Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 10:47:43 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มิถุนายน 2559 09:59:08 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 10:58:53 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2559 16:48:33 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 11:09:33 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤศจิกายน 2558 18:19:41 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 11:21:33 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤษภาคม 2559 14:21:51 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 11:28:08 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 พฤศจิกายน 2558 18:53:46 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 11:55:21 » |
|
. ขนุนทองสิน ขนุนพันธุ์นี้ เกิดจากการกลายพันธุ์ด้วยการเอาเมล็ดของขนุนชื่อดังที่เจ้าของจำไม่ได้ว่าเป็นขนุนพันธุ์ไหนบ้างจำนวนหลายเมล็ดไปเพาะ แล้วนำเอาต้นกล้าที่ได้ไปปลูกจนมีดอกและติดผล ปรากฏว่า เนื้อสุกหรือเรียกว่ายวง มีความหนามาก รสชาติหวานกรอบ หอมคล้ายกลิ่นดอกนมแมว รับประทานอร่อยยิ่งนัก เจ้าของได้คัดพันธุ์เอาเฉพาะต้นที่ดีที่สุดไปปลูกทดสอบอยู่หลายวิธีและหลายครั้งจนมั่นใจว่ากลายพันธุ์ถาวรแน่นอนแล้ว จึงตั้งชื่อว่า “ขนุนทองสิน” ดังกล่าว
ขนุนทองสิน มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับขนุนทั่วไปคือ อยู่ในวงศ์ MORACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง ๘-๑๐ เมตร ใบออกสลับรูปรี ปลายแหลม โคนเกือบมน ดอกแยกเพศ ดอกตัวเมียและดอกตัวผู้อยู่บนต้นเดียวกัน โดยช่อดอกตัวผู้จะออกที่โคนกิ่ง ลำต้น และง่ามใบ ดอกเป็นแท่งยาว ๒.๕ ซม. ส่วนดอกตัวเมียเป็นแท่งกลม ออกตามลำต้น ก้านช่อดอกใหญ่กว่าก้านช่อดอกตัวผู้ชัดเจน และที่สำคัญเป็นจุดต่างคือ ดอกตัวผู้จะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นส่าเหล้า ดอกตัวเมียไม่มีกลิ่น “ผล” รูปกลมรี โตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ย ๘-๑๒ กิโลกรัมต่อผล ผลสุกไม่แตกอ้า เนื้อไม่เป็นสนิม ซังมีน้อย ขนาดของซังใหญ่และหนารับประทานได้ เนื้อสุกหนาสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานกรอบหอมอร่อยมากตามที่กล่าวข้างต้น เมล็ดเล็ก ยางน้อย ปริมาณเนื้อ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล ติดผลดกเกือบทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่ขนุนทุกพันธุ์จะมีรสชาติไม่หวาน แต่ “ขนุนทองสิน” ยังหวานหอมอร่อยเหมือนเดิม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง นสพ.ไทยรัฐ พุธที่ ๑๔/๑/๕๘ จำปาดะสีทอง ปัจจุบัน จำปาดะเป็นไม้ผลที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายในทุกๆ ภาคของประเทศไทย ไม่ได้เป็นไม้ผลเฉพาะถิ่นเฉพาะทางภาคใต้เพียงแห่งเดียวอีกแล้ว สามารถปลูกเก็บผลขายสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกด้วย โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย และ อินโดนีเซีย มีความต้องการสูงมาก ส่วนใหญ่จะเอาเนื้อที่มีรสหวานหอมชุบแป้งทอด เป็น “ขนมจำปาดะ” ส่งกลิ่นหอมเป็นขนมหวานที่คนไทยภาคใต้ และชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย ชื่นชอบรับประทานมาก เมล็ด ยังหมกขี้เถาใต้กองไฟทำเป็นเครื่องแกงมัสมั่น แกงไตปลา และแกงกระทะ เพิ่มรสชาติให้รับประทานอร่อยยิ่งขึ้น ชาวมุสลิมนิยมอย่างกว้างขวาง
สำหรับ “จำปาดะสีทอง” หรือ ARTOCAR- PUSINTEGER MERR อยู่ในวงศ์ MORA-CEAE เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ต้นสูง ๗-๑๐ เมตร ใบออกสลับ ปลายแหลมโคนมน ดอกและผลออกตามลำต้นเหมือนขนุน “ผล” รูปกลมยาว ก้านผลรวมกันเพียงก้านเดียว ตลอดผิวผลมีหนาม ขนาดผลเล็กกว่าผลขนุนอย่างชัดเจน ผลสุกจะมีกลิ่นหอมแรง เนื้อในเป็นสีเหลืองเข้ม จึงถูกตั้งชื่อว่า “จำปาดะสีทอง” เนื้อสุกค่อนข้างแฉะเป็นธรรมชาติ รสหวานหอมตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ที่สำคัญ “จำปาดะสีทอง” เป็นพันธุ์เบา ติดผลง่าย หลังปลูกเพียง ๓ ปี จะติดผลชุดแรกและให้ผลผลิตตลอดปีหรืออย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง และจะติดผลสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ “จำปาดะสีทอง” เป็นที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ เป็นกิ่งตอนด้วยระบบติดตา ทนแล้งและทนการโค่นล้มได้ดี ราคาสอบถามกันเองครับ นสพ.ไทยรัฐ – อังคารที่ ๕/๘/๕๗ ขนุนป้าจื๊อ ขนุนชนิดนี้ มีถิ่นปลูกดั้งเดิมอยู่ที่ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเจ้าของพันธุ์ เป็นหญิงชาวจีนชื่อ “จื๊อ” จึงถูกตั้งชื่อว่า “ขนุนป้าจื๊อ” มีลักษณะเด่นคือ รูปทรงของผลจะกลมยาว ผลโตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ย ๘-๒๐ กิโลกรัม เนื้อสุกเป็นสีเหลืองเข้ม หนาหวานกรอบ ไม่เละ รับประทานอร่อยมาก แกนในเล็ก ยางน้อย จึงเป็นที่นิยมของผู้ปลูกและผู้รับประทานในท้องถิ่น และแถบจังหวัดใกล้เคียงอย่างแพร่หลายเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน
ขนุนป้าจื๊อ อยู่ในวงศ์ MORACEAE เป็นไม้ยืนต้น ๘-๑๐ เมตร มียางขาวทั้งต้น ใบออกสลับรูปกลมรี ปลายแหลม โคนมน เนื้อใบหนา สีเขียวเป็นมัน ดอก ออกเป็นกลุ่ม ช่อดอกตัวเมียและตัวผู้จะอยู่บนต้นเดียวกัน โดยช่อดอกตัวผู้ จะออกที่โคนกิ่ง ลำต้น และง่ามใบ เป็นแท่งยาว ส่วนดอกตัวเมียออกจากลำต้น มีก้านช่อใหญ่ ดอกตัวเมียจะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นส่าเหล้าต่างกันอย่างชัดเจน “ผล” กลมยาว น้ำหนักผลโต เต็มที่ประมาณ ๘-๑๐ กิโลกรัม ตามที่กล่าวข้างต้น เนื้อผลสุกเกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล สีเหลืองเข้ม เนื้อหนากรอบหวานรับประทานอร่อยมาก วัดความหวานได้ ๒๖ องศาบริกซ์ ติดผลดกอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง หรือเรื่อยๆเกือบทั้งปี ขยายพันธุ์โดยทั่วไปคือเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง ซึ่ง “ขนุนป้าจื๊อ” ต้นแม่ดั้งเดิมยังคงยืนต้นอยู่ในปัจจุบัน
