พิมพ์หน้านี้ - พระเทพสุเมธี (ไสว วัฑฒโน) วัดศรีสุริยวงศาราม ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/33177885951267_7.jpg)
พระเทพสุเมธี (ไสว วัฑฒโน)
วัดศรีสุริยวงศาราม ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี

พระเทพสุเมธี (ไสว วัฑฒโน) พระเถระ ศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชนชาวเมืองราชบุรี ด้วยความเป็นผู้มีศีลาจารวัตรอันงดงาม เปี่ยมไปด้วยเมตตาคุณ จนเป็นที่ยอมรับและเลื่อมใสศรัทธาแก่สาธุชนอย่างอเนกอนันต์

ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระนักปกครองและพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนา จัดระเบียบการบริหารงานของคณะสงฆ์ราชบุรี แม้ล่วง ปัจฉิมวัย แต่ยังสามารถปฏิบัติศาสนกิจ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

อีกทั้งเป็นพระอนุชาในสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย

ปัจจุบัน สิริอายุ 86 ปี พรรษา 66 ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี ธรรมยุต และ เจ้าอาวาสวัดศรีสุริยวงศาราม พระอารามหลวง ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี

มีนามเดิมว่า ไสว ประสัตถพงศ์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 17 ธ.ค.2474 ที่หมู่ 1 ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี บิดา-มารดา ชื่อ นายนับ และ นางตาล ประสัตถพงศ์ ครอบครัวมีพี่น้อง 9 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 4

ในช่วงเยาว์วัย เรียนจบชั้น ป.4 จากโรงเรียน วัดพเนินพลู ต.บางป่า ซึ่งเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน เมื่อเรียนจบขอบิดามารดาบรรพชา เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดตรีญาติ ต.บางป่า อ.เมืองราชบุรี มีพระครูเมธีธรรมานุยุต (เม้ย มันตาสโย) เป็นพระอุปัชฌาย์

กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2495 ที่วัดศรีสุริยวงศาราม มีพระศรีธรรมานุศาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์

พระเทพสุเมธีย้อนอดีตช่วงวัยเด็กว่า “ตอนแรกตั้งใจจะบวชเป็นสามเณรชั่วคราวแล้วก็จะไปเรียนต่อ แต่ปรากฏว่าโยมยาย ไม่ยอมให้สึก โดยบอกว่าให้บวชอย่างนี้ดีแล้ว มองดูเณรสง่าดี ประกอบกับตอนนั้นมีเพื่อนสามเณรที่เรียนนักธรรมอยู่ด้วยกันหลายรูป ก็เลยเพลินกับการเรียนนักธรรม เรียนบาลี อาตมาชอบทั้ง 2 อย่าง โดยสามารถจบ นักธรรมชั้นเอกได้ในเวลาไม่นาน ส่วนบาลี ที่จริงชอบ แต่ไม่ได้สอบเพราะสมัยนั้นครูบาลี หายาก ต้องไปขอจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยส่งมา แต่อยู่พรรษาเดียว ครูบาลีที่ขอไว้ก็กลับไป ซึ่งการเรียนบาลีต้องเรียนติดต่อกัน แต่พอไม่มีครูสอนก็เป็นอันต้องหยุด”

กระทั่ง พ.ศ.2491 พระศรีธรรมานุศาสน์ ได้รับพระบัญชาจากพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุริยวงศาราม พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ราชบุรี ท่านจึงได้มอบหมายให้พระไสว เป็นพระเลขานุการ คอยติดตามและปฏิบัติศาสนกิจ

กระทั่งปี พ.ศ.2525 พระศรีธรรมานุศาสน์ มรณภาพ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการ เจ้าอาวาส และรักษาการเจ้าคณะอำเภอเมือง-อำเภอบางแพ

พ.ศ.2526 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุริยวงศาราม และเจ้าคณะอำเภอเมืองราชบุรี

ครั้นเมื่อได้รับการแต่งตั้ง ก็สานงานการพัฒนาต่อจากพระอาจารย์มิได้ย่อหย่อน โดยเฉพาะการบูรณะพระอุโบสถ จัดสร้างศาลาการเปรียญ เพื่อให้ประชาชนได้สะดวกในการประกอบงานบุญ บูรณะกุฏิหลังเก่า อีกทั้งสร้างหอระฆัง จัดระเบียบพื้นที่ภายในวัด ให้กว้างขวางมากขึ้น ด้วยแต่เดิมบริเวณวัดค่อนข้างแคบมาก ประชาชนมาร่วมพิธีทางศาสนาค่อนข้างลำบาก

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ.2547 เป็นพระอุปัชฌาย์และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี ฝ่ายธรรมยุต
พ.ศ.2558 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี ธรรมยุต

ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญ ในราชทินนามที่ พระสิริวัฒนสุธี พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราช ทินนามที่ พระราชวราภรณ์
พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพสุเมธี

โดยอุปนิสัย นิยมในความสมถะ สันโดษ สงบเสงี่ยม จริงจังกับกิจการงานในหน้าที่ และเคารพในกฎระเบียบของคณะสงฆ์อย่างเคร่งครัด

ในการบริหารท่านกล้าคิด กล้าทำ เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ทรงไว้ซึ่งสง่าราศี น่าเคารพยำเกรง แต่ในส่วนลึกท่านอ่อนโยน มีเมตตาปรานี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ทุกวันนี้ ยังคงดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่าย ดุจเดียวกับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) พระเชษฐา

อริยะโลกที่ 6
ข่าวสดออนไลน์