[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 พฤษภาคม 2567 02:56:45 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 185 186 [187] 188 189 ... 1129
3721  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [เศรษฐกิจ] - กลุ่มทรู โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 63 EBITDA เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 02:20:41
กลุ่มทรู โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 63 EBITDA เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า
         


กลุ่มทรู โตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 63 EBITDA เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า" width="100" height="100  กลุ่มทรู รายงานผลการดำเนินงาน พยุงรายได้จากการให้บริการที่ 26.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
         

https://www.sanook.com/news/8296534/
         
3722  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - สส.กาย ลั่น ชี้แจงไปหมดแล้ว ให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน เมินเพจดังโจมตีก้าวไกล เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 02:20:41
สส.กาย ลั่น ชี้แจงไปหมดแล้ว ให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน เมินเพจดังโจมตีก้าวไกล
         


สส.กาย ลั่น ชี้แจงไปหมดแล้ว ให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน เมินเพจดังโจมตีก้าวไกล" width="100" height="100  “ณัฐชา” ชี้แจงไปหมดแล้ว “เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร “ขุดคุ้ยเรื่องให้ทหารรับ-ส่งสนามบิน

         

https://www.sanook.com/news/9116518/
         
3723  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - คนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมและเครือข่าย เรียกร้องรัฐดูแลสวัสดิการสตรีและเด็ก เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 01:33:52
คนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมและเครือข่าย เรียกร้องรัฐดูแลสวัสดิการสตรีและเด็ก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 18:24</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สื่อ Lanner รายงานกลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมและเครือข่าย จัดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการของแรงงานหญิงและเด็กร่วมกับสมาชิก พร้อมเดินทางยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเนื่องในโอกาสสัปดาห์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กปี 2566 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53352604686_cd5aa43958_o_d.png" /></p>
<p>Lanner รายงานว่าเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม และเครือข่าย จัดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการของแรงงานหญิงและเด็กร่วมกับสมาชิก ณ ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมฮอลิเดย์การ์เดน โฮเทลแอนด์รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเดินทางยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเนื่องในโอกาสสัปดาห์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กปี 2566 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ </p>
<p>กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม (กญธ.) (Women Workers For Justice Group) โดยมีสมาชิกแรงงานหญิงจากทุกสาขาอาชีพ ทุกชาติพันธุ์ จัดเวทีพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับสมาชิกและเครือข่าย เรื่องข้อเรียกร้องต่อภาครัฐเพื่อรับทราบและจัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มแรงงานหญิงและเด็ก เนื่องในโอกาสสัปดาห์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ปี 2566 โดยในช่วงเช้า มีการพูดคุยโดยตัวแทนจากกลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม, อาจารย์จากมหาวิทยาลัย, ตัวแทนจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเครือข่าย</p>
<p>วิทยากรตัวแทนจากกลุ่มการเมืองหลังบ้าน ได้เปิดประเด็นในเวทีพูดคุยถึงประสบการณ์ความลำบากของการเป็นแรงงานหญิงด้วยข้อจำกัดทางเพศสภาพที่ต้องเผชิญกับอาการปวดประจำเดือนแต่ไม่สามารถลางานได้ ซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน สวัสดิภาพการดำเนินชีวิตระหว่างการทำงาน ทั้งยังต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผ้าอนามัยกว่า 2,500 บาทต่อปี แม้ตัวเลขอาจจะดูไม่มากแต่ผู้หญิงจำต้องรับภาระนี้ไปตลอดชีวิต ทั้งนี้ยังได้ยกตัวอย่างประเทศที่ผ่านกฎหมายผ้าอนามัยฟรีอย่าง สกอตแลนด์ ประเทศที่ยกเลิกภาษีผ้าอนามัย เช่น เคนยา มาเลเซีย อังกฤษ โดยมีความหวังว่าการเรียกร้องต่อภาครัฐในครั้งนี้จะเป็นการผลักดันที่เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มแรงงานหญิงทุกคน เพื่อสวัสดิการชีวิตที่ดีขึ้น</p>
<p>ด้านศุกาญจน์ตา สุขไผ่ตา ตัวแทนมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ได้กล่าวต่อในประเด็นสวัสดิการพื้นฐานของเด็กที่ควรได้รับอย่างถ้วนหน้าโดยไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ควรได้รับการดูแลสนับสนุนจากทุกสถาบันในสังคมในฐานะที่จะเป็นกำลังและอนาคตของชาติ นอกจากนี้ยังระบุถึงประเด็นด้านสวัสดิภาพในชีวิตของผู้หญิง เด็ก และผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ ทั้งในระดับครอบครัวและสังคม โดยต้องการเรียกร้องให้รัฐจัดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พักพิงในสถานการณ์ฉุกเฉิน</p>
<p>โดยในช่วงบ่าย กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรมมและองค์กรเครือข่าย ได้ร่วมกันเดินขบวนเพื่อนำหนังสือข้อเรียกร้องยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้</p>
<p>1.ขอให้มีการกำหนดวันหยุดโดยได้รับค่าจ้างให้กับคนทำงานทุกคนในวันที่เป็นประจำเดือน</p>
<p>2.ขอให้รัฐจัดให้มีผ้าอนามัยแจกฟรีทั่วประเทศ</p>
<p>3.ขอให้รัฐจัดสวัสดิการให้กับเด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศโดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติและสถานะ</p>
<p>4.ขอให้รัฐจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทุกกรณีในสถานการณ์ฉุกเฉิน</p>
<p>โดยมีองค์กรเครือข่ายเข้าร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้อง 19 องค์กร
1.กลุ่มคนงานหญิงเพื่อความยุติธรรม
2.สหพันธ์แรงงานข้ามชาติ
3.มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา
4.มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์
5.มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์
6.สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
7.มูลนิธิเพื่อนหญิง
8.มูลนิธิภูมิปัญญาชาติพันธุ์
9.กลุ่มรุ้งอรุณ
10.เครือข่ายสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม
11.สมาพันธ์ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งประเทศไทย
12.กลุ่มเฟมินิสต์ปลาแดก
13.กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง
14.มูลนิธิศักยภาพชุมชน
15.กลุ่มฟื้นสุข
16.กลุ่มหิ่งห้องน้อย
17.กลุ่มการเมืองหลังบ้าน
18.Rainbow Dream Group Thailand
19.Sapphic Pride</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106965
 
3724  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - 12 ปีที่รอคอย! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมจนตาย เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 00:21:34
12 ปีที่รอคอย! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมจนตาย
         


12 ปีที่รอคอย! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมจนตาย" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;สู้คดี 12 ปี! บทสรุปคดีพลทหารวิเชียร สึกจากพระไปเกณฑ์ทหาร ถูกซ้อมทรมานในค่ายจนตาย จำเลยถูกจำคุก 2-4 ปี
         

