หลวงพ่อสิน จันทสโร
อดีตพระเกจิเมืองอุทัยวัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี "พระครูอุทัยธรรมวินิต" หรือ "หลวงพ่อสิน จันทสโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองเต่า อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง
ทั้งยังเป็นพระอาจารย์หลวงพ่อเคลือบ สวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ด้วย
มีนามเดิมว่า สิน เคยเหล่า เป็นชาวอุทัยธานีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.2403 ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ที่บ้านหนองเต่า อ.น้ำซึม (อ.เมือง ปัจจุบัน) จ.อุทัยธานี ครอบครัวประกอบอาชีพกสิกรรม
เมื่อเยาว์วัย อายุสมควรที่จะศึกษาเล่าเรียนได้ บิดา-มารดาพาไปเรียนที่วัดหนองเต่า ครั้นได้ศึกษาอักขระหนังสือไทยพออ่านออกเขียนได้แล้ว ศึกษาอักษรขอมต่อจนอ่านออก เขียนได้พอสมควรแล้ว ท่านได้หยุดเรียนไปช่วยบิดา-มารดาประกอบอาชีพจนมีครอบครัว
พออายุ 25 ปี ท่านละเพศฆราวาส เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดหนองเต่า อ.น้ำซึม จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2427 มีพระครูสุนทรมุนี (หลวงพ่อ เจี้ยม) วัดทุ่งนาไทย เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี รูปแรก เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ขำ วัดหนองเต่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาแจง วัดทุ่งนาไทย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "จันทสโร"
หลังอุปสมบทแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองเต่า ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ 2 พรรษา จากนั้นลาพระอาจารย์ไปศึกษาเล่าเรียนมูลบทกัจจายน์และธัมมปทัฏฐกถา ในสำนักวัดสำโรง แขวงอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ท่านศึกษาเล่าเรียนกับพระสุนทรมุนี (ใจ คังคสโร) และพระอาจารย์อินทร์ ซึ่งได้เล่าเรียนอยู่ 4 พรรษา
จากนั้น กลับมาอยู่ที่วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (วัดทุ่งแก้ว) เป็นอาจารย์สอนมูลบทกัจจายน์ให้แก่พระภิกษุ-สามเณรและศิษย์วัด
ต่อมา พระเมธาธรรมรส (ท้วม) เจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ แต่งตั้งหลวงพ่อสินเป็นฐานานุกรมในพระครูอุทานธรรมนิเทศหรือพระสุนทรมุนี (ใจ) เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2442 เป็น "พระสมุห์" ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระปลัด" ในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ.2451 ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหนองเต่า อ.น้ำซึม จ.อุทัยธานี และวันที่ 27 มี.ค.2453 พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ) เจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ ได้แต่งตั้งท่านให้เป็น "พระครูเจ้าคณะแขวงทัพทัน และเป็นพระอุปัชฌาย์"
พ.ศ.2467 ในรัชกาลที่ 6 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม "พระครูอุทัยธรรมวินิต เจ้าคณะแขวงทัพทัน"
พระครูอุทัยธรรมวินิต เป็นผู้ที่มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนา เอาใจใส่ในการศึกษาเล่าเรียน ทั้งการปฏิบัติและการบริหาร เคยเป็นอาจารย์สอนพระธรรมวินัยและมูลบทกัจจายน์ให้แก่พระภิกษุสงฆ์-สามเณรและศิษย์วัดทุ่งแก้ว ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้มีอัธยาศัยเยือกเย็น กว้างขวาง โอบอ้อมอารีจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชน
วัตถุมงคลเด่นเป็นที่เลื่องลือของท่าน ได้แก่ เหรียญเสมา ปี 2470 และพระปิดตาเนื้อปรอท ปัจจุบันราคาเช่าบูชาอยู่ระดับสูงมาก
สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้จีรัง วันที่ 5 ก.พ.2477 เวลาพลบค่ำ หลวงพ่อสินในวัยชรา เกิดเป็นลมหน้ามืดพลัดตกกุฏิลงไป บรรดาศิษย์ได้นำส่งแพทย์รักษาอยู่ 13 วัน แต่อาการไม่ทุเลากลับทรุดลงเรื่อยๆ
วันที่ 27 ก.พ.2477 เวลา 20.45 น. หลวงพ่อสิน ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 75 ปี พรรษา 51
เหลือไว้เพียงคุณงามความดี และวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่า
อริยะโลกที่ 6