ใครต้องการกิ่งพันธุ์ไปปลูกติดต่อ “คุณประภาส สุภาผล” ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นกิ่งตอนด้วยระบบติดตา มีรากแก้วดีทุกต้น ทำให้ปลูกแล้วโตเร็ว และติดผลดกหลังปลูก ๓-๔ ปี เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลรับประทานในครัวเรือน และ ปลูกเป็นเชิงพาณิชย์เก็บผลขายคุ้มค่ามาก ราคาสอบถามกันเองครับ. นสพ.ไทยรัฐ- อังคารที่ ๑๙-๘-๕๗ ขนุนแดงสุริยา หวาน กรอบอร่อยปลูกคุ้มขนุนชนิดนี้ เป็นสุดยอดของ ขนุนเนื้อสีจำปาสายพันธุ์แท้ ที่มีการปลูกทดสอบพันธุ์อยู่นานกว่า ๑๐ ปีแล้ว เป็นขนุนที่มีความทนทานต่อโรคพันธุ์ไม้ได้ดีและทนความแห้งแล้งด้วย เป็นขนุนพันธุ์เบา มีดอกติดผลได้ง่ายและติดผลดกอย่างสม่ำเสมอ ผลโตเต็มที่มีนํ้าหนัก ๘-๒๐ กิโลกรัมต่อผล สามารถติดผลอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง เนื้อผลมีความหนาประมาณ ๐.๕-๑.๒ ซม. สีของเนื้อสวยเป็นสีแดงเข้มจึงถูกตั้งชื่อว่า “ขนุนแดงสุริยา” รสชาติหวานกรอบไม่เละมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก ให้เนื้อเยอะมากกว่า ๕๒ เปอร์เซ็นต์ของนํ้าหนักผล เมื่อผลแก่จัดจะไม่แตกอ้า มีรางวัลชนะเลิศงานประกวดขนุนจำปาวันเกษตรประจำปีของ จ.ปราจีนบุรี มาถึง ๔ ปีซ้อน กำลังเป็นที่นิยมปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนและปลูกเพื่อเก็บผลแกะเนื้อขายอย่างแพร่หลายในปัจจุบันคุ้มค่ามาก ราคากิโลกรัมละหลายบาท
ขนุนแดงสุริยา หรือ ARTOCARPUS HETEROPHYLLUS LAMK. อยู่ในวงศ์ MO-RACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นขนุนทั่วไปทุกอย่าง ติดผลได้ปีละ ๒ ครั้ง ตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอดกับตอขนุนพื้นเมือง การปลูกระหว่างต้น และระหว่างแถวห่างกัน ๖×๖ เมตร ขุดหลุมลึกและกว้างประมาณ ๖๐×๖๐ ซม. ใส่ปุ๋ยคอกผสมกับดินที่ขุดขึ้นมาให้เต็มหลุม จากนั้นนำเอาต้น “ขนุนแดงสุริยา” ลงปลูกให้ดินปากถุงเสมอกับหน้าดิน อย่าปลูกลึกเพราะจะทำให้ต้นเจริญเติบโตได้ช้า รดนํ้า ๑-๒ วันครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกทุกๆ ๓ เดือน สลับกับการใส่ปุ๋ยสูตร ๑๖-๑๖-๑๖ ทุกๆ ๒ เดือน จะทำให้ “ขนุนแดงสุริยา” ติดผลชุดแรกหลังปลูกเพียง ๓ ปีเท่านั้น นสพ.ไทยรัฐ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มิถุนายน 2559 10:05:03 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 14:06:24 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 กุมภาพันธ์ 2559 12:00:14 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2556 14:42:16 » |
|
. "ทุเรียนเทศ" เนื้อน้อยหน่า เปลือกทุเรียนผู้อ่านจำนวนมากอยากทราบว่า “ทุเรียนเทศ” เป็นอย่างไร ซึ่งความจริงแล้วไม้ชนิดนี้ น่าจะจัดอยู่ในจำพวกน้อยหน่าชนิดหนึ่งที่ธรรมชาติสร้างให้รูปทรงของผลและเปลือกผลเหมือนกับเปลือกผลของทุเรียน ส่วนเนื้อในกลับเหมือนเนื้อของน้อยหน่าทั่วไป รับประทานอร่อยเหมือนน้อยหน่าด้วยคือรสหวานปนเปรี้ยวนิดๆ จึงถูกเรียกชื่อตามลักษณะเปลือกผลว่า “ทุเรียนเทศ” ทางภาคกลางเรียก ทุเรียนแขก ภาคเหนือเรียก มะทุเรียน และภาคใต้เรียก ทุเรียนน้ำ
ทุเรียนเทศ มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ ถูกนำเข้ามาปลูกกว้างขวางทุกภาคของประเทศไทยนานแล้ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ANNONA MURICATAL. ชื่อสามัญ SOURSOP. DURIAN BELANDA เป็นไม้ยืนต้น สูง ๓-๕ เมตร เปลือกต้นมีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรี ปลายแหลม โคนมน เนื้อใบหนา ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆหรือ ๒-๓ ดอกตามซอกใบ มีกลีบดอก ๖ กลีบ เรียงเป็น ๒ ชั้น กลีบชั้นนอกหนาแข็งรูปสามเหลี่ยม กลีบชั้นในขอบกลีบบรรจบกันเป็นรูปพีระมิด ดอกเป็นสีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอมแบบเปรี้ยวๆ
ผล เป็นผลกลุ่ม มีผนังรังไข่เชื่อมติดกัน รูปกลมรีมีหนามที่เปลือกผลทำให้ดูคล้ายผลทุเรียน ส่วนเนื้อในเป็นสีขาวเหมือนเนื้อน้อยหน่า มีเมล็ดจำนวนมาก ผลสุกเนื้อรับประทานได้ รสชาติหวานปนเปรี้ยวตามที่กล่าวข้างตน ผลโตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ ๑-๒ กิโลกรัม ดอกออกทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด นิยมปลูกอย่างแพร่หลายทางภาคใต้ นอกจากเนื้อจะรับประทานอร่อยแล้ว ยังนิยมนำไปแปรรูปทำไอศกรีมได้ด้วย เป็นแหล่งรวมแคลเซียม วิตามินบี ๑ และวิตามินซี
ปัจจุบัน “ทุเรียนเทศ” มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผงตรงกันข้ามโครงการ ๙ ไทยรัฐ - พฤหัสบดีที่ ๑๕/๑๑/๕๕ "ทุเรียนอีลวง" อร่อย กับที่มาชื่อผู้อ่านจำนวนมากอยากทราบว่า “ทุเรียนอีลวง” มีที่มาเป็นอย่างไร และมีต้นพันธุ์กับผลขายที่ไหน ซึ่งความจริงแล้วทุเรียนพันธุ์ดังกล่าวเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรี นิยมปลูกและนิยมรับประทานเฉพาะถิ่นมาช้านานแล้ว เนื่องจากเนื้อในมีรสชาติหวานมันอร่อยมากนั่นเอง
ปัจจุบัน “ทุเรียนอีลวง” หารับประทานได้ยาก เนื่องจากผู้มีอาชีพปลูกทุเรียนเก็บผลขายได้หันไปปลูกทุเรียนสายพันธุ์อื่นกันหมด มีเหลือปลูกเพื่อเก็บผลรับประทานในครัวเรือนบ้างเล็กน้อย ไม่แพร่หลายและไม่มีผลวางขายที่ไหน
ส่วนที่มาของชื่อ “ทุเรียนอีลวง” นั้น เป็นเพราะตามธรรมชาติของสายพันธุ์ที่ติดผลชุดแรกดูสมบูรณ์ดี และติดผลดกเต็มต้น เจ้าของหรือผู้ปลูกดีใจ เมื่อผลแก่จัดเก็บผลลงจากต้นแกะดูเนื้อในปรากฏว่าไม่มีเนื้อทุกๆ ผล และเมื่อติดผลชุดที่ ๒ ก็จะมีลักษณะแบบเดียวกับชุดแรกอีก ทำให้ผู้ปลูกคิดจะฟันต้นทิ้งแต่ตัดใจให้ติดผลชุดที่ ๓ จนผลแก่จัด เก็บผลลงจากต้นแกะดูเนื้อในปรากฏว่าเนื้อสีสวยไม่เละ รับประทานหวานมันอร่อยดีมาก
เมื่อปล่อยให้ติดผลชุดที่ ๔ ผลจะดกเต็มต้นเหมือนเดิมและแกะเนื้อในยังคงมีรสชาติหวานมันเช่นเดิม เจ้าของหรือผู้ปลูกในยุคสมัยนั้นจึงตั้งชื่อทุเรียนดังกล่าวว่า “ทุเรียนอีลวง” ตามลักษณะสายพันธุ์ที่ติดผล ๒ ชุดแรกจะหลอกลวงให้เจ้าของหรือผู้ปลูกดีใจแต่ไม่มีเนื้อ จะมีเนื้อเมื่อติดผลชุดที่ ๓ นั่นเอง
ทุเรียนอีลวง หรือ DUIO ZEBETHINUS LINN. อยู่ในวงศ์ BOMBACACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับทุเรียนทั่วไป “ผล” กลมรี ผลมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมล็ดโตคล้ายเมล็ดทุเรียนพันธุ์กระดุม เนื้อเหนียวไม่เละ หวานมันอร่อยมาก ปัจจุบันยังไม่พบมีกิ่งตอนและผลขายที่ไหน. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - พฤหัสบดีที่ ๑๐/๑/๕๖ "เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ "ทุเรียนก้านยาว พันธุ์ผลกลมยาว" อร่อยราคาดีมีกิ่งพันธุ์ขายทุเรียนก้านยาว ในประเทศไทยมีทั้งหมด ๖ สายพันธุ์ แต่ “ก้านยาวพันธุ์ผลกลมยาว” ที่ชาวสวนชอบเรียกว่า ทุเรียนก้านยาวทรงหวด เป็นพันธุ์ที่มีดีกรีชนะเลิศการประกวดงานวันเกษตรและของดีจังหวัดระยอง โดยชนะเลิศรางวัลที่ ๑, ๒ และ ๓ ติดต่อกันถึง ๔ ปีซ้อน มีลักษณะเด่นเฉพาะ คือรูปทรงผลจะกลมและยาวสวย เปลือกบาง พูใหญ่ เนื้อละเอียดแห้งไม่เละแม้ผลจะสุกงอม ให้เนื้อเยอะ เนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานมันมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก เมล็ดเล็กและลีบบาง ซึ่งเมล็ดของทุเรียนก้านยาวสายพันธุ์อื่นเมล็ดจะมีขนาดใหญ่เป็นธรรมชาติทั้งหมด นํ้าหนักผลเฉลี่ยระหว่าง ๒-๔ กิโลกรัมต่อผล ปัจจุบันทุเรียน “ก้านยาวพันธุ์ผลกลมยาว” กำลังเป็นที่นิยมของผู้ปลูกและผู้รับประทานอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่จะส่งขายที่ประเทศจีน ราคาจากสวนกิโลกรัมละ ๒๐๐ บาท
