พิมพ์หน้านี้ - มีกิเลสบาปหรือไม่บาป

(http://album.taklong.com/addons/albums/images/160241427.jpg)

(http://image.ohozaa.com/ig/fb51b6e8f6.gif)

(http://image.ohozaa.com/i7/213479829.jpg)

(:LOVE:)สดใส ร่าเริงได้ ขณะมีอายุได้ 100 ปีวัยโจ๋แล้วเรา (:LOVE:)

{ถาม}.................กิเลสไม่ได้เป็นบาปเสมอไปใช่หรือไม่ ? เช่น อยากบรรลุธรรม อยากเป็นโพธิสัตว์อยากเป็นพระพุทธเจ้า

{ตอบ}...................การกระทำอะไรก็ตามที่จะเป็นบาป หรือ ไม่เป็นบาปนั้นต้องพิจารณาว่า บาป

คืออะไร ? บาป คือ สภาพจิตที่เป็นอกุศลเป็นอกุศลธรรมเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี

ไม่งามให้ผลเป็นทุกข์ขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้นขณะนั้นเป็นบาปมีกิเลสเกิดขึ้นทำ

กิจหน้าที่อกุศลจิตที่เกิดขึ้นย่อมเป็นไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคลถ้าหากว่า

มีการล่วงออกมาเป็นทุจริตกรรมเบียดเบียนผู้อื่นเป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์ย่อม

เป็นอกุศลที่มีกำลังบาปย่อมมีแก่ผู้กระทำเท่านั้นย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำขณะที่

อกุศลจิตเกิดขึ้นย่อมมีกิเลสซึ่งเป็นอกุสลเจตสิกประการต่าง ๆ เกิดร่วมด้วยทุกครั้ง

ตามประเภทของ{อกุศลจิต}นั้น ๆ

เมื่อกล่าวโดยกว้าง ๆ แล้วบาปโดยทั่วไปหมายถึง การกระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่เรียกว่า อกุศลกรรมบถ ๑๐ เช่น ฆ่าสัตว์ลักทรัพย์

เป็นต้นผู้มีปกติทำบาปย่อมเดือดร้อนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าดังพระพุทธพจน์

บทหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้าว่า...............................

ผู้มีปกติทำบาปย่อมเดือดร้อนในโลกนี้

ละไปแล้วย่อมเดือดร้อนเขาย่อมเดือดร้อน

ในโลกทั้งสองเขาย่อมเดือดร้อนว่า

กรรมชั่วเราทำแล้วไปสู่ทุคติย่อมเดือดร้อนยิ่งขึ้น

แต่บางขณะแม้ว่าจิตเป็นอกุศล ก็ไม่ใช้ว่าทำบาป เช่น ความยินดีพอใจ ในรูป

เสียง กลิ่น รส ที่ดีที่น่าพอใจ เป็นอกุศลธรรมที่สะสมแต่ไม่ก่อให้เกิดวิบาก

กรณีที่ใช้คำว่า(อยากเป็น)ควรที่จะได้พิจารณาที่สภาพจิตถ้าหากว่ามีความ

ประสงค์ที่จะอบรมเจริญปัญญามีความตั้งใจมั่นในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

สะสมปัญญาไปตามลำดับไม่ใช่บาปไม่ใช่อกุศลแต่ถ้าเต็มไปด้วยความติดข้อง

ต้องการย่อมไม่พ้นไปจากโลภะเป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล ปัญญาไม่ได้มีเพราะความ

อยากแต่มาจากการอบรมทีละเล็กทีีละน้อยดังนั้นเมื่อมีความเข้าใจพระธรรมตามลำดับ

ความกังวลใจในเรื่องต่าง ๆ ก็จะ

ลดน้อยลงตามกำลังของความเข้าใจและจะมีความมั่นคงในการทำความดี(เจริญ

กุศลทุก ๆ ประการ)เพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง

ท่านจงดูปัญญานี้ของพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย

ดังไฟอันรุ่งเรืองในเวลาพลบค่ำ

พระตถาคตเหล่าใด

ย่อมกำจัดความสงสัยของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย

ผู้มาเฝ้าถึงสำนักของพระองค์

พระตถาคตเหล่านั้นย่อมชื่อว่า

เป็นผู้ให้แสงสว่างเป็นผู้ให้ดวงตา

ข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถาเล่ม 2 ภาค 3 ตอน 1 หน้าที่ 63

(:LOVE:)กังขาเรวตเถรคาถา (:LOVE:)

http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn)

http://twitter.com/soka45 (http://twitter.com/soka45)

http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/)

......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ...............................

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma

ข้อมูลนี้มาจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา บ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 27 พฤษภาคม 2554 16:00:05