หลวงปู่พุ่ม วัดบางโคล่นอก
ยอดเกจิอภินิหาร-เหรียญมหาอุด ในสมัยรัชกาลที่ 5-8 มีพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชนอยู่หลายองค์ และต่างก็มีความเชี่ยวชาญในไสยศาสตร์แต่ละวิชาที่ท่านได้เรียนมา
ตั้งแต่สะพานกรุงเทพลงไป พระอาจารย์ในสมัยนั้นที่นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปเห็นจะมีอยู่ 2องค์ ฝั่งธนบุรีได้แก่ “หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก” เขตราษฎร์บูรณะ ส่วนฝั่งกรุงเทพฯได้แก่ “หลวงปู่พุ่ม วัดบางโคล่นอก” เขตยานนาวา ซึ่งต่างก็มีศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก ที่ได้ไปขอความช่วยเหลือหรือพระเครื่องรางของขลัง ท่านทั้งสองเป็นพระเกจิอาจารย์ซึ่งเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จเตี่ย” ทรงให้ความเคารพศรัทธา และทรงได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมขลังด้วย และเป็นสุดยอดคณาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ที่วัดราชบพิธ เมื่อปีพ.ศ.2481
หลวงปู่พุ่ม เกิดในสกุล “รัตนรังษี” เมื่อปี พ.ศ. 2400 สมัยรัชกาลที่ 5 ตามประวัติที่มีผู้เล่าสืบกันมาว่าท่านเป็นคนในบ้านบางโคล่ หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า แขวงบางโคล่ เขตยานนาวา ที่กล่าวว่าท่านเกิดในท้องที่นี้ ก็เพราะว่าญาติพี่น้องของท่านอยู่ในบริเวณนี้ และได้ถึงแก่กรรมในที่เดียวกันนี้ โดยเฉพาะพี่สาวของท่านถึงแก่กรรมเมื่อมีอายุถึง 104 ปี
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทที่วัดไทร แขวงบางโคล่ เขตยานนาวา ได้เรียนพระธรรมวินัยและวิปัสสนากรรมฐานมาตั้งแต่ต้นจนมีความรู้ดีพอสมควร ส่วนในด้านปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานนั้น ท่านมีความเชี่ยวชาญมากรูปหนึ่ง ได้อยู่จำพรรษาที่วัดไทรเป็นเวลาหลายปี จนได้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดนี้ ต่อมาท่านได้ย้ายไปอยู่วัดบางโคล่นอก
ตามหลักฐานที่ค้นพบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ วันที่ 4 ก.ค. 2461 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางโคล่นอก และในระยะ 2-3 ปี ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระปลัด ไม่ทราบว่าเป็นฐานานุกรมของพระเถรรูปใด วันที่ 12 ธ.ค. 2464 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูรัตนรังษี” วันที่ 9 ม.ค. 2465 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ในขณะนั้นท่านมีอายุ 65 ปี 45 พรรษา
คนเฒ่าคนแก่หลายท่านได้กล่าวยืนยันว่า หลวงปู่พุ่ม เป็นอาจารย์รุ่นเดียวกับ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ซึ่งมีชื่อเสียงควบคู่กันมาคนละฝั่งคลอง โดยเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในไสยศาสตร์มากรูปหนึ่ง ยามว่างท่านจะนั่งวิปัสสนาในที่มืด ๆ เพื่อทำจิตให้สงบ อุปนิสัยของท่านเป็นพระเคร่งขรึม ใครถามคำ ก็จะพูดคำ แต่มีเมตตาสูงต่อบุคคลทั่วไป เมื่อใครประสบความทุกข์เดือดร้อน ก็จะช่วยปัดเป่าให้หาย จึงมีประชาชนทั้งใกล้และไกลไปขอความช่วยเหลือมิได้ขาด วัดบางโคล่นอกในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ นับว่าเป็นวัดที่เจริญมาก จะเห็นได้ในการสร้างอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดในแทบนั้น
แม้แต่ผู้ที่อยู่ในเขตอ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ยังมาร่วมงานที่วัดเป็นประจำ จนกลายเป็นวัดที่มีความคึกคักและเนืองแน่นไปด้วยสาธุชนผู้มีศรัทธาทั้งหลาย
หลวงปู่พุ่ม มีวิชาความรู้ที่นับว่าเยี่ยมอยู่อย่างหนึ่งคือ การรักษาผู้ที่ถูกอสรพิษกัด บางคนถูกกัดจนสลบนิ่งไป ทางญาติเตรียมนำไปเผา ท่านสามารถช่วยจนกลับฟื้นคืนชีพได้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก
ในสมัยที่ยังมีชีวิตได้สร้างพระเครื่องไว้ 3 อย่าง เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่เคารพนับถือ ได้แก่ เหรียญรูปเหมือนแบบรูปไข่ ปี2477 ฉลองอายุ 77 ปี ข้างหน้าเป็นรูปตัวท่านครึ่งองค์ ข้างหลังเป็นยันต์ ซึ่งมีประสบการณ์ทางแคล้วคลาดและมหาอุดอย่างมาก แรกๆที่เหรียญออกมาใหม่ มีเด็กห้อยคอแล้วตกน้ำไม่จม อีก 2 อย่างคือ “แหวนนพเก้า และมงคลสามสาย”ภายหลังท่านมรณภาพ ลูกศิษย์ลูกหาได้สร้าง“ผ้ายันต์กันไฟ” แจกเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งผ้ายันต์นี้มีประสบการณ์อยู่เป็นประจำ
เรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารอันน่าอัศจรรย์ของท่านนั้นมีอยู่มากมายหลายเรื่อง
ท่านได้ปลูกต้นมะม่วงไว้ต้นหนึ่งที่ใกล้อุโบสถ ยามว่างก็ไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานใกล้ต้นมะม่วงนั้น โดยนั่งหลับตา ภาวนาอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งมีพวกรถรางหลายคนไปที่วัด เห็นท่านกำลังภาวนาอยู่ก็อยากจะกินมะม่วง จึงคิดจะเก็บ ทันใดนั้นท่านก็กล่าวขึ้นว่า “ของเขามีเจ้าของ เมื่อจะกินก็ต้องบอกเสียก่อน” ทุกคนที่ไปนั้นต่างตกตะลึง ไม่คิดว่าท่านจะทราบ เพราะเห็นนั่งหลับตาอยู่ แล้วรู้ได้อย่างไร และยังไม่ได้เก็บด้วยซ้ำไป กลายเป็นว่าได้สร้างศรัทธามากขึ้น
พระภิกษุสามเณรที่บวชกับท่าน หรือขอลาสิกขากับท่านเพื่อไปเป็นฆราวาส ท่านจะจัดการให้ทุกคน แต่ท่านจะขอเพียงอย่างเดียวว่า ห้ามดื่มสุราเป็นอันขาด บางคนไม่เชื่อฟังตามที่ท่านขอไว้ ไปดื่มสุราเข้า ไม่ช้าก็ถูกยิงตาย ซึ่งเป็นที่เล่าลือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้
หลวงพ่อพุ่มมรณภาพเมื่อปีพ.ศ.2489 สิริอายุได้ 89 ปี 69 พรรษา น่าอัศจรรย์ที่มีตัวเลขลงท้ายด้วยเลข 9 ทั้งสิ้น
ที่มา: เพจเรื่องเล่าชาวสยาม / เว็บมงคลพระ