[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
03 พฤษภาคม 2567 07:48:48 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้น ของคนสุพรรณ "เปาวลี พรพิมล" (... เงาราชินีลูกทุ่ง? )  (อ่าน 4830 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5076


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 17:16:40 »



 
ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้น ของคนสุพรรณ "เปาวลี พรพิมล"
  เป็นนางเอกใหม่แกะกล่องของแวดวงบันเทิง ที่ถูกจับตามองมากคนหนึ่ง สำหรับ เปาวลี พรพิมล นางเอกจากภาพยนต์เรื่อง ”พุ่มพวง” ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทีมข่าว ”คม ชัด ลึก” มีโอกาสได้จับเข่านั่งคุยกับสาวน้อยคนนี้ ถึงเส้นทางในวงการบันเทิง ที่เธอทั้งแสดง และร้องเพลงกับต้นสังกัดอย่างแกรมมี่โกลด์ ลองมาดูกันว่านับจากนี้ เธอจะก้าวย่างไปอย่างไร

   ชีวิตในวัยเด็ก
   ทราบมาว่าชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ  
       

พอเริ่มพูดได้ ก็หัดร้องเพลงลูกทุ่ง เพราะพ่อกับแม่ฟังลูกทุ่งทุกแบบทุกแนว นักร้องคนแรกที่ชอบคือ ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เพลงแรกที่ร้องได้จบเพลงคือ เพลงส้มตำ แม่เลยส่งเข้าประกวดในงาน โอท็อป บริเวณหน้าเทศบาลอำเภอด่านช้าง เข้าประกวดรุ่นอายุ 9-15 ปี ซึ่งตอนนั้น หนูเด็กสุด อายุ 9 ขวบเอง แต่ต้องแข่งกับนักร้องที่เป็นรุ่นพี่ คนตัวเล็กสุดแต่ก็ชนะ ได้ที่ 2 นะ (ยิ้ม) จากนั้นแม่ก็พาหนูเริ่มเดินสายขึ้นเวทีประกวดร้องเพลง ตามที่ต่างๆ มาเรื่อยๆ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่ส่วนมากจะชนะ
  
   เคยไปเรียนร้องเพลงที่ไหนบ้างไหม
  
       

ทางโรงเรียนเป็นผู้สนับสนุน และส่งเข้าประกวด ช่วงแรกๆ สำลักน้ำลายบ้าง ค่อยๆ แก้ไขปรับปรุงไปเรื่อยๆ ไม่มีครูมาสอนร้องเพลง หนูจะใช้วิธีร้องไปเรื่อยๆ ร้องให้แม่ฟัง แล้วแม่ก็จะคอยติ คอยบอกว่าตรงไหน ควรจะแก้ไข ควรปรับปรุงตรงไหน นํ้าเสียงยังไม่นิ่ง แม่สอนไม่ให้กลัวคนดู มีสติมากขึ้น ลูกเอื้อนตรงนี้ยังไม่มี แม่ก็จะให้ร้องใหม่ ฝึกร้องเพลงเองอยู่ ที่ร้านขายของไม่ไปเล่นที่ไหนเลย เพราะเราอยากเป็นนักร้องที่ดี เราไม่ได้มีโอกาสเหมือนคนอื่นเขา การฝึกเท่านั้นจะทำให้เราพร้อมเสมอ เวลาไปประกวดกับใครก็สู้คนอื่นได้ แม่สอนให้หนูเตรียมพร้อม

   มีเวทีประกวดใหญ่ๆ ที่ไหนบ้างที่ภูมิใจมากที่สุด
  
       

ทุกเวทีเลย (หัวเราะ) งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ได้ที่ 1 ชุมทางเสียงทอง ชนะรอบสัปดาห์ ชิงช้าสวรรค์ ช่วงเสียงดีมีค่าเทอม ได้ที่ 1 ช่อง 11 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพฯ ชนะรอบสัปดาห์ และก็คว้าไมค์คว้าแชมป์ ทางช่องแฟนทีวี ได้แชมป์ ออฟ เดอะ เยียร์
  
   ก้าวสู่การเป็นนักร้องอาชีพ
   แล้วมีใครพามาประกวดของแกรมมี่
  
       

ไม่มีใครพามา หนูดูจากช่องเคเบิล เขามีช่องแฟนทีวี ที่ร้านเปิดดูทุกวัน เพราะเพลงเพราะดี เขามีโฆษณา ว่าจะมีการประกวดซีซั่นแรก ตอนแรกแม่หนูเขาก็ไม่รู้ว่า จะส่งมาประกวดอย่างไร เลยส่งเสียงร้องใส่เทปมาให้พี่ๆ เขาลองฟังเสียง ทีมงานฟังเขาก็เรียกหนูเข้ามาประกวดเลย  หนูเลือกร้องเพลงพี่เอิร์น เดอะสตาร์  เพลง สะดวกคุยหรือเปล่า รอบนั้นมีร้องหลายเพลง  มีเพลงคำรักโหลๆ ส่วนใหญ่เป็นเพลงพี่เขา หนูน่าจะร้องประกวดได้ง่ายกว่า เพราะศิลปินแกรมมี่โกลด์ ส่วนมากเป็นนักร้องภาคอีสาน หนูร้องภาษาอีสานไม่ได้ ไม่ถนัด หนูจึงเลือกเอาที่หนูร้องได้


   คิดว่าเราจะได้ที่ 1 เหมือนเวทีอื่นๆ ไหมตอนประกวด
            
ไม่คิดว่าจะได้ที่ 1 เวทีนี้ทำให้หนูได้อะไนหลายอย่างมาก เรียนรู้การทำงานเบื้องหลังเบื้องหน้าของรายการ ได้เพื่อน ได้ความสนิทคุ้นเคยกับพี่ๆ ทีมงาน ได้ประสบการณ์ การขึ้นเวทีร้องเพลง การออกทีวี การตอบสัมภาษณ์ และได้มากที่สุด คือการเป็นศิลปินที่ทางแกรมมี่มอบให้ คือเรียกว่าได้เยอะมากๆ ตอนนั้นไม่รู้ว่าประกวดแล้ว จะได้มาเป็นนักร้องหรือเปล่า พอรู้ว่าชนะก็อึ้ง มาถึงจุดนี้แล้ว เร็วเหมือนกัน เหมือนฝัน ดีใจกับตัวเองที่ก้าวมาถึงจุดนี้