https://www.sanook.com/news/9117254/
         
3725  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สรุปเสวนา นิรโทษกรรมประชาชน ม.112 เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ต้องนิรโทษกรรมด้ว เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2566 00:00:47
สรุปเสวนา นิรโทษกรรมประชาชน ม.112 เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ต้องนิรโทษกรรมด้วย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 18:36</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพจาก iLaw</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div>
<div class="summary-box">
<ul>
<li>ความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินมายาวนานนับตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันทำให้มีผู้ถูกดำเนินคดีหลักพัน ไปจนถึงเกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนด้วย</li>
<li>การนิรโทษกรรมเป็นก้าวแรกในการลดความขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น แต่การจะลดความขัดแย้งโดยไม่นิรโทษกรรมโดยคดีมาตรา 112 เป็นไปไม่ได้ เพราะมาตรา 112 เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมืองที่มีอยู่</li>
<li>พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่ได้ทำให้ไม่มีการดำเนินคดีอีกในอนาคต มาตรา 112 ยังคงอยู่ไม่ได้ถูกแก้ไปด้วย</li>
</ul>
</div>
</div>
<p>19 พ.ย.2566 ที่อาคาร All Rise (สำนักงาน iLaw) เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนจัดเสวนา “ก้าวแรกอย่างไรในการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง” เป็นการเปิดตัว “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ....” หรือ “ร่างนิรโทษกรรมประชาชน” เพื่อลบล้างความผิดของประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมและแสดงออกทางการเมือง โดยในการเสวนาครั้งนี้มีอดีตแกนนำการชุมนุมทั้งฝ่ายเสื้อเหลือง เสื้อแดง เยาวชนที่เข้าร่วมชุมนุมในช่วงปี 2563 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนที่เก็บรวบรวมข้อมูลคดี และตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรม</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53341383401_c5130be9ee_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">(ขวาไปซ้าย) <span lang="TH" style="font-size:14.0pt" xml:lang="TH"><span style="line-height:107%"><span style="font-family:&quot;Cordia New&quot;,sans-serif">สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ </span></span></span>,เบนจา อะปัญ, <span lang="TH" style="font-size:14.0pt" xml:lang="TH"><span style="line-height:107%"><span style="font-family:&quot;Cordia New&quot;,sans-serif">อมร อมรรัตนานนท์, เหวง โตจิราการ และพูนสุข พูนสุขเจริญ </span></span></span></span></p>
<div class="more-story">
<p>“เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน” เปิดตัว “ร่างนิรโทษกรรมประชาชน” ให้ทุกฝ่าย รวม ม.112 เพื่อลดขัดแย้ง</p>
</div>
<h2><span style="color:#2980b9;">ม.112 เป็นปัญหาร่วมของสังคม</span></h2>
<p>อมร อมรรัตนานนท์ อดีตแนวร่วมเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เริ่มจากกล่าวว่าเขามาร่วมงานในครั้งนี้ในฐานะส่วนตัวเพราะหลังจากการชุมนุมเมื่อปี 2551 แล้ว พธม.ก็สลายตัวแยกย้ายกันไป แต่เขาก็อธิบายของการเกิดขึ้นของ พธม.ว่าเกิดขึ้นมาจากความต้องการตรวจสอบรัฐบาลไทยรักไทยซึ่งเป็นไปตามกระบวนของรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ และได้พยายามตรวจสอบกรณีซุกหุ้นของทักษิณ ชินวัตรที่เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นและมีการแทรกแซงองค์กรอิสระอย่าง ปปช.จนเกิดกรณี “บกพร่องโดยสุจริต” ขึ้นมา</p>
<p>อดีต พธม.กล่าวว่าในเวลานั้น เกิดคำถามหลายคำถามต่อระบอบประชาธิปไตยผ่านทางรัฐสภาการมีเสียงข้างถือเป็นความถูกต้องชัดเจนในการบริหารประเทศแต่ พธม.มองว่าประชาธิปไตยไม่ได้มีแต่เพียงรูปแบบแต่จะต้องมีความชอบธรรมและมีเหตุมีผล การเคลื่อนไหวของ พธม.ก็มีจุดยืนที่จะตรวจสอบระบอบประชาธิปไตยของทักษิณที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่และทำให้พวกเขาในเวลานั้นเห็นว่าเป็น “เผด็จการรัฐสภา” จากจุดนี้ก็ทำให้เกิดความเห็นต่างกันในภาคประชาชนด้วยกันเองและเป็นใจกลางของความขัดแย้งที่ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้</p>
<p>อย่างไรก็ตาม อมรเห็นว่าการเข้ามาร่วมขบวนของสินธิ ลิ้มทองกุล และจำลอง ศีเมืองในเวลานั้นทำให้การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแนวทางไปและการที่ทักษิณไม่ยอมรับการตรวจสอบและไม่ยอมลงจากตำแหน่ง ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงจาก สายหนึ่งในขบวนการ พธม.มีการเสนอให้ใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นอำนาจที่ไม่อยู่ในกลไกลของระบอบประชาธิปไตยมาใช้ ทำให้แนวร่วมบางส่วนถอยออกจากขบวนไป และมีบางส่วนถึงจะไม่เห็นด้วยแต่เมื่อร่วมหัวจมท้ายกันมาแล้วก็เลยยังเดินหน้าต่อไป</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53341383336_1020d6c380_b.jpg" /></p>
<p>อดีตแนวร่วม พธม.กล่าวต่อว่าเมื่อถึงวันนี้แล้วก็ได้สรุปบทเรียนว่าการเคลื่อนไหวครั้งนั้นทำได้แค่ทำให้ประชาชนตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองเพื่อที่จะรับผิดชอบต่อกลไกของระบอบประชาธิปไตยในเวลานั้นแต่ก็ได้บทเรียนอีกบทด้วยว่าการเคลื่อนไหวในแนวทางสันติวิธีและเปิดเผยนั้นถึงที่สุดแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้และยังถูกฉกฉวยไปจากทหารด้วยการรัฐประหาร ทำให้การเคลื่อนไหวต้องหยุดไปแล้วก็มีหลายส่วนไปร่วมและสนับสนุนคณะรัฐประหาร และสุรยุทธ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาจากคณะรัฐประหารยังได้เอาเหตุผลของการเคลื่อนไหวของ พธม.ไปเป็นเหตุผลของการรัฐประหารด้วยและทำให้เกิดรัฐธรรมนูญปี 2550 ตามมา</p>
<p>อมรกล่าวว่า พวกเขาหลายคนมองว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 นั้นเป็นการถอยหลังและลดอำนาจพรรคการเมืองให้อ่อนแอและยังสร้างค่านิยมว่านักการเมืองและพรรคการเมืองไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนอีกทั้งยังเป็นกลุ่มบุคคลที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในวิธีคิดของคนที่ออกมาเคลื่อนไหวกับ พธม. ที่มุมหนึ่งก็เรียกร้องการปฏิรูปทางการเมืองแต่อีกมุมก็เป็นการนำเสนอที่ไม่เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยและพรรคการเมือง แต่การเสนอว่าจะปฏิรูปการเมืองก็ไม่สามารถเสนออะไรที่เป็นรูปธรรมได้ก็เลยเกิดวาทกรรมว่าต้องการนักการเมืองเป็นคนดีมาปกครองบ้านเมือง แต่การยอมรับกลไกประชาธิปไตยที่ออกมาผ่านรัฐธรรมนูญนี้ การด้วยรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ปี 2540-2560 ทำให้ประชาชนหรือภาคประชาชนจะได้ตัวแทนของตัวเองเข้ามาจัดการกับอำนาจรัฐตีบตันไม่สามารถทำให้ประชาชนหรือองค์กรภาคประชาชนเข้ามาสู่อำนาจรัฐได้อย่างแท้จริง แต่เอื้อให้กับกลุ่มทุน</p>
<p>อมรกล่าวต่อว่าความขัดแย้งระหว่างแต่ละฝ่ายที่ผ่านมานั้นหลายครั้งทำให้เกิดการโต้แย้งกันไปมาบางครั้งไปจนถึงเกิดความรุนแรง แต่เขาก็เห็นว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่แต่ละฝ่ายจะมองเข้าไปที่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นและมองอย่างมีเหตุมีผลและหาข้อเท็จจริงทางสังคมการเมืองว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มนั้นมีจุดยืนใดบ้างที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าเกิดเวทีที่สามารถพูดคุยและย้อนกลับไปค้นคว้าและยอมรับถึงเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้จะทำให้ภาคประชาชนและสังคมสามารถเดินหน้าไปได้</p>
<p>ส่วนประเด็นเรื่องคดีความของพวกเขานั้นก็ยังมีหลายคดีที่ยังรอการพิจารณา มีคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและเป็นกบฏด้วยทั้งคดี 9  แกนนำที่ชุมนุมแล้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลที่จบแล้วจำคุกคนละ 8 เดือน คดีปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองที่มีคนถูกดำเนินคดีรวม 98 คน คดีชุมนุมที่รัฐสภาวันที่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 จนเกิดความรุนแรงเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตาใส่มวลชนจนมีคนเสียชีวิตซึ่งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ก็ยกฟ้อง แล้วก็ยังมีคดีชุมนุมที่หน้าสถานีโทรทัศน์ NBT ที่มีผู้ต้องหาเกือบร้อยคนที่ศาลพิพากษาจำคุกไปส่วนหนึ่งแต่มีอีก 5 คนที่ถูกฟ้องเพิ่มอีกคดี และยังมีคดีอาญาอื่นๆ อีกที่ถูกลงโทษจำคุกไปแล้วที่ยังเหลืออยู่ก็คือคดีปิดสนามบินที่ศาลชั้นต้นกำลังจะมีคำพิพากษาในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ และบางคนเช่นตัวเขาเองก็เคยต้องโทษจำคุกมาบ้างแล้ว แล้วก็มีคนที่บาดเจ็บล้มตายจำนวนหลักร้อย</p>
<p>อมรกล่าวว่า เขาก็รู้สึกรำคาญที่คดียืดยาวมาจนถึงวันนี้และอยากให้มีความชัดเจน แต่เขาก็ยอมรับว่าเมื่อออกมาเคลื่อนไหวแล้วก็สู้ในกติกาแม้จะรู้ว่ามีความไม่ชอบธรรมอยู่เพราะก็ไม่มีทางออกอื่น แม้ว่าในอดีตเขาจะเคยเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเพื่อยึดอำนาจรัฐมาแล้วแต่สังคมไทยมันเป็นไปไม่ได้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงแบบนั้น ก็ได้ข้อสรุปว่าถอยหลังออกมาต่อสู้ในระบบรัฐสภา</p>
<p>ทั้งนี้อดีตแนวร่วม พธม.ก็ได้ตอบในประเด็นเรื่องนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ว่าเขาก็ค่อนข้างเห็นด้วยว่าการที่จะข้ามพ้นความขัดแย้งแล้วให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันได้กฎหมายนิรโทษกรรมมีความจำเป็นและเขาก็เห็นด้วยกับแนวคิดของพรรคก้าวไกลที่จะให้มีคณะกรรมการมาคัดกรองว่าจะได้รับนิรโทษกรรมหรือไม่ แล้วเรื่องที่แกนนำจะได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ก็จะได้ถกเถียงกัน เพราะการฟันธงว่าจะให้นิรโทษกรรมใครบ้างก็จะเกิดจะเป็นปลายปิดแล้วเกิดปัญหาตามมา</p>
<p>“แต่ผมก็เห็นว่าปัญหา 112 เป็นปัญหาร่วมของสังคมที่ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหา ถ้าไม่คลี่คลายเยาวชนลูกหลานเราก็จะติดกับวังวนของความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นแนวคิดผมสนับสนุนว่าก่อนที่จะมีเนื้อหาก็มีกรรมการมานั่งคุยกัน แต่ปลายทางคือต้องปลดล็อกทางสังคมเพื่อที่จะเริ่มเดินหน้า” อมรเสนอและในระยะต่อไปก็ต้องมีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อวางโครงสร้างทางอำนาจให้ประชาชนและเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">รัฐต้องไม่มองประชาชนเป็นศัตรู</span></h2>
<p>เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ กล่าวว่าคดีทางการเมืองเกิดขึ้นมาจากการที่ฝ่ายรัฐมองประชาชนของตัวเองเป็นศัตรู เพราะถ้าไม่ได้มองเป็นศัตรูแล้วรัฐจะต้องเปิดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชน และกฎหมายระหว่างประเทศที่ไทยไปลงนามเข้าร่วมไว้ก็ยังห้ามรัฐทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นรากเหง้าของปัญหา เพราะถ้ามองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปและรัฐยังมองประชาชนเป็นศัตรูก็ยากที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับประชาชนและยากที่จะทำให้เกิดการนิรโทษกรรมได้</p>
<p>แกนนำ นปช.กล่าวว่า เมื่อรัฐมองประชาชนเป็นศัตรูแล้วก็หาทางใส่ร้ายกล่าวหาด้วยเรื่องต่างๆ เพื่อเอาผิดเช่น กรณีของชายชุดดำ ที่เป็นข้ออ้างที่รัฐใช้เพื่อสังหารประชาชน และ ศอฉ.ยังมีคำสั่งให้ทหารยิงประชาชน ดังนั้นประเทศจะต้องเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงก่อนแต่เวลานี้ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย แม้ว่ารัฐบาลล่าสุดนี้จะมาจากการเลือกตั้งเพราะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองของคณะรัฐประหารและ สว. 250 คนที่เกี่ยวข้องกับ คสช.ไม่ว่าจะทางตรงและทางอ้อมก็ต้องสนับสนุน คสช.ไม่ว่าพรรคการเมืองของ คสช.จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ และเป็นเรื่องตลกที่พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงประชาชนมากที่สุดไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้</p>
<p>เหวงกล่าวต่อไปว่าสำหรับเขาเองแล้วมีเป้าหมายอยู่ 3 เรื่องคือ ประเทศไทยจะต้องไม่มีการรัฐประหารอีกแล้วและจะทำให้ไม่มีได้ก็ต้องเอาคนทำรัฐประหารมารับโทษทางกฎหมาย และจะต้องไม่มีการฆ่าคนโดยใช้ทหารกลางเมืองอีกต่อไปซึ่งจะต้องเอาทหารที่ก่อเหตุมารับโทษทางกฎหมายด้วย และการนิรโทษกรรมที่เขาขอไปถึงพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่าให้มีการนิรโทษกรรมประชาชนด้วยเพราะคดีทางการเมืองนั้นเกิดขึ้นเพราะความเห็นทางการเมืองเท่านั้น แล้วก็เปิดเวทีให้คนเหล่านี้ได้แสดงความคิดเห็นถ้าคนเห็นว่าเป็นความคิดที่ทำจริงไม่ได้ก็แสดงความเห็นโต้แย้งกันไป</p>
<p>เหวงกล่าวว่าเดิมที่แล้ว นปช.เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้เรื่องไม่เอารัฐประหารและเอาประชาธิปไตย คัดค้านรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เป็นเผด็จการ และเมื่อถึงปี 2553 ที่มีมวลชนมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนแล้วเมื่อเกิดเหตุตัดสัญญาณช่องเอเชียอัพเดตคนก็ตามไปชุมนุมที่สถานีดาวเทียมไทยคมเพื่อให้คืนช่องสัญญาณเพราะคนก็กังวลว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กำลังชุมนุมกันอยู่ที่สะพานผ่านฟ้ากับแยกราชประสงค์หรือไม่ แต่ก็มีทหารมาตั้งแนวกั้นขวางไว้แต่ไม่สำเร็จและเขาเห็นว่าเหตุการณ์นั้นทำให้ทหารรู้สึกเสียศักดิ์ศรีและมีการเอาคืนในวันที่ 10 เม.ย.2553 ตามมาโดยการเอาทหารมาสลายการชุมนุม</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53340495702_e27ecd3cfa_b.jpg" /></p>
<p>แกนนำ นปช.กล่าวว่าจากเหตุการณ์ในคืนวันที่ 10 เม.ย.2553 นั้นมีประชาชนตาย 20 กว่าศพ แล้วหลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ยังพยายามปราบให้เด็ดขาดมีการตัดน้ำตัดไฟตัดทางส่งอาหารที่ชุมนุม ถ้ารัฐบาลมองประชาชนเป็นศัตรูก็จะใช้ทุกวิถีทางแบบนี้ และยังเป็นที่มาของกองกำลังชายชุดดำที่เวลาผ่านมาแล้ว 13 ปี ยังไม่สามารถจับกุมมาได้ และยังถูกใช้ผังล้มเจ้าในการใส่ร้ายเพราะเมื่อคดีถึงศาลเจ้าหน้าที่ก็ยังยอมรับว่าเป็นเอกสารปลอม ไปจนถึงเรื่องการเผาสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพที่สุดท้ายแล้วคดีที่เกี่ยวข้องศาลก็ยกฟ้องไปหมดแล้ว</p>
