[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 07 กรกฎาคม 2554 10:48:48



หัวข้อ: กฏแห่งกรรม{ตายเหมือนหมา}
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 07 กรกฎาคม 2554 10:48:48
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/137140619.jpg)

(http://image.ohozaa.com/i/1ec/prwheel.gif)

(http://a.imageshack.us/img695/4062/61926091.gif)

Sometime Home

http://poerlife.fx.gs

กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง เป็นคำที่เราได้ยินกันจนคุ้นหู แต่หลายคนก็ยังดำเนินชีวิตอย่างประมาท เหมือนกับไม่เชื่อเรื่องเกี่ยวกับกรรมและกฎแห่งกรรม ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นบทพิสูจน์อีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เห็นผลจากการทำกรรมชั่วอย่างชัดเจน เรื่องมีอยู่ว่า
      
นายอัศวินเป็นคนเมืองสกลนคร ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ชอบกินเนื้อสุนัข เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไปในหมู่บ้าน เมื่อเกิดมาอยู่ในสังคมเช่นใด ก็มักจะมีวิถีชีวิตคล้อยตามไปกับสังคมอย่างนั้น น้อยคนนักที่จะทำตัวแปลกแยกออกจากสังคม
      
อัศวินเป็นลูกชายคนเดียวของนายสมบัติและนางสมร ทั้งสองรักลูกชายคนนี้มาก พยายามหาเงินส่งให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ด้วยความที่อัศวินเป็นลูกคนเดียว จึงถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก อยากทำอะไรก็ทำ ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนเท่าไหร่ มักจะเกเรไปตามเพื่อนมากกว่า
      
ในต่างจังหวัดนั้น โรงเรียนมักจะอยู่ไกลจากหมู่บ้าน เวลาเดินทางไปโรงเรียน นักเรียนส่วนใหญ่จะนั่งรถประจำทางซึ่งมีอยู่คันเดียว เช้าเที่ยวหนึ่งเย็นเที่ยวหนึ่ง ตอนแรก ๆ อัศวินกับเพื่อนก็นั่งรถโดยสารไปตามธรรมดา แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นอิสระ เพราะต้องรอรถนาน อัศวินจึงอ้อนให้พ่อแม่ซื้อรถจักรยานยนต์ให้ ในที่สุดก็ได้ตามที่เขาปรารถนา

การเดินทางโดยรถประจำทาง ข้อดีก็คือทำให้นักเรียนทุกคนกลับบ้านตรงเวลา ไม่แวะเที่ยวที่ไหน แต่การขับรถจักรยานยนต์ไปเรียนเองนั้น โดยส่วนใหญ่วัยรุ่นก็มักจะจับกลุ่มกันไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เพราะกลับบ้านตอนไหนก็ได้
      
หลังจากที่อัศวินได้จักรยานยนต์ วิถีชีวิตของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เขาเริ่มจับกลุ่มกับเพื่อนนักเรียนที่มีรถจักรยานยนต์เหมือนกัน จะได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว หลังจากเลิกเรียนเด็กกลุ่มนี้ก็มักจะชวนกันไปกินเหล้าตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งสถานที่กินเหล้า ของเด็กต่างจังหวัดไม่เหมือนเด็กในเมืองที่ไปกินเหล้าตามผับตามบาร์ แต่เด็กต่างจังหวัดมักไปกินเหล้าตามกระท่อมปลายนา ที่มีบรรยากาศเย็นสงบดี
      
ตามปกติแล้วเด็กนักเรียนเหล่านี้ได้เงินไปโรงเรียนคนละไม่กี่บาท บางคนได้ไม่ถึงร้อย หากคนไหนที่รวยหน่อยก็จะได้วันละร้อย ซึ่งนั่นก็ถือว่ามากแล้วสำหรับเด็กที่อยู่ในชนบทจริงๆ อัศวินและเพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน ได้เงินมาโรงเรียนไม่มากนัก แต่ด้วยความที่พวกเขารักสนุก ก็พยายามแบ่งเงินจำนวนน้อยที่มีอยู่นั้นรวม ๆ กันแล้วไปซื้อเหล้ามากิน
      
เย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน พวกเขาได้ชวนกันไปกินเหล้าที่กระท่อมปลายนาก่อนกลับบ้าน พวกเขามีเหล้ามาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังหากับแกล้มไม่ได้ จึงคิดกันว่าจะกินอะไรดี เพราะไม่มีเงิน ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มต่างก็นั่งมอง ตากัน ในที่สุดนายศิริศักดิ์ซึ่งเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มก็พูดออกมาว่า “นึกออกแล้ว เพื่อน ๆ ก็สงสัยว่าจะกินอะไร เขาก็ชี้ไปที่สุนัขตัวหนึ่งที่วิ่งผ่านมาแถวนั้นพอดี ในที่สุดทุกคนก็ตกลงปลงใจกันว่าจะกินเนื้อสุนัขแกล้มเหล้า
      
