[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => ประสบการณ์ ผี ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 พฤษภาคม 2553 13:33:02



หัวข้อ: ผีถูกรถชนตายมาแล้ว 33 ปี
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 พฤษภาคม 2553 13:33:02
ผีถูกรถชนตายมาแล้ว ๓๓ ปี
 เล่าเรื่อง : คุณเชาวลิต - คุณอรวิภา สาครวิมล
 จ.สมุทรสาคร
 รวบรวมโดย : เมตตาเจโตวิมุติ
 น้าแม๊คคัดลอกมาจาก : ShockFM

 
 เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
 เมื่อประมาณเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ที่จังหวัดสมุทรสาคร
 
 เรื่องมีอยู่ว่ามีวันหนึ่งน้องชายซึ่งเป็นลูกของน้าสาวของข้าพเจ้าโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือบอกว่าภรรยาเขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
ไปหาหมอรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรสาครหมอได้ตรวจอย่างละเอียดและเอ๊กซ์เรย์แล้วแต่ก็หาสาเหตุไม่พบได้แต่ฉีดยาบรรเทาปวดเท่านั้นเป็นอย่างนี้มาร่วมเดือนเขาจึงอยากจะย้ายโรงพยาบาลแต่ไม่มีเงินจึงโทรมาขอความช่วยเหลือ

 ข้าพเจ้ารับปากว่าจะช่วยเหลือเรื่องเงินในการรักษาแต่พอดีข้าพเจ้าได้รู้จักและติดตามอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งมาเป็นเวลา5-6 ปีแล้วท่านเป็นฆราวาส
ที่รักษาศีลไหว้พระสวดมนต์อย่างเคร่งครัดสามารถรักษาคนเจ็บป่วยที่ไปรักษาหมอหลวงแล้วไม่หายถ้าผู้นั้นหมดกรรมได้รักษากับท่านผู้นั้นก็จะหายจากอาการเจ็บป่วยหรือทุเลาลงได้ แล้วแต่บุญ – กรรม จึงแนะนำให้ภรรยาของน้องชายมาลองรักษากับอาจารย์ดูก่อนถ้าไม่หายจริงๆค่อยย้ายโรงพยาบาล

เมื่อมาพบอาจารย์ภรรยาของเขาก็ได้แต่ร้องไห้ตัวสั่นเมื่อเห็นดังนั้น
ข้าพเจ้าก็คิดว่าในร่างกายของเขาคงไม่ได้เจ็บปวดธรรมดาด้วยความสงสารและอยากช่วยเหลือข้าพเจ้าจึงถามเขาว่าอยากให้เราช่วยก็ขอให้สื่อสาร
ออกมาให้รู้ ตอนหลังเขาก็ร้องไห้อย่างน่าเวทนาเหมือนคนกำลังทุกข์ทรมาน

 ข้าพเจ้าก็เอามือลูบหลังเขาด้วยความสงสารบอกว่าจะช่วยเหลือเขาทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ยอมพูดกับใครเพราะเขา
กลัวคนมีวิชาจะดึงจิตเขาไปเป็นบริวารเหมือนเขารู้ว่าเราจริงใจเขาจึงยอมบอก
ตอนแรกคิดว่าเขาพูดไม่ได้จึงให้เขาเขียนใส่กระดาษซึ่งทุกวันนี้ข้าพเจ้ายังเก็บกระดาษแผ่นนั้นไว้เขาเขียนชื่อ นามสกุล บ้านเลขที่อย่างละเอียด ร้องไห้บอกว่าอยากกลับบ้านไปหาพ่อ แม่ พี่ น้อง เขาค่อยๆ เล่าหลายครั้งกว่าจะรวบรวมเรื่องราวให้ครบ เพราะเวลาเขามามีอาการเหมือนคนทุกข์ทรมานรวมทั้งจะทำให้ภรรยาของน้องชายปวดท้องมากทุกครั้งที่เขามา เราจึงถามเขาเก็บข้อมูลทีละเล็กละน้อย

