[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 15 ตุลาคม 2560 11:29:08



หัวข้อ: หลวงปู่ทอง พุทธปัญโญ (พระครูพุทธิสังวรกิจ)วัดบ้านลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 15 ตุลาคม 2560 11:29:08
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/39852644296155_view_resizing_images_2_.jpg)
หลวงปู่ทอง พุทธปัญโญ (พระครูพุทธิสังวรกิจ)
วัดบ้านลาด  ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม

"พระครูพุทธิสังวรกิจ" หรือ "หลวงปู่ทอง พุทธปัญโญ" อดีตเจ้าคณะตำบลเกิ้ง เขต 1 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านลาด ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีวัตรปฏิบัติดี อุทิศตนเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ยอพระนักเทศน์ปุจฉา-วิสัชนา

เกิดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2444 ที่บ้านลาด ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นบุตรของนายหลวงและนางบาง แก้วสีขาว

ชีวิตในวัยเด็ก เป็นผู้มีความอดทน ช่วยครอบครัวทำไร่ทำนาเพื่อความอยู่รอด ด้วยความขยันขันแข็งตามวิถีชีวิตของคนอีสาน สมัยนั้นโรงเรียนประถมในหมู่บ้านก็ไม่มี แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ เมื่ออายุได้ 12 ปี บิดา-มารดา ได้นำไปบรรพชาที่วัดบ้านลาด

จนกระทั่งอายุครบ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดบ้านลาด มีพระครูสารคามมุนี (อ่อน) เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิทักษ์คณาภิบาล เจ้าอาวาสวัดสามัคคี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสมุห์นาค วัดโพธิ์ศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จากนั้นไปอยู่จำพรรษาที่สำนักเรียนหลายแห่ง อาทิ วัดบ้านหม้อ วัดบ้านนางใย วัดมหาชัย

มุมานะตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี

พ.ศ.2470 ท่านเดินทางไปยังกรุงเทพฯ จำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม สอบได้นักธรรมชั้นโทและเอก ตามลำดับ

ต่อมาท่านหันมาศึกษาการแสดงธรรม เรียนเทศน์ปุจฉา-วิสัชนา จากพระอาจารย์ที่วัดมหาธาตุ ต้องอ่านหนังสือคัมภีร์ 3 โลก ฝึกการบรรยาย หัดพูด ใช้เวลานานหลายปี จนแตกฉาน สามารถเทศน์ปุจฉา-วิสัชนา ได้เป็นอย่างดี

พ.ศ.2481 เดินทางกลับอีสานบ้านเกิด ช่วงนั้นตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านลาดว่างลง คณะสงฆ์และญาติโยมจึงนิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาส

หลวงปู่ทอง ให้ความสำคัญกับการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณร เพราะท่านรู้ว่าผู้มาบวชเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ฐานะยากจน ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะส่งเสียให้เรียนภาคปกติได้ ท่านจึงเปิดสำนักเรียนพระปริยัติธรรม โดยรับหน้าที่เป็นครูสอนเอง พระภิกษุ-สามเณร ที่มาเรียนกับท่านจะต้องประพฤติตนอยู่ในกรอบอย่างเคร่งครัด

ในยุคนั้นสำนักเรียนวัดบ้านลาด จึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสารทิศ

นอกจากนี้ ยังมีความเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน เนื่องจากท่านผ่านการอบรมวิปัสสนาธุระที่สำนักเรียนวัดมหาธาตุ ท่านจึงเปิดศูนย์อบรมวิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่ามีทายก ทายิกา ภิกษุ สามเณร มาเข้ารับการฝึกปฏิบัติธรรมแต่ละรุ่นจำนวนมาก

เผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยวิธีการเทศนาปุจฉา-วิสัชนา ใช้หลักธรรมที่เข้าใจง่ายๆ ทำให้หลวงปู่ทอง มีชื่อเสียงโด่งดังในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันมีญาติโยมเดินทางมานมัสการรับฟังธรรมกับหลวงปู่อย่างล้นหลาม

สำหรับปัจจัยที่ได้ ท่านนำไปพัฒนาวัดแห่งนี้ให้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังให้ความร่วมมือกับชุมชนบริจาคปัจจัย พัฒนาท้องถิ่นทุกด้านมาโดยตลอด

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2485 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านลาด ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม พ.ศ.2519 เป็นเจ้าคณะตำบลเกิ้ง เขต 1

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2493 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูพุทธิสารคุณ พ.ศ.2500 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นโท ในราชทินนามที่พระครูพุทธิสังวรกิจ พ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ ให้ยึดหลักศีล 5 ไว้เป็นหลักใหญ่ในการดำเนินชีวิต และอย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท รวมทั้งเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการี และผู้มีพระคุณ เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ

เมื่อเริ่มเข้าสู่ปัจฉิมวัย หลวงปู่ทอง ยังรับนิมนต์เทศน์ปุจฉา-วิสัชนา อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย บางครั้งไม่สบายเจ็บป่วย ท่านก็ยังฝืนสังขารรับนิมนต์

สุดท้ายเมื่อถึงวันที่ 7 เม.ย.2532 มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 87 ปี พรรษา 67

อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์