หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๑๙ อัมพชาดก : ศิษย์ผู้เนรคุณอาจารย์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 14 กรกฎาคม 2566 17:33:34 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๑๙ อัมพชาดก ศิษย์ผู้เนรคุณอาจารย์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นลูกชายของพราหมณ์ปุโรหิต ได้หนีตายไปยังเมืองตักสิลา เข้าเรียนพระไตรเพทและศิลปะศาสตร์ในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์จนสำเร็จเป็นบัณฑิต เมื่อสำเร็จเป็นบัณฑิตแล้ว เขาก็ย้ายที่ไปอยู่ตามชนบท เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นถิ่นของคนจัณฑาล คราวนั้นพระโพธิสัตว์เกิดเป็นลูกจัณฑาล แต่เป็นจัณฑาลระดับบัณฑิต เป็นคนที่มีความคิดความอ่านเฉลียวฉลาดรอบรู้มนต์คาถา บัณฑิตจัณฑาลมีวิชาดีอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้เลี้ยงครอบครัวและสามารถประกอบเป็นอาชีพได้อีกด้วย บัณฑิตจัณฑาลรอบรู้มนต์คาถานี้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นมนต์ที่ทุกคนต่างก็ต้องการนั่นคือคาถาเสกมะม่วง ทุกๆ วัน บัณฑิตจัณฑาลจะตื่นนอนแต่เช้าออกจากบ้านเข้าไปในป่าเสกมะม่วงเพื่อไปขาย เมื่อขายเสร็จแล้วก็นำมะม่วงไปฝากครอบครัวด้วย เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้เรื่อยมาอย่างมีความสุข บัณฑิตหนุ่มลูกชายของปุโรหิตรู้ว่าบัณฑิตจัณฑาลมีคาถาดีเช่นนี้แล้ว เขาจึงอยากเสนอตัวไปเป็นลูกศิษย์เพื่อเรียนวิชามนต์วิเศษเอาไว้เป็นวิชาติดตัว เขาก็เที่ยวไปหาบัณฑิตจัณฑาลเพื่อที่จะฝากตัวเป็นศิษย์ หวังให้บัณฑิตจัณฑาลสอนวิชาให้ บัณฑิตจัณฑาลดูท่าทางลูกชายปุโรหิตแล้วไม่ไว้วางใจ จึงไม่สอนมนต์ให้ แต่ลูกชายปุโรหิตยังไม่ลดละความตั้งใจ จึงไปช่วยงานบัณฑิตจัณฑาลอย่างขยันขันแข็งและสม่ำเสมอตลอดมา ต่อมาเมียของบัณฑิตจัณฑาลคลอดลูก ลูกชายปุโรหิตก็ไปช่วยงานแบ่งเบาภาระเป็นอย่างดี เมียของบัณฑิตจัณฑาลเห็นความตั้งใจพยายามของลูกชายปุโรหิตจึงอ้อนวอนขอร้องบัณฑิตจัณฑาลช่วยสอนมนต์คาถานี้ให้แก่เขาด้วยเถิด บัณฑิตจัณฑาลจำต้องรับปากสอนวิชาให้แก่ลูกชายปุโรหิตด้วยความจำยอมแล้วจัณฑาลยังบอกกับเขาว่า “มนต์คาถานี้ ถ้าใครถามว่าต้นตำรับมาจากไหน เจ้าจงอย่าปิดบัง แล้วให้เจ้าจงตอบเขาไปว่ามาจากป่า ถ้าเจ้าปิดบังที่มา มนต์คาถานี้จะเสื่อมลงไปในทันที” จากนั้นเขาก็รับปากบัณฑิตจัณฑาลผู้เป็นอาจารย์ เมื่อเขาได้ศึกษาวิชาจนเชี่ยวชาญแล้วก็ออกเดินทางเข้าสู่เมืองพาราณสี หวังเอาวิชาที่ได้มาทำมาหากิน ครั้งหนึ่งที่เมืองพาราณสี คนเฝ้าสวนหลวงไปซื้อมะม่วงจากลูกชายปุโรหิต เพื่อไปถวายให้แก่พระเจ้าพรหมทัต เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้ทรงเสวยมะม่วงก็ติดใจในรสชาติที่หอมหวาน ทรงรับสั่งให้คนเฝ้าสวนหลวงนำมะม่วงมาถวายอีก ยิ่งกินยิ่งอร่อย ยิ่งอร่อยยิ่งกิน พระองค์ทรงรับสั่งให้หาที่มาของมะม่วงต้นนี้ว่ามาจากไหน คนสวนจึงบอกว่าได้มาจากลูกชายปุโรหิต พระเจ้าพรหมทัตรู้เช่นนั้นแล้วทรงรับสั่งให้ลูกชายปุโรหิตเข้าเฝ้า แล้วทรงถามเขาเรื่องราวของมะม่วงว่าปลูกอย่างไรจึงได้มะม่วงดีอร่อยเช่นนี้ บัณฑิตหนุ่มตอบว่า “มะม่วงนี้เกิดขึ้นด้วยอาศัยมนต์วิเศษของข้าพระองค์เอง