<p>อย่างไรก็ตาม เหวงก็ให้ข้อมูลว่าคนเสื้อแดงถูกจับกุมดำเนินคดีมากกว่าพันคนในเวลานั้น ทั้งคดีเผาสถานที่ คดีชุมนุมปิดถนนเพื่อขวางการลำเลียงพลของเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้เข้ามาสลายการชุมนุม แต่เนื่องจากคนที่โดนคดีส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายเมื่อถูกดำเนินคดีแล้วด้วยความจนก็ไม่สามารถหาทนายความมาสู้คดีได้ จึงต้องอาศัยเพียงทนายความอาสาหรือทนายความของ สส.บางคนที่มาช่วยแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้นานนับปีได้ สุดท้ายศาลก็พิพากษาลงโทษไปตามกฎหมายและสำนวนคดีที่ทำขึ้นมาตั้งแต่ชั้นตำรวจ แต่เขาก็มีคำถามว่าแล้วอย่างกรณีที่มีการเผาศาลากลางจังหวัดที่ไฟเริ่มติดมาจากชั้นสองของอาคารได้อย่างไร ใครจะสามารถขึ้นไปเพื่อวางเพลิงได้</p>
<p>“คนเสื้อแดงได้รับความอยุติธรรมเยอะมาก ผมจึงอยากจะเรียนไปยังพรรคที่ใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์จะทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงได้หรือไม่ ตายเกือบร้อยศพจะเอายังไง” แกนนำ นปช.กล่าว</p>
<p>เหวงยังกล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของประชาชน 6 รายที่วัดปทุมวนารามเมื่อ 19 พ.ค.2553 ด้วยว่าเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งออกมาแล้วว่าทหารเป็นคนยิงแล้วก็ยังระบุชื่อด้วย แต่ถ้าเอาคดีไปฟ้องศาลทหารศาลก็ยกฟ้องซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าใช้หลักกฎหมายอะไรกันถึงยก ความยุติธรรมก็ไม่เกิด ปัญหานี้ทำให้มีการตั้งคณะประชาชนทวงความยุติธรรมขึ้นมาแล้วก็เสนอว่าถ้าทหารทำความผิดอาญากับประชาชนจะต้องนำคดีมาพิจารณาในศาลพลเรือนและยังรวมไปถึงนักการเมืองที่กระทำความผิดด้วยไม่ให้ไปขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง</p>
<p>แกนนำ นปช.ยังกล่าวอีกว่าที่ผ่านมา ธิดา เคยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ นปช.เช่นเดียวกันและเนื้อหาคือให้นิรโทษกรรมแค่ประชาชนเพราะมีแค่เรื่องความเห็นต่างจากรัฐ โดยไม่รวมแม้กระทั่งแกนนำมวลชนและผู้นำทางการเมืองเพราะถ้านิรโทษกรรมเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำเกินกว่าเหตุรัฐก็จะฆ่าประชาชนซ้ำๆ ต่อไป จึงนิรโทษกรรมให้ไม่ได้เด็ดขาด ทั้งนี้ร่างของ นปช.นี้ก็ถูก วรชัย เหมะ ซึ่งเคยเป็นแกนนำ นปช.มาก่อนได้ขอเอาไปเข้าสภา</p>
<p>เหวงเล่าต่อว่า ในตอนนั้นธิดาก็ได้ฝากไว้ว่าให้ออกเป็นพระราชกำหนดเพราะถ้าออกเป็น พ.ร.บ.จะถูกแก้และเติมภายหลัง แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้นแล้วแม้ว่าจะผ่านวาระหนึ่งมาได้แต่เมื่อเข้าวาระสองก็มีฉบับของเพื่อไทยกลายเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยขึ้นมา และภายหลังก็เกิด กปปส. ขึ้นมาโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์จากเรื่องนี้</p>
<p>เหวงกล่าวว่าถึงช่วง 2563 ที่มีเยาวชนออกมาชุมนุมกันจำนวนมากเพราะเห็นปัญหาโครงสร้างทางการเมือง แต่ก็ยังเคลื่อนไหวภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ม.112 แล้วก็ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหานี้อยู่สองร้อยกว่าคน ทั้งที่กฎหมายมาตรานี้ถูกแก้ไขมาหลังการรัฐประหาร 6 ต.ค.2519 ซึ่งก็ทำให้เห็นว่ากฎหมายนี้แก้ไขได้มาแล้วและยังเป็นการแก้เพื่อเอามาเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ดังนั้นเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหานี้เขามองว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย</p>
<p>“การแสดงความคิดเห็นที่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาตรา 112 ได้ ไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้นสรุปแล้วผมเห็นว่าควรจะต้องผลักดันให้มีนิรโทษกรรมทางการเมืองเฉพาะประชาชน แต่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำเกินกว่าเหตุ เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหมายรวมถึงรัฐบาลด้วยไม่สมควรได้รับการนิรโทษแต่สมควรได้รับการพิจารณาโทษทางกฎหมาย” เหวงกล่าวสรุปข้อเสนอของตน</p>
<p>เหวงได้ฝากถึงพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดและโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมนี้จะเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยที่จะรักษาคะแนนเสียงให้กลับมาทัดเทียมหรือเกินกว่าพรรคก้าวไกลได้ เพราะถึงอย่างไรก็ได้คะแนนนิยมจากเรื่องเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาประชาชนแสดงออกชัดเจนแล้วว่าคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเมื่อเทียบกับก้าวไกลแล้วเขาล้ำกว่าไปแล้ว การที่พรรคเพื่อไทยผลักดันการนิรโทษกรรมก็จะทำให้คะแนนนิยมกลับมาได้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">รัฐไทยไม่แก้ปัญหาความขัดแย้งเลย</span></h2>
<p>เบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เล่าว่าการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนในช่วง 2563 เป็นการชุมนุมลักษณะแฟลชม็อบกันบ่อยทำให้แต่ละครั้งที่ไปชุมนุมก็จะมี 1 คดี สมมติว่าชุมนุม 7 ที่ก็ 7 คดีแล้ว คดีของแต่ละคนจึงมีเยอะมาก อย่างตัวเธอเองก็ถึง 20 คดี ซึ่งยังมีคนที่มีคดีมากกว่านี้ ผลกระทบรุนแรงมากหลายคนที่โดนมากกว่า 10 คดีขึ้นไปก็ต้องไปศาลกันทั้งเดือน แล้วคดีเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกดองไว้นานแต่เป็นคดีที่มีการพิจารณาเร็วมากพิพากษาไว หลายคนก็ต้องเข้าเรือนจำไปแล้ว</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53340495647_675f20c033_b.jpg" /></p>
<p>“รัฐไทยไม่แก้ปัญหาความขัดแย้งเลย ทำไมชุมนุมต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก อย่างพันธมิตรฯ เรายังไม่ถึงสิบขวบ ตอนนี้จะ 25 อยู่แล้วเรื่องราวต่างๆ มันหนักหน่วงสะสมมานาน ปี 63-66 เรายังต้องเรียกร้องกันอยู่เลย มันไม่ปกติแต่เราอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติจนเราคิดว่ามันปกติ มันถึงเวลาหรือยังที่เราจะสะสางปัญหาตรงนี้สักทีเราจะได้ไปต่อกันได้”</p>
<p> เบนจากล่าวว่าการนิรโทษกรรมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะได้ปลดล็อกแล้วก็ไปต่อกันสักที เธอไม่ได้อยากเห็นการเมืองแบ่งขั้วกัน แค่รู้สึกว่าต้องการรัฐบาลที่สามารถทำให้คนในประเทศอยู่ร่วมกันได้จริงๆ ไม่ใช่คนคิดต่างจากตัวเองแล้วไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศนี้</p>
<p>เบนจามองถึงประเด็นที่อาจมีคนไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีม. 112 ว่า ถึงอย่างไรก็ตามคดีเหล่านี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นจากการใช้เสรีภาพการแสดงออก และกฎหมายก็เป็นสิ่งที่สร้างโดยมนุษย์ก็ควรจะต้องถามว่าถ้ามีสิ่งที่ไม่อยากให้แตะต้องมันยังสมควรให้มีอยู่หรือไม่ แล้วกฎหมายนี้ก็ถูกพัฒนามาจากกฎหมายสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ตอนนั้นไม่ได้มีโทษจำคุกสูงเท่าตอนนี้เพราะยังแค่ให้จำคุก 3-7 ปี แต่ตอนนี้เป็น 3-15 ปีแล้ว แล้วกฎหมายนี้ยังถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อจำกัดการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง คือถึงจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแต่การไม่พูดถึงเรื่องละเอียดอ่อนมันถูกต้องหรือไม่</p>
<p>“เราเชื่อว่าอะไรในโลกนี้มันสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์มันก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์ได้ อย่างมาตรา 112 มันเป็นแค่กฎหมาย 112 ไม่ใช่ตัวสถาบันกษัตริย์ เพราะฉะนั้นเราควรจะแก้ไขหรือพูดถึงมันได้ แต่ปัจจุบันแค่พูดถึง แค่อ้าปากว่า 112 คนก็เดินหนีกันหมด แค่พูดว่า 112 คุณไม่แม้กระทั่งถกเถียงกับมันด้วยซ้ำ พอมีประเด็น 112 มาคุณปัดตกเลยไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น” เบนจากล่าว</p>
<p>เบนจากล่าวว่าเรื่องการนิรโทษกรรมเป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีการปฏิรูปประเทศขนานใหญ่เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้จริงๆ แต่เรื่องมาตรา 112 นี้ถึงอย่างไรก็ต้องเอามาพูดกันวันนี้เพราะในอนาคตก็จะมีคนมาพูดอยู่ดี และเรื่องที่พูดกันวันนี้ก็มีการพูดมาก่อนแล้ว เราไม่สามารถซุกปัญหาเรื่องมาตรา 112 ต่อไปได้</p>
<p>“ถ้าคุณไม่จัดการวันนี้ วันหน้าคุณก็ต้องมารับมือกับเด็กเจเนอเรชั่นใหม่ที่อาจจะเปรี้ยงปร้างกว่ายุคพวกเราก็ได้ มันอาจจะแก้ไขยากกว่านี้ก็ได้ ไม่ได้ขู่แต่เชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริงแน่” เบนจาทิ้งท้าย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ม.112 เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมือง</span></h2>
<p>พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่าศูนย์ทนายความฯ ตั้งมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 ซึ่งปีหน้าก็จะสิบปีแล้วหมายความว่า คนที่อายุ 20 ปี เท่ากับพวกเขาก็อยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองมาเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาแล้ว แล้วถ้านับจากรัฐประหาร 2549 แล้วดูจากอายุคนที่มาเวทีวันนี้อย่างหมอเหวงเขาก็อยู่ในความขัดแย้งมาเท่ากับ 1 ใน 3 ของชีวิตแล้ว</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53341603193_033a1a2eec_b.jpg" /></p>
<p>“การที่เราอยู่ในความขัดแย้งมายาวนาน 20 ปี ทำให้สภาพเศรษฐกิจสังคมบ้านเรามันชะงักงัน GDP ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาโตแค่เปอร์เซนต์กว่าๆ เรากำลังจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ เป็นประเทศแรกที่ไม่รวยแล้วจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ ทำไมคนถึงไม่อยากมีลูก ทำไมคนถึงหดหู่ซึมเศร้า เราพึ่งได้รัฐบาลแต่ทำไมสังคมยังดูไม่มีช่วงฮันนีมูน สิ่งเหล่านี้มันกระทบกันไปหมด ไม่ใช่แค่กับนักการเมือง ไม่ใช่แค่คนที่อินการเมือง แต่การเมืองกระทบกับเราทุกคน”</p>
<p>พูนสุขเห็นว่าเหตุผลที่ทำให้สมควรเริ่มพูดคุยเรื่องนิรโทษกรรม เพราะความขัดแย้งที่ผ่านมาหลายช่วงก็สู้กันเรื่องเดียวกันคือใครเป็นเจ้าของอำนาจ สถาบันและรัฐบาลที่ดีควรจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แม้ช่วงก่อนรัฐประหารปี 2557 จะเป็นการเมืองแบบสีเสื้อ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาคู่ขัดแย้งได้กลายเป็นรัฐ เผด็จการกับประชาชน เมื่อทุกคนร่วมต่อสู้กันและมีเป้าหมายเดียวกันที่จะมีสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนได้พูดและแสดงความคิดเห็นแล้วยังสามารถอยู่ด้วยกันได้ท่ามกลางความแตกต่าง การนิรโทษกรรมจึงเป็นสิ่งที่ควรจะต้องเริ่มทำเพื่อนำประเทศกลับสู่สภาวะปกติ</p>
<p>ตัวแทนจากศูนย์ทนายความฯ กล่าวว่าข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ปี 2553 พบว่ามีคนที่ถูกดำเนินคดีกว่า 1,700 คน คนตาย 90 กว่าคน คนบาดเจ็บเกือบสองพันคน แล้วพอหลังช่วงรัฐประหาร 2557 มีการประกาศให้พลเรือนต้องไปขึ้นศาลทหารในความผิด 4 ประเภท คือความผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ความผิดเกี่ยวกับประกาศคำสั่ง คสช. แล้วก็ความผิดเกี่ยวกับอาวุธ มีคนโดนคดี 2,400 คน</p>
<p>พูนสุขกล่าวถึงปัญหาของคดีในช่วงรัฐประหารคือเขาออกประกาศคำสั่งที่เป็นกฎหมายเอง แล้วคนจับกุมก็เป็นทหารตำรวจ คนดำเนินคดีก็เป็นอัยการทหารแล้วคนพิพากษาก็เป็นศาลทหาร กระบวนการยุติธรรมอยู่ภายใต้ทหารทั้งหมด คสช.ได้ทำลายหลักนิติรัฐ ที่เป็นการปกครองที่ยึดถือกฎหมายเป็นใหญ่ ไม่ใช่การปกครองโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง</p>
<p>“แต่เราก็เห็นความโอนเอนในการใช้กฎหมายเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตามแต่ละช่วง มาตรา 112 เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ที่ทำให้เห็นว่ามีการบังคับใช้กฎหมายบางอย่างอย่างไม่ถูกต้อง”</p>
<p>พูนสุขได้ยกตัวอย่างของการใช้มาตรา 112 ที่เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหาร 2557 ที่มีอยู่จำนวนหนึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ 2553 เช่น คดีอากง คดีดาตอปิโด  หลังปี 2557  ก็เอาคดีม.112 มาขึ้นศาลทหารเพราะเป็นคดีนโยบายและเป็นหนึ่งในความขัดแย้ง ส่วนการตัดสินลงโทษก่อนรัฐประหารลงกรรมละประมาณ 5 ปี แต่เมื่อเป็นช่วงหลังรัฐประหารศาลทหารก็ลงโทษเฉลี่ยกรรมละ 8-10 ปี และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ประกันตัวแล้วตอนนี้คดีของอัญชันที่เริ่มมาตั้งแต่รัฐประหารปัจจุบันก็ยังอยู่ในเรือนจำและไม่รู้ว่าจะได้ออกเมื่อไหร่เพราะถูกลงโทษให้จำคุกไป 80 กว่าปี</p>
<p>ตัวแทนจากศูนย์ทนายความฯ กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2561 ถึง 19 พ.ย.2563 มีการหยุดใช้มาตรา 112 ไปช่วงหนึ่ง ทั้งที่เคยถูกใช้มาอย่างหนักหน่วงรุนแรงในช่วงศาลทหาร คดีก็มีการยกฟ้องโดยอ้างว่าสำนวนของอัยการไม่ชัดเจนหรือลงโทษในข้อหาอื่นที่ไม่ได้ฟ้องมาแต่แรก ทำให้เกิดความบิดเบี้ยวในกระบวนการอย่างมากแม้ว่าจำเลยบางคนอาจจะได้ประโยชน์ก็ตาม</p>
<p>“จำเลย ผู้ต้องหาบางคนได้ประโยชน์ แต่ในฐานะคนที่ติดตามการใช้มาตรา 112 ก็คือหนาว ว่าใครที่สามารถมีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงการบังคับใช้กฎหมายทั้งตำรวจ อัยการ ศาลได้ถึงเพียงนี้ แล้วอยู่ๆ วันที่ 19 (พ.ย.63)คุณประยุทธ์ก็ออกแถลงการออกมาสวยๆ ว่าผมจะบังคับใช้กฎหมายทุกมาตรา แต่ถามว่าก่อนหน้านั้นมันมีมาตราหนึ่งที่คุณไม่ใช้ ก็คือมาตรา 112”</p>
<p>พูนสุขให้ข้อมูลจำนวนคดีหลังจากการพูดของประยุทธ์วันนั้นได้เกิดการใช้มาตรา 112 มาดำเนินคดีเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการเก็บข้อมูลมา ปัจจุบันมีคนที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรานี้ถึง 262 คน 289 คดี และคนบุคคลที่มีคดีมาตรา 112 มากที่สุดคือพริษฐ์ ชีวารักษ์ 24 คดี และอานนท์ นำภาก็ต้องอยู่ในเรือนจำทั้งที่แค่ออกมาพูดมีถึง 14 คดี และถ้านับคดีการเมืองทั้งหมดตอนนี้มีประมาณ 1,900 คน 1,200 คดี และคนเหล่านี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องวนเวียนกับคดีอีกนานแค่ไหน</p>
<p>“อานนท์ 14 คดีเพิ่งพิพากษาไปคดีแรก จะตัดสินจำคุกกี่สิบปีไม่รู้ เพนกวินยังไม่ได้พิพากษาสักคดี 24 คดีแค่คดีละ 3 ปีก็ร้องโอ้โหแล้ว เราจะกักขังอนาคตของประเทศชาติแบบนี้จริงๆ เหรอ อันนี้เป็นคำถามสำคัญและเป็นคำถามที่นำไปสู่ข้อเสนอว่าทำไมเราต้องมาพูดเรื่องการนิรโทษกรรมประชาชน” ตัวแทนจากศูนย์ทนายความฯ กล่าว</p>
<p>พูนสุขกล่าวว่าแม้ก่อนหน้านี้จะมีการเสนอเรื่องนิรโทษกรรมมาบ้างทั้งจากของฝ่ายเสื้อเหลืองที่ไม่ได้รวมคดีมาตรา 112 หรือร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่ยื่นต่อรัฐสภาไปแล้วก็ยังไม่ได้ระบุว่ารวมความผิดอะไรบ้าง ทำให้เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนอยากผลักดันเรื่องนี้และเป็นก้าว แรกที่จะออกจากความขัดแย้งได้ แล้วก็อยากให้มีวงคุยอย่างนี้เหมือนตอนก่อนเลือกตั้งที่มีการพูดถึงว่าแต่ละพรรคการเมืองจะทำอะไรกับมาตรา 112 หรือไม่แม้ว่าหลังเลือกตั้งการคุยเรื่องนี้จะหายไปจากสังคม</p>
<p>พูนสุขกล่าวว่ามาตรา 112 เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มีความขัดแย้งมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าบอกว่าจำเป็นต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อแก้ไขความขัดแย้งมาตรา 112 ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย การจะออกนิรโทษกรรมเพื่อแก้ไขความขัดแย้งโดยไม่รวมคดีมาตรา 112 ไว้ด้วยจึงเป็นไปไม่ได้ และการนิรโทษกรรมก็เป็นการล้างความผิดตั้งแต่อดีตจนถึงวันที่กฎหมายใช้ แต่หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วหากมีการกระทำที่เข้าข่ายผิดตามกฎหมายก็ยังถูกดำเนินคดีอยู่</p>
<p>“พ.ร.บ.นี้เป็นแค่ก้าวแรกและเป็นขั้นต่ำด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวลว่าถ้านิรโทษกรรมไปแล้วเกิดขึ้นอีกจะทำยังไง ถ้าเกิดขึ้นอีก มาตรา 112 ยังอยู่ ยังไม่ได้แก้เขาก็มีโอกาสถูกดำเนินคดีอีก แต่นี่คือขั้นต่ำของการแก้ไขความขัดแย้ง และควรมีมาตรการอื่นๆ เสริมไปด้วยไม่ใช่แค่การออกกฎหมายฉบับนี้ฉบับเดียว” พูนสุขกล่าวและได้ย้ำว่าการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่ใช่การแก้ไขมาตรา 112 แต่การนิรโทษกรรมจะทำให้คนเห็นถึงความเป็นไปได้ทางการเมืองใหม่ๆ และการอยู่ร่วมกันกับสถาบันทางการเมืองต่างๆ ด้วย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญกับสิทธิประชาชน</span></h2>
<p>สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงแนวทางของกระทรวงต่อกรณีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองว่าทางกระทรวงมีกองทุนยุติธรรมอยู่ในส่วนของคดีการเมืองก็ได้ใช้ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองในการช่วยเหลือเงินประกันตัวไปแล้ว 133 คดีเป็นเงิน 83 ล้านบาทเศษ</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53341709349_251d718c9d_b.jpg" /></p>
<p>ที่ปรึกษา รมต.ยุติธรรมกล่าวว่านอกจากนั้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ทุกสมัยที่ผ่านมาก็มีคำสั่งให้ดูแลผู้ต้องขังคดีการเมืองเป็นพิเศษกว่านักโทษทั่วไปเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกับกลุ่มนักโทษเด็ดขาดที่อาจมีทัศนคติรุนแรง และปัจจุบันยังมีนักทาคดีการเมืองที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 18 กลุ่มคดี และที่ผ่านมาก็มีผู้ได้รับผลกระทบที่มักจะไปร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมซึ่งเขาก็ได้รับทราบปัญหาทั้งเรื่องการเยี่ยมที่ไม่สะดวก เครื่องนอนไม่สะอาด ไม่มีหนังสือพิมพ์อ่าน หรือการใส่เครื่องพันธนาการตอนออกศาล ก็มีการสั่งให้ดำเนินการให้เรียบร้อยและให้เกียรติคนกลุ่มนี้ด้วย</p>
<p>สมบูรณ์กล่าวถึงกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่มีหน้าที่และการกำหนดแผนไว้ด้วยว่าจะต้องมีการส่งเสริมสิทธิการชุมนุมโดยสงบซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน และกรมคุ้มครองสิทธิฯ ยังได้อบรมเจ้าหน้า
3726  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กำชับหน่วยงานรัฐห้ามบังคับเรี่ยไรเกลื่อน หวั่นกระทบประชาชน ชี้ต้องโปร่งใสตร เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 22:30:02
กำชับหน่วยงานรัฐห้ามบังคับเรี่ยไรเกลื่อน หวั่นกระทบประชาชน ชี้ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 18:39</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>รมว.ประจำสำนักนายก กำชับหน่วยงานรัฐ ห้ามบังคับเรี่ยไรเกลื่อน หวั่นกระทบประชาชน ชี้ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ - ‘รมว.ดีอีเอส’ ย้ำกับ สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) ‘รัฐบาล’ เดินหน้าขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไทย - ก.พาณิชย์ ชู 7 มาตรการ เสนอนายกฯ ให้ 'ทีมไทยแลนด์' ใช้จุดแข็ง บุก 10 ตลาดเป้าหมาย</p>
<p>24 พ.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ (กคร.) โดยคณะกรรมการ กคร. เข้าร่วม โดยที่ประชุมได้รายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เคยได้มีการเรี่ยไรตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2566 จำนวน 11 เรื่อง และร่วมพิจารณากิจกรรมที่เสนอขออนุมัติ จำนวน 12 กิจกรรม โดยส่วนมากเป็นการขออนุมัติจัดโครงการทอดกฐิน และการแข่งขันกีฬา เช่น กอล์ฟ และโบว์ลิ่ง การกุศล ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และเสนอให้มีการ แจ้งหน่วยงานรัฐให้ทราบแนวทางการปฏิบัติ ในการนำกิจกรรมเสนอต่อ กคร.</p>
<p>นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า หน่วยงานรัฐที่ต้องการจะดำเนินกิจกรรมในลักษณะของการเรี่ยไรเงินจากผู้ใดก็ตาม ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการฯ โดยกิจกรรมดังกล่าวต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนส่วนรวม ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่เรี่ยไรโดยการเจาะจงหรือบังคับใจ ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดสนใจจัดกิจกรรมโดยการเรี่ยไรต้องยื่นกิจกรรมต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาก่อนดำเนินกิจกรรม 60 วัน และต้องมีการรายงานผลการดำเนินงานรวมถึงงบประมาณทันทีหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของคณะกรรมการว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">‘รมว.ดีอีเอส’ ย้ำกับ สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) ‘รัฐบาล’ เดินหน้าขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไทย </span></h2>
<p>นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงการหารือร่วมกับ H.E. Ambassador Brian D. McFeeters (ret.) รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการภูมิภาคของสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (U.S. - ASEAN Business Council: USABC) และคณะนักธุรกิจสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน ในโอกาสการเยือนประเทศไทยและเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทยกับ USABC พร้อมฟังนโยบายภาพรวมและเป้าหมายการดำเนินงานของรัฐบาลและกระทรวง ด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย รวมทั้งโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 ว่าได้ยืนยันกับผู้แทน USABC ถึงแนวทางของรัฐบาลที่มีกรอบนโยบายในทุกมิติ ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เพื่อยกระดับความปลอดภัยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อผลักดันไปสู่การสร้างเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายการค้าและการลงทุนของอุตสาหกรรมดิจิทัลบนเวทีโลก</p>
<p>ระยะสั้น คือ การมุ่งเน้นการกระตุ้นการใช้จ่าย และเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว ซึ่งกระทรวงฯ มีบทบาทสำคัญในการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนที่สำคัญ คือ การผลักดันการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ (Online scam) โดยได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti-Online Scam Operation Center: AOC) เพื่อให้มีการดำเนินการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เป็นศูนย์แบบ One Stop Service สามารถดำเนินการปิดกั้นอายัดบัญชีให้แก่ประชาชนได้ทันที</p>
<p>สำหรับกรอบนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีเป้าหมายในการเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนทุกคน กระทรวงฯ จึงได้กำหนดนโยบายในการเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของประเทศไทย “The Growth Engine of Thailand” เพื่อเป้าหมายที่สำคัญ 3 ด้าน คือ 1.การยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ (Thailand Competitiveness) มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล โดยผลักดันนโยบาย Go Cloud First ส่งเสริมให้มีการใช้ Public Cloud มุ่งเน้นการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเชื่อมโยงบริการภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชน และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ 2.การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Safety &amp; Security) ให้ความสำคัญในการป้องกันและการเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนให้มีความปลอดภัยในการดำรงชีวิตและการประกอบธุรกิจ และเตรียมความพร้อมภาครัฐและภาคเอกชนในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 3.การเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ของประเทศด้านดิจิทัล (Human Capital) เร่งสร้างกำลังคนวิชาชีพดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้มีความก้าวหน้าและเข้มแข็ง รวมถึงการพัฒนาให้ประชาชนได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจใหม่
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกระทรวงฯ อยู่ระหว่างการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ ทั้งทางบกและทางทะเล มีระบบเคเบิลภาคพื้นข้ามพรมแดน (Cross-border terrestrial cables) และระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ (International submarine cables) ให้บริการเชื่อมต่อระบบสื่อสารเชื่อมโยงกับประเทศอื่น ๆ ทั้งในเอเชียและยุโรป เพื่อให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเส้นทางดิจิทัลที่มีศักยภาพของโลก รวมถึงเร่งสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายการค้าและการลงทุนของอุตสาหกรรมดิจิทัลในเวทีโลก (Advanced Digital Technology Destination) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้เอื้อต่อการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมและรองรับอุตสาหกรรมใหม่ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการไทยแลนด์ดิจิทัลวัลเล่ย์ การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม Cloud Innovation &amp; Service และ Data Center บนฐานพลังงานสะอาด และการจัดทำ (ร่าง) มาตรการส่งเสริมการลงทุนและการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ที่สนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และการพัฒนาศักยภาพกำลังคน</p>
<p>“การหารือกันกับรองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการภูมิภาคของสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และคณะนักธุรกิจสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน ในวันนี้ถือเป็นโอกาสดี ในการที่จะนำไปสู่ความร่วมมือทางด้านการพัฒนากำลังคน การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการลงทุนในประเทศไทยเพื่อที่จะก้าวไปสู่ประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวย้ำ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'ภูมิธรรม' นำพาณิชย์ ชู 7 มาตรการ เสนอนายกฯ ให้ 'ทีมไทยแลนด์' ใช้จุดแข็ง บุก 10 ตลาดเป้าหมาย</span></h2>
<p>เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลัง “ทีมไทยแลนด์”นำเสนอประเทศเป้าหมายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง โดยนางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ระบุ 10 ประเทศเป้าหมาย ที่ 3 หน่วยงาน (กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศและบีโอไอ) เห็นตรงกัน ประกอบด้วย 1.สหรัฐอเมริกา 2.จีน 3.ญี่ปุ่น 4.เยอรมนี 5.ฝรั่งเศส 6.อินเดีย 7.ยูเออี 8.เกาหลีใต้ 9.ซาอุดีอาระเบีย และ 10.แอฟริกาใต้</p>
<p>ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มี 5 แนวทางสำคัญในการผลักดัน คือ 1.ขยายโอกาสทางการค้า ทั้งกระจายตลาด หาหุ้นส่วนการค้าและวัตถุดิบ 2.การเจรจา FTA ใช้ของเดิมและเพิ่มการเจรจา FTA ใหม่ 3.ด้าน Soft Power และเพิ่มพาณิชย์ Influencer 4.เพิ่มประสิทธิภาพการค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสู้กับความท้าทายและกติกาใหม่ของโลก และ 5.ใช้ช่องทางการค้า ผ่านแพลตฟอร์มและดิจิทัลช่วยผู้ประกอบการไทย</p>
<p>หลังจากที่ทีมไทยแลนด์รับนโยบายจากท่านนายกฯ ได้ทบทวนประเด็นต่างๆเป็น 7C หรือ 7 มาตรการ ของกระทรวงพาณิชย์ที่จะผลักดันนโยบายการทูตและเศรษฐกิจเชิงรุก 1.Common Goal สร้างความร่วมมือกันของทีมไทยแลนด์ 2.Customer-centric ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสำคัญ 3.Co-creation ทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมทั้งในประเทศและนอกประเทศ 4. Cooperation สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนและทุกภาคส่วน 5. Connectivity เชื่อมโยงทุกส่วนทั้งในประเทศ นอกประเทศและระหว่างประเทศ 6. Care การค้ากับประเทศต่างๆใช้ความเป็นไทย เน้น Soft Power และ 7. Can Do ทีมไทยแลนด์ทุกคนต้องมีความคิดว่าต้องทำได้</p>
<p>จุดแข็งของกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานเดียวในประเทศไทยที่มีสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 แห่ง มีหน่วยงานระหว่างประเทศ 98 แห่งทั่วโลก และให้ความสำคัญมากในการเชื่อมโยงการค้าภายในและภายนอกประเทศผลักดันสินค้าไทย โดยการค้าขายต้องจับต้องได้ และกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการเร่งด่วนแล้ว คือ 1.นำเสนอสินค้าไทยบนหน้าร้านที่โดดเด่นในห้างหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ 2.ปรับ KPI เป้าหมายการค้าให้เข้มข้นขึ้น และ 3.ให้ร้านค้าที่ได้รับตรา Thai SELECT ในต่างประเทศ เป็นโชว์รูมสินค้าไทยในต่างประเทศ</p>
<p>จากนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชม 7C หรือ 7 มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ และทีมไทยแลนด์ ที่จะช่วยให้คนไทยที่ออกไปค้าขายมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ขอบคุณที่ช่วยผลักดันและอยากฝากอนาคตประเทศไว้ในมือของทุกคน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106967
 
