~เก็บไว้เตือนใจตัวเอง~
ระหัสชีวิตการเดินทางของชีวิตผู้คนมากมาย ผ่านสุข และทุกข์ หมุนเวียนกันไป
แต่พวกเราเคยสังเกตุใจเราเองหรือไม่ ว่ามีรหัสอะไรอยู่ในนั้น
มีหนังสือมากมายบอกวิธีเรา ว่าทำอย่างไร เราจะรวย
เราจะหล่อเราจะสวย เราจะไม่แก่ รักแร้เราจะไม่ดำ
แต่มีเพียงไม่กี่เล่ม ที่จะแนะนำเราให้เข้าใจชีวิตดีขึ้น
หนังสือที่จะแนะนำ พี่ๆ เพื่อนๆ วันนี้คือ รหัสชีวิต ที่ได้รวบรวม
ประสบการณ์ชีวิตของบุคคลที่มีชื่อเสียง ผู้ซึ่งสามารถหลอมรวม
ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมให้เป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินชีวิต
ในทางโลกได้ อันก่อให้เกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน และ
ชีวิตส่วนตัว ประกอบด้วยบุคคลดังนี้ :
ต้นข้าวคุณศรันย์ ไมตรีเวช นักเขียนเจ้าของนามปากกา "ดังตฤณ"
ผลงานหนังสือ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
***
"ที่ผ่านมาในเมืองไทยคนมักจะนึกถึงภาพ พระ ชี สามเณร
แล้วก็นึกถึงสถานที่ปลีกวิเวกตามป่า ตามเขา นึกถึงภาพการ
เดินจงกลมที่เคร่งครัด นึกถึงการนั่งสมาธิแบบหลับตา ถ้าเรา
มาพูดกับคนที่ทำงานในเมือง พูดอย่างนั้นไม่ได้ เขาไม่มีเวลา
ปลีกวิเวกกัน แต่ในชีวิตประจำวันจริงๆแล้ว ถ้าเราสามารถรู้
เข้ามาว่า ขณะนั้นกำลังมีปฏิกิริยาทางอารมณ์แบบไหนอยู่
เป็นทุกข์ หรือเป็นสุข แค่นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการภาวนา
แล้ว ถ้าพูดแบบนี้คนรุ่นใหม่ก็จะเกิดกำลังใจว่ามันไม่ได้ไกลตัว"
"ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกอย่างต้องไหลมาแต่เหตุเสมอ
ผลต้องไหลมาแต่เหตุ ไม่ใช่อยู่ๆ เกิดขึ้นลอยๆ ไม่มีเหตุ ไม่มี
ที่ไป ทุกอย่างไหลมาแล้วไปสู่จุดจบเพื่อแปรเปลี่ยนไปเป็นสภาพ
อื่นเสมอ แม้แต่ความพอใจและความไม่พอใจที่เรามาเกิดเป็นมนุษย์
แม้แต่เพศ มีกรรมเป็นตัวกำหนดเสมอ"
คุณวิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของธุรกิจนิคมอมตะนคร
***
"ทุกวันนี้เราทุรนทุราย
เพราะเราฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม
อยากได้อะไรโดยไม่ดูกำลังตัวเอง"
"ผมประยุกต์ใช้หลักศาสนากับการทำงานในชีวิตโดย
หลักการของผมง่ายมากคือ ความสำเร็จกับความสุข"
คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง เจ้าของผลงานหนังสือ "เข็มทิศชีวิต"
***
"ความอยากได้ อยากมี
ทำให้แก้วโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยพอ
แต่ถ้ามีน้ำครึ่งแก้ว
แล้วลดขนาดของแก้ว
จนเหลือเพียงหนึ่งในสี่
น้ำก็จะล้นเกินอีกเท่าตัว"
คุณพีระศักดิ์ กลิ่นสุนทร ผู้สืบทอดมรดก นักบุญ
***
"บางทีเหตุผล ก็ไม่สามารถอธิบายได้หมด
คนที่อธิบายได้คือตนเอง อยากรู้ต้องศึกษา
ต้องปฏิบัติ ต้องอ่าน ต้องเรียน
และต้องเข้าถึงได้ด้วยตนเอง"
คุณเพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ เจ้าของสำนักพิมพ์ ณ เพชร
***
"รู้สึกว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรมั่นคง ไม่มีอะไร
เที่ยงแท้ถาวร เมื่อก่อนที่เราไม่มีใครรู้จักก็เป็นทุกข์อย่างหนึ่ง
พอมีกิจการของตัวเองก็เป็นทุกข์อีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ธุรกิจ
ประสบความสำเร็จแล้วก้ขอให้ได้บวช ได้ตายแทบเท้าพระพุทธเจ้า
ทุกอย่างที่เราทำก็น้อมจิตไปทางนี้"
"ทุกวันนี้ใครทำอะไร เราก็คิดว่า เดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว
หยุด แค่นั้นเอง บางทีก็คิดว่า เพราะเขาเป็นทุกข์เขาจึงทำร้ายเรา"
คุณภัทริน ซอโสตถิกุลทายาทธุรกิจในเครือซีคอนสแควร์
และเจ้าของผลงานหนังสือ กล่องบุญ 1 และ 2
***
"ชีวิตคนเราแก่นแท้มีสองเรื่องคือ เรื่องทุกข์ และการดับทุกข์
ซึ่งถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของชีวิต ก็สามารถจะอยุ่ได้อย่าง
มีความสุข ภายใต้องค์ประกอบที่อยู่รายล้อมชีวิตเรา"
