[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 09 มกราคม 2567 17:25:59



หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๔๒ ตุณฑิลชาดก : ลูกสุกรกับหญิงชรา
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 มกราคม 2567 17:25:59

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg)

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๔๒ ตุณฑิลชาดก
ลูกสุกรกับหญิงชรา


         ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพฺธิสัตว์ได้เกิดในท้องของแม่สุกร แม่สุกรท้องแก่ครบกำหนดแล้วคลอดลูกออกมา ๒ ตัว
          อยู่มาวันหนึ่งมันพาลูก ๒ ตัวนั้นไปนอนที่หลุมแห่งหนึ่ง หญิงชราคนหนึ่งมีบ้านใกล้ประตูนครพาราณสี เก็บฝ้ายมาได้เต็มกระบุงจากไร่ฝ้ายเดินเอาไม้เท้ายันเดินมา แม่สุกรได้ยินเสียงนั้นแล้ว ทิ้งลูกน้อยหนีไปเพราะกลัวตาย หญิงชราเห็นลูกสุกรรู้สึกสงสารอย่างลูก จึงเอาใส่กระบุงไปถึงเรือน แล้วตั้งชื่อตัวพี่ว่ามหาตุณฑิละ ตัวน้องว่า จุลตุณฑิละ เลี้ยงดูมันเหมือนลูก
          ในเวลาต่อมามันเติบโตขึ้น ได้มีร่างกายอ้วน มีคนมาซื้อหลายครั้งหญิงชราก็ไม่ยอมขาย โดยบอกว่ามันเป็นลูกของฉัน ฉันไม่ขายให้ใครทั้งนั้น
          อยู่มาวันหนึ่ง มีพวกดื่มเหล้ามาขอซื้อหมูไปย่างกินแกล้มเหล้า ยายก็ไม่ยอมขาย แต่พอถูกเขารบเร้าหนักเข้า ก็ยอมขายไปตัวน้องไป คือ จุลตุณฑิละ  
          เนื่องจากยายเลี้ยงแบบปล่อย ไม่ได้ขังคอกไว้ การจับตัวได้จึงต้องเอาอาหารมาล่อ
          วันนั้น ยายร้องเรียกจุลตุณฑิละให้มากินอาหาร มหาตุณฑิละได้ยินแล้วรู้สึกผิดสังเกต เพราะปกติยายจะเรียกชื่อตนก่อน แต่วันนี้กลับเรียกจุลตุณฑิละ คิดว่าวันนี้คงจะมีภัยเกิดขึ้นเป็นแน่ จึงเรียกน้องชายมาหา กล่าวถึงภยันตรายที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า แล้วปลอบโยนมิให้หวาดกลัว มหาตุณฑิละกล่าวกับจุลตุณฑิละว่า “แม่ของเราเลี้ยงหมูไว้เพื่อประโยชน์อะไร ประโยชน์อันนั้นในวันนี้ก็ได้ถึงที่สุดแล้ว”
          ผู้น้องทำท่าจะหนี แต่ผู้พี่บอกว่าไม่ต้องหนี เพราะจะหนีอย่างไรก็คงไม่พ้น ทั้งสองเดินไปที่รางอาหาร แล้วผู้พี่ก็กล่าวขึ้น “น้องเอ๋ย! อย่าได้คิดหนีเลย เขาขุนเรามาก็เพื่อต้องการเนื้อนี่แหละ พอโตกินได้ เขาก็ต้องขายเป็นธรรมดา เจ้าอย่าได้หวาดกลัว ไม่ต้องหนีไปไหน ไม่มีใครที่ไหนช่วยได้หรอก เจ้าจงลงสู่ห้วงน้ำที่ไม่มีโคลนตมชำระล้างเหงื่อไคลทั้งหมด ทาด้วยเครื่องลูบไล้ใหม่ ซึ่งมีกลิ่นหอมไม่ขาดหายมาแต่ไหนแต่ไร”
          น้องชายสงสัยถ้อยคำที่พี่กล่าวจึงถามว่า “ห้วงน้ำอะไรหนอที่ไม่มีโคลนตม? อะไรหนอเรียกว่าเหงื่อไคล? อะไรเรียกว่าเครื่องลูบไล้ใหม่? กลิ่นอะไรไม่ขายหายมาแต่ไหนแต่ไร?”
          มหาตุณฑิละกล่าวว่า “ห้วงน้ำคือพระธรรมไม่มีโคลนตม บาปเรียกว่าเหงื่อไคล และศีลเรียกว่าเครื่องลูบไล้ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมากลิ่นของศีลนั้นไม่ขาดหายไป เหล่าชนผู้ไม่รู้ ผู้ฆ่าสัตว์กินเป็นปกติ จะเพลิดเพลินใจ ส่วนผู้รักษาชีวิตสัตว์ไม่ฆ่าสัตว์เป็นปกติ จะไม่เพลิดเพลินใจ เมื่อวันเดือนเพ็ญมีพระจันทร์เต็มดวงแล้ว เหล่าชนผู้รื่นเริงใจอยู่เท่านั้นจึงจะสละชีพได้”  
          ประชาชนต่างส่งเสียงปรบมือและชูผ้า ทั่วถนนท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงสาธุการ
          พระเจ้าพาราณสีทรงบูชามหาตุณฑิละด้วยราชสมบัติ ประทานยศแก่หญิงชรา ทรงรับเอาสุกรทั้ง ๒ ตัวไว้ ทรงให้อาบน้ำด้วยของหอม ให้ห่มผ้า ให้ไล้ทาด้วยของหอมเป็นต้น ให้ประดับด้วยแก้วมณีที่คอ แล้วทรงนำเข้าไปสู่พระนคร สถาปนาไว้ในตำแหน่งราชบุตร ทรงประคับประคองด้วยบริวารมาก
          มหาตุณฑิละได้ให้ศีล ๕ ศีล ๑๐ ทุกคน  ฝ่ายมหาสัตว์ได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่านั้นทุกวัน เมื่อมหาสัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ขึ้นชื่อว่าการโกงไม่มีแล้ว ในกาลต่อมาพระราชาสวรรคต ฝ่ายมหาสัตว์ให้ประชนถวายพระเพลิงพระสรีระพระองค์ แล้วให้จารึกคัมภีร์วินิจฉัยคดีไว้แล้วบอกว่า ท่านทั้งหลายต้องดูคัมภีร์นี้ พิจารณาคดี แล้วแสดงธรรมแก่มหาชน โอวาทด้วยความไม่ประมาท แล้วเข้าป่าไปพร้อมกับจุลตุณฑิละ ทั้งๆ ที่คนทั้งหมดพากันร้องไห้และคร่ำครวญอยู่นั่นเอง โอวาทของมหาตุณฑิละครั้งนั้นเป็นไปถึง ๖ หมื่นปี
     

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ธรรมเหมือนน้ำใสใช้ชำระล้างโคลนตมคือบาปกรรม”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ธมฺโม รหโท อกทฺทโม
ปาปํ เสทมลนฺติ วุจฺจติ
สีลญฺจ นวํ วิเลปนํ
ตสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชติ ฯ
ธรรม ท่านกล่าวว่า เป็นห้วงน้ำที่ไร้ตม
บาป ท่านกล่าวว่า เป็นเหงื่อไคลและมลทิน
ศีล ท่านกล่าวว่าเป็นเครื่องสำอางใหม่ๆ กลิ่นของศีลนั้นย่อมไม่จางหาย ไม่ว่าเวลาใด (๒๗/๙๓๓)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดย ธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม