‘ณัฐชนน ไพโรจน์’ ยันไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในรถ ‘ตะวัน’ คาดสื่อลงข่าวกันผิด ตร.คงรู้ว่าไม่ใช่ตน
<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2024-02-13 15:43</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพจาก เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>หลังจากช่วงสายวันนี้มีการรายงานข่าวจากสื่อหลายสำนัก ที่ระบุว่าตำรวจได้ออกหมายจับทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และณัฐชนน ไพโรจน์(บางแห่งระบุชื่อณัฐนนท์ ไพโรจน์) คดีบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ ‘ณัฐชนนไพโรจน์’ แจงคนในรถไม่ใช่ตนและวันเกิดเหตุก็อยู่คนละสถานที่ กังวลจะถูกทำร้ายเพราะการรายงานข่าวของสื่อ</p>
<p>13 ก.พ.2567 ณัฐชนน ไพโรจน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับประชาไท เพื่อชี้แจงต่อกรณีที่มีชื่อของตนปรากฏในรายงานข่าวของสำนักข่าวหลายแห่งว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในรถยนต์คันเดียวกับทานตะวัน ตัวตุลานนท์ระหว่างเหตุการณ์ที่มีการบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ และวันนี้ในรายงานข่าวยังปรากฏชื่อเป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับร่วมกับทานตะวันด้วย</p>
<div class="more-story">
<p>
ตร.เตรียมออกหมายจับ ‘ตะวัน-ณัฐชนน’ คดีบีบแตรใส่ขบวนเสด็จพระเทพฯ และขอถอนประกันตะวันด้วย</p>
</div>
<p>ณัชนนเริ่มจากกล่าวว่าจนวันนี้เขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดเหตุจริงๆ คือวันที่เท่าไหร่ เพราะช่วงนี้ตัวเขาเองอยู่กับการทำกิจกรรม “นิรโทษกรรมประชาชน” มาตลอดตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2567 และจะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 14 นี้</p>
<p>เมื่อผู้สื่อข่าวถามณัฐชนนว่าในวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันที่ปรากฏตามการรายงานข่าวว่าคือวันเกิดเหตุนั้นเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน ณัฐชนนตอบว่าวันนั้นเขาไปร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 7 ก.พ. เขาเดินสายไปตามพรรคการเมืองต่างๆ ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เพื่อชวนให้ส่งตัวแทนมากิจกรรมของเครือข่ายในวันที่ 14 ก.พ. และมีวิดีโอถ่ายไว้ด้วย</p>
<p>ณัฐชนนกล่าวต่อว่าหลังจากเดินสายไปตามพรรคการเมืองเสร็จแล้วก็กลับสำนักงานเพื่อเตรียมเรื่องที่จะพูดในกิจกรรมนิรโทษกรรมประชาชนที่ตลาดนกฮูก จังหวัดนนทบุรี ซึ่งงานก็เริ่มตั้งแต่ประมาณ 4 หรือ 5 โมงเย็นแล้ว ทำให้ไม่ได้รับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวันนั้นบ้าง</p>
<p>ณัฐชนนยังกล่าวอีกว่า เขาเพิ่งมารู้เมื่อวานนี้ว่ามีชื่อตัวเองปรากฏในข่าวเหตุการณ์ขบวนเสด็จกับทานตะวัน ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่เขาใจว่าอาจจะมีการใส่ชื่อในข่าวคลาดเคลื่อนกันระหว่างเขากับคนอื่น พอตำรวจให้แต่ชื่อไม่ได้ให้นามสกุลด้วยก็อาจทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเขา</p>
<p>“ก็มีความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งโกรธ ทั้งเศร้าแล้วก็ทั้งเซง รู้สึกว่าการกระทำของเราหลายอย่างก็ยอมรับว่าเป็นนักกิจกรรมเหมือนกันเราค่อนข้างเข้าใจแล้วเราก็รู้ว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรกับสิ่งที่เราทำ แต่พอเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ทำก็พูดยาก แม้ผมจะไม่ขอออกความเห็นว่าถูกไม่ถูกมันเถียงกันได้ แต่ประเด็นที่กำลังคุยกันอยู่ก็คือข่าวมันลงผิด ทีนี้มันก็เกิดความเข้าใจผิดกับเรื่องตัวคนทำมันก็ทำให้หลายคนเข้าใจผิดในตัวผม แล้วก็อาจจะมาพูดคุยกับผมว่าทำไมถึงทำ ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมเพราะผมไม่ได้ทำ”</p>
<p>ณัฐชนนกล่าวต่อว่าด้วยสถานการณ์การเมืองตอนนี้ยังมีเรื่องการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมืองด้วย พอมีสื่อเอาไปลงก็มีคนมาแสดงความเห็นว่าอยากจะทำร้ายเขา ก็ทำให้รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ไม่ปลอดภัยเพราะเขาหาว่าตนไปทำแต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ไปทำ ตกเป็นเป้าหมายของมวลชนที่มีแนวคิดทางการเมืองไม่ตรงกันทั้งที่เขาไม่ได้ทำก็ต้องระแวงมากขึ้นว่าจะมีคนมาทำร้าย ต้องตอบคำถามเรื่องที่ไม่ต้องตอบมากขึ้น ก็ทำให้รู้สึกเศร้า</p>
<p>“ตอนนี้ก็อยู่กลางกรุงเทพ อยู่คนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือเปล่า”</p>
<p>ณัฐชนนกล่าวว่าขณะนี้เบื้องต้นยังไม่มีคนเข้ามารังควานรบกวนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ยังมีเพียงการแสดงความเห็นในทางที่ทำให้เขาเสียหายตามโพสต์ข่าว แต่ก็มีคนที่เป็นห่วงโทรศัพท์มาถาม</p>
<p>“มีกี่คนที่เชื่อไปแล้วแต่เราไม่มีโอกาสอธิบาย มันไม่ได้เป็นการพูดกันลอยๆ ของใครสักคน แต่มันเป็นการลงข่าวโดยสำนักข่าวหลายสำนักข่าว มันก็ทำให้เขาเสียหายในทางสาธารณะแล้วผมก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง”</p>
<p>ณัฐชนนกล่าวว่าตอนนี้เขายังไม่มีความกังวลว่าจะโดนออกหมายจับจริงๆ เพราะตำรวจก็น่าจะรู้ว่าคนในรถเป็นใคร แต่ข่าวก็ลงผิดแล้วสื่ออย่าง Top News ก็เอาไปลงว่าเขาเคยทำอะไรบ้าง มีทั้งรูปทั้งคลิปวิดีโอในงานเสวนา แล้วก็มาตัดใส่ในคลิปเหตุการณ์นั้นซึ่งฟังดูก็น่าจะรู้ว่าเสียงไม่เหมือนกัน แม้จะไม่เห็นหน้าของคนในรถแต่ก็เห็นได้แขนคนในรถกับแขนของเขาก็ขนาดไม่เท่ากัน ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคนละคนกัน ส่วนทางตำรวจเองก็มีกล้องก็น่าจะเห็นว่าใครเป็นใคร</p>
<p>“ก็น่าเป็นกังวลไปอีกว่าจริงๆ เป็นความตั้งใจที่จะสื่อสาร หรือจะมีการหมายหัวนะ แบบนี้หรือเปล่า หรือพยายามโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันแบบผิดๆ หรือเปล่า”ณัฐชนนทิ้งท้าย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/108045