ยังเถียงกันไม่เสร็จ ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร
แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา? ไม่เห็นมีสักประโยค
เขียนย้ำให้ดูแล้ว ยังไม่ดูอีก คราวนี้ขีดเส้นใต้ และแยกให้เห็นชัดๆด้วย ดูซิว่าคุณจะฉลาดขึ้นไหม
พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “
หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”หลวงตามหาบัว บอกว่า (นิพพาน)เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด (ก็คือถูกนั่นเอง)
หลวงตามหาบัว บอกว่า แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” เพราะอัตตาที่ตรงข้ามกับอนัตตา คืออัตตานุทิฏฐิ
เห็นมีแต่พูดว่า
นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา
ไปอ่านบทความของหลวงตาแล้วมาถามผมดีกว่า นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง = จิตบริสุทธิ์ที่เรียกว่าใจ สิ่งนี้ไม่เคยตาย ไม่เคยเกิด มันดำรงอยู่ชั่วนิรันดร จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อัตตา
ส่วนจิตที่ไม่บริสุทธิ์นั้น มันตาย แล้วไปรับผลบุญบาปในปรโลก เสร็จแล้วก็ตาย(จุติ)จากปรโลก แล้วก็กลับมาเกิดตายในโลกซ้ำไปซำมาอีก จิตไม่บริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น = อนัตตา
อนัตตลักขณะสูตร กล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า
แล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา
ขันธ์นี้จะมั่ว กล่าวอะไรก็ได้
ถูกต้องที่สุด อนัตตลักขณะสูตรกล่าวถึงลักษณะขันธ์ห้า
แต่ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร และตอนสุดท้ายของเรื่อง พระพุทธองค์กล่าวถึงอัตตา และให้ผู้เข้าถึงธรรม สามารถตีความได้ว่า นิพพานเป็นอัตตา
ตอนต้นเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ถ้ารูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้
จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูปว่า รูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะรูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)เป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ตอนท้ายเรื่องของอนัตตลักขณะสูตร พระพุทธองค์ถามปัญจวัคคีว่า
"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา" ผู้รู้แจ้งแล้ว จะสามารถตีความออกว่า "ก็สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"
ผู้รู้แจ้งแล้วย่อมตอบว่า: ข้อนั้นสมควรเลยพระพุทธเจ้าข้า = อัตตา ในความหมายว่า เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือ จิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์
จิตบริสุทธิ์และอายตนะที่มันสร้างขึ้น(อายตนะนิพพาน) = อัตตาแล้วคุณหนูphonsak เอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา คุณหนูphonsak คนนี้จะไม่ตอบคุณว่าเอาขันธ์ อะไร มากล่าวว่าเป็นอัตตา แต่จะให้พระอวโลกิเตศวร และพระพุทธเจ้า มาตอบคุณเองว่า ขันธ์อะไรที่เป็นอัตตา
พระอวโลกิเตศวร : ธรรมกาย คือ อายตนะนิพพาน พระพุทธเจ้า : ธรรมกาย เป็น อัตตา
http://www.dhammakid.com/board/ado1oa-io/adicaaoaeca-aaaoa-xi-ioa1d1oo1-adoaeo-aaaoa-ac1-ino/ฉะนั้น เอาขันธ์อมพระไว้ในปาก มาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก
คุณเป็นบัวที่อยู่ไม่พ้นน้ำ เพราะทิฏฐิมานะของคุณเอง ที่ต้องการเอาชนะคะคานผมให้ได้ เมื่อคุณไม่ถอนทิฏฐิมานะตัวนี้ หันมาฟังธรรมจากผม ต่อให้พระพุทธเจ้าลงมาสอนตรงหน้าคุณ คุณก็ไม่เชื่อ เช่นเดียวกับกามนิต ที่พระชราสอนให้ทุกอย่าง เขาเห็นธรรมแล้ว แต่ยังต้องการพบพระพุทธเจ้าอีก
พระพุทธเจ้าไม่มีขันธ์ 5 แล้ว แต่พระองค์ท่านลงมาสอนคุณได้ โดยอาจจะผ่านขันธ์ 5 ของผมก็ได้นะครับ ผมที่กำลังอยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละ