราณาจารย์ ได้กำหนดเพลงสำหรับบรรเลงเวลาพระเทศน์จบลงแต่ละกัณฑ์ไว้เป็นแบบฉบับ โดยถือเนื้อเรื่องของกัณฑ์นั้นๆ เป็นหลัก และได้ใช้เป็นแบบแผนการบรรเลงมาจนถึงปัจจุบัน การบรรเลงปี่พาทย์ ประกอบการเทศนามหาเวสสันดรชาดก ของคณะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏฯ ประจำจังหวัด (เอกดนตรีไทย) ซึ่งให้ความอนุเคราะห์บรรเลงให้กับทางวัดแห่งนี้ทุกปี (http://www.sookjaipic.com/images_upload/40780292120244__3585_3633_3603_3601_3660_3607.gif) • กัณฑ์ ๑ กัณฑ์ทศพร พระอินทร์ประทานพร ๑๐ ประการ แก่พระนางผุสดี ๑. ปัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ ที่ประทับของท้าวสักกเทวราชอยู่ภายใต้ต้นปาริฉัตรในดาวดึงสเทวโลก ๒. ท้าวสักกเทวราช ทรงทราบความที่นางผุสดีเทพกัญญา จะจุติจากดาวดึงสพิภพลงไปเกิดในมนุษย์โลก จึงให้พระนางทรงเลือกพระพรสิบประการได้ตามความปรารถนา ๓. พระนางผุสดีเทพกัญญาทูลขอพรสิบประการ ดังนี้ ๑. ขอให้พระนางได้ประทับในปราสาทอันงดงามยิ่งของพระเจ้าสีพิราช และขอให้เป็นนางนารถแห่งพระบาทพระเจ้ากรุงสีพีราชาธิราช ๒. ขอให้ดวงเนตรทั้งสองมีสีดำสวยงาม ประดุจดดวงตาเนื้อทราย ๓. ขอให้พระขนงเรียวงาม และมีสีอัญชัน สร้อยคอนกยูง ๔.ขอให้ทรงนามว่าผุสดี ๕. ขอให้มีพระโอรสที่ทรงเกียรติยิ่งกว่ากษัตริย์ทั้งปวง และมีพระราชศรัทธาในการให้ทาน ๖. ขออย่าให้พระครรภ์ปรากฏนูนเด่นชัด ดังสตรีทั่วไป ๗. ขออย่าให้พระถันทั้งคู่ดำในเวลาทรงครรภ์ และเมื่อประสูติแล้วขออย่าให้คล้อยตก หย่อนยาน ๘. ขอให้พระเกศาดำเป็นมันดุจปีกแมลงค่อมทอง ๙. ขอให้มีพระฉวีละเอียดลออดั่งทองคำธรรมชาติ ๑๐. ขอให้ทรงมีอำนาจปลดปล่อยนักโทษต้องประหารชีวิตให้พ้นโทษ เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงสาธุการ ประกอบกิริยาที่พระนางผุสดีแสดงกริยานอบน้อมรับพร ๑๐ ประการจากพระอินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/15208391224344__3585_3633_3603_3601_3660_3627.gif) • กัณฑ์ ๒ กัณฑ์หิมพานต์ พระราชทานช้างปัจจัยนาคแก่ชาวเมืองกลิงคราษฐ์ ๑. พระนางผุสดีเทพกัญญารับพรสิบประการ แล้วจุติไปบังเกิดในตระกูลกษัตริย์มัทราช ได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัย ผู้ครองสีวิรัฐ ประสูติพระโอรส ทรงพระนามว่าพระเวสสันดร ๒. พระเวสสันดร ทรงช้างปัจจัยนาคเสด็จออกบำเพ็ญทานประจำวัน ๓. ระหว่างทางเสด็จ พราหมณ์ชาวเมืองกลิงคราษฐ์ทูลขอช้างปัจจัยนาค ก็ทรงบริจาคพระราชทานให้ เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงตวงพระธาตุ ประกอบพระเวสสันดรทรงประทานช้าง ซึ่งเปรียบเสมอด้วย