พวกเขาต่างถือเศษไม้คนละชิ้น วิ่งไล่ล่าสุนัขตัวนั้น แต่ก็ได้ยินเพื่อนคนหนึ่งตะโกนออกมาว่าให้จับเป็น ถ้าจับตายเนื้อจะไม่อร่อย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ในที่สุดก็จับสุนัขได้ เพื่อนจึงบอกให้อัศวินหาทางจัดการกับสุนัขตัวนั้น เขาได้จับสุนัขเป็นๆ ใส่เข้าไปในกระสอบ มัดปากจนแน่นหนา แล้วเอาไปถ่วงน้ำเพื่อให้มันขาดใจตาย ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็ยืนดูอยู่รอบๆ ไม่มีใครว่าอะไร
      
สุนัขที่อยู่ในกระสอบดิ้นรนสุดชีวิต จนกระทั่งขาดใจตาย หลังจากที่เห็นมันหยุดดิ้นไปนาน จึงยกกระสอบขึ้นมาแก้ดู เมื่อเห็นมันตายแน่แล้ว ทุกคนจึงช่วยกันเอาน้ำร้อนที่เตรียมไว้มาลวก ถอนขน และแร่เนื้อมาปรุงเป็นอาหารกินแกล้มเหล้ากันอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ได้คิดเลยว่าก่อนที่พวกเขาจะได้ความสุขนี้มา มีชีวิตหนึ่งที่ต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส มันผูกความแค้นอาฆาตไว้อย่างไรบ้างก็ไม่มีใครรู้ และคงไม่มีใครนึกหรอกว่า กรรมจากการฆ่าสุนัขเพียงตัวหนึ่งนั้น มันจะส่งผลร้ายกับชีวิตอย่างไรบ้าง
      
ถึงแม้ว่าสุนัขจะเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน แต่ทุกชีวิตบนโลกนี้ย่อมรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น และทุกชีวิตย่อมมีความหมาย การทำลายชีวิตของกันและกันย่อมส่งผลเสียต่อผู้กระทำอย่างแน่นอน ในกรณีของนักเรียนกลุ่มนี้ก็เช่นเดียวกัน
      
สองปีผ่านไป นักเรียนกลุ่มนี้ใกล้จะเรียนจบ ปวช. ในระหว่างที่พวกเขาเรียนสองปีผ่านมานั้นได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเด็กวัยรุ่นต่างโรงเรียนหลายครั้ง ไล่ตีกันเป็นประจำ
      
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน กลุ่มของอัศวินได้ขับรถจักรยานยนต์ไปเจอกับคู่อริพอดี จึงได้เขม่นกัน แต่ว่ากลุ่ม ของคู่อริมีมากกว่า พวกเขาจึงคิดว่าหากทะเลาะกันวันนี้ยังไงก็สู้ไม่ได้แน่นอน จึงพยายามจะถอย แต่คู่อริก็ไล่ตามไม่ลดละ ทั้งมีดทั้งท่อนไม้ครบมือ กลุ่มของอัศวินเห็นดังนั้นจึงตกใจสุดขีด เพราะพวกตนไม่ได้เตรียมอาวุธอะไรมาเลย จึงพยายามขับรถจักรยานยนต์หนีสุดชีวิต กระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง
      
แม้ว่าอัศวินจะพยายามหนีอย่างเต็มที่เหมือนกับเพื่อน ๆ แต่ก็โดนจับได้ เพราะจักรยานยนต์ที่เขาขี่อยู่นั้นเกิดเสียหลักล้มลง เมื่อถูกคู่อริจับได้ อัศวินก็ถูกรุมเตะต่อยอย่างไม่ยั้ง จนกระทั่งคู่อริเห็นว่าเขาหมดแรง แล้วจึงได้หยุด แต่ทว่าก็ยังไม่สะใจ ยังลากตัวอัศวินไปด้วย หลังจากนั้นก็จับเขาใส่กระสอบมัดปาก แล้วนำไปโยนทิ้งในสระน้ำ เพื่อทำลายหลักฐาน ส่วนเพื่อนๆ ของอัศวิน ก็ถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บไปตามๆ กัน
      
หลายวันต่อมาเพื่อนในกลุ่มไม่เห็นอัศวิน ก็นึกว่าเขาคงเสียชีวิตแล้ว จึงได้พยายามออกตามหา จนกระทั่ง ไปเจอศพอยู่ที่สระน้ำ สภาพเหมือนกับตอนที่อัศวินจับสุนัขถ่วงน้ำ กลุ่มเพื่อนจึงได้สติขึ้นมาและรู้สึกสำนึกผิดที่ได้กระทำความชั่วในรูปแบบต่าง ๆ
      
พวกเขาพูดคุยกันว่า........เหตุที่อัศวินเจอเหตุการณ์อย่างนี้ก็อาจเป็นเพราะกรรมที่เคยกระทำไว้นั่นเอง และเมื่อได้ขบคิดถึงกรรมที่พวกตนเคยกระทำไว้แล้ว เพื่อนหลายคนจึงตัดสินใจบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับอัศวิน
      
กฎแห่งกรรมนั้นมันทำงานของมันเองตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครที่จะบังคับให้มันเป็นไปอย่างที่ต้องการได้ ทำได้เพียงสร้างเหตุปัจจัยให้มันถูกต้องเท่านั้นเอง การทำความชั่วเป็นการสร้างเหตุปัจจัยให้ตนเองได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน ความดีต่างหากที่เป็นเหตุปัจจัยให้ตัวเราได้รับความสุขทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
      
จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 128 กรกฎาคม 2554.............................โดย มาลาวชิโร

http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=418.new#new (http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=418.new#new)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/13.wma