หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๐ ถุสชาดก : พระเจ้าพรหมทัตหลงผิด เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 สิงหาคม 2563 16:20:54 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๐ ถุสชาดก พระเจ้าพรหมทัตหลงผิด พระโพธิสัตว์เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ตั้งสำนักสอนศิษย์อยู่ในเมืองตักสิลา ราชตระกูลและตระกูลพราหมณ์ส่งบุตรเข้าเรียนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัตด้วย เนื่องจากเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด สามารถเรียนจบไตรเพทและศิลปศาสตร์ เมื่ออายุได้ ๑๖ พรรษา ก่อนกลับพระนครพระอาจารย์ได้ตรวจดูชะตาชีวิตตามหลักโหราศาสตร์ และได้ผูกคาถาไว้ ๔ ข้อ เนื่องจากพบว่าพระกุมารจะมีอันตราย เมื่อได้พระโอรสแล้วจึงบอกวิธีใช้ให้ “ถ้าเจ้าได้ขึ้นครองราชย์ในขณะที่พระโอรสของเจ้ามีอายุได้ ๑๖ พรรษา ก่อนที่จะเสวยพระกระยาหาร จงท่องคาถาบทที่ ๑ เมื่อมีการเฝ้า ก็จงท่องคาถาบทที่ ๒ ตอนขึ้นตำหนักยืนอยู่หัวบันได จงท่องคาถาบทที่ ๓ และก่อนจะเข้าห้องบรรทมอยู่ที่หน้าธรณีประตู ก็จงท่องคาถาบทที่ ๔ ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์แล้ว พระกุมารก็ลาอาจารย์กลับ ได้รับตำแหน่งอุปราช พอบิดาเสด็จสวรรคต ได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อมา ทรงใช้มีพระนามเดียวกันกับพระบิดาว่า พรหมทัต ขณะที่พระองค์ครองราชย์นั้นพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัตมีพระชนมายุครบ ๑๖ พรรษาพอดี เมื่อเห็นราชสมบัติของพระบิดาก็เกิดความโลภขึ้น คิดอยากครอบครองมาเป็นของตนเอง จึงไปปรึกษากับอำมาตย์คนสนิท อำมาตย์ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ในระหว่างเสวยพระกระยาหารกับพระบิดาก็นำยาพิษมาด้วย เมื่ออาหารพร้อมแล้ว พระบิดาก็ได้ท่องคาถาบทที่ ๑ “ในที่มืด แม้ฝนดำ แกลบก็แจ่มแจ้งปรากฏว่าเป็นแกลบ ข้าวสารก็แจ่มแจ้งปรากฏว่าเป็นข้าวสารแก่พวกหนู พวกหนูกินแต่ข้าวสารไม่กินแกลบฉันใด การที่เรามานั่งกุมยาพิษร้ายนี้ก็ปรากฏแจ่มแจ้งฉันนั้น” ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว พระโอรสก็ตกใจกลัวนึกว่าพระบิดารู้แล้ว จึงรีบลุกถวายบังคมแล้วเดินออกไป ได้ปรึกษากับอำมาตย์คนสนิทว่าคงจะหมดโอกาสแล้วหล่ะ ต้องหาทางลอบปลงพระชนม์พระบิดา เลือกเอาตอนที่มีการเข้าเฝ้าครั้งใหญ่จะเหมาะกว่า เมื่อมีการเข้าเฝ้า พระโอรสจึงได้ดำเนินตามแผนที่วางไว้ พระราชาทรงนึกถึงคำสั่งสอนของพระอาจารย์จึงได้ท่องคาถาบทที่ ๒ ว่า “การที่ปรึกษากันในป่าก็ดี การพูดกระซิบกันในบ้าน หรือแม้แต่คิดที่จะหาโอกาสฆ่าเราในตอนนี้ก็ดี เรารู้หมดแล้ว” พระโอรสหมดช่องทาง จึงกลับไปปรึกษากับอำมาตย์ใหม่ นับจากนั้นมาประมาณ ๗-๘ วัน อำมาตย์กราบทูลว่า “คงเป็นการคาดคะเนของพระบิดา แท้จริงแล้วพระองค์คงยังไม่รู้แน่ พระโอรสจงพยายามต่อเถิด” เช้ารุ่งขึ้น พระโอรสเหน็บพระขรรค์อันแหลมคมไปยืนดักรอพระบิดาที่หน้าธรณี (ประตูห้อง) ใกล้หัวบันได พอพระราชามาถึงหัวบันได นึกคำของพระอาจารย์ได้จึงท่องคาถาบทที่ ๓ ว่า “ได้ยินมาว่า ลิงตัวผู้ที่เป็นพ่อใช้ฟันกัดพวงสวรรค์ของลูกลิงตอนเป็นหนุ่ม ทำให้ความเป็นตัวผู้สูญเสียไป” พระกุมารได้ยินเช่นนั้น ทรงคิดว่าพระบิดาคงรู้แน่แล้ว จึงกลับไปปรึกษากับอำมาตย์ อำมาตย์ได้ทูลว่า “ถ้าพระบิดาทรงรู้จริงๆ คงไม่วางพระทัยในพระโอรสมาจนป่านนี้ ฉะนั้นจงพยายามต่อไปเถิด” วันรุ่งขึ้นพระโอรสได้เหน็บเอาพระขรรค์แล้วซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงที่พระราชาประทับอยู่ ก่อนที่จะเสด็จเข้าห้องบรรทม ทรงประทับยืนหน้าธรณีประตู พระราชาก็ท่องคาถาที่ ๔ “การที่ดิ้นรนเหมือนแพะตาบอดที่อยู่ในไร่ผักกาดก็ดี หรือนอนอยู่ใต้นี้ก็ดี เรารู้หมดแล้ว” พระโอรสได้ยินพระบิดาตรัสเช่นนี้ก็ทรงตกพระทัยกลัว รีบคลานออกมาก้มลงกราบแทบพระบาทของพระบิดา แล้วทูลวิงวอนของอภัยโทษให้ยกโทษให้ พระราชาทรงขู่ไปอีกว่า “สิ่งที่ทำอยู่นี่อย่าคิดว่าจะไม่มีใครรู้นะ” จากนั้นจึงรับสั่งให้มีการจองจำไว้ในคุก พร้อมอารักขาอย่างหนาแน่น พระราชาทรงระลึกถึงว่าที่ตนเองรอดพ้นจากความตายมาได้ ก็เพราะคุณความดีของพระอาจารย์ที่ได้เตือนสติและสั่งสอนมา ธรรมนิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ความโลภทำให้คนทำในสิ่งที่ผิด” “ต้องรู้จักอดทนต่อความอยากได้” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สํกิลิสฺสติ ตนทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง (๒๕/๓๑) อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โลโภ สหเต นรํ เมื่อความโลภเข้าครอบงำคน เวลานั้นมีแต่ความมืดตื้อ (๒๕/๒๖๘) คัดจาก : หนังสือ พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ / จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย สถาบันบันลือธรรม |