   เห็นว่าตอนนี้ทางแกรมมี่โกลด์ กำลังทำเพลงให้อยู่ใช่ไหม

            หลังจากได้ตำแหน่งแชมป์ประมาณ 2 เดือน ทางแกรมมี่โกลด์ ก็เรียกตัวเข้ามาคุยเรื่องงานเพลง ตอนแรกจะให้ทำอัลบั้มก่อน ตั้งใจให้เสร็จปีนี้ หรือต้นปีหน้า ส่งไปเรียนเต้นเรียนร้องเพลง เรียนอะไรต่างๆ รอทำอัลบั้ม งานเพลง น่าจะเป็นแนวสนุกๆ แหวกแนวกว่าคนอื่น
   เส้นทางการแสดงที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ

   แล้วทำไมถึงได้มาเล่นหนังพุ่มพวง


            บังเอิญมาก ตอนที่เริ่มทำงานเพลง ก็มีหนังประวัติ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ติดต่อเข้ามาด้วย  ทางแกรมมี่โกลด์ เสนอชื่อหนูไปแคสติ้ง ไม่เคยผ่านการแสดงไม่เคยเรียนมาก่อน ตอนไปแคสติ้งวันแรก ให้บทมาลองให้เล่น เล่นตามภาษาที่หนูเข้าใจ แรกๆ เขินๆ เรื่องการร้องได้แล้ว แอ็กติ้งยังขาดอยู่ เลยส่งหนูไปเรียนการแสดงกับครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) ประมาณชั่วโมงครึ่ง แล้วเริ่มเทสต์ใหม่ คราวนี้ดีขึ้น เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น จากนั้นประมาณ 2 วัน เขาก็โทรมาบอกว่า ตกลงเลือกหนูเล่นบทนางเอกหนังเรื่องนี้

   ได้ข่าวว่าต้องมีการเรียนการแสดงเพิ่มอีกเยอะด้วย

            เรียนเพิ่มเยอะมาก วันหนึ่งหลายๆ ชั่วโมงอาทิตย์หนึ่งก็เรียน 6 วันเลย  ไม่เฉพาะการแสดง การเต้นก็ต้องเรียน เพราะแม่ผึ้งเป็นนักร้องที่มีลีลาการเต้นที่สวยงาม เราก็ต้องเต้นออกมาให้เหมือนที่สุด หนูไม่เคยเรียนสิ่งเหล่านี้มาเลย มันยากเหมือนกัน ได้รู้ว่ากว่าที่หนังซีนหนึ่งสั้นๆ ที่เราดู จริงๆ แล้วองค์ประกอบมันมาก ต้องมีหลายอย่างประกอบกัน โดยเฉพาะตัวคนแสดง ต้องให้ได้อารมณ์ หนูโชคดีเวลาที่ไม่เข้าใจพี่ๆ เขาก็จะแนะนำให้

   ชอบเพลงเป็นทุนอยู่แล้ว เมื่อได้มาแสดงเป็นพุ่มพวงเกร็งไหม

            หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่า ที่นำเสนอชีวิตของแม่พุ่มพวง ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้รับบทนี้ หนูรู้สึกเกร็งมาก นอนไม่หลับ ถ้าร้องเพลงไม่กลัวเพราะหนูร้องมาตลอด แต่ให้มาแสดงเป็นแม่ผึ้ง กลัวมาก เพราะคนรักแม่ผึ้งทั้งประเทศ กลัวเราแสดงไม่ดี หนูเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่ไม่เคยผ่านงานแสดงมาเลย  เป็นการทำงานที่ยาก ด้วยความรู้สึกว่าแม่ผึ้งมีคาแรคเตอร์ที่ไม่มีใครสามารถทำให้เหมือนได้ แต่พอศึกษาจริงๆ แล้ว ทำให้รู้ว่าคาแร็กเตอร์จริงๆ ของแม่ผึ้ง เป็นคนสบายๆ ไม่กลัวใคร เป็นหญิงแกร่ง

   เล่นประกบกับพระเอกอย่าง ป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ เป็นอย่างไรบ้าง

            เคยดูพี่ป๋อ แต่ในทีวีก็คิดว่ายากแน่ เพราะพี่เขาแสดงดี กลัวว่าเราจะทำให้คนอื่นๆ ทำงานยากขึ้น แต่พอได้มาทำงาน ร่วมกับพี่ป๋อที่เก่งอยู่แล้ว ช่วยให้หนูได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ไม่เกร็ง พี่เขาก็จะคอยสอนว่าทำยังไง การส่งต่ออารมณ์ในการแสดงช่วยหนูได้มาก หนูก็ตั้งใจมาก อยากให้งานออกมาดี  แต่ก็รอรับฟังคำวิจารณ์ ต้องมีทั้งคนติและคนชม คนชอบและไม่ชอบ แต่หนูก็พยายาม ทำให้ได้ใกล้คียง ออกมาเป็นแม่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์ ให้ได้ใกล้เคียงที่สุด ให้เหมือนแม่ผึ้งสักครึ่งก็พอใจแล้ว


   ตอนนี้ไปไหนมาไหนมีคนจำได้หรือยัง

            ได้แล้ว เพียบเลย (หัวเราะ) เขาก็จะเดินเข้ามาทัก บางคนเรียกเปาๆ  มาขอถ่ายรูป หนูไม่คิดว่าคนจะจำหนูได้เร็วขนาดนี้  เขาก็บอกว่าจะไปดูหนังนะ เป็นกำลังใจให้ ร้องเพลงเพราะมาก

   วางแผนงานในวงการบันเทิงไว้จากนี้อย่างนี้

            ทางแกรมมี่โกลด์ ให้ทำอะไรหนูก็ทำหมด (หัวเราะ) การร้องเพลงเป็นความฝันที่หนูฝันมาตลอด อยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ได้เป็นนักร้องอาชีพ ส่วนงานแสดงก็แล้วแต่ทางผู้ใหญ่จะให้โอกาสหนู นักร้องเดี๋ยวนี้เขาก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง เป็นทั้งพิธีกร นักแสดง

   สุดท้ายจะฝากอะไรกับคนอ่านไหม
  
       

