คำว่า
“สะอาด” ชี้เฉพาะไปที่ภาวะธรรมชาติของจิตใจ ซึ่งไม่ถูกแปดเปื้อนหรือถูกครอบคลุมโดยสิ่งใด เรามีสติปัญญาแทงตลอดเข้าไปถึงจิตใจ และเห็นจิตใจอย่างชัดเจน รู้ว่าจิตใจนั้นมีความสมดุล และไม่มีสิ่งใดมากระทบมันได้ นี้คือความสะอาดของจิตใจ ความ
“สว่าง” ของจิตใจเปรียบดั่งแสงที่ส่องสว่างซึ่งช่วยให้เราเกิดความปลอดภัยไม่ว่าเราจะไป ณ ที่ใด ในภาวะแห่งความสว่างแจ่มจรัสนี้ เราเห็นชีวิตจิตใจของเราเองตลอดเวลาทุกๆ นาที ทุกๆ วินาที และทุกๆ ขณะ นี้คือ ความสว่างของจิตใจ ความ “สงบ” หมายถึง
การหยุด ความสิ้นสุดของโทสะ โมหะ โลภะ ความเร่าร้อนปั่นป่วนและ
ความทุกข์ยากทั้งมวลอีกทั้งยังหมายถึงการยุติการแสวงหาวิธีหรือระบบต่างๆ อีกด้วย เราไม่จำเป็นต้องออกเสาะแสวงหาครูอาจารย์อีก เพราะเรารู้อย่างแท้จริง เพื่อตัวเราเอง และในตัวเราเอง เมื่อเรารู้จักจิตใจเราอย่างแท้จริง เรารู้ว่าจิตใจนั้นสะอาด สว่าง และสงบในทุกเวลา
เมื่อเรารู้จักจิตใจ
เราจะรู้ถึงภาวะที่ความทุกข์เกิด และภาวะที่ความทุกข์ดับ เรารู้ความคิดทุกครั้งที่มันคิด เรารู้แม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น และไม่ว่าเราจะเคลื่อนไหวด้วยอิริยาบถใด
เรารู้มันทั้งหมด เรารู้ด้วยการเฝ้าดูโดยปกติธรรมดา โดยไม่จำเป็นต้องพยายามหรือฝืน การรู้นี้เป็นสิ่งที่รวดเร็วมาก มันรวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า ยิ่งกว่าไฟฟ้า และยิ่งกว่าสิ่งใดๆ การรู้เป็นสิ่งเดียวกับปัญญา เป็นสิ่งเดียวกับสติปัญญา สติและสมาธิและปัญญา
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งเดียวกัน ปัญญารอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ แม้แต่ว่าเสียงที่แผ่วเบาที่สุดเกิดขึ้นเราก็รู้ เมื่อลมพัดมาถูกผิวหนังของเราเราก็รู้
ความคิดไม่ว่าจะเกิดในลักษณะอาการเช่นใดเราก็รู้ เมื่อความคิดอยู่ลึกปัญญาก็ลึกด้วย เมื่อความคิดว่องไวกิเลสก็ว่องไวและปัญญาก็ว่องไวด้วย
ไม่ว่าความคิดจะเกิดโดยรวดเร็วเพียงใด ปัญญาจะรู้ความคิดนั้น