หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๖๔ ปทกุสลมาณวชาดก : นักสะกดรอยเท้าโจร เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 05 ตุลาคม 2564 16:16:04 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๖๔ ปทกุสลมาณวชาดก นักสะกดรอยเท้าโจร พระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต ถูกพระราชาจับได้ว่ามีชู้จึงสาบานว่า “ถ้าหม่อมฉันมีชู้ ขอให้เกิดเป็นยักษิณีหน้าเหมือนม้า” เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้วได้ไปเกิดเป็นยักษิณีหน้าเหมือนม้าจริงๆ อาศัยอยู่แถวเชิงเขาแห่งหนึ่ง วันหนึ่ง นางยักษ์ออกหากินจับชายรูปงามคนหนึ่งได้ จึงเอามาทำสามี ไม่ฆ่ากิน ทั้งสองอยู่ด้วยกันจนมีลูกชาย ๑ คน พอลูกโตขึ้นก็รู้ความจริงว่าแม่เป็นยักษิณี จึงหาทางชวนพ่อหนีไปอยู่ที่อื่น แต่พ่อยังไม่เห็นด้วยที่จะหนีตอนนี้ ถ้าแม่จับได้จะถูกฆ่ากิน แต่ก็ทนความรบเร้าของลูกไม่ไหว เช้ารุ่งขึ้น สองพ่อลูกพากันหนี แต่นางยักษิณีตามทันจึงพากลับมายังที่อยู่ ครั้งที่ ๒ สองพ่อลูกพากันหนีอีก แต่แม่ยักษ์ก็ตามทัน ลูกจึงคิดว่าจะต้องมีเขตแดนที่แม่ตามไปไม่ได้แน่นอน จึงหลอกถามแม่ดูจึงรู้ เมื่อเวลาผ่านไป ๒-๓ วัน สองพ่อลูกก็พากันหนีข้ามไปได้ในตอนที่แม่ยักษ์ไม่อยู่ พอแม่ยักษิณีไปถึงเขตชายแดนข้ามไปไม่ได้ จึงวินวอนให้สามีกับลูกกลับมา แต่ลูกของนางยักษิณีบอกว่าจะไม่กลับไปอีกแล้ว “จะอยู่หรือไม่อยู่แม่ไม่ว่า ขอให้กลับมาเรียนวิชาจินดามณีก่อน มันเป็นวิชาสะกดรอยเท้า เจ้าจะเอาไว้ใช้เลี้ยงตัวได้อย่างสบาย” จากนั้นนางได้สอนวิชาจินดามณีให้กับลูกท่องจำจนขึ้นใจ เมื่อเรียนจบจึงบอกแม่ขอลาก่อน นางยักษิณีได้กล่าวว่า “ถ้าเจ้ากับพ่อไม่กลับมา ชีวิตของแม่คงจะหาไม่แล้ว” พอพูดจบแม่ยักษิณีทุบหน้าอกตัวเองจนหัวใจแตกสลายล้มตาย ทั้งสองพ่อลูกทำการเผาศพแม่ก่อนเดินทางกลับเมืองพาราณสี ระหว่างเดินทางพ่อลูกร้องไห้คร่ำครวญจนถึงเมือง เมื่อกลับถึงบ้าน กุมารได้ไปยืนเกาะรั้วประตูวัง เพื่อที่จะกราบทูลพระราชาว่าตนมีวิชาสะกดรอยเท้า ขอทำงานในพระราชวัง พระราชาจึงรับและให้รายวันๆ ละ ๑,๐๐๐ กหาปณะ อยู่มาวันหนึ่ง อำมาตย์ได้กราบทูลพระราชาให้ทดสอบความรู้เขาว่าจริงไหม พระราชากับอำมาตย์จึงคิดแผนโดยให้เจ้าหน้าที่ถือดวงแก้วลงมาจากปราสาท เดินวนเวียนสระน้ำอยู่ ๓ รอบ ข้ามกำแพงไปมาแล้วนำดวงแก้วไปซ่อนไว้ในสระน้ำ จากนั้นก็ขึ้นวังไป เช้าวันใหม่แกล้งเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น มีโจรสลัดมาขโมยดวงแก้วในพระราชตำหนัก พระราชาจึงรับสั่งให้สะกดรอยสืบหาความจริง พอนักสะกดรอยมาถึงท้องพระโรง ก็รำลึกถึงคุณมารดา ร่ายมนต์จินดามณี จึงกราบทูลพระราชา “มีรอยโจร ๒ คน พระเจ้าข้า!” เขาเดินเข้าห้องสิริมงคล ลงมาจากปราสาทแล้วเดินวนเวียนสระน้ำอยู่ ๓ รอบ จึงกราบทูลพระราชาว่าพวกโจรลงไปในสระน้ำนี้ จากนั้นจงลงไปเอาดวงแก้วขึ้นมาถวายพระราชา แล้วกราบทูลว่ามหาโจรสองคนนี้พระองค์รู้จักดีถึงขึ้นตำหนักได้ ประชาชนชื่นชมแล้วปรบมือให้ พระราชาตรัสต่อว่า “เอาของคืนมาได้ทำไมไม่จับโจรมาด้วยล่ะ” โจร ๒ คนอยู่ในนี้แหละ นักสะกดรอยทูล “ใครกันเล่าเจ้า” พระราชาตรัสถาม นักสะกดรอยจึงทูลขึ้นว่า “ใครที่อยากรู้คนนั้นแหละคือโจร” พระราชายังไม่วางพระทัย จะให้นักสะกดรอย จับโจรมาให้ได้โดยจะจ้างเป็นรายวันๆ ละ ๑,๐๐๐ กหาปณะ นักสะกดรอยทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่อยากบอกว่าใครเป็นโจร และได้เล่านิทานเทียบเคียงหลายเรื่อง แต่พระราชาจะให้จับโจรให้ได้ จึงคิดว่าพระราชาบีบบังคับ ทั้งๆ ที่อยากรักษาพระองค์ไว้” ต่อมาจึงป่าวประกาศให้ปวงชนทั้งหลายมาชุมนุมกันเพื่อที่จะประกาศให้ทราบกันทั่วใครเป็นโจร “พี่น้องทั้งหลายจงฟัง น้ำมีอยู่ที่ใด ไฟก็มีอยู่ที่นั้น ความเกษมสำราญอยู่ที่ใด ภัยก็ย่อมเกิดที่นั่น พระราชาและอำมาตย์พากันปล้นรัฐเสียเอง พวกท่านจงระวังทรัพย์สินไว้ให้ดี ธรรมดาพระราชาจะเป็นที่พึ่งแก่ปวงชนได้ แต่กลับเป็นโจรปล้นเมือง พี่น้องทั้งหลายจงจับโจรเถิด” และแล้วประชาชนทั้งหลายได้รุมทำร้ายพระราชาและอำมาตย์จนเสียชีวิต และแต่งตั้งนักสะกดรอยขึ้นเป็นพระราชาแทนต่อไป นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “จงกำจัดภัยที่เกิดขึ้นจากที่พึ่งพาอาศัย” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ธมฺมํ ปมชฺช ขตฺติโย รัฏฺฐา จวติ อิสฺสโร ผู้ปกครองแผ่นดิน ถึงจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ประมาทธรรมเสียแล้ว ก็ร่วงจากรัฐ (๒๘/๕๑) |