อยากให้ไปดูหนัง ”พุ่มพวง” กันเยอะๆ ช่วยวิจารณ์ติชมหนูได้ อยากให้หนูปรับปรุงตรงไหน หนูก็พร้อมรับฟัง แล้วอย่าลืมอัลบั้มเพลงประกอบหนังของหนูด้วย เพราะมากเลย
   นับเป็นดาวดวงใหม่ของวงการบันเทิง ที่น่าจับตามองไม่น้อย
   เรื่อง- ภาพ ... "บุญส่ง คชเกร็ง"


http://www.komchadluek.net/detail/20110716/103133/ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้นของคนสุพรรณเปาวลีพรพิมล.html


MV. ผู้ชายในฝัน - Ost. พุ่มพวง



พุ่มพวง@เรื่องของเรื่อง 11ก.ค.54(1)



พุ่มพวง@เรื่องของเรื่อง 11ก.ค.54(2)


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 สิงหาคม 2554 17:19:56 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5076


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 17:21:42 »

เปาวลี พรพิมล ... เงาราชินีลูกทุ่ง?











สาวหน้าตาคมเข้ม วัย 18 ปี “เปาวลี พรพิมล” สาวจากเมืองสุพรรณบุรีที่หลงใหลการร้องเพลงมาตั้งแต่วัย 5 ขวบขณะนี้เธอกำลังก้าวเข้ามาสู่วงการเพลงลูกทุ่งอาจจะกำลังได้รับงานหนัก เพื่อเตรียมตัวในการรับบทเป็นราชินีลูกทุ่ง และเป็นดวงใจของคอเพลงลูกทุ่งและชาวไทยทุกคน
     
      ก้าวแรก บนถนนลูกทุ่ง
     
      สาวน้อยพูดคุยกับเราด้วยน้ำเสียงสุพรรณ ฟังแล้วน่ารักสมวัยเหมาะกับบุคลิก เปาวลี เริ่มต้นการร้องเพลงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ อาจจะชัดถ้อยชัดคำบ้าง ไม่ชัดบ้าง ทว่าเธออาศัยการซึมซับจากบุคคลรอบข้าง ทั้งคุณแม่ที่ชอบร้องเพลง คุณตาที่รักในการฟังเพลง และพี่ชายที่ชอบเล่นดนตรี
      ยิ่งการได้ฟัง ได้รับรู้ มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เปาวลีสามารถเรียนรู้เรื่องการร้องเพลงได้เร็วมากขึ้นและรักเพลงลูกทุ่ง จนได้เริ่มขึ้นประกวดบนเวทีประจำอำเภอมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
     
      เปาเล่าว่า เธอได้เริ่มร้องเพลงและโชว์ตามงานประกวดอย่างจริงจังตอนเรียนอยู่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นงานประจำปีของอำเภอด่านช้าง ตอนนั้นตัวเธอเล็กสุดและต้องเข้าไปแข่งขันกับนักร้องคนอื่นที่มีอายุในช่วง 9-15 ปี ซึ่งเพลงที่เลือกร้องเป็นเพลงแรกคือเพลง ใจอ่อน ของ ฝนธน สุนทร มาร้องประกวด จนได้รับรางวัลที่ 2 มาครอง
     
      “ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ร้องเพลงค่ะ รู้สึกตื่นเต้นแต่ก็อุ่นใจขึ้นมา เพราะเวทีนั้นมีคุณแม่เข้าร่วมประกวดด้วยเหมือนกัน รู้สึกร้องเพลงแล้วสนุกดีค่ะ”
     
      จากการประกวดครั้งนั้นจึงทำให้เธอได้เริ่มเดินสายประกวดร้องเพลงเรื่อยมา โดยมีคุณพ่อคอยส่งตามงานประกวดต่างๆ ครอบครัวที่มีอาชีพค้าขาย อยู่ในตลาด ทุกงานประกวดจะมีคุณพ่อคอยรับ-ส่งและให้คุณแม่เป็นคนเฝ้าร้านแทนอยู่อย่างนั้นตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานรื่นเริงตามเทศบาล งานประกวด กำลังใจจากทุกคนรอบข้างคอยสนับสนุนให้เด็กสาวคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง ตามแบบของ ราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” จึงเกิดขึ้น
     
      “พอเริ่มประกวดเวทีตามจังหวัด ก็ได้เริ่มเข้ามาประกวดในเวทีตามรายการโทรทัศน์ ช่อง 11 ตอนอยู่ชั้น ม.1 ก็ได้รับรางวัล ชนะเลิศรอบสัปดาห์มาค่ะ แล้วก็มาประกวดรายการชิงช้าสวรรค์ ในช่วง เสียงดีมีค่าเทอม แล้วก็รายการ ชุมทางเสียงทอง ไปมาสองครั้งค่ะ ได้เข้าไปในรอบสัปดาห์ ”
     
      ล่าสุดกับการเดินทางตามความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องลูกทุ่ง จึงตัดสินใจ เข้ามาประกวดในรายการ “คว้าไมค์ คว้าแชมป์” ทางช่องเคเบิ้ลทีวี ทำให้เธอได้รับรางวัล แชมป์ออฟเดอะเยียร์ มาครองได้สำเร็จ เธอบอกว่า เวทีนี้ที่ทำให้เธอได้เริ่มต้นทำความฝันของตนเองให้เป็นความจริง
     
      คุณแม่คือครูสอนร้องเพลง
     
      เส้นทางการฝึกฝนร้องเพลง เด็กหลายๆ คนอาจจะเรียนจากโรงเรียน สถาบันต่างๆ แต่สำหรับเปาวลี เธอได้มาจากคุณแม่และครอบครัวแทบทั้งสิ้น
     
      “คุณแม่จะสอนให้ร้องเพลงค่ะ ร้องแต่ละคำให้ชัดถ้อยชัดคำ สอนให้เราถ่ายทอดความรู้สึก อารมณ์ของเพลงให้ได้ ตอนแรกๆ หนูจะร้องเอื้อนๆ ไม่ค่อยเป็น คุณแม่ก็เริ่มสอนให้เราเอื้อนมากขึ้นค่ะ เพลงแรกที่หนูร้องเป็นคือ เพลง ส้มตำ"
     