 สรุปได้ว่าเขาเป็นคนจังหวัดน่านมาทำงานเป็นช่างไม้สร้างวัดเกตุมวดีเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๕ โดยที่ทางบ้านไม่ทราบตอนนั้นเขาอายุ ๑๗ ปี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙ เขาโดนรถชนตายขณะยืนซื้อของอยู่ข้างทางหน้าวัดบางปิ้ง ซึ่งเขาเช่าบ้านอยู่แถวนั้น
 
เขาเล่าว่าตอนนั้นมืดแล้วรถกะบะพุ่งชนเขาอย่างแรงโดนทับที่ท้องกลางลำตัวแหลกละเอียดตายคาที่... จึงเป็นเหตุให้ภรรยาของน้องชายปวดที่ท้องเวลาเดินต้องเอามือกุมท้องเหมือนคนไส้จะไหลออกมาอย่างนั้น
ทางบ้านของเขาก็ไม่ทราบว่าเขาตายแล้ว เพราะเขามาทำงานกับเพื่อน ๒
คนแต่แยกกันอยู่คนละที่ ถึงตอนนี้รวมเวลาที่เขาตายไปแล้ว ๓๓ ปี ถ้ายังมีชีวิตอยู่ตอนนี้อายุเขาจะประมาณ ๕๐ ปี และเขายังไม่หมดอายุขัย ที่สำคัญเขาบอกว่าตอนมีชีวิตอยู่เขาไม่ค่อยได้ทำบุญทำทานเอาไว้ เขาจึงยังไม่ได้ไปไหน
 เขาต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด จากการโดนรถทับ วนเวียนอยู่จนมาอาศัยอยู่ที่สะพานท่าจีนใกล้กับวัดกลางอ่างแก้ว ซึ่งภรรยาของน้องชายต้องผ่านไปมาทุกวัน

 เขายังบอกอีกว่าเหตุที่อยากมาเจอข้าพเจ้ากับสามีเพราะเขาเคยได้รับอานิสงส์ผลบุญจากการที่ข้าพเจ้าและสามีได้ "สวดมนต์เมตตาใหญ่" แบบพิสดาร แล้วแผ่เมตตาให้เขาอยู่ครั้งหนึ่งเขาเล่าให้ฟังอย่างน่าสงสารว่า

 เวลามีคนแผ่เมตตาส่งบุญมาให้พวกเขาจะต้องแย่งกันเขาบาดเจ็บแย่งไม่ไหวก็ไม่ได้รับเขาบอกว่าทุกคนอยากได้ แต่จะไม่ได้กันทุกคนต้องนั่งกอดเข่ารอ (เขาทำท่าประกอบด้วย) แล้วลุกขึ้นแย่งกันเวลาได้รับผลบุญจะเป็นแสงสีเหลืองทองส่องลงมาที่ตัวเขา

 ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะได้เจอข้าพเจ้ากับสามีโดยการเกาะมากับร่างของภรรยาของน้องชายแล้วดลใจให้น้องชายโทรศัพท์หาข้าพเจ้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้ากับน้องชายคนนี้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน...หลังจากฟังคำบอกเล่าของเขาแล้ว...ข้าพเจ้ากับสามีก็รับปากว่าจะพาเขาส่งกลับบ้าน แต่ขอให้เขารับปากว่า ถ้าถึงบ้านแล้วต้องทำให้ภรรยาของน้องชายหายจากอาการปวดท้องอย่างเด็ดขาด เขาก็รับปาก...