ทุเรียน “ก้านยาวพันธุ์ผลกลมยาว” หรือ DURIO ZIBETHINUS MERR. มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ที่ จ. นนทบุรี ต่อมาชาวสวนได้นำเอาต้นไป ปลูกในพื้นที่ จ.ระยอง เป็นสวนขนาดใหญ่ โดยหลังปลูกได้ ๔-๕ ปี จะให้ผลผลิตชุดแรกและติดผลดกมาก สามารถติดผลอย่างสม่ำเสมอทุกๆปี รูปทรงของผลจะกลมยาวแตกต่างจากผลของทุเรียนก้านยาวสายพันธุ์อื่นที่จะเป็นผลกลมอย่างชัดเจน เมล็ดเล็กลีบ เนื้อรสชาติหวานหอมมันรับประทานอร่อยมากตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอด หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - อังคารที่๓๐/๔/๕๖ "เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ "ทุเรียนย่ำมะหวาด" เนื้อมันอร่อยตามบันทึกพรรณไม้ระบุว่าทุเรียนชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยมีมือเกษตรกรในท้องถิ่นนำเอาเมล็ดของทุเรียนลวง หรือทุเรียนอีลวง ไปเพาะขยายพันธุ์ปลูกเลี้ยงจนต้นโตและติดผล ปรากฏว่า มีลักษณะของเนื้อผลแตกต่างจากทุเรียนลวง หรือทุเรียนอีลวงอย่างชัดเจน คือ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองนวล มีเนื้อเนียนละเอียดแน่นเต็มพู มีกลิ่นอ่อนๆ ไม่แรงเหมือนกลิ่นทุเรียนทั่วไป ติดผลดกคล้ายๆทุเรียนก้านยาว
เนื้อสุก รสชาติจะออกมันนำหน้าและปนรสหวานรับประทานอร่อยมาก เมล็ดไม่ใหญ่โตนัก เชื่อว่าเป็นทุเรียนกลายพันธุ์แบบถาวรที่เกิดจากการเพาะเมล็ดของทุเรียนลวง หรือทุเรียนอีลวงดังกล่าวอย่างแน่นอน ส่วนชื่อ “ทุเรียนย่ำมะหวาด” ไม่ทราบความเป็นมาอย่างไร ปัจจุบันพบว่ามีผู้ขยายพันธุ์ออกวางขาย จึงรีบแนะนำในคอลัมน์ตามระเบียบ
ทุเรียนย่ำมะหวาด หรือ ทุเรียนย่ามแม่หวาด (YAMMAEWAT) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า DURIO ZIBETHINUS MURRAY มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ต้น สูง ๘-๑๐ เมตร ซึ่งโดยปกติของสายพันธุ์จะให้ผลผลิตหลังปลูกอายุได้ ๑๕ ปี แต่ผู้ขายกิ่งตอนบอกว่า เป็นกิ่งที่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีทาบกิ่ง จึงจะให้ผลผลิตเร็วขึ้นกว่าปกติเพียง ๕ ปีเท่านั้น ติดผลดกปีละครั้งตามฤดูกาล รูปทรงของผลสวยงาม หนามรอบผลสั้นและถี่ เปลือกผลค่อนข้างบาง เนื้อสุกออกรสชาติมันนำหวานตามที่กล่าวข้างต้น และมีกลิ่นอ่อนๆ รับประทานอร่อยมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง และทาบกิ่ง
ปัจจุบัน “ทุเรียนย่ำมะหวาด” หรือ ทุเรียนย่ามแม่หวาด มีกิ่งตอนขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ ๒๑ ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูก เพื่อเก็บผลรับประทานในครัวเรือน หรือ ปลูกเพื่อเก็บผลขาย ซึ่งปัจจุบันความต้องการรับประทานกำลังมาแรงและได้ราคาดีมาก. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - พุธที่ ๒๗/๓/๕๖ "เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ "ทุเรียนทองกมล" เนื้อหวานหอมอร่อยทุเรียนชนิดนี้ เป็นสายพันธุ์ใหม่ เกิดจากการเอาเมล็ดของทุเรียนก้านยาวจำนวนหลายเมล็ดไปเพาะขยายพันธุ์จนแตกต้นขึ้นมานำไปปลูกลงสวนจนมีอายุ ออกดอก และติดผล ปรากฏว่าจากจำนวนทั้งหมด มีอยู่หนึ่งต้น เมื่อผลสุกแล้วมีเนื้อดีมาก ทรงผลสวย หนามที่ผลห่างและขั้วสั้นกว่าทุเรียนก้านยาวพันธุ์แม่
ที่สำคัญ มีพูใหญ่ เปลือกบาง เนื้อหนาละเอียด เนื้อเป็นสีทอง มีรสชาติหวานมันหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก เมื่อเทียบเคียงกับเนื้อทุเรียนก้านยาวทั่วไป และเนื้อทุเรียนที่เพาะเมล็ดรุ่นเดียวกันมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เจ้าของผู้เพาะขยายพันธุ์ เชื่อว่าเป็นทุเรียนกลายพันธุ์ หรือเป็นสายพันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน จึงนำไปจดทะเบียนในชื่อว่า “ทุเรียนทองกมล” ตามสีของเนื้อสุกที่เป็นสีเหลืองทองตามภาพประกอบคอลัมน์ดังกล่าว
ปัจจุบัน “ทุเรียนทองกมล” ต้นแม่มีเพียงต้นเดียวเท่านั้น เจ้าของเก็บผลสุกส่งเข้าประกวดครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ที่ งานวันเกษตร และของดี อ.แกลง จ.ระยอง ปรากฏว่าได้รับรางวัลชนะเลิศ เนื้อรับประทานอร่อยมาก เนื้อหนาละเอียด เนื้อแห้งแม้สุกงอมก็ไม่เละ น้ำหนักของผลประมาณ ๒-๔ กิโลกรัม เจ้าของได้ตอนกิ่งขยายพันธุ์ออกวางขายกำลังเป็นที่ต้องการของเกษตรกรอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ เนื่องจาก เป็นสายพันธุ์ที่สามารถมีดอกและติดผลได้ในเวลา ๔-๕ ปี โตเร็วและทนต่อการโค่นล้มได้ดี ที่สำคัญคือติดผลดกมาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - ศุกร์ที่ ๒๙/๖/๕๖ "เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ "เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ "ทุเรียนสีแดง" (red durian) จากป่าบอร์เนียวเป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของรัฐ Sabah ประเทศมาเลเซีย รัฐนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอเนียว กลิ่นไม่รุนแรงเหมือนทุเรียนทั่วไป "ทุเรียนหมอนทอง" ชนะเลิศงานประจำปี รสชาติดีคนทั่วไป จะรู้จัก “ทุเรียนหมอนทอง” เป็นอย่างดี และนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีเนื้อแกะเป็นพูวางขายตามฤดูกาลมากมาย รสชาติหวานหอมอร่อยยิ่งนักเป็นทุเรียนพันธุ์เศรษฐกิจสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่ปลูกเก็บผลขายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “ทุเรียนหมอนทอง” มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ที่ จ.นนทบุรี ต่อมาได้มีการขยายพันธุ์ไปปลูกหลายจังหวัดของประเทศไทย โดยเฉพาะที่ จ.ระยอง มีการจัดงานประกวดทุเรียนเป็นประจำทุกปี เรียกว่า งานวันเกษตรและของดีจังหวัดระยอง ปรากฏว่า “ทุเรียนหมอนทอง” สายพันธุ์ที่ปลูกในพื้นที่ จ.ระยอง สามารถคว้ารางวัลที่ ๑ ได้ถึง ๓ ปีซ้อน
โดยมีลักษณะเฉพาะสายพันธุ์คือ รูปทรงของผลสวย พูเนื้อขนาดใหญ่ เปลือกผลค่อนข้างบาง เมล็ดลีบเหมือนกับ “ทุเรียนหมอนทอง” สายพันธุ์ทั่วไปและจะมีเมล็ดลีบทุกผลทุกพู ให้เนื้อเยอะตามธรรมชาติของสายพันธุ์ เนื้อหนาแน่นและละเอียดเนียน แม้สุกงอมเนื้อจะไม่เละ เป็นสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานอร่อยมาก
ที่สำคัญ “ทุเรียนหมอนทอง” สายพันธุ์ที่ได้รับรางวัลที่ ๑ ในงานประกวดดังกล่าวยังเป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดกมากในแต่ละต้น มีผลเร็วหลังปลูกเพียง ๔ ปี เท่านั้น ซึ่งปกติ ๖-๗ ปี จึงจะมีผลชุดแรก ทั้งนี้เนื่องจากปลูกด้วยกิ่งพันธุ์ที่ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอด จึงทำให้ต้นเติบโตเร็ว ลำต้นแข็งแรง ให้ผลผลิตเร็วขึ้นตามที่กล่าวข้างต้น น้ำหนักผล ๒-๕ กิโลกรัมต่อผล อายุเก็บเกี่ยวผลที่แก่จัดประมาณ ๑๒๕-๑๓๐ วัน ปัจจุบัน “ทุเรียนหมอนทอง” เป็นสินค้าส่งออกไปขายที่ประเทศจีนหลายมณฑล สามารถสร้างรายได้ให้ชาวสวนไทยเป็นกอบเป็นกำ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - วันพุธที่ ๑๓/๑๑/๕๖ "เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ "ทุเรียนทองกมล" เนื้ออร่อยกับที่มาของพันธุ์ทุเรียนชนิดนี้ เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการนำเอาเมล็ดของ ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว จำนวนหลายเมล็ดไปเพาะขยายพันธุ์จนแตกเป็นต้นกล้าขึ้นมาแล้วนำไปปลูกเลี้ยงจนต้นเติบโตมีดอกและติดผลตามฤดูกาล ปรากฏว่า มีอยู่ต้นหนึ่งมีผลรูปทรงสวยกว่าทุเรียนพันธุ์ก้านยาวอย่างชัดเจน ลักษณะหนามผลผ่างและขั้วผลสั้น เปลือกบาง เนื้อในผลหนาละเอียด เมื่อสุกเป็นสีเหลืองทองพูมีขนาดใหญ่ รสชาติหวานมันและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อแห้งไม่เละ รับประทาน อร่อยมาก
น้ำหนักผล เฉลี่ยระหว่าง ๒-๔ กิโลกรัมต่อผล เจ้าของผู้ขยายพันธุ์ได้ขยายพันธุ์ด้วยวิธีตอนกิ่งนำไปปลูกทดสอบพันธุ์อยู่เป็นเวลานานหลายปีจนมั่นใจว่าเป็นทุเรียนพันธุ์ใหม่อย่างถาวรแล้ว จึงตั้งชื่อ ตามลักษณะสีของเนื้อสุกว่า “ทุเรียนทองกมล” พร้อมปลูกเก็บผลแกะเนื้อขายได้รับความนิยมจากผู้ซื้อไปรับประทานอย่างแพร่หลาย และได้ขยายพันธุ์ตอนกิ่งออกวางขายให้ผู้สนใจซื้อไปปลูกด้วย
นอกจากนั้น “ทุเรียนทองกมล” ยังเคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดงานวันเกษตรและของดี อำเภอแกลง จ.ระยอง เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ปี ๒๕๕๖ เป็นประกาศนียบัตรความอร่อยมาแล้ว จึงถือว่าเป็นสุดยอดของทุเรียนพันธุ์ใหม่ในเวลานี้
ปัจจุบันใครต้องการกิ่งตอนรุ่นใหม่ของ “ทุเรียนทองกมล” ไปปลูกติดต่อ ๓๓/๔ หมู่ ๗ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนใหญ่จะเป็นกิ่งพันธุ์ที่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเสียบยอด มีรากแก้วแข็งแรงดีทุกกิ่ง จึงนำไปปลูกทำให้เจริญเติบโตได้เร็ว มีความทนทานต่อการโค่นล้มได้ หลังปลูกเพียง ๔-๕ ปี จะติดผลชุดแรก ซึ่งปกติของต้นทุเรียนที่ปลูกโดยทั่วไปจะติดผลหลังปลูกใช้เวลานานถึง ๘-๑๐ ปี ราคาสอบถามกันเองครับ. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - พฤหัสบดีที่ ๒๐/๓/๕๗ "ทุเรียนก้านยาวทรงหวด" ดกอร่อยกับที่มาของพันธุ์ทุเรียนก้านยาว มีหลายสายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายได้แก่ “ทุเรียนก้านยาวทรงหวด” เนื่องจากมีความโดดเด่นเฉพาะตัวแตกต่างจากทุเรียนก้านยาวพันธุ์อื่นคือ ทรงผลมีลักษณะคล้ายหวดนึ่งข้าวเหนียว จึงถูกตั้งชื่อว่า “ทุเรียนก้านยาวทรงหวด” ขนาดผลใหญ่ ลักษณะหนามแหลมคมมองเห็นร่องพูได้ชัดเจน เปลือกผลบางไส้แกนไม่หนาเหมือนทุเรียนชนิดอื่น และติดผลดกอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เนื้อในสุกเป็นสีเหลืองเข้ม เนื้อละเอียดไม่เป็นเส้นใย รสชาติหวานมันหอมรับประทานอร่อยเป็นที่ถูกปากถูกใจของผู้รับประทานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทุเรียนก้านยาวทรงหวด หรือ DURIO ZIBETHINUS MURRAY เกิดจากการเอาเมล็ดของทุเรียนทองสุก ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ทุเรียนก้านยาว ไปเพาะเป็นต้นกล้าแล้วปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผล ปรากฏว่าผลมีรูปทรงแปลกกว่าพันธุ์ทองสุกอย่างชัดเจน เนื้อมีรสชาติหวานมันหอมอร่อยตามที่กล่าวข้างต้น ปัจจุบัน “ทุเรียนก้านยาวทรงหวด” มีเหลือปลูกในพื้นที่ ต.บางรักน้อย จ.นนทบุรี เพียง ๓ สวน ในเนื้อที่ประมาณ ๓๐ ไร่เศษเท่านั้น จึงเป็นสาเหตุทำให้ “ทุเรียนก้านยาวทรงหวด” มีราคาสูง เนื่องจากมีต้นไม่มากนั่นเอง เวลาถึงฤดูกาลติดผลจะมีคนไปจ่ายเงินจองไว้ก่อนตั้งแต่ผลยังไม่โตเลย จึงเป็นที่มาของอีกชื่อว่า “ราชาแห่งทุเรียน”
ใครต้องการกิ่งตอนของ “ทุเรียนก้านยาวทรงหวด” หรือ “ราชาแห่งทุเรียน” ติดต่อ “สวนอภิริญญา” หรือ ชมรมอนุรักษ์พันธุ์ทุเรียนนนท์ ศูนย์ไม้ดอกไม้ประดับซอยช้าง โทร.๐๘-๙๖๙๕-๐๐๓๗ ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูกทั้งเพื่อรับประทานผลในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อเชิงธุรกิจเก็บผลขายสุดคุ้มราคาดีครับ.. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - พุธที่ ๒/๔/๕๗ "ทุเรียนกำปั่นขาว" หวานมันอร่อยผู้อ่านจำนวนมากอยากทราบว่า “ทุเรียนกำปั่นขาว” เป็นอย่างไร ซึ่งความจริงแล้วทุเรียนชนิดนี้เป็นหนึ่งในจำนวน ๑๓ ชนิดของทุเรียนในสกุลกำปั่น และที่รู้จักนิยมรับประทานกันแพร่หลาย ได้แก่ ทุเรียนหมอนทอง อยู่ในสกุลเดียวกันด้วย โดย “ทุเรียนกำปั่นขาว” มีชื่อเรียกอีกคือ ทุเรียนกำปั่นเดิม มีแหล่งที่พบคือ จ.นนทบุรี และ จ.ระยอง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า DURIO ZIBETHINUS MURRAY มีลักษณะเด่นคือ เนื้อของ “ทุเรียนกำปั่นขาว” จะเป็นสีขาวนวล ไม่เป็นสีเหลืองเหมือนเนื้อทุเรียนทั่วไป รสชาติหวานจัดปนมันและให้เนื้อเยอะ เมล็ดเล็กลีบ ถ้าสุกจัดเนื้อมักจะเละ จึงต้องรับประทานขณะที่ผลเริ่มแก่จะอร่อยมาก หากเป็นผลสุกหล่นจากต้นเองโดยธรรมชาตินำ เอาเนื้อไปทำทุเรียนกวนจะได้ปริมาณเยอะและมีความอร่อยกว่าเนื้อทุเรียนกวนจากสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน
ทุเรียนกำปั่นขาว มีลักษณะประจำพันธุ์คือ ลำต้นตั้งตรง อวบอ้วน แตกกิ่งก้านเป็นทรงกรวยคว่ำ ใบจะมีขนาดเล็กและสั้นกว่าใบทุเรียนสายพันธุ์ทั่วไป ปลายใบแหลมกว่าด้วย
ดอก ขณะยังตูมจะดูคล้ายดอกบัว สีเขียวอ่อน “ผล” รูปกลมรีหรือค่อนข้างยาว ผลจะมีขนาดใหญ่ ผิวผลเป็นสีน้ำตาลอมเขียว เนื้อในผลสุกเป็นสีขาวนวล จึงถูกตั้งชื่อตามลักษณะสีของเนื้อว่า “ทุเรียนกำปั่นขาว” ผลแก่เริ่มจะสุกเนื้อผลจะมีรสชาติดีที่สุด ซึ่งจะเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนในสกุลกำปั่นทุกชนิด เหมือนกับเนื้อสุกของทุเรียนหมอนทองทุกอย่าง จะมีความแตกต่างกันเพียงสีของ “ทุเรียนกำปั่นขาว” จะเป็นสีขาวนวลเท่านั้น เมล็ดเล็กลีบตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่ง “ทุเรียนกำปั่นขาว” จัดเป็นสายพันธุ์ที่ปลูกง่ายโตเร็วให้ผลผลิตดี
ปัจจุบัน “ทุเรียนกำปั่นขาว” มีกิ่งตอนขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ ๒๑ ราคาสอบถามกันเอง ส่วน ผลและเนื้อของ “ทุเรียนกำปั่นขาว” มีขายเฉพาะตามตลาดผลไม้ไม่กี่แห่งใน กทม.เท่านั้นครับ. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - พุธที่ ๓๑/๗/๕๖ "ทุเรียนหลง-หลินลับแล" เนื้ออร่อยราคาดีทุเรียนทั้ง ๒ ชนิด เป็นพันธุ์พื้นเมืองของ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่เปรียบเสมือนทุเรียนพี่และทุเรียนน้อง โดย “ทุเรียนหลงลับแล” เกิด จากการที่ นายหลง อุประ บ้านอยู่เลขที่ ๑๒๖ หมู่ ๑ บ้านนาปอย ต.หัวดง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นำเอาเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์ไปปลูกจนต้นโตติดผลดกเต็มต้น รูปทรงของผลสวย ผลโตเต็มที่น้ำหนักประมาณ ๓.๕ กิโลกรัม เนื้อสุกเต็มพู เมล็ดเล็กลีบ เนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม ไม่เละแต่เหนียว รสหวานหอมมันอร่อยมาก เมื่อนำออกจำหน่ายได้รับความนิยมจากผู้ซื้ออย่างกว้างขวาง โดยมีราคาระหว่างกิโลกรัมละ ๓๐๐-๓๘๐ บาท เมื่อส่งเข้าประกวด ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมทุเรียนเพาะเมล็ด ของ จ.อุตรดิตถ์ ปี ๒๕๒๐ และจดทะเบียนรับรองพันธุ์วันที่ ๒๐ ก.ย. ปี ๒๕๒๑ ในชื่อ “ทุเรียนหลงลับแล” ส่วน “ทุเรียนหลินลับแล” มีจุดเริ่มจาก นายหลิน บันลาด นำเอาเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์ไปปลูกจนต้นโตติดผลดกเหมือนกับ “ทุเรียนหลงลับแล” แต่รูปทรงของผลจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยใกล้เคียงกันระหว่าง ๓.๕ กิโลกรัมต่อผล เนื้อในสุกจะเต็มพู เมล็ดเล็กลีบเช่นกัน รสหวานมันหอม รับประทานอร่อยมาก นายหลิน บันลาด ได้ ตั้งชื่อว่า “ทุเรียนหลินลับแล” เป็นการ นำเอาชื่อตัวเองกับชื่ออำเภอรวมกัน ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อไปรับประทานอย่างแพร่หลายไม่แพ้ “ทุเรียนหลงลับแล” ราคาอยู่ในระดับเดียวกัน ปัจจุบันทุเรียนทั้ง ๒ ชนิด มีการปลูกเป็นการพาณิชย์เพื่อเก็บผลส่งต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ประเทศ ในแถบยุโรป และ อเมริกา ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - อังคารที่ ๒๗/๕/๕๗ "ทุเรียนสาลิกา" เนื้ออร่อยของดีพังงาทุเรียนชนิดนี้ มีถิ่นปลูกที่ ตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา โดยในปัจจุบันต้นแม่พันธุ์เดิมยังยืนต้นตระหง่านอยู่ มีขนาดของโคนต้นใหญ่ถึง ๓ คนโอบ มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี และมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ซึ่ง “ทุเรียนสาลิกา” มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ รูปทรงผลจะกลมสวยงามมาก น้ำหนักผลไม่มากจนเกินไป ผลเมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง ๑.๕-๒ กิโลกรัมเท่านั้น พูใหญ่ เนื้อเต็มพูเปลือกผลบาง เมื่อสุกเนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานแหลมเหนียวละเอียดไม่เละ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก ส่วนที่มาของชื่อ เล่ากันว่าความอร่อยของเนื้อสุกเปรียบเหมือนความสวยงามของนกสาลิกาที่ร้องเสียงไพเราะ คนในยุคสมัยก่อนจึงตั้งชื่อว่า “ทุเรียนสาลิกา” และเรียกขานกันเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ทุเรียนสาลิกา มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับทุเรียนทั่วไป แต่ขนาดของผลจะไม่ใหญ่โตและทรงผลกลมสวยน่าชมยิ่ง เมล็ดเล็กลีบ เนื้อหนาแน่นหวานมันหอมอร่อยตามที่กล่าวข้างต้น คนที่ได้ทดลองรับประทานเนื้อของ “ทุเรียนสาลิกา” แล้วจะยอมรับและพูดตรงกันว่ารสชาติเป็นหนึ่งเหนือกว่าเนื้อทุเรียนพันธุ์ชะนีและพันธุ์หมอนทองอย่างชัดเจน จึงเป็นของดีประจำจังหวัดพังงาและนิยมซื้อเป็นของฝากให้ผู้นับถือถูกใจผู้รับเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง “ทุเรียนสาลิกา” จัดเป็นพันธุ์เบา ติดผลดกมากและจะให้ผลผลิตหลังปลูกเพียง ๔-๕ ปีเท่านั้น เมื่อต้นอายุ ๑๐ ปีขึ้นไป จะให้ผลผลิต ๑๐๐-๒๐๐ ผลต่อต้นและต่อปี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ - พุธที่ ๑๘/๖/๕๗ ทุเรียนเม็ดในยายปราง ทุเรียนเม็ดในยายปรางแรกทีเดียว ทุเรียนชนิดนี้ผู้ปลูกเป็นชายชื่อ นายนาก เอาเมล็ดทุเรียน พันธุ์กระดุม ไปเพาะเป็นต้นกล้า ปลูกจนต้นโตมีดอกและติดผล เรียกชื่อว่า ทุเรียนเม็ดในตานาก กับ ทุเรียนพานพระศรี ต่อมา นางปราง ฉิมพุก ได้นำไปปลูกที่หมู่ ๕ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยไม่รู้ว่าเป็นทุเรียนอะไร เมื่อนำผลไปวางขายที่ตลาดบางบัวทอง ผู้ซื้อไปรับประทานชื่นชอบมาก จึงเรียกว่า “ทุเรียนเม็ดในยายปราง” และมีผู้นำไปปลูกที่ อ.แกลง จ.ระยอง เก็บผลขายถูกใจผู้ซื้อไปรับประทานอย่างแพร่หลาย เพราะเนื้อสุกละเอียดไม่เละ เมล็ดลีบ หรือเรียกว่าเมล็ดตาย เปลือกบาง รสชาติหวานมันพิเศษอร่อยมาก ราคาสวนกิโลกรัมละ ๑๒๐-๑๕๐ บาท ปัจจุบันส่งไปขายที่ประเทศแคนาดา จีน และไต้หวัน ได้รับความนิยมระดับต้นๆ เลยทีเดียว
ทุเรียนเม็ดในยายปราง หรือ DURIO ZIBTHINUS MURRAY เป็นพันธุ์เบาติดผลง่าย พุ่มเล็ก “ผล” กลมขนาดเล็ก ทรงผลมักบิดงอปลายผลป้าน หนามสั้นเล็กแหลม เปลือกผลบาง เมล็ดลีบ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองเข้ม หนาละเอียด รสหวานมันอร่อย ตามที่กล่าวข้างต้น ผลโตเต็มที่น้ำหนักระหว่าง ๑-๒ กิโลกรัม เป็นทุเรียนผลเล็ก แต่รสชาติยิ่งใหญ่ พอดีกินสำหรับ ๑-๒ คนต่อผล จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในเวลานี้ ติดผลดกปีละครั้งตามฤดูกาล ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง นสพ.ไทยรัฐ ๒๗/๑๑/๕๗ ทุเรียนสาลิกา ทุเรียนชนิดนี้ มีแหล่งปลูกหรือถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในพื้นที่ ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ในปัจจุบันต้นแม่ของ “ทุเรียนสาลิกา” ยังยืนต้นอยู่ มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี และยังคงให้ผลผลิตติดผลดกเป็นปกติ โคนต้นมีขนาดใหญ่ถึงขนาด ๓ คนโอบ มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดย “ทุเรียนสาลิกา” มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ ทรงผลกลมสวย ผลโตเต็มที่มี น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ ๑.๕-๒ กิโลกรัม ต่อผลเท่านั้น พูใหญ่เนื้อเต็มพู เปลือกผลบาง เนื้อสุกเป็นสีเหลืองเข้ม เมล็ดเล็กและลีบ รสชาติหวานแหลม เนื้อละเอียด ไม่เละ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก คนในท้องถิ่นในยุคนั้น นิยมเปรียบความอร่อยของ “ทุเรียนสาลิกา” เหมือนกับนกสาลิกาที่มีเสียงไพเราะ จึงตั้งชื่อว่า “ทุเรียนสาลิกา” และเรียกขานกันเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันดังกล่าว
ทุเรียนสาลิกา มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับทุเรียนทั่วไป แต่ขนาดของผลจะไม่ใหญ่โตนัก รูปทรงของผลสวย เนื้อหนาแน่น รสชาติหวานมันรับประทานอร่อยตามที่กล่าวข้างต้น คนที่ได้ลิ้มรสเนื้อ “ทุเรียนสาลิกา” ต่างพากันลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า รสชาติของ “ทุเรียนสาลิกา” ดีและอร่อยเหนือกว่าทุเรียนพันธุ์ใดๆ จึงถือว่าเป็นของดีประจำจังหวัดพังงา นิยมซื้อเป็นของฝากให้ผู้นับถือ ถูกอกถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับ และ “ทุเรียนสาลิกา” จัดเป็นทุเรียนพันธุ์เบา ติดผลดกมาก จะติดผลหลังปลูก ๔-๕ ปี จากนั้นเมื่อต้นมีอายุ ๑๐ ปีขึ้นไปจะให้ผลผลิต ๑๐๐-๒๐๐ ผล ต่อต้นและต่อปี ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง นสพ.ไทยรัฐ ทุเรียนนกหยิบ อร่อยราคาดีทุเรียนชนิดนี้ เป็นสายพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของ จังหวัดนนทบุรี ต่อมามีผู้นำเอาพันธุ์ไปปลูกเพื่อเก็บผลขายในพื้นที่ จ.ตราด จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อไปรับประทานอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีรสชาติความอร่อย ใกล้เคียงกับทุเรียนหมอนทองมาก แต่จะมีความหวานมันจัดกว่า เนื้อค่อนข้างละเอียด เป็นสีเหลืองเข้ม เมล็ดลีบ ทรงผลเหมือนกับผลของทุเรียนหมอนทอง แต่หนามจะละเอียดและถี่คล้ายผลทุเรียนพันธุ์พวงมณี จนทำให้พูดกันว่า “ทุเรียนนกหยิบ” เป็นลูกผสมระหว่างทุเรียนหมอนทองกับทุเรียนพวงมณี
ทุเรียนนกหยิบ หรือ NOKYIP–DURIO ZIBETHINUS MURRAY มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้ยืนต้น สูง ๑๕-๒๐ เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มใหญ่ ใบเป็นรูปรีป้อม ปลายแหลม โคนมนหรือเกือบมน ดอกและ “ผล” ออกปีละครั้งตามฤดูกาล โดยผลจะออกตามกิ่งก้าน รูปทรงของผลจะเหมือนกับผลของทุเรียนหมอนทอง จะแตกต่างกันที่หนามรอบผลตามที่กล่าวข้างต้น ผลเมื่อโตเต็มที่มีนํ้าหนักประมาณ ๓-๔ กิโลกรัม ต่อผล
เนื้อผลสุก เป็นสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอม ไม่เละหรือแฉะ รสชาติจะหวานมันตั้งแต่ขณะผลยังห่ามอยู่ จะมีความหวานมันจัดเมื่อผลสุกเต็มที่ รับประทานอร่อยมาก และที่เป็นจุดเด่นของ “ทุเรียนนกหยิบ” อีกอย่างคือ รสชาติความหวานมันจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด ปัจจุบันจึงเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวางและมีราคาดีมาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง นสพ.ไทยรัฐfu.
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มิถุนายน 2559 16:41:44 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2556 09:47:32 » |
|
. ทุเรียนนกกระจิบ หวานแหลมราคาดีทุเรียนนกกระจิบ เป็นคนละพันธุ์กับทุเรียนนกหยิบ โดย “ทุเรียนนกกระจิบ” เป็นทุเรียนพันธุ์ดั้งเดิมของ จ.นนทบุรี จากนั้นได้กระจายปลูกไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย สามารถเจริญเติบโตมีดอกและติดผลได้ดีเหมือนกับปลูกที่ จ.นนทบุรี ทุกอย่าง มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์ คือ รูปทรงของผลสวย เปลือกผลบาง ผลมีขนาดใหญ่แบบพอดีไม่หนักมากเกินไป พูระหว่างผลโต เมล็ดลีบและบางโดยธรรมชาติ เนื้อเยอะเต็มพู เป็นสีเหลืองเข้ม เนื้อละเอียดหวานแหลม มีกลิ่นหอมรับประทานอร่อยมาก น้ำหนักผลโตเต็มที่ ๑-๒ กิโลกรัมต่อผล เป็นทุเรียนสายพันธุ์เบา มีดอกและติดผลง่าย และผลแก่ให้ผู้ปลูกเก็บผลกินหรือเก็บผลขายได้ก่อนทุเรียนสายพันธุ์อื่นๆ ตลาดผลไม้ต้องการเยอะ ราคาดี โดยเฉพาะประเทศจีนนิยมอย่างกว้างขวาง
ทุเรียนนกกระจิบ มีชื่อวิทยาศาสตร์และมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับทุเรียนทั่วไปทุกอย่าง มีข้อแตกต่างกับทุเรียนนกหยิบให้เป็นข้อสังเกตคือ ใบของ “ทุเรียนนกกระจิบ” จะเล็กกว่าใบของทุเรียนนกหยิบ เมล็ดของ “ทุเรียนนกกระจิบ” เล็กลีบและบาง ส่วนเมล็ดของทุเรียนนกหยิบจะใหญ่ทุกเมล็ด น้ำหนักผลต่างกันคือ “ทุเรียนนกกระจิบ” ผลโตเต็มที่จะมีน้ำหนัก ๑-๒ กิโลกรัมเท่านั้น แต่ผลของทุเรียนนกหยิบจะหนักถึง๒-๔ กิโลกรัม และสุดท้ายก้นผลของ “ทุเรียนนกกระจิบ” จะบุ๋มไม่เหมือนกับก้นผลของทุเรียนนกหยิบจะแหลมต่างกันอย่างชัดเจน สามารถแยกแยะตามที่กล่าวข้างต้นก่อนจะซื้อไปปลูกไม่ผิดพลาด นสพ.ไทยรัฐ ทุเรียนหมอนเขียว ทุเรียนชนิดนี้ เป็นพันธุ์เก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรี นิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายมาแต่โบราณแล้ว จากนั้น “ทุเรียนหมอนเขียว” ได้หายไประยะหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันเพิ่งพบว่ามีผู้ขยายพันธุ์ตอนกิ่งออกวางขาย จึงรีบแนะนำให้ผู้อ่านไทยรัฐทราบอีกตามระเบียบ โดย “ทุเรียนหมอนเขียว” มีลักษณะประจำพันธุ์คือ ต้นจะทนทานต่อโรคได้ดี เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตต่อต้นสูง ผลมีขนาดใหญ่และให้น้ำหนักดี เนื้อสุกเป็นสีเหลือง รสชาติหวานมันมีกลิ่นหอม เนื้อสุกไม่เละ ละเอียดไม่เป็นเส้นใย ขณะเนื้อยังห่ามจะมันหวานรับประทานอร่อยมาก เมล็ดลีบให้เนื้อเยอะเหมือนกับทุเรียนหมอนทอง และติดผลดกตามฤดูกาล ที่สำคัญ “ทุเรียนหมอนเขียว” จะติดผลได้ก่อนทุเรียนพันธุ์อื่นๆ จึงทำให้สามารถเก็บผลรับประทานและเก็บผลขายได้ราคาดี เหมาะจะปลูกเป็นเชิงพาณิชย์ เก็บผลขายเป็นการค้า ซึ่งในปัจจุบัน “ทุเรียนหมอนเขียว” มีราคาระหว่างกิโลกรัมละ ๑๕๐-๒๐๐ บาท กำลังเป็นที่นิยมรับประทานอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้
ทุเรียนหมอนเขียว อยู่ในวงศ์ BOMBACACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง ๑๕-๒๐ เมตร ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนมน เนื้อใบค่อนข้างหนา “ผล” ออกตามกิ่งก้าน รูปกลมรีคล้ายผลทุเรียนหมอนทอง ผลแบ่งเป็นพูชัดเจน มีหนามตลอดทั้งผล เมื่อผลสุกเปลือกผลจะยังคงเป็นสีเขียวดูคล้ายผลไม่สุก ผู้ปลูกจะต้องใช้วิธีนับวันตั้งแต่มีดอกจนติดเป็นผลโตประมาณ ๑๑๐ วัน จึงเก็บผลได้สุกพอดี เลยถูกเรียกชื่อว่า “ทุเรียนหมอนเขียว” ดังกล่าว เปลือกผลบาง เนื้อหวานมันหอมอร่อยตามที่กล่าวข้างต้น ใครต้องการกิ่งตอนติดต่อ “สมาชิกชมรมอนุรักษ์ทุเรียนนนท์” หรือ “สวนอภิรัญญา” โทร.๐๘-๙๖๙๕-๐๐๓๗ ราคาสอบถามกันเองครับ. นสพ.ไทยรัฐ – พุธที่ ๖/๘/๕๗ ทุเรียนแดงอินโด เนื้อสีแปลก หวานหอมอร่อยทุเรียนชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินโดนีเซีย ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว โดยมีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือลำต้นใหญ่แข็งแรง ทนต่อโรคสูง ใบมีขนาดใหญ่กว่าใบของทุเรียนพันธุ์ไทยทั่วไป รูปทรงของผลสวย ไม่ใหญ่โตนัก มีน้ำหนักเมื่อผลโตเต็มที่เฉลี่ยระหว่าง ๒ กิโลกรัมต่อผลเท่านั้น ที่ถือว่าเป็นพิเศษได้แก่ เนื้อในสุกจะเป็นสีแดงเข้ม แตกต่างจากเนื้อทุเรียนของไทยที่พบเห็นจนชินตาเป็นสีเหลืองอย่างชัดเจน เนื้อสุกละเอียดเหนียว เมล็ดเล็ก รสชาติหวานหอมรับประทานอร่อยมาก ผู้นำเข้าจึงตั้งชื่อตามสีของเนื้อสุกและถิ่นกำเนิดเป็นภาษาไทยว่า “ทุเรียนแดงอินโดฯ” ดังกล่าว
ทุเรียนแดงอินโดฯ อยู่ในวงศ์ MALVACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับทุเรียนทั่วไปทุกอย่าง จะมีข้อแตกต่างที่ใบจะมีขนาดใหญ่กว่า และเนื้อในสุกเป็นสีแดงเท่านั้น ในประเทศอินโดนีเซียมีชื่อเรียกอีกว่า “ทุเรียนสีรุ้ง” มีหลายสายพันธุ์ มีแหล่งปลูกในหลายเมืองหรือหลายจังหวัดในประเทศอินโดนีเซีย เช่น พันธุ์เมร่อน จากบันยุวังกี, พันธุ์บูลันกัน จากกาลิมันตัน, พันธุ์วายุท, พันธุ์เซ็กซี่พิงค์ เป็นต้น แต่ละพันธุ์จะมีสีของเนื้อในไม่เหมือนกัน อย่างเปลือกผลสีเขียวเนื้อในเป็นสีแดง, เปลือกผลสีเหลืองเนื้อสีส้ม และเปลือกผลสีแดงเนื้อเป็นสีเหลืองก็มี เนื้อสุกรสชาติหวานหอมเหมือนกับทุเรียนไทยทุกอย่าง แต่มีบางพันธุ์มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นคาราเมลและกลิ่นอัลมอนด์คั่ว ชาวอินโดนีเซียนิยมรับประทานมาก ติดผลดก ๖๐๐ ผลต่อต้นตามฤดูกาลหรือติดผลได้ปีละ ๒ ครั้ง นสพ.ไทยรัฐ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มิถุนายน 2559 16:42:55 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2556 16:57:22 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2559 17:07:20 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2556 17:38:33 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2559 17:09:38 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2556 18:04:05 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2559 17:23:49 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2556 13:38:51 » |
|
.
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มิถุนายน 2559 16:52:45 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2556 17:39:14 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤศจิกายน 2558 15:33:00 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2556 18:24:43 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2559 16:38:44 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2556 19:48:30 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 กันยายน 2559 17:00:20 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5478
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2556 15:54:49 » |
|
. เฉาก๊วย เฉาก๊วย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mesona Chinensis ถิ่นกำเนิดอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น ทางตะวันตกของประเทศจีน และไต้หวัน มักพบขึ้นอยู่ในบริเวณพื้นที่หุบเขา เป็นดินทรายแห้ง มีหญ้าขึ้น เป็นพืชตระกูลเดียวกับกะเพรา สะระแหน่และยี่หร่าในวงศ์ Lamiaceae
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่มมีกิ่งเลื้อย ลำต้นและใบมีขนปกคลุม เปราะและหักง่าย สูงราว ๑๕-๑๐๐ ซ.ม. ใบเป็นรูปหยดน้ำรี ปลายใบแหลมมีขอบหยักคล้ายฟันเลื่อย ออกดอกสีขาวเป็นช่อแบบเชิงเป็นชั้นลดหลั่นลงมา ในช่อดอก จะมีดอกย่อยอีกจำนวนมากคล้ายดอกใบกะเพรา ออกดอกได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งปี ปลูกขึ้นได้ในดินทั่วไป อุ้มน้ำ ชอบแดดและความชุ่มชื้น มักขยายพันธุ์ด้วยวิธีตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา สามารถบรรเทาอาการร้อนใน ดับกระหาย รักษาอาการหวัด เบาหวาน แก้ความดันโลหิตสูง นิยมใช้ใบสดหรือใบแห้งมาผสมน้ำต้มในหม้อดินดื่มเป็นประจำ ลำต้นแห้งนำมาต้มกรองแต่น้ำผสมกับแป้งพืชเป็นเจลลี่ กินเป็นของหวานใส่น้ำเชื่อมและน้ำแข็ง เรียกว่า "ขนมเฉาก๊วย" นสพ.ข่าวสด แห้วหมู หญ้าชนิดหนึ่งที่บางคนมองไม่เห็นค่า แต่มีสรรพคุณเหลือหลาย ขอบอกกล่าวแต่เพียงบางส่วน ดังนี้ เป็นสมุนไพรที่มีการวิจัยพบว่ามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้หัวนำมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาเคี่ยวกินช่วยบำรุงกำลัง ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงกระชุ่มกระชวย ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน หูตาสว่างไสว หัวแห้วหมูใช้เป็นยาเจริญอาหาร ด้วยการใช้หัวแห้วหมูประมาณ ๑ ฝ่ามือ นำมาต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือเป็นโรคผอมแห้งแรงน้อย นสพ.เดลินิวส์ อ้อยช้าง อ้อยช้าง เป็นไม้เถายืนต้น มีหนามตามลำต้นและกิ่งก้าน ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ยาว ๑๐-๑๕ ซม. โคนก้านใบป่องออก ใบย่อยรูปขอบขนาน ดอก ช่อ ออกที่ปลายกิ่ง ลักษณะเป็นพู่ กลีบดอกสีขาว กลิ่นหอม ผลเป็นฝัก สีเหลืองถึงน้ำตาล ตรงที่เป็นเมล็ดจะมีรอยนูนเห็นชัด มีสรรพคุณทางยาแพทย์แผนไทย ราก มีรสหวาน ใช้เป็นยาแก้ไอ กระหายน้ำ ยาระบาย ผล ขับเสมหะ เนื้อไม้ มีรสหวาน แก้โรคในคอ แก้ไอขับเสมหะ จากการศึกษาทางเคมีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า สารที่ให้ความหวาน เป็นน้ำตาลกลูโคสและซูโครส. ตีนเป็ดทรายตีนเป็ดทราย เป็นไม้ยืนต้นมียางสีขาว รากแผ่กว้างเพื่อยึดกับทราย ใบยาวรี ค่อนข้างหนา ผิวเคลือบใบหนา ดอกสีขาว ผลทรงกลมรี ออกดอกที่ปลายกิ่ง เป็นแบบช่อกระจุกแน่น มีกลีบเลี้ยง ๕ กลีบ ติดทนสีขาวแกมเขียวอ่อน แต่ละแฉกมีขนาด ๐.๕-๐.๖6 x ๐.๕-๒ ซม. วงกลีบดอกสีขาว ตรงกลางดอกสีแดง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน เป็นหลอดปากแตร ยาว ๒.๕-๔ ซม. ปลายหลอดแยกออกเป็น ๕ กลีบ แต่ละกลีบยาว ๒-๒.