      ค่อยๆ ฝึกร้องเพลงมาเรื่อยๆ เรื่องการร้องเพลงของเปาวลีไม่มีครูมาคอยสอน แต่เธอมีคุณแม่ที่เป็นคุณครูคอยช่วยเหลือและพัฒนาในเรื่องการร้องเพลง เธอบอกว่าวิธีการสอนของคุณแม่จะคอยให้เธอร้องเพลงให้ฟัง ร้องไปเรื่อยๆ แล้วแม่ก็จะคอยติ คอยสอน ว่าตรงไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไข
      นอกจากเรื่องการสอนร้องเพลงแล้ว คุณแม่ที่เคยขึ้นร้องประกวดบนเวทีจนจัดเจนเวทีมามาก จึงคอยาอนให้ลูกไม่ให้กลัวคนดู และมีสมาธิในการร้องเพลง มีสติมากขึ้น จนทำให้เธอไม่ตื่นเวทีทุกครั้งที่ได้แสดงในงานร้องเพลงหรืองานประกวดบนเวทีต่างๆ
     
      ความฝันที่ได้จากความอดทน
     
      ความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กๆ โดยยังไม่รู้ว่าหนทางการได้เข้าสู่วงการลูกทุ่งจะเป็นอย่างไร ด้วยนิสัยรักสนุก เป็นคนร่าเริง การออกโชว์ตามที่ต่างๆ จึงได้รับความนิยมในจังหวัดสุพรรณมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มโชว์ตัวมากขึ้น แม้ในบางครั้งอาจจะทำให้เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่เปาวลีรักและสนุกกับการร้องเพลงอย่างมาก
     
      “การใช้ชีวิตของหนู ไม่เคยคิดว่าหนูจะขาดช่วงเวลาของวัยรุ่น ต้องเที่ยวกับเพื่อน ตามประสาวัยรุ่น หนูต้องใช้ความพยายามอย่างมาก หลังเลิกเรียนต้องออกประกวด ออกโชว์ตามงานต่างๆ มากมาย ต้องรู้จักอดทนและขยันมากขึ้น ในบางวันงานโชว์ตัว ร้องเพลงหนูเลิกตอนตี 4 ตอนเช้ามีสอบที่โรงเรียน เราต้องมีความอดทน แล้วก็ไม่ย่อท้อถึงจะก้าวผ่านตรงจุดนั้นมาได้”
     
      พอได้เข้ามาอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง เปาวลีบอกว่า ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ต้องมีความขยันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการทำให้คนที่รู้จักจากเดิมแค่ในระดับจังหวัด ต้องเป็นระดับประเทศมากขึ้น เจอผู้คนที่หลากหลาย
     
      “ตอนเข้ามาประกวดในกรุงเทพฯ แรกๆ ตื่นเต้นมากค่ะ ต้องซ้อมหนักทุกวันเลย เราเจอคู่แข่งที่น่ากลัว บางคนจะดูนิ่งและภูมิฐาน ส่วนหนูก็จะดูเป็นเด็กๆ เวลาขึ้นเวทีก็จะทำให้ตัวเองรู้สึกสบายๆ มากที่สุด ร่าเริงและเป็นตัวของตัวเองถึงจะสามารถเอาคนดูอยู่ได้”
     
      รับบท “ราชินีลูกทุ่ง”
     
      หลังจากที่ได้เข้ามาเซ็นสัญญาในการเป็นนักร้องค่ายแกรมมี่โกลด์อย่างเป็นทางการ เพื่อทำอัลบั้มแรกให้กับเปาวลี แต่อีกหนึ่งโอกาสที่ทำให้เธอได้รับคือ การได้เข้าไปแคสฯ เพื่อรับบทเป็น “แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์” นักร้องในดวงใจ
     
      “ตอนนั้นเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างทำเพลงแล้วมีหนังที่เป็นประวัติของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ติดต่อเข้ามาค่ะ ทางแกรมมี่โกลด์เลยเสนอชื่อของหนูไป ทั้งที่หนูไม่เคยการการแคสติ้ง ผ่านการแสดงมาเลย แต่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่พี่ผู้กำกับเข้าหยิบยื่นมาให้”
     
      “ไปแคสติ้งวันแรก เขาให้บทหนูมาลองเล่น ก็เล่นไปตามที่หนูเข้าใจ แรกๆ เขินค่ะ ร้องเพลงพอทำได้นะค่ะ แต่การแสดงยากมาก พี่ๆ เลยส่งให้หนูไปเรียนแอ็กติ้งกับครูเงาะ ประมาณครึ่งชั่วโมง เริ่มเข้าใจมากขึ้น จากนั้นเราก็ได้รับบทเป็น แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ค่ะ”
     
      เรื่องราวของชีวิตเส้นทางการมาเป็น พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่นำเสนอเป็นภาพยนตร์ ดราม่า ชีวิตของราชินีลูกทุ่ง ทำให้ เปาวลี รู้สึกเกร็งๆ ในช่วงแรกเหมือนกัน เนื่องจากเธอรู้สึกว่าคาแร็กเตอร์ของแม่ผึ้งไม่มีใครสามารถทำให้เหมือนตัวตนของแม่ผึ้งได้ แต่พอได้ศึกษาจากประวัติและบทที่ได้รับ ทำให้รู้ว่า เธอก็มีคาแร็กเตอร์ที่สบายๆ ใกล้เคียงกับไอดอลในดวงใจอยู่เช่นกัน
     
      ประกบพระเอกดัง ป๋อ ณัฐวุฒิ
     
      เมื่อได้รับบทบาทเป็นราชินีลูกทุ่งแล้ว พระเอกที่เธอได้เล่นประกบคู่ด้วยคือ ป๋อ ณํฐวุฒิ สะกิดใจ ดาราที่เธอคอยติดตามผลงานมาโดยตลอด และกลายเป็นความฝันที่ทำให้เธอได้ประกบพระเอกชื่อดังและมากความสามารถ
     