 ระหว่างนั้นเขาได้มาเข้าฝันภรรยาของน้องชายว่าให้หาศาลพระภูมิไม้และรูปปั้นผู้ชาย แล้วปิดทองเพราะเมื่อกลับถึงบ้านเขาจะได้อาศัยอยู่ในนั้น แล้วนำไปลอยน้ำ ที่ให้ปิดทองเพราะเขาบอกว่าไปอยู่ในน้ำจะได้สว่างไม่ต้องใช้เทียน เราก็ทำตามทุกอย่างนอกจากนั้นเขายังให้จัดซื้อเสื้อผ้าพร้อมเงิน 90 บาท อธิษฐานให้จิตวิญญาณทั่วไปที่มีอีกมากมาย เพราะบางคนไม่มีเสื้อผ้าใส่หรือไม่ก็เก่ามากแล้ว

หลังจากอธิษฐานแล้วให้นำไปบริจาคแก่คนยากไร้ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเขาได้รู้อะไรมากมาย เช่น คนจีนชอบเผากระดาษสิ่งของให้บรรพบุรุษเขาบอกว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้รับหรอกต้องไปซื้อหาสิ่งของที่จะส่งให้แล้วนำมาอธิฐานเอ่ยชื่อคนที่เราต้องการอุทิศให้ แล้วนำไปถวายเป็นสังฆทาน จากนั้นให้นำไปบริจาคแก่คนยากจนให้ได้ใช้ประโยชน์จริง บรรพบุรุษจึงจะได้รับ ใครทำความดี ทำบุญมากๆ สวดมนต์ภาวนา ผู้นั้นจะมีเกราะเป็นแสงสีเหลืองทองสุกสว่างเพื่อป้องกันตัว ไม่มีใครทำอะไรได้
 หลังจากนั้นประมาณ ๑ สัปดาห์ ข้าพเจ้า กับสามี และญาติๆ ก็ออกเดินทางไปจังหวัดน่าน ก่อนหน้านั้นจากการช่วยเหลือของลูกศิษย์ของอาจารย์ที่ข้าพเจ้านับถือได้เช็คข้อมูลของเขาก็ปรากฎว่ามีชื่อ นามสกุล
บ้านเลขที่ของเขาอยู่จริง แต่ชื่อนี้ไม่ได้ติดต่อกับทางราชการมานาน จนกลายเป็นบุคคลสาบสูญไปแล้ว จึงทำให้พวกเรามั่นใจว่าเราคงไม่โดนเขาหลอกให้ไปถึงจังหวัดน่าน พวกเราเดินทางไปถึงประมาณบ่าย ๒ โมง วนหาบ้านเขาอยู่นาน เขาเองก็พยายามนึก เขาบอกว่าเวลาผ่านไป ๓๐ กว่าปีแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก พวกเรานัดกับลูกศิษย์ และท่านอาจารย์ที่หน้าวัดภูมินทร์

 เมื่อเขาเห็นวัดเขาทำท่าดีใจอยากจะลงไปกราบพระ พวกเราก็พาลงไปแต่เขาเข้าโบสถ์ไม่ได้ ต้องให้อาจารย์อธิฐานขออนุญาตพระประธานในโบสถ์ เขาจึงเข้าไปกราบได้ ข้าพเจ้า ส่งเงินให้เขา ๑๐๐ บาท และบอกเขาว่า ยกเงินให้เขาเอาไปหยอดตู้ทำบุญ จะได้มีผลบุญติดตัวกลับไป จากนั้นลูกศิษย์อาจารย์ก็ช่วยขับรถนำพวกเราไปบ้านเขา พอใกล้จะเจอบ้านเขา เขาก็บอกว่าให้รีบพาเขาไปส่ง เพราะวันนั้นเป็นวันพระ เดี๋ยวท่านไม่ให้กลับ