3727  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ประวัติ "หลวงปู่หา สุภโร" พระอริยเจ้าแห่งแดนอีสาน เกจิดังผู้เปิดโลกไดโนเสาร์ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 21:49:52
ประวัติ "หลวงปู่หา สุภโร" พระอริยเจ้าแห่งแดนอีสาน เกจิดังผู้เปิดโลกไดโนเสาร์
         


ประวัติ &quot;หลวงปู่หา สุภโร&quot; พระอริยเจ้าแห่งแดนอีสาน เกจิดังผู้เปิดโลกไดโนเสาร์" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9117126/
         
3728  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เผยคดี 112 ช่างตัดผมราชบุรีถึงที่สุดแล้ว หลังไม่ได้ประกันตัว-ตัดสินใจไม่อุทธรณ์ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 20:57:29
เผยคดี 112 ช่างตัดผมราชบุรีถึงที่สุดแล้ว หลังไม่ได้ประกันตัว-ตัดสินใจไม่อุทธรณ์
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 18:52</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยคดี ม.112 ช่างตัดผมราชบุรี ถึงที่สุดแล้วหลังไม่ได้ประกันตัว-ตัดสินใจไม่อุทธรณ์ต่อ รับโทษ 1 ปี 6 เดือน - ทนายยื่นคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ #ม็อบย่างกุ้ง ของกลุ่ม WeVo เหตุมีสภาพร้ายแรงซึ่งอาจทำให้การพิจารณา-พิพากษา เสียความยุติธรรม</p>
<p>ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 ทนายความได้ตรวจสอบความคืบหน้าคดีของ “วัฒน์” (นามสมมติ) ช่างตัดผมจากจังหวัดราชบุรีวัย 29 ปี ผู้ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีจากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กมีเนื้อหาชื่นชมในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่วิพากษ์วิจารณ์รัชกาลที่ 10 ก่อนถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่ได้รับการประกันตัวหลังมีคำพิพากษา ก่อนที่เขาจะตัดสินใจไม่อุทธรณ์คดีต่อ และพบว่าในที่สุดคดีได้สิ้นสุดลง</p>
<p>สำหรับคดีนี้มี ปิติ สมันตรัฐ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ บก.ปอท. จากกรณีโพสต์ข้อความมีใจความว่า ผู้โพสต์เคารพนับถือเพียงรัชกาลที่ 9 เห็นว่าทรงทำงานหนักเพื่อประชาชน แต่จำเลยไม่เห็นว่ารัชกาลที่ 10 ได้ทรงงาน จึงไม่จำเป็นต้องเคารพ</p>
<p>ก่อนการสืบพยาน วัฒน์ได้ตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 ศาลอาญาพิพากษาว่าเขามีความผิดตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา</p>
<p>ในการขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ศาลอาญาได้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประตัว เห็นว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง”</p>
<p>หลังจากนั้น วัฒน์ถูกคุมขังเรื่อยมา และเมื่อไม่ได้รับการประกันตัว ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาต่อ เพื่อให้คดีสิ้นสุดโดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายอัยการโจทก์ยังขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต่อมา รวมทั้งหมด 3 ครั้ง จนถึงเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 เมื่อครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ พบว่าอัยการไม่ได้ขอขยายระยะเวลาต่ออีก ทำให้คดีสิ้นสุดลงแล้ว</p>
<p>จนถึงปัจจุบัน วัฒน์ถูกคุมขังมาแล้ว 4 เดือนเศษ หากถูกคุมขังจนครบกำหนดโทษ จะได้รับการปล่อยตัวในช่วงเดือนมกราคม 2568 </p>
<p>“ผมไม่อยากเข้า ๆ ออก ๆ เรือนจำ ถ้าประกันออกไป เดี๋ยวเวลาเข้ามาใหม่ ผมทำใจลำบาก เดี๋ยวถ้าออกไปแล้วผมหางานทำ พอถึงเวลาถ้าต้องเข้า ผมก็ลำบากต้องลางาน ลาออก หางานใหม่ ถ้ายอมติดคุกไปเลย ปีครึ่งให้มันจบ ๆ มกราคมปี 68 ผมก็ได้ออกแล้ว” เป็นถ้อยคำที่เขาเคยกล่าวกับทนายความระหว่างตัดสินใจเกี่ยวกับคดีของตัวเองเมื่อถูกคุมขัง</p>
<p>หลังถูกคุมขัง วัฒน์คิดว่าเขาพอปรับตัวให้อยู่ในเรือนจำได้ โดยได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายบางส่วนจากกองทุนช่วยเหลือผู้ต้องขังทางการเมือง จึงช่วยลดภาระทางบ้านไปบ้าง ทำให้เป็นส่วนหนึ่งทำให้เขาตัดสินใจไม่อุทธรณ์คดีต่อ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ทนายยื่นคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ #ม็อบย่างกุ้ง ของกลุ่ม WeVo เหตุมีสภาพร้ายแรงซึ่งอาจทำให้การพิจารณา-พิพากษา เสียความยุติธรรม</span></h2>
<p>ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าวันที่ 21 พ.ย. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลแขวงดุสิตนัดสืบพยานจำเลยในคดีของ “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล และสมาชิกกลุ่ม WeVo หรือ We Volunteer รวม 11 คน จากการจัดกิจกรรม #ม็อบย่างกุ้ง เพื่อจำหน่ายกุ้งของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริเวณสนามหลวงและอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563</p>
<p>ก่อนหน้านัดสืบพยานดังกล่าว คือ ในวันที่ 20 พ.ย. 2566 ทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้าน สิรพัชร์ สินมา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ผ่านทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม โดยอ้างเหตุอันมีสภาพร้ายแรงซึ่งอาจทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 12</p>
<p>คำร้องดังกล่าวระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้ยื่นคำร้องคัดค้านผู้พิพากษาไว้ 2 ประการ ดังนี้</p>
<p>1. การถามหรือพูดถึงสถานะ สส. ของปิยรัฐ (จำเลยที่ 1)  ในระหว่างการพิจารณาคดี</p>
<p>ในระหว่างการสืบพยานจำเลยในวันที่ 2 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนได้สอบถามเกี่ยวกับคดีอื่น ๆ ของปิยรัฐ จำเลยที่ 1 และตั้งคำถามเกี่ยวกับการหลุดจากสถานะ สส. ซึ่งเป็นการ พูดถึงสถานะ สส. ของจำเลยที่ 1 ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการพิจารณาคดีของศาล </p>
<p>ก่อนหน้าวันดังกล่าว ผู้พิพากษาฯ ก็ได้ถามถึงคดีของศาลแขวงดุสิตที่เป็นคดีในทำนองเดียวกัน คือ คดีฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เพิ่งพิพากษาไปว่า ศาลพิพากษาอย่างไร ซึ่งคดีดังกล่าว ศาลพิพากษาลงโทษตามคำฟ้องทุกฐานความผิด แต่ลงโทษปรับจำเลย ลักษณะการถามดังกล่าวทำให้ทนายความจำเลยรู้สึกได้ว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมองว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งไปขายกุ้งที่สนามหลวงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรฟาร์มกุ้งที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปิดตลาดกลางกุ้งในช่วงเดือนธันวาคม 2563 เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เช่นเดียวกัน</p>
<p>2. การเพ่งเล็งการทำหน้าที่ทางวิชาชีพของทนายความ</p>
<p>2.1 การมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเข้ามานั่งประจำห้องพิจารณาคดีในทุกนัด ไม่ห้ามปราม หรือทำความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจศาล</p>
<p>ในการพิจารณาคดีทุกนัดที่ผ่านมา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเข้ามานั่งประจำห้องพิจารณา และปล่อยให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลเชิญทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 ออกจากห้องพิจารณาขณะที่กำลังทำหน้าที่ถามค้านพยานโจทก์ และเมื่อเสร็จการพิจารณาในแต่ละวันเกือบทุกครั้งก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจศาลจะออกไปจากห้อง ผู้พิพากษาฯ จะพูดขอบคุณทำนองว่า มีเจ้าพนักงานตำรวจศาลมานั่งอยู่ในห้องทำให้คดีดำเนินไปได้ด้วยดี เป็นไปโดยเรียบร้อย ทั้งที่กระบวนพิจารณาคดีดำเนินไปได้ก็เนื่องจากคู่ความและบุคลากรทุกคนที่อยู่ในห้องพิจารณา ไม่ใช่เฉพาะแค่เจ้าพนักงานตำรวจศาล </p>
<p>คำพูดในลักษณะดังกล่าวสะท้อนมุมมองของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนที่มีต่อฝ่ายจำเลยว่า ต้องมีเจ้าพนักงานตำรวจศาลมานั่งในห้อง กระบวนพิจารณาจึงจะสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี  อย่างไรก็ตาม ภายหลังทนายความจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดุสิต เพื่อขอให้พิจารณากรณีดังกล่าว ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจึงได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลไม่ต้องมานั่งประจำห้องพิจารณาคดีอีกต่อไป</p>
<p>2.2 การเตือนไม่ให้ทนายความซึ่งทำงานร่วมกันเป็นทีมบอกคำถาม ส่งกระดาษคำถามให้กัน หรือปรึกษาหารือกันระหว่างการถามความ </p>
<p>ในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566 ในระหว่างสืบพยานจำเลย ทนายความจำเลยที่ 3 – 5 กำลังซักถามพยาน ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้บอกคำถามที่ตกหล่นให้ทนายความจำเลยที่ 3 – 5 ถามเพิ่ม รวมทั้งส่งกระดาษที่เขียนคำถามพยานที่ตกหล่นให้ทนายความจำเลยที่ 3 – 5 ถาม รวมถึงในบางช่วงเวลาได้มีการพูดคุยกับทนายความจำเลยที่ 3 – 5 เกี่ยวกับคำถามที่ตกหล่นไปเพื่อให้ถามพยานได้ความครบถ้วน ซึ่งเป็นกระบวนการทำหน้าที่ทนายความตามปกติในกรณีที่มีทนายความทำงานร่วมกันหลายคน และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของจำเลย แต่ศาลเตือนทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 ว่า ทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะตามกฎหมายให้ทนายความถามความได้ทีละคน </p>
<p>ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงได้โต้แย้งศาลว่า เป็นการทำหน้าที่ร่วมกันเป็นทีมและกรณีนี้ไม่ใช่การถามความหลายคนตามข้อกฎหมายที่ศาลเห็นว่าทำไม่ได้ และทนายความยืนยันต่อศาลว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีกฎหมายห้ามทนายความบอกคำถาม ส่งกระดาษคำถามให้กันหรือปรึกษาหารือกันระหว่างการถามความ </p>
<p>หลังจากนั้น ศาลได้บันทึกข้อความลงในคำเบิกความพยานปากดังกล่าวทุกครั้งที่ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 ส่งกระดาษคำถาม บอกคำถามหรือปรึกษาหารือกับทนายจำเลยที่ 3 – 5  </p>
<p>อีกทั้งผู้พิพากษาฯ ได้กล่าวทำนองว่า ท่านจะให้ตั้งเรื่องมั้ย จะได้ตรวจสอบ จะได้ให้สภาทนายดู ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถามว่า ท่านจะตั้งเรื่องอะไร เรื่องละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ผู้พิพากษาฯ ตอบว่า ไม่ใช่ละเมิดอำนาจศาล ดูว่ากระบวนการชอบหรือไม่ และจะฟังพยานปากนี้ได้หรือไม่ ฟังได้ขนาดไหน ถึงต้องมีกล้อง จะได้ชัดเจน แล้วก็เคารพกฎหมายนะครับ ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย </p>
<p>กรณีดังกล่าวทำให้ทนายความจำเลยเข้าใจได้ว่า หากยังบอกคำถามกัน ส่งกระดาษคำถามให้กัน หรือคำปรึกษาหรือกันอยู่อีก จะต้องมาพิจารณากันว่า จะรับฟังพยานปากดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  ทำให้ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 – 5 รู้สึกได้ว่า หากยังยืนยันสิทธิที่จะปฏิบัติเช่นเดิม ศาลจะไม่รับฟังพยานปากดังกล่าว และมีการกล่าวถึงสภาทนายความทำให้ทนายความจำเลยเกิดความกลัวและวิตกกังวลในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ทนายความเพื่อประโยชน์ของลูกความ ส่งผลให้ทนายความจำเลยไม่อาจถามพยานปากดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ภายใต้สภาพการณ์ดังกล่าว </p>
<p>ทนายความจำเลยทั้ง 11 เห็นว่า การทำหน้าที่ตามที่ระบุข้างต้นเป็นการทำหน้าที่ทนายความโดยปกติทั่วไปในกระบวนพิจารณาคดี และที่ผ่านมาไม่เคยพบว่าศาลใดเห็นว่าการทำหน้าที่ของทนายความในลักษณะดังกล่าวเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายและกระบวนพิจารณาคดี </p>
<p>การที่ศาลจะนำกรณีดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการรับฟังพยานปากดังกล่าวว่ารับฟังได้หรือไม่ เนื่องจากในระหว่างการถามความทนายความมีการส่งคำถามหรือปรึกษาหารือกัน ทั้งที่ไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้ทนายความจำเลยปรึกษาหารือ บอกคำถาม หรือส่งกระดาษคำถามให้กัน และการห้ามหรือการวินิจฉัยว่า การกระทำของทนายความจำเลยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจส่งผลต่อรูปคดีของจำเลยอย่างร้ายแรงได้ เนื่องจากเป็นพยานปากสำคัญคนหนึ่งในคดี </p>
<p>ในคำร้องระบุว่า ลักษณะการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ถือได้ว่าเป็นสภาพร้ายแรงซึ่งอาจทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป โดยมีสาเหตุอันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ทนายความจำเลยได้เข้าพบผู้พิพากษาหัวหน้าศาล กรณีที่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนแจ้งกับทนายความจำเลยว่า จะมีคำสั่งยกเลิกการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยทั้ง 11 คน ซึ่งผู้พิพากษาท่านเดิมได้อนุญาตไว้ และจะให้จำเลยทั้งสิบเอ็ดมาศาลในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น ภายหลังจากนั้นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลได้เชิญผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไปหารือ และต่อมาก็ไม่ยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยที่ศาลท่านเดิมได้อนุญาตไว้  </p>
<p>กรณีดังกล่าวข้างต้น ที่ทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านในประเด็นต่าง ๆ รวมทั้งการเข้าพบผู้พิพากษาหัวหน้าศาล 2 ครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนท่านนี้ที่ผ่านมา ที่อาจสร้างความไม่พอใจ และย่อมส่งผลต่อความเป็นอิสระ เป็นกลางและปราศจากอคติในการพิพากษาคดีโดยตรง กรณีดังกล่าวได้สะท้อนผ่านการถามหรือพูดถึงสถานะ สส. ของจำเลยที่ 1 ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการพิจารณาพิพากษาคดี และการดำเนินกระบวนพิจารณาในลักษณะที่เพ่งเล็งการถามความของทนายความจำเลยในวันที่ 2 พ.ย. 2566 ดังกล่าวข้างต้น ย่อมเป็นเหตุอันมีสภาพร้ายแรงซึ่งอาจทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป</p>
<p>ในวันที่ 21 พ.ย. 2566 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 401 สิรพัชร์ สินมา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนออกนั่งพิจารณาคดี และอ่านคำสั่งต่อคำร้องคัดค้านดังกล่าวโดยสรุปว่า ตามที่ทนายความจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา เห็นว่ากรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 12 ให้ยกคำร้อง โดยผู้พิพากษาสิรพัชร์เป็นผู้สั่งตามคำร้องดังกล่าวด้วยตนเอง และสั่งให้ดำเนินการสืบพยานจำเลยปาก ปิยรัฐ จำเลยที่ 1 ซึ่งอ้างตนเป็นพยานต่อไป</p>
<p>ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตว่า หลักความเป็นอิสระของตุลาการเป็นหลักการสำคัญที่ช่วยประกันสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมของผู้ต้องหาในคดีอาญา ดังนั้นตามหลักการนี้ ผู้พิพากษาจะต้องมีความเที่ยงธรรม คือ อยู่ในสถานะที่ไม่มีผลประโยชน์หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในคดี และต้องไม่มีความคิดล่วงหน้าใดๆ เกี่ยวกับประเด็นที่กำลังพิจารณา </p>
<p>หากมีเหตุเพียงพอที่จะทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความเที่ยงธรรมของผู้พิพากษา ผู้พิพากษาก็มีหน้าที่ที่จะต้องถอนตัวจากคดีนั้น ซึ่งบทบัญญัติกฎหมายก็เปิดช่องให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถคัดค้านผู้พิพากษาได้ โดยอ้างเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 11 และ 12 </p>
<p>นอกจากนี้ ในการพิจารณาคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 13 วรรคสาม วางหลักไว้ว่า “ถ้าศาลใดมีผู้พิพากษาคนเดียว และผู้พิพากษาคนนั้นถูกคัดค้าน หรือถ้าศาลใดมีผู้พิพากษาหลายคน และผู้พิพากษาทั้งหมดถูกคัดค้าน ให้ศาลซึ่งมีอำนาจสูงกว่าตามลำดับเป็นผู้ชี้ขาดคำคัดค้าน” จึงมีข้อน่าพิจารณาและตั้งคำถามว่า ผู้พิพากษาที่ถูกคัดค้านจะมีอำนาจในการสั่งคำร้องคัดค้านผู้พิพากษาด้วยตนเองหรือไม่</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106968
 