"สันโดษ ซึ่งไม่ใช่ไม่เอาทางโลกเลย แต่จะใช้หลักการนี้คู่กับ
อิทธิบาทสี่คือ
ฉันทะ คือความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ทำงานก็ดีใจที่ได้งานที่ตัวเองรัก
วิริยะ ทำด้วยความเพียร ตั้งใจ พยายาม
จิตตะ เอาใจใส่ในสิ่งที่ทำ
วิมังสา ก็พิจารณาว่า เราทำดีหรือยัง มีข้อบกพร่องหรือเปล่า
พิจารณาไต่ตรองในสิ่งที่ทำ แต่ถ้าทำดีที่สุดแล้ว
ก็ต้อง Let it go คือสันโดษ พอใจในสิ่งที่ทำ
ถ้ายังไม่พอใจ ยังอยากมี อยากได้ เข้าข่าย
Perfecttionist ก็จะทุกข์"
ผ.ศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ผู้ถอดรหัสหนังสือ "ธรรมนูญชีวิต"
***
"พุทธศาสนาเน้น สติ เป็นหลัก แต่สติก็ต้องสัมพันธ์กับ
ศรัทธา วิริยะ สมาธิ และปัญญา ดังนั้น ศรัทธาและปัญญา
ต้องไปด้วยกัน ถ้าขาดปัญญาแล้ว ก็จะเป็นความเชื่อง่าย
งมงาย ในที่สุดก้จะแยกถูกผิดไม่ออก แต่ถ้ามีปัญญาแต่
ขาดศรัทธาก็จะกลายเป็นนักปรัชญา นักตรรกศาสตร์ที่คิด
แต่เหตุผลเท่านั้น เพราะปัญญาตัวเดียว ไม่มีอย่างอื่นไป
หล่อเลี้ยง ในที่สุดมันก็จะกลายเป็นปัญญาที่แข็งกร้าว
มุ่งค้นหาหลักความจริงจากความคิด ในที่สุดก็จะเป็นความ
ฟุ้งซ่าน และกลายเป็นความเย่อหยิ่งขึ้นมาจนขาดความ
อ่อนโยน"
คุณอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอังกฤษตรางู
***
"ผมเกิดความสงบสุขในการนั่งสมาธิ ทั้งๆที่นั่งนานๆ เมื่อยมาก
เดินนานๆ ก็เมื่อย แล้วมีอารมณ์เบื่อขึ้นมา ท่านก็สอนให้เราเห็น
อารมณ์ตัวเอง ปกติเราเข้าไปอยู่ในอารมณ์เรา แต่วันนี้เรากลายเป็น
ผู้เห็นอารมณ์ตัวเอง เหมือนคนดูหนัง เป็นปรากฏการณ์ใหม่
เราเข้าใจความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า มันเกิดขึ้นแล้วหายไป เกิดขึ้น
แล้วหายไป เราเริ่มเข้าไปรู้จักสิ่งนี้ เมื่อก่อนอะไรเกิดขึ้นกับเรา
เป็นจริงสำหรับเราหมดแต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ทำให้เราเข้าใจอารมณ์
ตัวเองมากขึ้น เข้าใจอารมณ์คนอื่นมากขึ้น"
คุณลักขณา ลีละยุทธโยธิน CEO. บริษัทเซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด
***
"ด้วยร่ำเรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์ จึงเกิดความสงสัยว่า
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าการนั่งวิปัสสนาทำสมาธิจะทำให้เกิดปัญญา
เราก็พยายามตีความว่าเกิดปัญญาได้อย่างไร เผอิญไปเจอ
หนังสือเล่มหนึ่งในต่างประเทศอธิบายการทำงานของสมองว่า
ปกติสมองของคนเราจะมีคลื่นไฟฟ้าอยู่สี่ลักษณะ ได้แก่ อัลฟ่า
เบต้า เรต้า และเดลต้า โดยที่คลื่นสมองอัลฟ่าจะเป็นคลื่นที่ช่วย
ให้เราเกิดจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นมากใน
ระหว่างที่เราทำสมาธิและวิปัสสนา"
"การนั่งวิปัสสนาก็เหมือนเรานั่งมองสายน้ำที่ไหลอยู่ ถ้าสายน้ำขุ่น
ต่อให้มีปลามากเท่าไหร่เราก็มองไม่เห็น แต่ถ้าน้ำใสแล้วมี
ปลาเพียงสองสามตัว ก็มองเห็นได้ชัดเจน เช่นเดียวกับจิตของเรา
ทำให้เราเห็นภาพกว้างของชีวิต และเป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันได้"
คุณพิพัฒน์ ยอดพฤติการ กรรมการผู้จัดการบริษัทชื่อไทยดอทคอมจำกัด
***
"ผมมี keyword เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า อย่าไว้ใจความคิดตัวเอง
เพราะความคิดของเราเจือปนด้วย กิเลสเสมอ เราจะเห็นกิเลส
แปดเปื้อนอยู่เสมอเวลาคิด หรือเวลาที่เราภูมิใจอะไร ผมยังรู้สึกอาย
เลยว่า บางทีการเสนอความคิดเห็นทางวิชาการอะไรไป ผมต้องกลับมา
ทบทวนว่าแน่ใจแล้วหรือว่าความคิดที่เราเสนอไปเป็นความจริง
ผมจึงได้เตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า คนเราทุกคนมักจะคิดเข้าข้าง
ตัวเองเสมอ "
ขอขอบคุณ
หนังสือดีๆ และรูปประกอบ จากสำนักพิมพ์ ดีเอ็มจี :
ต้นข้าว...ที่แห่งนี้... *http://www.baanmaha.com/community/thread9001.html