      “ประกบกับพี่ป๋อ ดีใจมาก เพราะพี่ป๋อ หนูก็ติดตามผลงานพี่มาตลอด รู้สึกเหมือนฝันด้วย ที่เด็กคนหนึ่งที่เข้ามาประกวดจะได้เล่นหนังกับพี่ป๋อค่ะ เป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับหนู เตรียมตัวด้วยการไปเรียนการแสดง การอินเนอร์ แอ็กติ้ง เรียนเพิ่มทุกอย่างเพราะน้องยังไม่มีทักษะมากนัก หนูจะได้เรื่องการร้องเพลงมากกว่า ต้องยกเครดิตให้พี่บัณฑิตทองดี พี่ปรัญญา ปิ่นแก้ว ที่ให้โอกาสหนู”
     
      “พี่ป๋อเป็นดาราดังที่เก่งอยู่แล้วค่ะ น่าจะส่งอารมณ์ถ่ายทอดให้หนูได้เข้าใจมากขึ้น ไม่เกร็ง และหนูก็พร้อมที่จะฟังคำวิจารณ์ที่ต้องมีทั้งคนที่ติและคนชม มีคนชอบและคนไม่ชอบ แต่สิ่งที่ต้องทำคือความตั้งใจและพยายามทำให้ดีที่สุด”
     
      เปาวลีเล่าถึงบรรยากาศในการเข้าฉากครั้งแรกว่า เป็นงานที่สนุกมาก แม้ว่าจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องในกองถ่ายมากนัก ยังงงกับมุมกล้อง ว่าผู้กำกับต้องการมุมไหน พี่ๆ บางคนก็แซวว่า มีคิวถ่ายบ่ายสอง ตื่นตั้งแต่ตีสี่ มาทำงานตอนหกโมงเช้าเพื่อรอเข้าคิว พี่ๆ ทีมงานน่ารักและสนุกดีค่ะ ได้เรียนรู้การทำงาน การจัดฉากของพี่ๆ เค้าก่อน
     
      เพลงลูกทุ่ง ไม่เชยอย่างที่คิด
     
      แม้ว่ายุคนี้ สมัยนี้หลายคนจะอินเทรนด์ไปตามกระแสของเพลงเกาหลี หรือเพลงจากชาติอื่นๆ มากขึ้น จนอาจจะทำให้เพลงลูกทุ่งถูกลืมเลือนไปจากเมืองไทยไปบ้าง แต่สำหรับเปาวลี เพลงลูกทุ่งคือสิ่งที่เธอภูมิใจมากที่สุด
     
      “เดี๋ยวนี้วัยรุ่นหันไปชอบเพลงแนวอื่นมากขึ้น ทิ้งเพลงลูกทุ่งเพลงไทยไปบ้าง ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่ติดตามเพลงอื่นๆ นะค่ะ ก็ดูบ้างเหมือนกัน เพื่อนๆ หนูที่ชอบเกาหลีกันหมดเลย แล้วมีหนูคนเดียวที่ชอบลูกทุ่งและร้องได้ แต่หนูก็ภูมิใจค่ะ ที่หนูร้องได้ สามารถไปงานที่ไหนก็โชว์ได้ ทำให้เพื่อนที่ชอบเพลงสตริงเริ่มหันมาชอบเพลงลูกทุ่งมากขึ้น ก็ภูมิใจที่เพลงลูกทุ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย มีเพลงลูกทุ่งมานานและเพลงลูกทุ่งไม่ใช่ว่าร้องแล้วจะบ้านนอก บางคนบอกว่าร้องเพลงลูกทุ่งจะบ้านนอก แต่สำหรับหนูไม่ใช่เลย ”
     
      สำหรับเส้นทางบนถนนของเพลงลูกทุ่งที่กำลังก้าวไปตามความฝันของผู้หญิงตัวเล็กๆ จากเมืองสุพรรณบุรี จะก้าวต่อไปอย่างไร อย่างน้อยเธอก็ขอฝากชื่อของ “เปาวลี” เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของมิตรรักแฟนเพลงทุกคนเอาไว้ด้วย
     
      ***********************
     

      ประวัติ
      ชื่อในวงการ : เปาวลี พรพิมล
      ชื่อจริง : พรพิมล เฟื่องฟุ้ง
      ชื่อเล่น : เปา
      วัน เดือน ปี เกิด : พฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2535
      การศึกษา : โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3
      : มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปีที่ 1
      ความฝัน : นักร้องลูกทุ่ง
      เวทีการประกวด : งานโอท็อป อ. ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี ได้รับรางวัลที่ 2 (เวทีแรกที่เข้าประกวด)
      : งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ. สุพรรณบุรี
      : รางวัลที่ 1 รายการ ชิงช้าสวรรค์ ช่วง เสียงดีมีค่าเทอม
      : เข้ารอบสัปดาห์ รายการชุมทางเสียงทอง
      : เข้าชิงรอบสัปดาห์ ในการชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จ พระเทพฯ ช่อง 11
      : ได้รับรางวัล แชมป์ ออฟ เดอะ เยียร์ ในรายการ คว้าไมค์ คว้าแชมป์ ทางช่องแฟนทีวี
     
      รายงานโดย  ทีมข่าว Manager Lite / ASTV สุดสัปดาห์
     
      ภาพโดย อดิศร  ฉาบสูงเนิน

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000163393


MV. นักร้องบ้านนอก - Ost. พุ่มพวง



[ร้องสด]นักร้องบ้านนอก เปาวลี พรพิมล


บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5076


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 17:23:26 »

ดาวดวงใหม่วงการบันเทิง เปาวลี พรพิมล เงาเสียง "ราชินีลูกทุ่ง"

          
            
เสียงพูดของเธอ "เหน่อ" ธรรมชาติ  


   หลายคนอาจมองว่านี่เป็นเรื่องน่าอาย ที่สำเนียงตัวเองไม่เป็นตามแบบฉบับ "คนกรุงเทพฯ" แต่สำหรับหญิงสาวผู้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยบทบาท "ดารานำ" ในภาพยนตร์เรื่อง "พุ่มพวง" กลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะเธอมองว่านี่เป็นเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์เฉพาะคนสุพรรณบุรี
  
   "เปาวลี พรพิมล" หรือ "เปา" คือนางเอกหน้าใหม่ ที่มารับบทราชินีลูกทุ่ง- "พุ่มพวง ดวงจันทร์"
  