3729  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [เศรษฐกิจ] - ผู้เชี่ยวชาญคาด GDP ไตรมาสสองติดลบ จากวิกฤตโควิดรอบ 3 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 20:13:16
ผู้เชี่ยวชาญคาด GDP ไตรมาสสองติดลบ จากวิกฤตโควิดรอบ 3
         


ผู้เชี่ยวชาญคาด GDP ไตรมาสสองติดลบ จากวิกฤตโควิดรอบ 3" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;“อนุสรณ์ ธรรมใจ” คาด เศรษฐกิจไตรมาสสองอาจทรุดหนักถึงขั้นติดลบ จากผลกระทบโควิด-19 ระลอกสาม ฉุดทั้งปีโตไม่เกิน 2%
         

https://www.sanook.com/news/8364090/
         
3730  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เผยแล้ว "พุทธะอิสระ" พูดอะไรกับ "ชัยธวัช" ในการพบกันครั้งหยุดโลก ที่วัดอ้อ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 20:13:16
เผยแล้ว "พุทธะอิสระ" พูดอะไรกับ "ชัยธวัช" ในการพบกันครั้งหยุดโลก ที่วัดอ้อน้อย
         


เผยแล้ว &quot;พุทธะอิสระ&quot; พูดอะไรกับ &quot;ชัยธวัช&quot; ในการพบกันครั้งหยุดโลก ที่วัดอ้อน้อย" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9116618/
         
3731  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'สมัชชาคนจน' พอใจผลประชุมแก้ปัญหา เตรียมตั้งอนุกรรมการดันข้อเสนอเชิงนโยบา เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 19:25:54
'สมัชชาคนจน' พอใจผลประชุมแก้ปัญหา เตรียมตั้งอนุกรรมการดันข้อเสนอเชิงนโยบาย แก้ กม.ล้าสมัย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 19:05</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก/ภาพประกอบ: ถ่ายโดย เข็มหมุด</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'สมัชชาคนจน' พอใจผลประชุมกับกระทรวงแรงงาน หาทางแก้ไขปัญหารายกรณีโดยเฉพาะการลอยแพเลิกจ้างแรงงาน เตรียมตั้งอนุกรรมการผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบาย และแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย</p>
<p> </p>
<p>24 พ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานวันนี้ (24 พ.ย.) ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ที่กระทรวงแรงงาน มีการประชุมแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนกรณีแรงงาน โดยรัฐมนตรีแรงงานเป็นประธานในที่ประชุม ความคืบหน้าวันนี้ บุญยืน สุขใหม่ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมมีการตั้งอนุกรรมการแก้ไขปัญหากรณีเชิงนโยบายโดยเฉพาะปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานทั้งหมด เพราะว่ากฎหมายที่ผ่านมาไม่มีแก้ไขให้ทันสมัย โดยให้มีผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเป็นประธานในที่ประชุม และผู้แทนฝ่ายรัฐ และผู้แทนสมัชชาคนจนฯ สัดส่วนเท่าๆ กัน</p>
<p>บุญยืน กล่าวต่อว่า ปัญหาหลักๆ คือกรณีการเยียวยาผู้ประกอบการ 6 แห่งที่ลอยแพลูกจ้าง ไม่จ่ายค่าชดเชย ผลสรุปได้มติที่ค่อนข้างเป็นน่าพอใจ และจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 28 พ.ย.นี้ และถ้า ครม. มีมติเห็นชอบให้เห็นชอบจัดตั้งงบประมาณ รัฐมนตรีกระทรวงจะตั้งงบประมาณในวันที่ 4 ธ.ค. ช่วงที่มี ครม.สัญจรที่จังหวัดหนองบัวลำภู</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53352655661_f5605486f2_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">บุญยืน สุขใหม่</span></p>
<p>สำหรับข้อเสนอของสมัชชาคนจนนั้น ต้องการให้ทางกระทรวงแรงงานตั้งงบประมาณ เพื่อขอมติคณะรัฐมนตรีจ่ายเงินชดเชยให้กับแรงงานที่ถูกผู้ประกอบการลอยแพ หรือถูกละเมิดสิทธิแรงงาน</p>
<p>บุญยืน กล่าวถึงข้อเรียกร้องเรื่องการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศนั้น ทางแกนนำสมัชชาคนจน ระบุว่า เขาไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลต้องเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในปีนี้ แต่เรามี 3 ประเด็นที่อยากให้เป็นบรรทัดฐานคือค่าจ้างขั้นต่ำต้องเท่ากันทั่วประเทศ ส่วนต่างของค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับขึ้นทุกคนต้องได้ รวมทั้งข้าราชการ และลูกจ้าง และสุดท้าย รัฐบาลต้องจัดทำโครงสร้างเงินเดือนของลูกจ้าง ให้ลูกจ้างอายุงาน 10 ปี หรือ 20 ปี ปรากฏว่าเป็นคนงานรับเหมาค่าแรงจะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน และกระทรวงแรงงาน ระบุว่า เสนอปรับที่ 400 บาทต่อวันในปีนี้ แต่กระทรวงแรงงานยังไม่ตกผลึกในเรื่องนี้</p>
<p>อภิสิทธิ์ เหล่าลุมพุก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ฝ่ายสมัชชาคนจน กล่าวถึงผลการหารือว่าเป็นไปตามที่เราต้องการ แต่บางประเด็นก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามสภาพของการหารือในวงประชุม คิดว่าต้องตามดูว่ากระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างสมัชชาคนจน และกระทรวงแรงงาน ในส่วนของการประสานงานคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะหลายเรื่องรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานรับปากและนำหลักการไปดำเนินการต่อ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีในการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับ ครม.ที่จะมีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาที่สมัชชาคนจนนำเสนอหรือไม่</p>
<p>การประชุมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องของการชุมนุมของสมัชชาคนจน ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. จนถึง 7 พ.ย. 2566 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาของคนจน ระหว่างปักหลักที่ กทม. นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน กรณีปัญหาแรงงาน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกรรมการ และมีการจัดประชุมวันแรกเพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่าง สมัชชาคนจน และกระทรวงแรงงาน วันนี้ (24 พ.ย.)</p>
<div class="ืnote-box">
<div class="note-box">
<p>สำหรับสมัชชาคนจน มีข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาแรงงานทั้งหมด 19 กรณี แบ่งเป็น กรณีปัญหาเกี่ยวกับแรงงาน 9 ข้อ ข้อเสนอเชิงนโยบาย 10 ข้อ และกรณีปัญหาอื่นๆ 1 ข้อ  </p>
<ol>
<li>นายจ้างใช้สิทธิปิดงานและเลิกจ้างกรรมการสหภาพแรงงานฯ และฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเฉพาะกรรมการลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานบริษัท A (นามสมมติ) จำนวน 9 คน</li>
<li>นายจ้างใช้สิทธิปิดงานและเลิกจ้างเฉพาะสมาชิกสหภาพแรงงานบริษัท A (นามสมมติ) จำนวน 38 คน</li>
<li>บริษัท T (นามสมมติ) ปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงาน 31 คน</li>
<li>บริษัท W (นามสมมติ) ปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงาน จำนวน 124 คน</li>
<li>บริษัท G (นามสมมติ) ปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานจำนวน 12 คน</li>
<li>บริษัท P (นามสมมติ) ชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิด และจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม นางสาว พ. ซึ่งได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน</li>
<li>บริษัท N (นามสมมติ) ปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงาน 106 คน</li>
<li>ขอให้สำนักงานกองทุนเงินทดแทนจ่ายเงินให้กับญาติ/ทายาท/ผู้มีสิทธิ์กรณี MR. K (นามสมมติ) เสียชีวิตเนื่องจากการงาน เป็นลูกจ้างของ บริษัท E (นามสมมติ)</li>
<li>บริษัท C (นามสมมติ) และ D (นามสมมติ) เกิดอุบัติเหตุจากการทำงานและเลิกจ้างนางสาว ว. </li>
</ol>
<p>กรณีปัญหาอื่นๆ : ขอให้สถานทูตญี่ปุ่น สถานทูตเกาหลี สถานทูตจีน เข้ามารับฟังข้อมูลการละเมิดสิทธิแรงงาน และดำเนินการเรียกนักลงทุนจีนให้ปฏิบัติตามกกหมายแรงงานไทย กรณีที่มีการละเมิดสิทธิแรงงานเกิดขึ้นให้ส่งกลับแรงงานที่เป็นชาวต่างชาติภายใน 24 ชั่วโมง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อเสนอเชิงนโยบาย </span></h2>
<ol>
<li>รัฐบาลต้องสนับสนุนให้สถานประกอบการจัดให้มีระบบความปลอดภัยในการทำงาน และจัดสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้าง</li>
<li>ตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานทุกฉบับให้ทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีสมาชิกสมัชชาคนจน และนักวิชาการที่สมัชชาคนจนเสนอ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ อาทิ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพิ่มสิทธิลาคลอด 180 วันได้รับค่าจ้าง 90 วัน วันหยุดสามารถแบ่งกันระหว่างสามี และภรรยา มีสวัสดิการผ้าอนามัยฟรี สำหรับผู้หญิง หรือการเปลี่ยนนิยาม “ลูกจ้าง” ตามมาตรา 5 ครอบคลุมนักศึกษาฝึกงาน ฯลฯ</li>
<li>รัฐต้องทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา โดยจัดให้มีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานทุก 5 ปี</li>
<li>ผลักดันการยกระดับฐานะ “ตำบลบ่อวิน” ให้เป็น “อำเภอบ่อวิน” จังหวัดชลบุรี</li>
<li>ผู้ประกันตนสามารถเลือกใช้สิทธิการเลือกตั้งทุกระดับในพื้นที่ที่ตนเองทำงานหรือที่อยู่อาศัยจริงและการเริ่มการใช้วิธีการลงคะแนนแบบ Electronics Voting (E-Voting ให้กับผู้ประกันตน)</li>
<li>คณะกรรมการไตรภาคีทุกคณะตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน พระราชบัญญัติประกันสังคมพระราชบัญญัติเงินทดแทน ผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 หรือกรรมการไตรภาคีอื่น ๆ ต้องมาจาการเลือกตั้งของลูกจ้างโดยตรง</li>
<li>รัฐบาลต้องริเริ่มผลักดันให้ศาลจังหวัดทุกจังหวัดเพิ่มแผนกคดีแรงงานในศาลจังหวัดนั้น ๆ ที่มีศาลจังหวัดตั้งอยู่ หรือให้ตราเป็นพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานจังหวัดตาม มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522</li>
<li>รัฐบาลต้องริเริ่มผลักดันให้มีการบรรจุเนื้อหากฎหมายแรงงานต่างๆ เบื้องต้นในหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอาชีวะศึกษา</li>
<li>กรณีที่รัฐบาลประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำ: 1. ต้องประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้เท่ากันทั้งประเทศ 2. ต้องปรับส่วนต่างของค่าจ้างขั้นต่ำที่ถูกปรับขึ้นให้กับลูกจ้างทุกคน และรัฐต้องจัดทำโครงสร้างค่าจ้างพื้นฐานสำหรับลูกจ้างในสถานประกอบการเพื่อให้ลูกจ้างดำรงชีวิติอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในสังคม</li>
<li>รัฐบาลต้องมีมติคณะรัฐมนตรียกเลิกการนำร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฉบับ พ.ศ. ..... ฉบับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีก</li>
</ol>
</div>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106969
 
3732  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ชาวโลกผวา! WHO จี้ "จีน" เผยข้อมูลคลัสเตอร์ "ปอดอักเสบ" ระบาดหนัก หวั่นซ้ำรอยโ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 19:17:20
ชาวโลกผวา! WHO จี้ "จีน" เผยข้อมูลคลัสเตอร์ "ปอดอักเสบ" ระบาดหนัก หวั่นซ้ำรอยโควิด
         


ชาวโลกผวา! WHO จี้ &quot;จีน&quot; เผยข้อมูลคลัสเตอร์ &quot;ปอดอักเสบ&quot; ระบาดหนัก หวั่นซ้ำรอยโควิด" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9116954/
         