การตวงพระธาตุของพระพุทธเจ้าแจกจ่ายทั่วไป (http://www.sookjaipic.com/images_upload/58734547346830__3585_3633_3603_3601_3660_3607.gif) • กัณฑ์ ๓ กัณฑ์ทานกัณฑ์ ทรงบำเพ็ญสัตตสดกมหาทาน ๑. เมื่อพระเวสสันดรพระราชทานช้างต้นมงคลให้แก่พราหมณ์ชาวกลิงคราษฐ์ ชาวสีวิรัฐได้ทราบก็พากันขึ้งโกรธ กล่าวโทษพระเวสสันดรต่อพระเจ้ากรุงสญชัย ให้ขับพระเวสสันดรออกจากพระนคร พระเจ้ากรุงสญชัยตรัสผัดผ่อนไว้วันรุ่งขึ้น ๒. พระนางผุสดี พระราชชนนีทรงทราบเหตุ ไปเฝ้าทูลขอโทษต่อพระเจ้ากรุงสญชัย ก็ไม่ทรงโปรดพระราชทานอภัยโทษ ๓. พระนางผุสดีทรงกันแสง รำพันว่าที่แม่ไปทูลขอโทษ ไม่ทรงโปรดพระราชทานยกโทษให้ ๔. พระเวสสันดร เสด็จออกทรงบำเพ็ญสัตตสดกมหาทาน ๕. พระเวสสันดร เสด็จทรงราชรถออกจากพระนครพร้อมด้วยพระนางมัทรี และพระกัณหาชาลีราชปิโยรส ระหว่างทางมีพราหมณ์มาทูลขออัสดรและราชรถ ก็ทรงบริจาคให้เป็นทาน เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงพญาโศก ประกอบอาการเศร้าโศก เมื่อพระเวสสันทรกราบบังคมทูลลาออกจากพระนครสีพี (http://www.sookjaipic.com/images_upload/85688069421384__3585_3633_3603_3601_3660_3623.gif) • กัณฑ์ ๔ กัณฑ์วนประเวศน์ บำเพ็ญพรต ณ อาศรมเขาวงกฏ ๑. เมื่อพระเวสสันดร พระราชทานม้ารถหมดทุกสิ่งแล้ว จึงตรัสแก่พระนางมัทรีว่า พี่จะอุ้มพ่อชาลี เจ้าจงอุ้มแก้วกัณหา พากันเสด็จดำเนินโดยสถลมรรคา บรรลุถึงเมืองเจตราช ๒. พวกเจ้าเจตราชทราบข่าวเสด็จพระเวสสันดร พากันเสด็จมาเฝ้า ทูลถวายพระนครให้ครอบครอง พระองค์มิได้ทรงรับ ๓. เจ้าเจตราช ส่งเสด็จพระเวสสันดรไปเขาวงกฎ แล้วทรงตั้งนายเจตบุตรพรานไพรให้เป็นนายด่านรักษาประตูป่า ๔. พระเวสสันดรเสด็จถึงอาศรมในบริเวณเขาวงกฎ ซึ่งท้าวสักกเทวราชให้วิสสุกรรมนิรมิตไว้ แล้วทรงเพศเป็นดาบส พระนางมัทรีก็ทรงเพศเป็นดาบสินี บำเพ็ญพรตอยู่ในอาศรมนั้น เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงพญาเดิน ประกอบอาการการไปมาด้วยการเดินอย่างไม่รีบร้อนของผู้มีเกียรติศักดิ์ เช่นพระมหากษัตริย์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/73557748769720__3585_3633_3603_3601_3660_3594.gif) • กัณฑ์ ๕ กัณฑ์ชูชก ชูชกรับอาสาไปขอชาลีกัณหา ๑. ชูชกได้นางอมิตตดาพาไปอยู่บ้านทุนวิฐ พราหมณ์หนุ่ม ๆ เห็นนางปฏิบัติผัวดีกว่าเมียของตัว ก็เดือดดาลใจพาลพาโลตีเมียของตน ๆ ๒. พวกนางพราหมณีเจ็บใจ พอเห็นนางอมิตตดามาสู่ท่าน้ำ ก็รุมกันตีด่าว่าขานจนนางอมิตตดาต้องกระเดียดกระออมน้ำกลับบ้าน ๓. ชูชกเห็นนางเดินร้องไห้กลับมาถึงถามเหตุ นางก็แจ้งคดีให้ฟัง แล้วว่า แต่นี้ไปงานการจะไม่ทำ จงไปขอชาลีกัณหามาให้ใช้ ๔. ชูชกรับอาสาไปขอชาลีกัณหา ออกเดินทางเที่ยวถามไปทุกหนแห่งแล้วก็เข้าสู่ดงแดนเจตบุตร เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงเซ่นเหล้า ประกอบกิริยาการเดินของชูชก ที่เดินกะย่องกะแหย่งเหมือนคนแก่ หรือคนพิการไม่สมประกอบ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/68220752932959__3585_3633_3603_3601_3660_3592.gif) • กัณฑ์ ๖ กัณฑ์จุลพน พรานเจตบุตรชี้ทางสู่เขาวงกฏ ๑. สุนัขของพรานเจตบุตรเห็นชูชกก็รุมไล่กัด ชูชกหนีปีนขึ้นต้นไม้ ๒. พรานเจตบุตรเห็นก็ขู่ว่าจะยิงด้วยหน้าไม้ ชูชกไหวดีกว่าแก้ว่า เป็นทูตของพระเจ้ากรุงสญชัย พรานเจตบุตรหลงเชื่อ ผูกสุนัขเข้ากับโคนไม้ ต้อนรับชูชก ถามว่าอะไรอยู่ในย่าม ชูชกชี้ไปที่กลัก พลิกกลักงาว่า นี่คือกลักพระราชสาร ๓. พรานเจตบุตรเชิญชูชกขึ้นไปบนเรือน ให้กินเนื้อย่างจิ้มน้ำผึ้ง แล้วก็พาออกไปชี้มรรคา ๔. พรานเจตบุตรพรรณนาพรรณไม้ อันมีในป่าหิมพานต์แล้วบอกทางที่จะไปสู่เขาวงกฎ และว่าจะไปพบกับอจุตฤษี เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงเซ่นเหล้า ประกอบกิริยาของพรานเจตบุตร ข่มขู่ชูชกให้เกรงกลัวตน และความน่าสะพรึงกลัวของป่าหิมพานต์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/96794318863087__3585_3633_3603_3601_3660_3617.gif) • กัณฑ์ ๗ กัณฑ์มหาพน พระอจุตฤษีพรรณนาป่าหิมพานต์ ๑. ชูชกเดินไต้เต้าตามอรัญญวิถี ก็บรรลุถึงอาศรมอจุตฤษี จึงเข้าไปถามไถ่ถึงทุกข์สุข แล้วแจ้งว่าเป็นทูตของพระเจ้ากรุงสญชัย ๒. พระสิทธาจารย์รู้ว่าเฒ่าชูชกโกหก บอกให้เชื่อก็เชื่อ แล้วให้เฒ่ายับยั้งอยู่หนึ่งราตรี รุ่งขึ้นจึงพาไปชี้ทางให้ทชีไปสู่เขาวงกฏ ๓. พระอจุตฤษีพรรณนาหมู่สัตว์ ที่อาศัยอยู่บริเวณเขาวงกฎ มี ช้าง เนื้อ เสือ สิงห์ กวาง กระต่าย และพรรณนาไม้นานาชนิด และสัตว์น้ำในโบกขรณี ใกล้พระอาศรมแห่งพระเวสสันดรราชฤษี เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงเชิดกลอง ประกอบกิริยาตอนเดินทางระยะไกล อย่างรีบเร่ง (http://www.sookjaipic.com/images_upload/42816672556930__3585_3633_3603_3601_3660_3585.gif) สองพระกุมารเมื่อรู้ว่าภัยมาถึงตัว ก็พากันหนีลงไปในสระ เอาวารีบังองค์ เอาบุษบงบังเกศ • กัณฑ์ ๘ กัณฑ์กุมาร พระราชทานสองพระกุมาร ๑. ชูชกนอนพักแรมที่เนินผาใกล้บริเวณพระอาศรม เมื่อตื่นขึ้นคะเนว่าเวลานี้พระนางมัทรีคงจะเสด็จเข้าป่าหามูลผลาผล จึงเข้าไปเฝ้าพระเวสสันดรเพื่อจะทูลขอ สองพระกุมาร ชักเอาแม่น้ำทั้งหามาเปรียบเทียบ ๒. สองพระกุมารเมื่อรู้ว่าภัยมาถึงตัว ก็พากันหนีลงไปในสระ เอาวารีบังองค์เอาบุษบงบังเกศ ๓. พระเวสสันดรทรงทราบว่าสองพระกุมารหนี จึงเสด็จไปตรัสเรียกหาที่สระโบกขรณี ตรัสเปรียบเรื่องสำเภา ชาลีกัณหาก็ขึ้นมากราบพระบาท ๔. พระราชทานสองพระกุมารให้แก่พราหมณ์ชูชก ๕. เมื่อชูชกได้รับพระราชทานสองพระกุมาร พาไปถึงทางกะกุกตะกัก เฒ่าเดินทะลุดทะลาดพลาดล้มลง สองพระกุมารก็วิ่งมาสู่สำนักพระบิดา เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงโอด, เชิดฉิ่ง ประกอบกิริยาการฉุดกระชากสองพระกุมารของชูชก สลับกับเสียงกรรแสงร่ำไห้ ของกัณหา ชาลี (http://www.sookjaipic.com/images_upload/45500940746731__3585_3633_3603_3601_3660_3617.gif) • กัณฑ์ ๙ กัณฑ์มัทรี ถึงแก่วิสัญญีสลบลงตรงหน้าพระพักตร์พระเวสสันดร ๑. พระนางมัทรีทรงสาแหรกคานกระเช้าสาน ขอ สอยผลาผลแล้วเสด็จกลับโดยด่วน มาประจวบพบพระยาพาลมฤคราช ซึ่งเทพยดาแสร้งจำแลงแปลงมานอนขวางทาง พระนางสะดุ้ง พระทัยไหวหวาด ปลงหาบคอนลงแล้วอภิวาทขอทาง เทพยเจ้าสังเวชก็พากันคลาไคลให้หนทาง ๒. พระนางเสด็จถึงอาศรมบท มิได้ทอดพระเนตรเห็นสองพระโอรส จึงวอนทูลถามพระสวามี ท้าวเธอก็ทรงนิ่ง แต่แล้วก็ตรัสพ้อด้วยโวหารหึง เพื่อให้พระนางสร่างโศก ๓. พระนางเที่ยวแสวงหาสองพระกุมาร ตามละเมาะเขาเขินจนทั่วบริเวณพระอาศรมก็มิได้พบพระลูกรักทั้งสอง จึงเสด็จไปที่หน้าพระอาศรม ทรงพระกำสรดสิ้นแรงถึงวิสัญญี สลบลงตรงหน้าพระพักตร์พระเวสสันดร ๔. พระเวสสันดร ทอดพระเนตรเห็นพระมัทรีถึงวิสัญญีสลบลง สะดุ้งพระทัยทรงพระกันแสง เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงทยอย โอด ประกอบกิริยาพระนางมทรีคร่ำครวญกรรแสงเมื่อทรงทราบว่าพระเวสสันดรทรงบริจาคสองพระกุมากให้แก่พราหมณ์ชูชก (http://www.sookjaipic.com/images_upload/26866422717769__3585_3633_3603_3601_3660_3626.gif) • กัณฑ์ ๑๐ กัณฑ์สักรบรรพ พระอินทร์ประทานพร ๘ ประการแด่พระเวสสันดร ๑. ท้าวสักกเทวราช ทรงแปลงเพศเป็นพราหมณ์มาทูลขอพระนางมัทรี พระเวสสันดรก็ทรงบำเพ็ญทานบริจาคให้แก่พราหมณ์ ๒. เมื่อท้าวเธอได้รับพระราชทานพระนางมัทรีแล้วก็ถวายคืน แล้วทูลว่าพระองค์เป็นท้าวสักกเทวราช มาเพื่อประทานพรแด่พระองค์ ขอพระองค์จงเลือกอัฐวราพร ๓. พระเวสสันดร ขอพรแปดประการแด่ท้าวสักกเทวราช ดังนี้ ๑.ขอให้พระบิดร คลายโกรธ ออกมารับข้าพระบาทกลับสู่พระนคร ๒. ขอให้ได้ปล่อยนักโทษผู้เพียรทุจริต ๓. ขอให้ได้อนุเคราะห์คนยากไร้ เข็ญใจ ๔. ขออย่าให้ลุแก่อำนาจสตรี ที่มิใช่พระนางมัทรี อันเป็นอรรคมหิษรี ๕.