[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
09 พฤษภาคม 2567 08:02:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เมล็ดฟักทองป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก  (อ่าน 1229 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
-NWO-
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +1/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United States United States

กระทู้: 518


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 18.0 Firefox 18.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2556 01:49:28 »

เมล็ดฟักทองป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก



ปัญหาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในชายสูงวัยชาวไทย ยังเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญ มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของมะเร็งในผู้ชาย โดยมีอัตราการเกิดโรคประมาณ 1 ใน 10 หมายความว่าในผู้ชายทุกๆ 10 คน จะมี 1 คนป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก สาเหตุของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มีข้อมูลยืนยันว่า อาหารที่มีไขมันสูงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรค โดยคนอ้วนมีแนวโน้มที่จะป่วยด้วยโรคนี้สูงกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย พบในผู้ชายอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

มะเร็งต่อมลูกหมากเกิดจากการที่เซลล์ในต่อมลูกหมากโตผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นก้อนมะเร็ง ในระยะแรก ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการ จนเมื่อก้อนมะเร็งโตลุกลามไปอุดท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย เจ็บปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ บางครั้งมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ ซึ่งหมายถึงมะเร็งได้กระจายลุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดกระดูก ปวดตามข้อ ปวดหลัง น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาการปัสสาวะขัด ปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะถี่ขึ้น และมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ โดยอาการจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

การป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ทำได้โดยตรวจร่างกายเป็นประจำทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี หรือตามแพทย์แนะนำ เมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งควรรับการตรวจร่างกายตั้งแต่อายุ 40-45 ปีขึ้นไป หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีไขมันและแป้งสูง ไม่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

สำหรับพืชผักสมุนไพรที่แนะให้รับประทานให้มากเพื่อช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก คือ พืชผักที่มีรงควัตถุสีแดง ซึ่งมีสารไลโคปีน (Lycopene) เป็นแคโรทีนอยด์ที่ให้สารสีแดง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร สาร นี้ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่าง กาย โดยเฉพาะเซลล์ผิวหนังและช่วยลดปริมาณไขมันตัวร้ายในเลือดที่เรียกว่า “LDL คอเลสเตอรอล” ร่างกายจะดูดซึมไลโคปีนได้ดี เมื่ออาหารที่มีไลโคปีนนั้นได้ผ่านความร้อนในกระบวนการปรุงอาหาร

สำหรับการใช้พืชผักสมุนไพรในการดูแลรักษาและป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากนั้น แนะเมล็ดฟักทองที่เด่นในเรื่องการป้องกันมะเร็งต่อมลูกมาก และยังพบว่าในเมล็ดฟักทองนั้นอุดมด้วยสารสำคัญพวกกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ กรดอะลานีน ไกลซีน กลูตามิก รวมทั้งธาตุสังกะสี และแมกนีเซียม ที่มีความจำเป็นต่อต่อมลูกหมาก

มีงานวิจัยว่าสารสกัดจากเมล็ดฟักทองมีฤทธิ์ในการรักษาต่อมลูกหมากโต จากการทดลองในผู้ป่วยกว่าสองพันคน พบว่า 41% มีการปัสสาวะได้ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด

ประโยชน์ของเมล็ดฟักทอง ช่วยให้ต่อมลูก หมากทำงานปกติ ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่มีสังกะสีเป็นส่วนประกอบมากที่สุด ในเมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของสังกะสีซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการ เจริญเติบโตทั่วไป และการพัฒนาของอวัยวะสืบ    พันธุ์ที่พอเหมาะ ตลอดจนการทำงานตามปกติของ ต่อมลูกหมาก (prostate gland) การขาดสังกะสีเป็นสาเหตุของการเป็นหมันและทำให้ขนาดและโครงสร้างของต่อมลูกหมากผิดปกติได้

นอกจากนี้ ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด เพราะน้ำมันที่สกัดได้จะเป็นกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด โดยกรดไขมันไม่อิ่มตัวในเมล็ดฟักทองจะดึงไขมันในเส้นเลือดออกไปใช้ประโยชน์ จึงช่วยแก้ปัญหาโรคหลอดเลือดอุดตันได้ ในทางการแพทย์แผนไทยยังใช้น้ำมันนี้รับประทานบำรุงประสาท

ใช้ป้องกันการเกิดนิ่ว เพราะเมล็ดฟักทองมีฟอสฟอรัสในปริมาณสูงสามารถช่วยยับยั้งการเกิดผลึกนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะที่มักพบร่วมกับการขาดโปรตีน คือ การขาดธาตุฟอสฟอรัส และยังพบว่าช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวารและโรคผนังลำไส้โป่งพอง เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของใยอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ทำ ให้ขับถ่ายกากอาหารออกจากร่างกายเร็วขึ้น และทำให้กากอาหารนิ่ม ไม่ทำให้เกิดแรงดันที่ผนังลำไส้ที่จะทำให้โลหิตดำโป่งและบวม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคผนังลำไส้โป่งพอง

หมอแผนไทยจะแนะให้นำเมล็ดฟักทองช่วยขับน้ำนม ซึ่งอาจนำมาคั่วและบดให้ละเอียดโรยข้าวรับประทาน หรือใช้เป็นของขบเคี้ยวก็ได้ จะช่วยขับน้ำนมสำหรับมารดาที่มีน้ำนมไม่พอหลังคลอดบุตร

ช่วยขับพยาธิตัวตืด พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวกลม พยาธิใบไม้ โดยมีวิธีง่ายๆ คือ เอาเมล็ดฟักทอง 60 กรัม คั่วให้สุก บดให้ละเอียด รับประทานขณะท้องว่างวันละ 2 ครั้ง หรือนำเนื้อเมล็ดฟักทองบดให้ละเอียด เติมน้ำเชื่อมเล็กน้อย เติมน้ำหรือนมสดให้ได้ 2 แก้ว รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง

เมล็ดฟักทองที่คนส่วนใหญ่อาจมองเป็นเพียงของขบเคี้ยวรับประทานเล่นๆ แต่กลับเต็มไปด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์มากมาย มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคที่ดี ชายไทยจึงควรกินเมล็ดฟักทองเป็นประจำ ไม่ต้องรอให้สูงวัยเพราะอาจสายเกินการ


ที่มาข้อมูล thaihealthonline


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

- New World Order -
คำค้น: ฟักทอง เมล็ด 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.281 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 09:53:33