3733  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'สุดารัตน์' มองดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจโต เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 17:55:02
'สุดารัตน์' มองดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 17:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'สุดารัตน์' มองดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน ชี้ปัญหาเศรษฐกิจต้องเริ่มแก้จากหนี้สินคนตัวเล็ก–SMEs ฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แนะพักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย พร้อมเสนอตั้งกองทุนเครดิตประชาชน แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://storage.tpchannel.org/tpchannel/news_image/220e1ee7b2c97ccac571732e27dcaa1c1827260.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย</span></p>
<p>24 พ.ย. 2566 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่าสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต้องเริ่มจากการแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือภาระหนี้สินของผู้มีรายได้น้อย (คนตัวเล็ก) และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพราะคนกลุ่มนี้คือฟันเฟืองที่สำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นลูกหนี้ที่จ่ายเงินได้ตามปกติ ไม่มีประวัติผิดนัดชำระ แต่จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลให้ไม่สามารถใช้หนี้ได้  พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอมาตรการการพักหนี้ ให้ SMEs 2-3 ปี ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โดยกองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย SMEs จะช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งล็อกดาวน์โควิด สามารถฟื้นตัวกลับมาประกอบกิจการได้อีกครั้ง กองทุนดังกล่าวจะทำหน้าที่ปรับโครงสร้างหนี้ แล้วปล่อยกู้ใหม่ เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ชำระคืนแบบขั้นบันได ดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี</p>
<p>ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เสนอแก้ปัญหาด้วย กองทุนเครดิตประชาชน หรือกองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณ โดยแบ่งจากเงินกู้ 5 แสนล้านบาท มาใช้ในกองทุนดังกล่าวประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อให้เครดิตกับประชาชน ได้มีทุนตั้งตัว อัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงจะทำให้หลุดพ้นจากวงจรของหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ต่อเดือนหรือ 240% ต่อปี โดยกู้ได้ตั้งแต่ 10,000 บาท หากรักษาเครดิตได้ดี ภายในระยะเวลา 6 เดือน สามารถกู้เพิ่มได้เป็น 50,000 บาท และสูงสุดถึง 1 แสนบาท ซึ่งจะเป็นการให้โอกาสคนตัวเล็ก สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างงานสร้างอาชีพในระยะยาวได้</p>
<p>สุดารัตน์ ย้ำด้วยว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน เพราะทำให้เกิดกำลังซื้อระยะสั้นเท่านั้น แล้วกลับไปเจอปัญหาความยากจนเช่นเดิม อีกทั้งประชาชนยังต้องแบกรับความเสี่ยงจากการกู้เงินมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอให้แจกแบบมีเป้าหมาย เฉพาะผู้มีรายได้น้อย 16-20 ล้านคนเท่านั้น ที่สำคัญต้องแจกเป็นเงินสด จึงจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106963
 
3734  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แฟนคลับห่วง จินยอง GOT7 เกาหลีใต้สั่งทหารสวมชุดพร้อมรบ หลังเกาหลีเหนือฉีกข้อตกลง เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 16:38:57
แฟนคลับห่วง จินยอง GOT7 เกาหลีใต้สั่งทหารสวมชุดพร้อมรบ หลังเกาหลีเหนือฉีกข้อตกลง
         


แฟนคลับห่วง จินยอง GOT7 เกาหลีใต้สั่งทหารสวมชุดพร้อมรบ หลังเกาหลีเหนือฉีกข้อตกลง" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;แฟนคลับห่วง จินยอง GOT7 เกาหลีใต้สั่งทหารสวมชุดพร้อมรบ หลังเกาหลีเหนือฉีกข้อตกลงทางทหาร
         

https://www.sanook.com/news/9116774/
         
3735  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กสม.-ยธ. ผลักดันแก้ไขนิยาม 'ป่า' ตามหลักสากล ป้องกันผลกระทบทางการค้าจาก EU เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 16:21:57
กสม.-ยธ. ผลักดันแก้ไขนิยาม 'ป่า' ตามหลักสากล ป้องกันผลกระทบทางการค้าจาก EU
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 13:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กสม. เผยผลการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 3 และ 4 - เป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปี SEANF เฉลิมฉลอง 30 ปีหลักการปารีส และ 75 ปีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน - ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมผลักดันการปฏิรูปกฎหมายป่าไม้ แก้ไขนิยาม “ป่า” ตามหลักสากล ป้องกันผลกระทบทางการค้าจาก EU</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53352771310_299323e4c5_o_d.jpg" /></p>
<p>เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ นายพิทักษ์พล บุณยมาลิก เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 43/2566 โดยมีวาระสำคัญดังนี้  </p>
<h2><span style="color:#3498db;">1. กสม. เผยผลการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของ กสม. พบหน่วยงานต่าง ๆ ตอบรับดำเนินการด้วยดี</span></h2>
<p>นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในการตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่าช้า และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งภายหลังการตรวจสอบและมีข้อเสนอแนะออกไป กสม.ได้ติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง</p>
<p>ทั้งนี้ กสม.ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ได้ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 3 และ 4 และเห็นชอบผลการติดตามรวม 16 เรื่อง แบ่งเป็นรายงานการตรวจสอบของ กสม. ชุดที่ 3 จำนวน 9 เรื่อง และของ กสม. ชุดที่ 4 จำนวน 7 เรื่อง เนื่องจากหน่วยงานได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะแล้ว ขณะที่บางกรณีหน่วยงานไม่อาจดำเนินการได้โดยมีเหตุผลอันควร หรือมีการฟ้องร้องเป็นคดีหรือศาลมีคำพิพากษาแล้ว</p>
<p>สำหรับตัวอย่างเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. แล้ว อาทิ การดำเนินการตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 3 เช่น กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ กสม. และให้ยึดถือปฏิบัติตามคำสั่งเรื่องกฎการใช้กำลังของกองทัพไทย จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรมแกนนำเยาวชนลาหู่ ซึ่งครอบครัวผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องกองทัพบกต่อศาลแพ่ง และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้กองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดมีความผิดตาม พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และต้องชดใช้เยียวยาให้กับครอบครัวแกนนำเยาวชนคนดังกล่าว ส่วนกรณีพลทหารถูกผู้บังคับบัญชาใช้ให้ไปเลี้ยงไก่ถูกด่าทอถึงบุพการี และถูกทำร้ายร่างกาย กองทัพบกได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และได้มีคำสั่งลงทัณฑ์ทางวินัยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 ผู้บังคับบัญชาที่กระทำผิดแล้ว</p>
<p>สำหรับกรณีสถานบันเทิงกีดกันห้ามไม่ให้สาวประเภทสองเข้าใช้บริการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และได้ร่วมกันกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ รวมทั้งกำชับสถานบริการให้ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยและกำหนดเงื่อนไขการเข้าใช้บริการภายในสถานที่โดยไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ กรณีธนาคารบางแห่งเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการในการทำนิติกรรมสัญญาและธุรกรรมทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ทบทวนแนวปฏิบัติการให้บริการผู้พิการทางการมองเห็นและผู้พิการประเภทอื่นให้เหมาะสมและได้สื่อสารให้พนักงานทราบแล้ว รวมทั้งได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ด้วย ซึ่งผู้ร้องแจ้งว่า ธนาคารพาณิชย์สามารถเปิดบัญชีเงินฝากให้กับผู้ร้องได้แล้ว เป็นต้น</p>
<p>ส่วนการดำเนินการตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 4 อาทิ กรณีการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของนักศึกษาในสถานศึกษามีลักษณะเหมารวม สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัดให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด และได้นำข้อเสนอแนะ กสม. เรื่อง การตรวจค้น จับกุม ควบคุมตัว และตรวจ หรือทดสอบสารเสพติดมากำหนดแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย สำหรับกรณีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ขัดขวางไม่ให้นักศึกษาแสดงผลงานศิลปะในพื้นที่หอศิลปวัฒนธรรม มช. ได้มีการกำชับให้คณบดีคณะวิจิตรศิลป์พิจารณาคำขอการใช้พื้นที่หอศิลปวัฒนธรรม โดยระมัดระวังในการใช้ดุลพินิจที่อาจกระทบต่อเสรีภาพทางวิชาการ และสั่งการให้ในชั้นพิจารณาคำขอใช้พื้นที่ คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ต้องเปิดโอกาสให้อาจารย์และหรือนักศึกษาที่ขอใช้ เข้าชี้แจงหรือแสดงความเห็นประกอบการพิจารณาคำขอด้วย</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีกรณีการกำหนดให้โรคจิตหรือโรคอารมณ์ผิดปกติเป็นลักษณะต้องห้ามของการเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ที่คณะรัฐมนตรีได้ทบทวน และคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้ประกาศใช้กฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2566 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ กสม. ที่ให้ยกเลิกข้อความการกำหนดให้โรคจิต (Psychosis) หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorder) ที่ปรากฏอาการเด่นชัดรุนแรงหรือเรื้อรังและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ ออกจากโรคต้องห้ามในการเข้ารับราชการแล้ว</p>
<h2><span style="color:#3498db;">2. กสม. จัดประชุมประจำปีสถาบันสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้สิทธิมนุษยชนหลากหลายประเด็น ก่อนส่งไม้ต่อติมอร์-เลสเต</span></h2>
<p>นายพิทักษ์พล  บุณยมาลิก เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 22 - 23 พฤศจิกายน 2566 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีครั้งที่ 20 ของกรอบความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia National Human Rights institutions Forum: SEANF) ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ</p>
<p>การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในฐานะที่ กสม. ดำรงตำแหน่งประธาน SEANF ในปี 2566 โดยนางสาวพรประไพ  กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวเปิดและทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม SEANF ซึ่งมีสมาชิกประกอบด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ ติมอร์-เลสเต และไทย ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยประธานและกรรมการสิทธิมนุษยชนจากสถาบันที่เป็นสมาชิก SEANF ทั้ง 6 แห่ง</p>
<p>ในการประชุม สมาชิกได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนระหว่างกัน เช่น การแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ การป้องกันการทรมานโดยการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุม/คุมขังบุคคล การยกเลิกโทษประหารชีวิต ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองสิทธิของเด็ก แรงงานข้ามชาติ การเผยแพร่ความรู้และสร้างความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการทำงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น ความร่วมมือกับกลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและอาเซียน ตลอดจนเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก</p>
<p>ในส่วน กสม. ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการที่สำคัญของ กสม. เช่น สถิติการรับเรื่องร้องเรียน การสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหายที่มีประสิทธิผล การเปิดสำนักงานในภูมิภาคแห่งที่ 2 ที่ จ. ขอนแก่น การจัดสมัชชาสิทธิมนุษยชนปีที่ 2 เพื่อเป็นเวทีในการปรึกษาหารือระหว่าง กสม. กับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และนักวิชาการ เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนร่วมกัน การพบหารือกับหน่วยงานรัฐในระดับนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ และความร่วมมือกับหน่วยงานของสหประชาชาติ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน (OHCHR) UNDP และ UNICEF </p>
<p>นอกจากนั้น ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ของ SEANF พ.ศ. 2565-2569 ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เคารพหลักสิทธิมนุษยชนโดยมีการศึกษาการบริหารจัดการของรัฐบาลประเทศสมาชิกในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 เพื่อถอดบทเรียนและจัดทำเป็นข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการในอนาคต การสำรวจสถานะการนำหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนไปดำเนินการในประเทศต่าง ๆ การจัดทำแผนปฏิบัติการของสมาชิกในการป้องกันการทรมาน และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ SEANF ซึ่งในส่วนของ กสม. ได้นำเสนอแผนปฏิบัติการของ กสม. ด้านการป้องกันการทรมานด้วย</p>
<p>นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสมาชิก SEANF ในรูปแบบการไต่สวนสาธารณะระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (inter-NHRI inquiry mechanism) ที่เสนอโดยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เพื่อเป็นกลไกสำหรับการแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน เช่น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดการกับข้อมูลที่บิดเบือน (Disinformation) โดยเคารพสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมเรื่องดังกล่าวที่สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของมาเลเซียจัดร่วมกับ World Justice Project (WJP) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อเดือนกันยายน 2566 และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้พลัดถิ่นชาวโรฮินจาในอินโดนีเซียและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค</p>
<p>ในส่วนความร่วมมือกับองค์กรภายนอก ที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาความร่วมมือระหว่าง SEANF กับคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ AICHR (ASEAN Inter-governmental Commission on Human Rights) ซึ่งเป็นกลไกสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาค โดยในปี 2566 SEANF ได้เข้าร่วมการประชุมที่ AICHR จัดขึ้นในเรื่องการป้องกันการทรมาน การคุ้มครองผู้เป็นเหยื่อของกลุ่มนิยมความรุนแรงแบบสุดโต่ง (extremism) และการค้ามนุษย์ ส่วนในปี 2567 จะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันในเรื่องการป้องกันการทรมาน และธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ยังได้หารือกับองค์กรภาคประชาสังคมในภูมิภาค ได้แก่ Asian NGO Coalition for Agrarian Reform and Rural Development (ANGOG) เกี่ยวกับการเข้าถึงที่ดินสำหรับคนจนในชนบทในหลายประเทศในเอเชีย และการหารือกับ World Justice Project (WJP) เกี่ยวกับการวัดผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนด้วย  </p>
<p>ก่อนสิ้นสุดการประชุม ประธาน กสม. ได้ส่งมอบตำแหน่งประธาน SEANF ให้แก่ผู้ตรวจการแผ่นดินของติมอร์-เลสเต เพื่อทำหน้าที่ประธาน SEANF ในปี 2567 ต่อไป ทั้งนี้ การดำรงตำแหน่งประธานของ SEANF มีวาระคราวละ 1 ปีโดยเวียนตามตัวอักษรของชื่อประเทศ</p>
<p>ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 กสม. จะจัดกิจกรรมคู่ขนานกับการประชุมประจำปี SEANF ครั้งที่ 20 ได้แก่ การประชุมหารือระดับภูมิภาคว่าด้วยการจัดทำความเห็นทั่วไปเกี่ยวกับผลกระทบนโยบายยาเสพติด (Regional Consultation on the General Comment on the Human Rights Impact of Drug Policies) โดยมีนางสาวสุภัทรา  นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้แทนหลักของ กสม. กล่าวเปิดงานและกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุม ซึ่ง กสม. และ SEANF ร่วมกับคณะกรรมการประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (Committee on Economic, Social and Cultural Rights: CESCR) จัดขึ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดทำข้อคิดเห็นทั่วไป (General Comment) ของ CESCR มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายยาเสพติดต่อสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อ CESCR จะได้นำไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแนวทางสำหรับรัฐในการกำหนดนโยบายยาเสพติดที่เคารพสิทธิมนุษยชน โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วยสมาชิก SEANF หน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศ สถานทูต นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">3. กสม. ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมผลักดันการปฏิรูปกฎหมายป่าไม้ แก้ไขนิยาม “ป่า” ตามหลักสากล ป้องกันผลกระทบทางการค้าจาก EU</span></h2>
<p>นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) โดยพันตำรวจโท ประวุธ  วงศ์สีนิล รองปลัด ยธ. และคณะ เกี่ยวกับการรับมือ EUDR (European Union Regulation on Deforestation-free Products) ที่ให้ความสำคัญกับการลดการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการที่จะนำเข้าสินค้าไปยังสหภาพยุโรป (EU) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดจากบริเวณที่ไม่มีโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งตามกฎหมายไทยถือว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นป่าไม้</p>
<p>ยธ. และ กสม. เห็นตรงกันว่า ควรหารือระดับรัฐมนตรีร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวทางการแก้ไขนิยามของป่าไม้ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สอดคล้องกับสภาพนิเวศ พืชพรรณและความอุดมสมบูรณ์ และมีการประกาศขอบเขตความเป็นป่าไม้ให้ชัดเจน เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชน อันเป็นจุดเริ่มต้นการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินทับซ้อนกับพื้นที่ป่าไม้ การดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ รวมถึงการแก้ปัญหาบทบัญญัติของกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ละเมิดสิทธิในที่ดินและสิทธิชุมชน</p>
<p>สำหรับการปรับปรุงกฎหมายด้านป่าไม้ทั้ง 9 ฉบับ กสม. อาจมีส่วนช่วยผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวรวมเป็นฉบับเดียวในลักษณะประมวลกฎหมาย อย่างไรก็ดี ปัญหาเกี่ยวกับป่าไม้ไม่อาจแก้ไขได้จากการผลักดันของหน่วยงานเดียว ทั้งสามกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ควรตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเริ่มจากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นแกนนำในการผลักดันเรื่องนี้กับกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง</p>
<p>สอดคล้องกับการประชุมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม และวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการร่วมกันให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการปฏิรูปและจัดทำประมวลกฎหมายป่าไม้ของประเทศไทย โดยให้คณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักวิชาการรวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้ ผู้บริหารของทั้งสามกระทรวงจะนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106953
 