ให้พระกุมารชาลีจงเป็นผู้มีอายุยืนนาน ๖. ขอให้ฝนแก้ว ๗ ประการตกลงในเมืองสีพี ๗. ขอให้สมบัติในท้องพระคลังซึ่งข้าพระบาทจะจ่ายแจกแก่ยาจกอย่ารู้หมดสิ้น ๘. เมื่อจุติจากโลกามนุษย์ ขอให้ครรไลไปสู่เมืองฟ้า เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงกลม ประกอบการเสด็จของเทวดาผู้เป็นใหญ่ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/86752998787495__3585_3633_3603_3601_3660_3617.gif) • กัณฑ์ ๑๑ กัณฑ์มหาราช ไถ่สองพระกุมาร ๑. ชูชกพาสองกุมารเดินทาง เวลาค่ำตาแกก็ผูกเปลนอนเหนือค่าคบไม้ เทพยเจ้าก็ช่วยอภิบาลบำรุงรักษาสองพระกุมาร ๒. ล่วงมรรคาได้หกสิบโยชน์ ก็ลุถึงกรุงพิชัยเชตดรนครหลวงแห่งสีวิรัฐ ชูชกพาสองกุมารผ่านมาตรงหน้าพระที่นั่ง ๓. พระเจ้ากรุงสญชัย ให้พาพราหมณ์ชูชกมาเฝ้า ทราบความแล้ว ทรงไถ่พระเจ้าหลานทั้งสองด้วยพระราชทรัพย์ ๔. พระเจ้ากรุงสญชัย ยกพยุหแสนยากรไปรับพระเวสสันดร พระชาลีเป็นมัคคุเทศก์ นำพลไปยังเขาวงกฏ เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงกราวนอก ประกอบการยกพลของพระเจ้ากรุงสญชัย ไปรับพระเวสสันดรและพระนางมัทรี • กัณฑ์ ๑๒ กัณฑ์ฉกษัตริย์ เชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับสู่กรุงสีพี ๑. พระเวสสันดร ได้ยินเสียงไหยรถคชแสนยากร ทรงตกพระทัยไหวหวาดว่า ปัจจามิตรจะมาจับพระองค์ จึงชวนพระมัทรีเสด็จขึ้นเนินเขา พระนางกราบทูลว่า เป็นทัพของพระเจ้ากรุงสญชัยเสด็จมารับ สมตามที่ท้าวสักกาเทวราชประทานพร ๒. เมื่อหกกษัตริย์พร้อมกันที่พระอาศรม ต่างก็ทรงโศกสลดที่พลัดพรากจากกันจนถึงวิสัญญีภาพฝนโบกขรพรรษตกจึงทรงฟื้นพระองค์ ๓. สหชาติโยธาเฝ้าพระเวสสันดร ทูลเชิญเสด็จกลับพระนคร เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงตระนอน ประกอบตอนที่กษัตริย์ทั้งหก ใด้มาพบกันและบรรทมค้างแรมที่บริเวณอาศรมในป่า • กัณฑ์ ๑๓ กัณฑ์นครกัณฑ์ พระเวสสันดรครองกรุงสีพี ๑. พระเวสสันดร ทรงรับชิญของสหชาติโยธา แล้วทรงลาผนวช ๒. พระเจ้ากรุงสัญชัย ทรงอภิเษกสองกษัตริย์ครองกรุงสีพี ๓. ทรงยกทัพกลับกรุงสีพี เสด็จวันละโยชน์ สิ้นมรรคาหกสิบโยชน์, ถ้าจะนับแต่วันบรรพชา ถึงเจ็ดเดือนจึงพระราชทานสองกุมาร, ชูชกรีบรัดมาสิบห้าวิน ถึงเชตุดร, เตรียมพลรับเจ็ดวัน ยกไปถึงพระอาศรม หนึ่งเดือนยี่สิบสามราตรี อยู่ในพนาลีเดือนเศษ ยกพลกลับสองเดือนสิริเป็นปีหนึ่งกับสิบห้าราตรีจึงคืนเข้าราชธานีแล้วแล. เพลงประจำกัณฑ์ : เพลงกลองโยน ประกอบกิริยาการยกขบวนพยุหยาตรา ของพระเวสสันดร พรั่งพร้อมด้วยขบวนอิสริยยศอย่างสมพระเกียรติ (http://www.buddhistelibrary.org/th/albums/central/Thai_files/Chaichana_Songkhram/normal_a012.jpg) ปางไตรเทพท้าว จรลี หลีกจากมรรควิถี เร่งเร้า โฉมนาฏราชมัทรี ปราโมทย์ เก็บผลรีบไต่เต้า จู่เข้าอาศรม ฯ |