เราจึงนิมนต์พระสงฆ์จากวัดพระธาตุแช่แห้งมาสวดส่งวิญญาณให้เขาตามที่เขาร้องขอ พอทำพิธีเสร็จก็เอาศาลพระภูมิ พร้อมกับมอเตอร์ไซด์
(เด็กเล่น) ที่เขาอยากได้สมัยมีชีวิตอยู่ลอยลงไปในแม่น้ำน่าน ใกล้กับบ้านของเขา ที่ตอนเล็กๆ เขาเคยว่ายน้ำเล่นจากนั้นเขาก็มาผ่านร่างภรรยาน้องชายอีกครั้ง เขาร้องไห้น้ำตาไหลบอกว่าดีใจมากที่ได้กลับบ้าน และรู้สึกเสียใจที่จะไม่ได้พบกับพวกเราอีกแล้ว ข้าพเจ้าเองก็อดใจหายไม่ได้ได้แต่บอกว่าจะทำบุญสวดมนต์อุทิศไปให้ คอยรับบุญด้วยนะ เกิดชาติหน้าค่อยมาเจอกันใหม่ก็แล้วกันและบอกเขาอีกว่าทุกคนในที่นี้ดีใจที่ได้ช่วยเหลือเขาเขายกมือไหว้ขอบคุณทุกคน พร้อมกับร้องไห้ก้มลงกราบข้าพเจ้าที่ตักข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันใจมาก
หันไปหาสามีของข้าพเจ้าแล้วบอกให้เขาขอบคุณสามีข้าพเจ้าด้วย เพราะสามีของข้าพเจ้าเป็นคนสำคัญที่สุด เป็นทั้งคนขับรถจากมหาชัยมาส่งจนถึง จังหวัดน่าน แล้วยังออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน เขาน้ำตาไหลก้มลงกราบที่เท้าของสามีของข้าพเจ้า ภาพนั้นทำให้ทุกคนอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ และเขาก็ล้มลงกราบที่ตักข้าพเจ้าแล้วจากไป...

 นับจากวินาทีนั้นภรรยาของน้องชายก็มีความรู้สึกเบาเนื้อเบาตัวและที่สำคัญไม่ได้มีอาการปวดท้องอีกเลยนั่นคือสิ่งที่เขารับปากไว้แล้วทำตามจริงๆ ทุกวันนี้เวลาข้าพเจ้านึกถึงเหตุการณ์นั้นเมื่อไหร่ก็อดที่จะมีความรู้สึกอิ่มเอมใจเสียทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าคงไม่เคยได้มีใครได้มีโอกาสช่วยเหลือ
จิตวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานมากกว่า ๓๐ ปี ให้ได้กลับบ้านเกิดเช่นเดียวกับข้าพเจ้า...
 
 
 เรื่องทั้งหมดที่ท่านได้อ่านมานี้อาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินจริงแต่ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและสาเหตุที่ข้าพเจ้านำเรื่องนี้มาเขียนบอกเล่า ก็เพื่ออยากให้ทุกท่านได้หมั่นทำแต่ความดีทำบุญทำทานสร้างกุศลไหว้พระสวดมนต์เสียตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่แล้วแผ่เมตตาให้ตัวท่านเอง ให้แก่เทพเทวาประจำตัวท่าน เทพเทวาจะได้มีบารมีสูงพอที่จะช่วยเหลือท่านในยามคับขัน และยังสามารถแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่นตามแต่ใจท่าน ยิ่งแผ่มากยิ่งเพิ่มพูนมากมายทวีคูณ...


หัวข้อ: Re: ผีถูกรถชนตายมาแล้ว 33 ปี
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 พฤษภาคม 2553 13:40:39
อ้างถึง

หลังจากอธิษฐานแล้วให้นำไปบริจาคแก่คนยากไร้ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเขาได้รู้อะไรมากมาย เช่น คนจีนชอบเผากระดาษสิ่งของให้บรรพบุรุษเขาบอกว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้รับหรอกต้องไปซื้อหาสิ่งของที่จะส่งให้แล้วนำมาอธิฐานเอ่ยชื่อคนที่เราต้องการอุทิศให้ แล้วนำไปถวายเป็นสังฆทาน จากนั้นให้นำไปบริจาคแก่คนยากจนให้ได้ใช้ประโยชน์จริง


ชอบท่อนนี้

มันสื่ออะไรได้หลายอย่างมาก