[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 11 ตุลาคม 2563 20:19:25



หัวข้อ: วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของหลวงพ่อเกษม เขมโก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 ตุลาคม 2563 20:19:25


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/71594168618321__Copy_.png)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/68863683607843_gasame_ima_1_Copy_.jpg)

วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของหลวงพ่อเกษม เขมโก

สืบเนื่องจากการที่หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้สละตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่ม มุ่งหน้าเข้ามาบำเพ็ญเพียรในป่าช้า มีเพียงอัฐบริขาร ๘ อย่าง ตามพุทธบัญญัติ จริยวัตรหนึ่งที่ท่านได้ถือปฏิบัติตั้งแต่นั้นมาคือ การอยู่ในอิริยาบถ ๓ โดยละเว้นอิริยาบถที่ ๔ คือ การนอน เรียกกันว่า “หลังของท่านไม่เคยแตะถูกพื้นเลย

โดยการนอนของท่าน จะอยู่ในท่าที่เรียกว่ามูบคือ นั่งบนเก้าอี้หรือตั่ง ก้มหน้าลงบนฝ่ามือที่วางหงายอยู่บนหัวเข่าทั้งสอง การนอนและปฏิบัติสมาธิภาวนาในท่านี้เป็นเวลานาน ประกอบกับการฉันจังหันน้อยทำให้ท่านมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังในวัยชรา

หลวงพ่อเริ่มอาพาธด้วยโรคปวดหลังอย่างมาก ถึงกระนั้นหลวงพ่อก็คงปฏิบัติภาวนา และอนุเคราะห์ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยากเสมอมามิได้ขาด เมื่ออาการอาพาธของหลวงพ่อมีอาการหนักมากขึ้น บรรดาคณะศิษยานุศิษย์จึงได้นำนายแพทย์เข้าไปตรวจ

นายแพทย์ได้นิมนต์ให้หลวงพ่อเข้าพักรักษาที่โรงพยาบาล แต่หลวงพ่อไม่ยอม จนกระทั่งความได้ทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้นายแพทย์จากกรุงเทพ ฯ มาถวายการรักษาและผ่าตัด หลวงพ่อจึงยินยอมเข้าโรงพยาบาล นับตั้งแต่บัดนั้นมา หลวงพ่อจึงมีการเอนกายกับพื้น แต่ก็ยังไม่ยอมให้หลังแตะถูกพื้น โดยการใช้วิธีนอนตะแคงบ้างเป็นครั้งคราว

เรื่องนี้ เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง ได้เล่าไว้ในหนังสือที่ระลึกหลวงพ่อเกษม เขมโก ไว้ดังนี้

“เมื่อกล่าวถึงความอดทน อันเนื่องมาจากการปฏิบัติธุดงควัตรอย่างเคร่งครัดของท่าน จะเห็นได้จากการที่หลวงพ่ออาพาธด้วยโรคกระดูกสันหลังผุ ไม่สามารถจะลุกไปไหนได้ เรื่องนี้ได้ล่วงรู้ไปถึงพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ให้หมอรับมารักษาที่โรงพยาบาลลำปาง ในหลวงทรงห่วงใยและทรงโปรดพระราชทานหมอที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกมาทำการรักษา

กล่าวกันว่า ตอนที่หมอจะทำการผ่าตัดเอากระดูกผุออก และใส่พลาสติกแทน ในขณะที่นำท่านเข้าห้องผ่าตัด ท่านได้ถามหมอว่าจะใช้เวลาผ่าตัดกี่ชั่วโมง หมอบอกว่าหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ท่านบอกว่าไม่ต้องวางยาสลบ

หมอบอกว่า ไม่ได้ เพราะตอนผ่าตัดจะเจ็บปวดมาก กลัวจะทนไม่ไหว

ท่านบอก ไม่ต้อง ถ้าจะผ่าตัดเมื่อไรบอกด้วย

เมื่อหมอทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว ได้บอกท่านว่า หมอเตรียมพร้อมจะทำการผ่าตัดแล้ว

ท่านก็บอกลงมือได้ จากนั้นท่านก็นอนนิ่งไม่ไหวติง คล้ายคนไข้ถูกวางยาสลบ

เมื่อหมอทำการผ่าตัดเย็บบาดแผลเสร็จ เป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ท่านก็ฟื้นขึ้นมาตรงเวลา ไม่แสดงอาการเจ็บปวดหรือมีอาการเพ้อ แบบคนไข้ทั่วไป พอท่านลืมตาขึ้นมาก็เรียกหมอให้เข้าไปพบ พร้อมกับเป่าหัวให้ทุกคน ยังความอัศจรรย์ใจแก่หมอทั้งหลายยิ่งนัก

นับว่าเป็นคนไข้รายแรกก็ว่าได้ ที่มีสมาธิจิตเข้มแข็งยิ่ง ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะกล่าวกันในด้านธรรมะ หลวงพ่อเกษมสามารถแยกกายกับจิตได้ในขณะผ่าตัด ท่านถอดกายทิพย์ออก ก็คงไว้ซึ่งร่างกายที่ไร้วิญญาณ ใครจะทำอย่างไร ก็ไม่มีอาการเจ็บปวดนั่นเอง”

และต่อมา ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ หลวงพ่อก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจังหวัดลำปางอีก เพื่อผ่าตัดต้อกระจก ซึ่งต้องผ่าตัดทำการรักษาดวงตาทั้ง ๒ ข้าง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสอาราธนาขอให้หลวงพ่อเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล โดยทรงรับเป็นพระราชภาระในการรักษาทุกอย่างให้ และทรงรับหลวงพ่อไว้เป็นคนไข้ใน “พระบรมราชานุเคราะห์”



ขอขอบคุณที่มา : เพจพระพุทธศาสนา