3736  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สายด่วน 1330 รุกแจ้งสิทธิ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก ชวนหญิงไทยทุกสิทธิ รับการตรวจหลั เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 14:51:22
สายด่วน 1330 รุกแจ้งสิทธิ คัดกรองมะเร็งปากมดลูก ชวนหญิงไทยทุกสิทธิ รับการตรวจหลังรับสายแนะนำ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 13:46</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สปสช. เปิดข้อมูลสายด่วน 1330 รุกแจ้งสิทธิ “ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก” เผย 2 ปี โทรแนะนำหญิงไทยกลุ่มเป้าหมายแล้วกว่า 2.36 ล้านครั้ง แต่จำนวนเข้ารับการตรวจคัดกรองฯ หลังรับสายแนะนำมีเพียงร้อยละ 30 พร้อมชวนหญิงไทยเข้ารับบริการค้นหาความเสี่ยง เพิ่มโอกาสรักษาหายขาด และลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปาดมดลูก</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53352790845_a52ffe83f4_o_d.png" /></p>
<p>24 พ.ย. 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ภายใต้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท มีสิทธิประโยชน์บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เพื่อดูแลหญิงไทยทุกคน ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ให้ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากเป็นการค้นหาผู้ป่วยที่อยู่ในระยะเริ่มแรกเพื่อเข้าสู่การรักษาแล้ว ยังเป็นการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคร้ายนี้ ซึ่งปัจจุบันมะเร็งปากลูกเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ในผู้หญิงไทย มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ที่จำนวน 5,422 คนต่อปี (Cancer in Thailand Vol.X 2016-2018 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข) และเสียชีวิตจำนวน 2,238 คนต่อปี (สถิติสาธารณสุข พ.ศ.2562 กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) </p>
<p>ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้หญิงไทยเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนี้ นอกจากการสนับสนุนการให้บริการเชิงรุก ทั้งการออกหน่วยตรวจคัดกรอง การสนับสนุนชุดเก็บสิ่งส่งตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองแล้ว ที่ผ่านมา สปสช. ยังได้ใช้กลไก “สายด่วน สปสช. 1330” ที่ให้เจ้าหน้าที่สายด่วน สปสช. 1330 โทรแจ้งสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และให้คำแนะนำกับผู้หญิงไทยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการเข้ารับบริการ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2565 และโทรติดตามกลุ่มเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง    </p>
<p>นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลในช่วง 2 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) สายด่วน สปสช. 1330 ได้โทรแนะนำสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกให้กับกลุ่มเป้าหมายแล้ว จำนวน 2,360,484 ครั้ง โดยแยกเป็นปีงบประมาณ 2565 จำนวน 330,016 ครั้ง และปี 2566 จำนวน 2,060,468 ครั้ง โดยจำนวนการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองฯ หลังได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สายด่วน 1330 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 (ประมวลผลร่วมกับข้อมูลการใช้สิทธิและเบิกจ่ายค่าบริการ)  </p>
<p>อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ปรากฏนี้จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่สายด่วน สปสช. 1330 ได้มีการโทรแนะนำประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายให้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจำนวนมาก แต่มีผ่านมาจำนวนการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองฯ ภายหลังจากที่ได้รับคำแนะนำกลับยังมีไม่มาก ดังนั้น สปสช. ขอเชิญชวนหญิงไทยที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย หากได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สายด่วน สปสช. 1330 แล้ว ขอให้ติดต่อหน่วยบริการเพื่อรับบริการ หรือท่านสามารถดำเนินการผ่านช่องทางตามที่ สปสช. จัดเตรียมไว้  </p>
<p>“วันนี้สายด่วน สปสช. 1330 ได้ทำงานเชิงรุก เพื่อแจ้งให้ท่านทราบสิทธิที่รับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่ง สปสช. มีสิทธิประโยชน์บริการตรวจด้วยวิธี HPV DNA Test ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำ หากท่านที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจคัดกรอง หรือว่าเคยรับบริการคัดกรอง 5 ปีมาแล้ว อยากให้ท่านดูแลสุขภาพตนเอง อย่านิ่งนอนใจ และรีบเข้ารับการตรวจคัดกรอง หากพบความเสี่ยงระยะแรกเริ่มจะได้เข้ารับการรักษาโดยเร็ว เพื่อมีโอกาสรักษาหายขาดได้” เลขาธิการ สปสช. กล่าว   </p>
<p>สำหรับช่องทางการตรวจสอบสิทธิรับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หรือนัดหมายรับบริการที่หน่วยบริการ มีดังนี้  </p>
<ul>
<li>บนแอบพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยเลือกรายการกระเป๋าสุขภาพ และสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค  </li>
<li>กรณีที่ท่านเป็นกลุ่มเป้าหมาย ระบบปรากฏสิทธิในการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยท่านสามารถดูรายชื่อหน่วยบริการที่ให้บริการและอยู่ใกล้ได้ ซึ่งจะมีหน่วยบริการที่สามารถนัดหมายเข้ารับบริการได้   </li>
<li>บริการบน “พีพี แพลตฟอร์ม” (PP Platform)  เพื่อทำการตรวจสอบสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ได้รับ รวมถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนี้ ทั้งบนช่องทางออนไลน์ ดังนี้  </li>
<li>เว็บไซด์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งขาติ (www.nhso.go.th ) กดเลือกรายการสำหรับประชาชน และกดเลือก เช็คสิทธิตรวจสุขภาพฟรี https://ppplatform.nhso.go.th/web/form/login </li>
</ul>
<p>ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso กดเลือก เช็คสิทธิตรวจสุขภาพฟรี 
แอบพลิเคชัน สปสช. กดเลือด เช็คสิทธิบริการสร้างเสริมสุขภาพ </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106954
 
3737  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [เศรษฐกิจ] - คลังยันเงิน 3.8 แสนล้าน พอรับมือโควิดระลอกใหม่ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 14:13:15
คลังยันเงิน 3.8 แสนล้าน พอรับมือโควิดระลอกใหม่
         


คลังยันเงิน 3.8 แสนล้าน พอรับมือโควิดระลอกใหม่" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ปลัดกระทรวงการคลัง เผย มาตรการชุดหนุนเศรษฐกิจสรุปสัปดาห์หน้า ย้ำเงินกู้ 3.8 แสนล้านบาทเพียงพอ เล็งประเมินผลกระทบโควิด
         

https://www.sanook.com/news/8374902/
         
3738  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เปิดเซฟ "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" อภิมหารวย 1,500 ล้าน แถมมีอาคารที่อังกฤษ เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 14:13:14
เปิดเซฟ "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" อภิมหารวย 1,500 ล้าน แถมมีอาคารที่อังกฤษ
         


เปิดเซฟ &quot;พิพัฒน์ รัชกิจประการ&quot; อภิมหารวย 1,500 ล้าน แถมมีอาคารที่อังกฤษ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9116382/
         
3739  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "ผู้การจ๋อ" ฝากถึงแม่แก๊งยิงครูเจี๊ยบ พฤติกรรมลูกไม่ธรรมดา ฟันเฟืองบนตัวแสด เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 14:08:49
"ผู้การจ๋อ" ฝากถึงแม่แก๊งยิงครูเจี๊ยบ พฤติกรรมลูกไม่ธรรมดา ฟันเฟืองบนตัวแสดงถึงชั้นยศ
         


&quot;ผู้การจ๋อ&quot; ฝากถึงแม่แก๊งยิงครูเจี๊ยบ พฤติกรรมลูกไม่ธรรมดา ฟันเฟืองบนตัวแสดงถึงชั้นยศ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"ผู้การจ๋อ" ของยืมคำโจ๋คนเมื่อวาน “เดี๋ยวไปดูกันที่ชั้นศาล” ยัน ฟันเฟืองบนตัวแก๊งยิงครูเจี๊ยบ แสดงถึงชั้นยศ-หลักฐานมัดดิ้นไม่หลุด
         

https://www.sanook.com/news/9116430/
         
3740  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ทหารพม่าปล้นของจากบ้านเรือนประชาชนใน 'ผาปูน' ยามขาดแคลน เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 13:20:53
ทหารพม่าปล้นของจากบ้านเรือนประชาชนใน 'ผาปูน' ยามขาดแคลน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-24 12:47</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ในจังหวัดผาปูน รัฐกะเหรี่ยง กองทัพพม่าได้ทำการปล้นสะดมข้าวของของชาวบ้านที่ไม่อยู่บ้านเพราะต้องออกไปหางานทำที่อื่นเพื่อยังชีพตัวเอง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้น่าจะเพราะว่าการขัดขวางเส้นทางขนส่งลำเลียงทำให้พื้นที่เหล่านี้ขาดแคลน</p>
<p><img alt="" src="https://karennews.org/wp-content/uploads/2023/11/hpapon.jpg" /></p>
<p>จากที่ผู้คนในพื้นที่จังหวัดผาปูน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า มีความยากลำบากในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว แต่กลับถูกกองทัพฝ่ายเผด็จการพม่ามาปล้นสะดมในตอนที่พวกเขาไม่อยู่บ้าน มีผู้คนในผาปูนเล่าว่ากองทัพพม่าตั้งใจทำลายกลอนประตูบ้านของพวกเขาเพื่อที่จะเข้าไปปล้นสะดม</p>
<p>ประชาชนในพื้นที่เหล่านี้มักจะขาดโอกาสทางการศึกษาและเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพ รวมถึงเผชิญกับอุปสรรคอื่นๆ อย่างการเข้าถึงแหล่งอาหาร หรือความยากลำบากในการเดินทาง ทำให้พวกเขาต้องออกจากบ้านตัวเองเพื่อไปแสวงหาโอกาส กลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายทั้งภายในประเทศตัวเองและนอกประเทศ</p>
<p>แหล่งข่าวระบุว่า "ทหารจากสภากองทัพพม่าเข้าไปที่บ้านเรือนประชาชนผู้ที่เดินทางไปที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีการล็อกบ้านเอาไว้จากข้างนอก ทำให้พวกเขารู้ว่าบ้านนั้นๆ ไม่มีคนอยู่ พวกเขาจึงทำลายกลอนแล้วก็เข้าไปขโมยทุกอย่างออกมา ตั้งแต่สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ อย่างหลอดไฟ ไปจนถึงเตียง, เฟอร์นิเจอร์ และอาหาร การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้"</p>
<p>แหล่งข่าวระบุอีกว่า "ในสภาพการณ์ปัจจุบันที่มีการทำให้เส้นทางขนส่งหยุดชะงัก ทำให้ดูเหมือนว่าคนในพื้นที่และทหารต่างก็ขาดแคลนอาหาร ทั้งที่เดือนก่อนๆ พวกเขาไม่ได้ทำการปล้นสะดมมาก่อน มีครอบครัวจำนวนมากที่แทบจะอดอยาก มันจึงดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามหาอาหารมาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม"</p>
<p>เนื่องจากต้องเผชิญกับการสู้รบ เผชิญกับสภาพการคมนาคมที่ย่ำแย่ และความสามารถในการเข้าถึงสิ่งอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานได้จำกัด ทำให้ผู้คนในพื้นที่บางส่วนพากันเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหางานทำ หรือบางส่วนก็เลือกที่จะเดินทางไปที่พะอันหรือมะละแหม่งที่อยู่ใกล้กับผาปูน</p>
<p>สื่อของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ระบุอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในผาปูนนั้น นอกจากจะมีกรณีการปล้นสะดมจากบ้านเรือนที่ไม่มีคนอยู่แล้ว ทหารจากสภากองทัพยังใช้กำลังกรรโชกทรัพย์ต่างๆ ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเงิน, สิ่งอุปโภคบริโภค, อาหาร เช่น ข้าวและปศุสัตว์ ในช่วงที่มีปฏิบัติการในหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย</p>
<p>มีแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐบาลเปิดเผยว่าทหารของสภากองทัพพม่ากำลังเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร เนื่องจากการขัดขวางเส้นทางขนส่งลำเลียงอาหาร ทำให้พวกเขาต้องใช้วิธีปล้นสะดมเพื่อให้อยู่รอดได้ในแต่ละวัน ครอบครัวของทหารเหล่านี้ที่อาศัยอยู่ที่ฐานทัพก็กำลังเผชิญกับความอดอยาก ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามหาอาหารมาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม</p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong>
Military Council Troops Looting Spree of Among Houses Temporarily Vacated in Hpapun, Karen State, Karen News, 17-11-2023</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106951
 
หน้า:  1 ... 185 186 [187] 188 189 ... 1129
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.942 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 10:49:14