พระเจ้าข้า” รุ่งขึ้นพระเจ้าพรหมทัตตรัสบอกให้คนเฝ้าสวนไปเรียกลูกชายปุโรหิตมาเข้าเฝ้าอีก แล้วสั่งให้เขาแสดงให้ดูที่สวนหลวง ลูกชายปุโรหิตร่ายมนต์ชี้คาถาไปที่ต้นมะม่วง จากนั้นมะม่วงดิบก็กลายเป็นมะม่วงสุกส่งกลิ่นหอมหล่นมาจากต้น แล้วเกิดความพึงพอใจแก่พระเจ้าพรหมทัตเป็นอันมาก พระเจ้าพรหมทัตทรงตรัสถามถึงอาจารย์ผู้ให้วิชาแก่บัณฑิตหนุ่ม เขาจึงตอบว่า “ขอเดชะ มนต์คาถานี้ข้าได้ร่ำเรียนมาจากสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในเมืองตักสิลา” พระเจ้าพรหมทัตได้ยินก็ทรงชื่นชมว่าได้ร่ำเรียนมาจากที่ที่มีชื่อเสียง ทรงรับลูกชายปุโรหิตเข้าทำงานอยู่ในพระราชวัง ทันใดที่เขาพูดจบมนต์คาถาก็เสื่อมลงทันที วันรุ่งขึ้น พระเจ้าพรหมทัตได้สั่งให้เขาเสกมะม่วงให้ดูอีกครั้ง เขารู้สึกไม่มั่นใจในคาถาเลย เพราะคำตอบที่เขาทูลให้แก่พระเจ้าพรหมทัตนั้น เป็นคำตอบที่ไม่สัตย์ซื่อ ทันใดนั้น เขาเสกคาถาไปที่ต้นมะม่วงเหมือนเดิม แต่แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระเจ้าพรหมทัตจึงถามว่า “ทำไมไม่มีมะม่วงเหมือนเดิม” เขารู้ในใจแล้วว่ามนต์เสื่อม จึงทูลตอบพระเจ้าพรหมทัตว่า “ข้าพระองค์ต้องหาฤกษ์ก่อน” “แล้วทำไมเมื่อวานไม่ต้องหาฤกษ์” พระเจ้าพรหมทัตทรงถามต่อ ลูกชายปุโรหิตคิดในใจว่าเราบอกความจริงไปเลยดีกว่า ขืนยังพูดเท็จออกไปมากกว่านี้ อาจจะโดนพระราชอาญา ลูกชายปุโรหิตจึงทูลตอบว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่จริงบัณฑิตจัณฑาลเป็นอาจารย์สอนมนต์วิเศษนี้ให้แก่ข้าพระองค์ เขาได้สั่งไว้ว่า ถ้าใครถามถึงอาจารย์ผู้ให้วิชา ก็ให้บอกความจริงไป ถ้าข้าพระองค์ปิดบังชื่ออาจารย์ ทำให้มนต์คาถาเสื่อม และเมื่อวานนี้ข้าพระองค์ทูลเท็จต่อพระองค์ มนต์คาถาก็เลยเสื่อมไป” พระเจ้าพรหมทัตได้ยินเช่นนั้นแล้วพิโรธ ทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่เฆี่ยนตีชายที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณของอาจารย์ และทรงสั่งสอนกับเขาว่า เจ้ามีของดีอยู่ในตัว ถึงแม้อาจารย์ผู้สอนเจ้าจะเป็นใครมาจากไหน เจ้าจะไปสนใจทำไม เจ้านี่มันช่างโง่จริงๆ ทรงตรัสเสร็จแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่เนรเทศออกนอกเมืองแล้วไม่ให้กลับเข้ามาอีก จากนั้นเขาก็เดินโซเซออกจากเมืองไปหาอาหาร ลูกชายปุโรหิตเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้อาจารย์ฟังแล้วขอเรียนมนต์ใหม่อีกครั้ง บัณฑิตจัณฑาลไม่ยอมสอนมนต์ให้กับคนไม่ซื่อ และท่านก็เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้อยู่แล้วจริงๆ สุดท้ายบัณฑิตจัณฑาลก็ไล่ลูกชายปุโรหิตออกจากบ้านไป จากบัณฑิตที่เคยดูดีมีภูมิฐานตอนนี้กลายเป็นยาจกขอทานเพราะความไม่ซื่อสัตย์นั่นเอง นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ศิษย์เนรคุณอาจารย์ ไม่มีวันจะได้ดี” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติฯ เขาเคยทำความดี เขาเคยทำประโยชน์ให้มาก่อน แต่ไม่รู้สำนึกในบุญคุณของเขา ภายหลังเมื่อตนเกิดเรื่องจำเป็นขึ้นมา ก็จะหาคนช่วยเหลือไม่ได้ (๒๗/๙๐) ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดย ธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม |