วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวัน “กองทัพไทย” ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นจอมทัพนำทหารเข้าทำการต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศให้รอดพ้นภัยคุกคามจากภายนอก โดยทรงกระทำยุทธหัตถีอย่างกล้าหาญและได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ปรากฏพระเกียรติยศแผ่ไพศาล เกียรติภูมิของกองทัพไทยเลื่องลือไกล
นอกจากจะเป็น “วันกองทัพไทย” แล้ว ในวันที่ 18 มกราคมของทุกปียังเป็น “วันกองทัพบก” ด้วย เดิมกองทัพบก ได้กำหนดให้วันที่ 25 มกราคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นจอมทัพนำทหารหาญเข้าทำการต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศให้รอดพ้นภัยคุกคามจากภายนอก โดยทรงกระทำยุทธหัตถีด้วยความกล้าหาญและได้รับชัยชนะ กองทัพบกจึงถือเอาเหตุการณ์ดังกล่าวกำหนดเป็น “วันกองทัพบก” ตั้งแต่ปี 2494
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเปลี่ยนแปลงวันยุทธหัตถีจากเดิมวันที่ 25 มกราคม เป็นวันที่ 18 มกราคมของทุกปี ตามที่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ใหม่ โดยราชบัณฑิตยสถานและคณะกรรมการเอก ลักษณ์ของชาติ รวมทั้งเป็นไปตามมติสภากลาโหม ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งตำนานและความถูกต้องของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ กองทัพบกจึงถือวันที่ 18 มกราคมเป็น “วันกองทัพบก” ตั้งแต่ปี 2550 เป็น ต้นมา
ทั้งนี้ วันกองทัพบก มีความหมาย อย่างยิ่งต่อกำลังพลของกองทัพบกทุกคนที่จะได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและหน้าที่รวมถึงความเสียสละที่มีต่อสังคมโดยรวม ที่สำคัญยังเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ในการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงกอบกู้เกียรติภูมิและอิสรภาพของชาติร่วมกับเหล่าบรรพชน ทำให้ประเทศไทยมีความเจริญมั่นคงตราบจนทุกวันนี้
จะเห็นได้ว่า จากอดีตจนถึงปัจจุบัน กองทัพไทยได้ปรับปรุงโครงสร้างและระบบงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป กองทัพบก กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศ จะทำหน้าที่ในการเตรียมกำลังและการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อการพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อการพัฒนาประเทศ
หน้าที่ในการป้องกันประเทศ กองทัพไทย ได้จัดกำลังและวางกำลัง เพื่อการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติตั้งแต่ในยามปกติ โดยมีความพร้อมที่จะปรับระดับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในทุกรูปแบบ โดยได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารขึ้นในทุกระดับ เพื่อควบคุมและอำนวย การ การปฏิบัติในการใช้กำลังป้องกันประเทศ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนการรักษาความมั่นคงของรัฐ กองทัพไทย ได้รับมอบหมายให้มีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จึงได้สนธิขีดความสามารถที่มีอยู่จากทุกเหล่าทัพ รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐ เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชนในชาติ อาทิ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลัก ลอบเข้าทำงานโดยผิดกฎหมาย ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพไทยได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
จากกระแสโลกาภิวัตน์ทำให้สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไป ภัยคุกคามได้เปลี่ยนรูปแบบและขยายขอบเขตกว้างขวางมากขึ้น ทำให้กองทัพมีความจำเป็นต้องปรับตนเองเพื่อให้สามารถที่จะ เผชิญกับภัยคุกคามดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกองทัพไทยได้กำหนดทิศทางในภาพรวมของกองทัพในอนาคตไว้ดังนี้
- การปรับปรุงโครงสร้าง การจัดหน่วยและระบบงานให้กะทัดรัด ทันสมัย มีความคล่องตัว และอ่อนตัว เพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติภารกิจได้อย่างหลากหลายโดยสอดคล้องกับสถานการณ์ภัยคุกคามในทุกรูปแบบ ทั้งในปัจจุบันและที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
- การพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลในทุกระดับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยในการปฏิบัติภารกิจทางทหารในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิต ขวัญและกำลังใจของกำลังพลและครอบครัวให้สามารถปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น
- การพัฒนาระบบอาวุธยุทโธป กรณ์และเทคโนโลยีและระบบการบังคับบัญชา การควบคุมและการสั่งการให้มีความทันสมัย สามารถควบคุมบังคับบัญชาและอำนวยการปฏิบัติต่อเหล่าทัพตั้งแต่ยามปกติ เพื่อให้การบริหารงานในสถานการณ์วิกฤติ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการเสริมสร้างความไว้วางใจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ผสมผสานขีดความสามารถ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในลักษณะบูรณาการ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานร่วมกัน
ดังนั้น จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่าไม่ว่าในยามสงบ หรือ ยามที่ประเทศชาติประสบกับวิกฤติการณ์และภัยคุกคามในรูปแบบ ต่าง ๆ กองทัพไทย จะยังคงดำเนินงานตามภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ เป็นกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นกองทัพของปวงชนชาวไทย และเป็นกองทัพที่มีเกียรติ และศักดิ์ศรีในประชาคมโลก ที่จะยึดมั่นในการดำเนินงาน เพื่อสนองตอบต่อพระบรมราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตย และความสงบร่มเย็นให้กับประชาชนชาวไทย และผดุงไว้ซึ่งสันติภาพในภูมิภาคและสังคมโลกไว้ตราบนิจนิรันดร์.
..............
สำหรับวันกองทัพบกประจำปี 2554 นี้ กองทัพบกได้จัดกิจกรรมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอดีตวีรมหากษัตริย์ บรรพบุรุษผู้กล้าหาญ และเหล่าทหารที่ได้เสียสละชีวิต เลือดเนื้อ เพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยให้ดำรงความเป็นชาติที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นมรดกตกทอดมาถึงทุกวันนี้ รวมทั้งเป็นการย้ำเตือนให้ทหารทุกคนได้สำนึกถึงหน้าที่รับผิดชอบในการพิทักษ์อธิปไตยของชาติ และการสร้างความผาสุกให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป
โดยจะมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น พิธีทางศาสนา ณ กองบัญชาการกองทัพบก พิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 พิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี พิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารทั่วประเทศ สำหรับหน่วยทหารในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบพิธี ณ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นประธาน กองทัพบกจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นเกียรติและรับชมการสวนสนามได้ ณ หน่วยทหารทั่วประเทศ หรือติดตามทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และสถานีวิทยุในเครือกองทัพบก ซึ่งจะถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา 15.00 น.
ส่วนวันที่ 20 มกราคม 2554 เวลา 18.00 น. กองทัพบกกำหนดจัดงานเลี้ยงเนื่องในวันกองทัพบก ณ สโมสรทหารบก (วิภาวดี) โดยเรียนเชิญบุคคลสำคัญร่วมเป็นเกียรติในงาน อาทิ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นายกรัฐมนตรี ประธานองค์กรด้านนิติบัญญัติและตุลาการ อดีตผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก คณะรัฐมนตรี และ ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย.
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์