  
ชื่อที่หลายคนเริ่มคุ้นหู และกำลังจะคุ้นเคยเป็นที่รู้จักในวงกว้างนับจากนี้ไป คือชื่อในวงการที่ครูเพลงตั้งให้เหมือนบรรดานักร้องลูกทุ่งคนอื่นๆ แต่สำหรับชื่อจริงของเด็กสาววัย 19 ปี จาก อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ผู้นี้คือ "พรพิมล เฟื่องฟุ้ง" มีชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ว่า "ซาลาเปา" เพราะตอนเกิดเป็นเด็กคอสั้น แก้มยุ้ยเหมือนขนมยอดนิยมของคนจีน
  
   เปาวลี เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2535 เป็นลูกสาวคนเล็กในจำนวนพี่น้องสองคนของพ่อ-"ศักดิ์ เฟื่องฟุ้ง" อายุ 45 ปี และ แม่-"บังอร เฟื่องฟุ้ง" อายุ 44 ปี ซึ่งประกอบอาชีพค้าขาย มีร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในตลาดสด อ.ด่านช้าง
  
   "เปาวลี คุ้นเคยกับเพลงลูกทุ่งตั้งแต่เกิด พ่อ-แม่และญาติพี่น้องชอบฟังเพลงลูกทุ่งเป็นประจำ
  
   เมื่อวัย 5 ขวบ คนรอบข้างได้ค้นพบพรสวรรค์ของเธอเรื่อง "ลูกคอ-เสียงเอื้อน" จึงสอนร้องเพลงให้เธออย่างมุ่งมั่น โดยเฉพาะแม่เอาจริงเอาจังมานับแต่นั้น โดยจัดสรร เจียดเวลาอย่างชัดเจนสำหรับการฝึกฝน ตรงไหนผิดแม่คอยแก้ ตรงไหนร้องไม่ดีแม่จะร้องให้ฟังใหม่"
  
   เด็กหญิงได้รับการสนับสนุนในเรื่องการร้องเพลงจากพ่อ-แม่ และครูอาจารย์ที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 มีเวทีประกวดแข่งขันร้องเพลงที่ไหน คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่รอช้า รีบพาเธอไปเข้าร่วมกับเขาด้วยทุกครั้ง
  
   ผ่านเวทีทั้งร้องโชว์ และการประกวดมาแล้วเกือบ 1,000 เวที
  
   รางวัลจากการแข่งขันได้รับตั้งแต่เวทีแรกเมื่ออายุ 9 ขวบ โดยได้ตำแหน่งที่ 2 ในการประกวดร้องเพลงงานโอท็อปของ อ.ด่านช้าง
  
   จากนั้นก็มีรางวัลติดไม้ติดมืออีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น รางวัลที่ 1 งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี, ชนะรอบสัปดาห์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ชนะรอบสัปดาห์ รายการชุมทางเสียงทอง, รางวัลที่ 1 รายการชิงช้าสวรรค์ ช่วง เสียงดีมีค่าเทอม และแชมป์ ออฟ เดอะ เยียร์ รายการคว้าไมค์ คว้าแชมป์ ทางช่องแฟนทีวี ก่อนที่จะได้มาเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัด "แกรมมี่ โกลด์"
  
   ยังไม่ทันที่อัลบั้มแรกจะปรากฏให้แฟนเพลงได้ฟังเสียง
  
   2 สัปดาห์หลังจากเซ็นสัญญากับแกรมมี่ โกลด์ ทาง "บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด" โดยผู้กำกับ "บัณฑิต ทองดี" กำลังหานักแสดงที่จะมารับบทเป็น พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในภาพยนตร์เรื่องใหม่
  
   โดยไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อผ่านการแคสติ้ง 2 ครั้ง ผู้กำกับและผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัท ก็ตัดสินใจเลือกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยแสดงละคร หรือเล่นภาพยนตร์เรื่องใดมาก่อนเลยในชีวิตมาเป็น "ดารานำ"
  
   ภาพยนตร์เรื่อง "พุ่มพวง" เพิ่งลงโรงฉายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
  
   "ชื่อ "เปาวลี พรพิมล" กำลังได้รับการพูดถึงอย่างมากในตอนนี้ ในฐานะเงาเสียงของ "พุ่มพวง ดวงจันทร์""
  
   - ทำไมถึงชอบร้องเพลงลูกทุ่ง?
  

   ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก เพราะเวลาทำงานคุณแม่จะชอบเปิดเพลงลูกทุ่งฟัง และก็ชอบร้องเพลงด้วย เวลาที่บ้านจัดงานเลี้ยงอะไรก็จะชวนกันร้องคาราโอเกะ ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่ชอบฟังเพลง ชอบร้องเพลง แต่ก็ไม่คิดจะยึดเป็นอาชีพหรอก ร้องกันเล่นๆ เพื่อความบันเทิงมากกว่า ทั้งเพลงของแม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์) คุณแม่เป็นแฟนพันธุ์แท้แม่ผึ้ง (หัวเราะ) เพลงของนักร้องลูกทุ่งคนอื่นๆ
  
   ได้ยินทั้งเสียงเพลง เสียงคุณแม่ ก็เลยอยากที่จะร้องบ้าง พออายุ 5 ขวบ เราก็สามารถร้องเสียงเอื้อนได้ คุณแม่เลยกลายมาเป็นครูคนแรก ฝึกซ้อมร้องเพลงให้ทุกเย็น หลังจากเลิกเรียนกลับมา ทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยก็จะเรียนร้องเพลงกับคุณแม่ ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะอีกอย่าง เราต้องอยู่ช่วยคุณพ่อคุณแม่ขายของที่ร้านด้วย
  
   - ไม่คิดอยากออกไปเล่นเหมือนเด็กคนอื่น?
  

   ก็มีแอบคิดบ้าง เพราะตัวเองก็เหมือนเด็กปติทั่วไป ที่ชอบเล่นซน หรือเป็นวัยรุ่นก็ชอบเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ คือชอบเพลงเกาหลี ดูหนังซีรี่เกาหลี หากแต่ว่าเมื่อเรามีความฝันที่จะเป็นนักร้อง คือ ในสมุดพกของโรงเรียนที่ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ก็ตอบว่าอยากเป็นนักร้องมาตลอดทุกปี เมื่อคิดถึงอนาคต คิดถึงความฝันของตัวเอง ก็เลยทำให้ต้องซ้อมเยอะๆ มุ่งมั่นทำตามความฝันให้ได้ คิดอย่างนี้ก็จะทำให้ไม่รู้สึกอยากออกไปเล่น (ยิ้ม)
  
   - เกี่ยวกับการประกวดร้องเพลง?
  
  
ครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบ เป็นงานโอท็อปของอำเภอ ได้อันดับที่ 2 ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ ตื่นเต้นมาก มือสั่น ตัวสั่น รู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที แต่ก็ร้องได้จนจบ จากนั้นก็จะติดตามข่าวสารมาเรื่อยๆ มีการบอกกล่าวกันปากต่อปากในตลาดว่ามีการประกวดร้องเพลงที่ไหนบ้าง จากนั้นก็โทร.ไปถาม และก็สมัคร คนส่วนใหญ่ในการเดินสายประกวดจะรู้จักกันหมด ก็บอกต่อๆ กันไป
  
   สำหรับในรายการโทรทัศน์ ที่บ้านจะติดตามดูรายการเพลงลูกทุ่งอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นรายการชุมทางเสียงทอง รายการชิงช้าสวรรค์ รายการแฟนทีวี เมื่อรู้ข่าวการประกวดก็จะลองสมัครมาเหมือนกัน ซึ่งการร้องเพลงออกทีวีครั้งแรกก็กล้าๆกลัวๆ เพราะไม่เคยเข้ามาประกวดในกรุงเทพฯ รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะมีคนมาแข่งขันกันทั้งประเทศ ความรู้สึกจะต่างกับการประกวดในละแวกบ้านมาก
  
   - เป็นนักร้องแกรมมี่ได้อย่างไร?
  

   หลังจากการประกวดรายการคว้าไมค์คว้าแชมป์ ช่อง แฟนทีวี ที่มีผู้เข้าประกวด 100 กว่า แล้วในที่สุดก็ได้แชมป์ออฟเดอะเยียร์ ผู้ใหญ่ทางแกรมมีได้เห็นการประกวด ก็เลยติดต่อให้มาเซ็นต์สัญญาเป็นนักร้องในสังกัดแกรมมี่โกลด์
  
   ตอนนี้ยังไม่มีผลงานเพลงออกมา กำลังอยู่ในขั้นเตรียมงาน คาดว่าจะเป็นแนวเพลงลูกทุ่งที่ทันสมัยขึ้นมาหน่อย เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรีก็จะดูร่วมสมัยมากกว่าเพลงที่ร้องในหนัง
  
   - การคัดเลือกคนมารับบทพุ่มพวงมีเหตุบังเอิญเยอะ?
  

   การได้มาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นอะไรที่ไม่คาดฝันมาก่อน พี่อ๊อด (บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์) เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกเขามีนักแสดงที่จะมารับบทแม่ผึ้งอยู่ในใจแล้ว 2 คน ผ่านการแคสติ้งมาเรียบร้อยแล้ว แต่พอถึงวันที่จะเอาเทปที่แคสติ้งไปให้ผู้ใหญ่ที่สหมงคลฯดู ปรากฏว่าเทปหายไป ก็เลยขอให้ทางแกรมมี่ช่วยส่งทั้ง 2 คนนั้นมาแคสติ้งใหม่อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ทางแกรมมี่ขอเพิ่มชื่อเราไปด้วยอีกคนหนึ่ง
  
   ต้องไปแคสติ้งถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ด้วยความที่ไม่เคยแสดงอะไรมากก่อนเลย การแสดงที่ออกมาจึงแข็งมาก ไม่ผ่าน เขาจึงส่งไปเรียนการแสดง ได้ รู้เทคนิคการแสดงแล้วก็ลองกลับมาแคสใหม่ ซึ่งพอได้รับคำตอบมาว่า เขาเลือกเราให้เล่นหนังเรื่องนี้ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะแม่ผึ้งเป็นนักร้องในดวงใจของคุณแม่ และของตัวเองด้วย ตอนที่บอกข่าวนี้กับคุณแม่ ท่านก็ดีใจเหมือนกัน แต่สักพักก็คิดมาก กลัวว่าลูกจะทำไม่ได้ กลัวว่าทางโน้นเขาจะดุ(หัวเราะ)
  
   - มารับบทนี้ กลัวมั้ยว่าคนจะติดภาพความเป็นพุ่มพวง?
  

   ไม่กลัวค่ะ คิดว่านี่เป็นการแสดงอย่างหนึ่ง เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่ทำเต็มที่กับงาน พยายามทำให้เหมือนแม่ผึ้งให้ได้ แต่พอหนังจบไปแล้ว เราก็เป็นตัวเรา ทำงานตามสไตล์ที่เป็นเรามากขึ้น
  
   สำหรับสิ่งที่คิดว่าตัวเองเหมือนกับแม่ผึ้ง คือบุคคลิกสดใส ร่างเริง เหมือนกัน ความเป็นเด็กบ้านนอกที่ชอบการร้องเพลง มุ่งมั่นกับความฝันของตัวเอง แต่ถ้าเทียบกันแล้ว อุปสรรคที่เราเจอกับอุปสรรคที่แม่ผึ้งเจอนั้นต่างกันมาก แม่ผึ้งต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าจะกลายมาเป็นนักร้องในตำนาน เป็นราชินีลูกทุ่งอยู่ในดวงใจแฟนเพลง
  
   - อะไรที่เราได้เรียนรู้จากการทำงานตรงนี้?
  
  
สิ่งแรกคือประสบการณ์ในการทำงาน การอยู่ในกองถ่าย หรือทำอะไรก็ตามต้องมีความอดทน เพื่อจะให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ยิ่งได้ศึกษาเรื่องของแม่ผึ้ง ได้เห็นว่า การที่เราจะทำอะไรสักอย่างตามความฝัน ต้องมีอุปสรรค เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้
  
   ชีวิตแม่ผึ้งมีอุปสรรคมาก ลำบากมาตั้งแต่เด็ก ฐานะยากจน ได้เรียนแค่ ป.2 แต่ด้วยความมุ่งมั่น และมุมานะที่จะทำตามฝันของตัวเอง ทำให้ประสบความสำเร็จ เป็นราชินีลูกทุ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งหนทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
  
   - พูดถึงพุ่มพวง นอกจากเรื่องเพลงลูกทุ่ง บางคนคิดถึงเรื่องที่ไม่อาจพิสูจน์ได้?
  

   ที่เขาคิดอย่างนั้น คิดว่าเป็นเพราะแม่ผึ้งมีตัวตนอยู่จริง เป็นราชินีลูกทุ่งซึ่งเป็นที่รักของคนทั้งประเทศที่ทุกคนยังไม่ลืม แม่ผึ้งยังอยู่กับเราตลอดเวลา นักร้องลูกทุ่งทุกคนยกเป็นครู เป็นคนที่เคารพศรัทธา ก็เลยทำให้มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น อย่างตัวเองเวลาจะทำอะไรก็จะนึกถึงท่าน เป็นเครื่องเตือนใจ เป็นแบบอย่าง ช่วยให้มีกำลังใจในการทำงาน
  
   อย่างเมื่อก่อน ตอนอยู่ที่บ้าน ก่อนไปประกวดเวทีไหน อยากได้กำลังใจก็จะไปที่วัดทับกระดาน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ไปไหว้แม่ผึ้ง และยิ่งเมื่อเราได้มาเป็นคนถ่ายทอดเรื่องราวของท่าน ก็ยิ่งต้องไปขออนุญาตก่อน เพราะเป็นเรื่องราวของแม่ผึ้งเต็มๆ เลย ซึ่งเราเชื่อว่าแม่ผึ้งยังอยู่กับทุกคน
  
   - เพลงอะไรของพุ่มพวงที่ชอบ?
  

   เพลงนักร้องบ้านนอก อย่างตอนร้องประกวดตามเวทีต่างๆ ก็จะชอบใช้เพลงนี้ ตอนแรกก็แค่คิดว่าต้องเอื้อนเยอะ ร้องยาก จะช่วยให้เราชนะได้ แต่พอมาถึงตอนนี้ เมื่อได้มาทำงานอยู่กรุงเทพฯ ได้นึกถึงเนื้อหาของเพลงอย่างจริงๆ จังๆ ร้องเพลงนี้ออกมาแล้ว หรือได้ยินเพลงนี้แล้วน้ำตาไหล ก่อนที่จะมีลูกฮึด (หัวเราะ) เพราะตรงกับชีวิตของตัวเอง หรือชีวิตของหลายๆ คนมาก ที่ต้องมาตามหาความฝันในกรุงเทพฯ ห่างไกลจากบ้าน คนรัก "ไม่เด่นไม่ดัง จะไม่หันหลังกลับไป" เพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนรวมถึงตัวเองด้วย
  
   อย่างตอนที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องเข้าฉากที่ร้องเพลงนี้หลายสิบเที่ยวมาก พอกลับมาถึงบ้านรู้สึกเหมือนเพลงนี้ดังอยู่ในหัวเราตลอด นอนไม่หลับ
  
   - ถ้าวันหนึ่งตนเองไม่ได้เป็นนักร้อง?
  

   ถ้าไม่ได้มาเป็นนักร้องอาชีพ ก็ฝันอยากทำอะไรที่เกี่ยวกับการร้องเพลง เช่นอาจจะเป็นครูสอนร้องเพลง เป็นต้น
  
   ที่เลือกเรียน คณะมนุษยศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.รามคำแหง ก็เป็นเพราะว่าเราชอบวงการนี้ อยากเรียนรู้ว่าเบื้องหลังการทำงานวงการบันเทิงเป็นอย่างไร พอได้มาเห็นของจริงในกองถ่าย เหมือนได้ฝึกประสบการณ์ในการทำงานจริงๆ เมื่อโยงกับทฤษฎีที่เรียนมาก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น
  
   - มองวงการเพลงลูกทุ่งทุกวันนี้อย่างไร?
  

   เพลงลูกทุ่งยังอยู่ในหัวใจคนไทย แต่อาจปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็น แนวเพลง ดนตรี เนื้อหา เปลี่ยนไปให้ร่วมสมัยมากขึ้น แต่หัวใจของเพลงลูกทุ่ง อย่างเรื่องคำพูดที่ดูใสซื่อ การร้องที่ต้องใช้ลูกเอื้อน นี่เป็นเสน่ห์ที่ยังคงอยู่
  
   - พูดเหน่อ เคยโดนล้อมั้ย?
  

   ก็โดนบ้าง ตอนเข้ามากรุงเทพฯแรกๆ ก็มีคนชอบแซว ชอบมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ตัวเองก็ไม่โกรธ ภูมิใจมากกว่าที่เรามีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง คือคนสุพรรณบุรีในตอนนี้อาจพูดสำเนียงกลางเหมือนคนกรุงเทพฯมากขึ้น เพราะมองว่าสำเนียงที่ตัวเองเป็นอยู่น่าอาย อยากให้เปลี่ยนความคิด เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ คุณแม่ รวมถึงคุณครูเคยสอนอยู่เสมอว่า เป็นตัวของเราดีที่สุด แค่ทำไม่ให้คนอื่นเดือดร้อนแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
  
   ถ้าจะให้พูดแบบไม่เหน่อ ก็พูดได้นะ แต่ขอแค่สั้นๆ ให้พูดยาวๆ นานๆ จะต้องดัดเยอะ จะรู้สึกเครียด ไม่ใช่ตัวของตัวเอง กลับไปถึงบ้านอาจจะเป็นไข้ได้ (ยิ้ม)
  
   - เหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องไปดูพุ่มพวง?
  

   เพราะว่าทุกคนได้ยินเพลงของพุ่มพวงมาตลอด บางคนเป็นแฟนเพลงด้วย หนังเรื่องนี้มีเรื่องราวใหม่ๆ ของแม่ผึ้งที่น่าสนใจ แม่ผึ้งทิ้งผลงานมากมายไว้ในใจคนไทย อยากให้มาดูเบื้องหลัง ชีวิตที่นอกเหนือจากบนเวที ดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
  
   "หนังเรื่องนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่มีความฝัน"

  
  

   หน้า 17,มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม 2554





http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1311481751&grpid=01&catid=&subcatid=

http://pad.fx.gs/index.php?topic=2579.0

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.291 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กุมภาพันธ์ 2567 03:43:12