๕ ซม. กลีบดอกสั้นกว่าหลอด ผลรูปไข่หรือรูปรี ขนาด ๔-๖ x ๕-๙๘ ซม. มักอยู่เป็นคู่ ผิวสีเขียวเป็นมัน เมื่อสุกเป็นสีม่วง แต่ละผลมี ๑-๒ เมล็ด ออกดอกผล ตลอดทั้งปี ใบและผลมีสารที่เป็นพิษต่อหัวใจ และจะเป็นพิษมากเมื่อถูกย่อย ในอดีตเคยใช้ยางของพืชชนิดนี้เป็นยาพิษเพื่อล่าสัตว์ พบมากในบริเวณที่เป็นดินทรายบริเวณแนวชายฝั่งทะเลและบริเวณป่าชายเลนเชิงทรงที่ติดกับชายหาด. เพชรสังฆาต เพชรสังฆาตเป็นไม้เถา เถาอ่อนสีเขียวเป็นสี่เหลี่ยม เป็นข้อต่อกัน มีมือสำหรับเกาะยึดออกตามข้อต่อตรงข้ามใบ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตามข้อต้น รูปสามเหลี่ยม ปลายใบมน โคนใบเว้า ขอบใบหยักมนห่างๆ แผ่นใบเรียบสีเขียวเป็นมัน ก้านใบยาว ๒-๓ ซม. ดอก ออกเป็นช่อตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกสีเขียวอ่อน กลีบดอกมี ๔ กลีบ โคนด้านนอกมีสีแดง ด้านในสีเขียวอ่อน เมื่อบานเต็มที่ดอกจะงองุ้มไปด้านล่าง เกสรเพศผู้มี ๔ อัน ผล รูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว สุกสีแดงเข้มเกือบดำ เมล็ดกลม สีน้ำตาล มี ๑ เมล็ด ในตำราแพทย์แผนไทยนำน้ำจากต้นใช้หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูก แก้เลือดเสียในสตรีประจำเดือนไม่ปกติ เป็นยาธาตุเจริญอาหาร ใบยอดอ่อน ใช้รักษาโรคลำไส้เกี่ยวกับอาหารไม่ย่อยใบและรากเป็นยาพอกเถาใช้รักษาริดสีดวงทวารหนัก. มันปู มันปูเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ มีความสูงต้นประมาณ ๑๕ เมตร ปลายกิ่งห้อยลง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับสองข้างของกิ่ง ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบ ๕-๗ คู่ ก้านใบสั้น หน้าใบมีสีเขียวอ่อนกว่าหลังใบ ใบอ่อนและก้านอ่อนมีสีแดงหรือสีม่วงอมแดง เมื่อใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดอกเป็นดอกช่อ ดอกช่อขนาดเล็กมีสีเขียวอ่อน แยกเพศอยู่ต้นเดียวกัน ออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ และจะออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม-ตุลาคม ผลแก่สีชมพูถึงแดง มีลักษณะกลมแป้น ภายในผลมี ๑๐-๑๒ พู ผลจะแตกเมื่อแห้ง มี ๑๐-๑๒ เมล็ด เมล็ดมีขนาดเล็ก ค่อนข้างกลม มีเยื่อสีแดงหุ้ม ติดที่ปลายของแกนผล จะพบมันปูขึ้นในป่าน้ำกร่อย และบริเวณชายป่าพรุ มีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ ของประเทศไทย ในต่างประเทศพบที่ อินเดีย ศรีลังกา เวียดนามใต้ และมาเลเซีย สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่งก้านและแยกหน่ออ่อนจากต้นแม่ มีประโยชน์ทางสมุนไพรโดยรากและลำต้น มีสรรพคุณแก้ร้อนใน เป็นยาบำรุง ประโยชน์ทางด้านอาหาร ชาวใต้นิยมใช้เป็นผักสดกินกับน้ำพริก หรือใช้เป็นเครื่องเคียงแกงเผ็ดและขนมจีน ส่วนที่นำมาใช้คือใบและยอดอ่อน."เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ ใบชะมวง สถานวิจัยยาสมุนไพรและเทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ (มอ.) ได้ศึกษาวิจัยคุณสมบัติที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งและต้านแบคทีเรียก่อโรคทางเดินอาหาร
ใบชะมวงพบเป็นพืชที่ออกฤทธิ์ดีจึงนำมาแยกสารที่ต้องการ สามารถได้สารมีฤทธิ์ในระดับดี เป็นสารที่มีค่าความเข้มข้นต่ำสามารถยับยั้งเชื้อได้ประมาณ ๗.๘ ไมโครกรัมต่อมิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นสารตัวใหม่ที่ยังไม่มีการค้นพบมาก่อน ทั้งนี้ ยังได้ศึกษาต่อถึงความเป็นไปได้ในการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อโปรโตซัวร์ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่พบบ่อยในภาคใต้ของประเทศไทย พบว่าสารจากชะมวง สามารถยับยั้งโปรโตซัวร์ได้ดี จึงนำไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งปอด และเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว พบว่ามีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน ทั้งนี้จะมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อการรักษาที่ได้ผลและลดอาการข้างเคียงจากการใช้ต่อไป. .. นสพ.เดลินิวส์ โคลงเคลงขี้นก คือพันธุ์ทำยาสมุนไพรปัจจุบัน มีต้นโคลงเคลงนำเข้าจากต่างประเทศวางขายกันอย่างแพร่หลาย มีทั้งจากประเทศไต้หวัน ประเทศออสเตรเลียและแอฟริกา ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ที่นำเข้าสีสันของดอกจะเข้มข้นสวยงามมาก แต่ต้นโคลงเคลงชนิดที่สามารถใช้ทำยาสมุนไพรมีอยู่เพียงสายพันธุ์เดียวที่พบขึ้นทั่วไปตามที่โล่งแจ้งกลางทุ่งหรือบนเขาทั่วไปในประเทศไทย มีชื่อเรียกในไทยว่า “โคลงเคลงขี้นก” ทางภาคใต้เรียก เบร์, มะเหร, มังเคร่, มังเร้, สาเร, สำเร ภาคอีสานเรียก เอ็นอ้า หรือ เอ็นอ้าน้ำ
โคลงเคลงขี้นก หรือ MELASTOMA MALABATHRICUM LINN. อยู่ในวงศ์ MELASTOMATACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้พุ่มสูง ๑.๕-๒ เมตร กิ่งก้านสีน้ำตาลแดง มีขนละเอียด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้าม ปลายและโคนใบแหลม แผ่นใบค่อนข้างแข็ง เส้นใบ ๓ เส้น ออกจากโคนใบไปบรรจบกันที่ปลายใบ ใบสีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มน่าชมยิ่งนัก ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ๓-๕ ดอก มีกลีบดอก ๕ กลีบเป็นสีม่วงอมชมพู มีเกสรตัวผู้สีเหลือง ๕ อัน มีรยางค์สีม่วงโค้งงอ เมื่อดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔-๕ 5 ซม. เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้นจะดูสวยงามมาก “ผล” คล้ายลูกข่าง มีเมล็ดเยอะ ดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด นอกจากชื่อที่กล่าวข้างต้น ยังมีชื่อเรียกอีกคือ ตะลา, เด๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ซิซะโพะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) และกะดูคุ, กาดูโด๊ะ (มาเลเซีย-ปัตตานี)
สรรพคุณทางยา ราก ปรุงเป็นยาดับพิษ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ใบอ่อน กินเป็นอาหารได้ ดอก เป็นยาระงับประสาทและห้ามเลือดในคนที่เป็นริดสีดวงทวาร ผล รสหวานปนฝาดรับประทานได้ มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ ๒๑ ไทยรัฐ - พฤหัสบดีที่ ๗/๒/๕๖ หมามุ่ย มีเมล็ดและฝักขายปัจจุบัน พบว่ามีผู้เก็บเอา ฝักและแกะเมล็ด “หมามุ่ย” บรรจุถุงพลาสติกขาย มีผู้ซื้อกันอย่างแพร่หลาย เพราะเมล็ด ของ “หมามุ่ย” คั่วไฟพอสุกกินก่อนนอนครั้งละ ๒-๓ เมล็ด ทุกวัน หรือคั่วบดเป็นผงละเอียดผสมน้ำหรือเหล้าขาว ๔๐ ดีกรี ดื่มครั้งละ ๑ แก้วเป๊กก่อนนอนทุกวันเช่นกัน จะช่วยทำให้พลังทางเพศแข็งแรง นอกจากนั้นใบสดยังตำคั้นเอาน้ำทาหรือใช้กากพอกรักษาแผลที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้ดีมาก สารสกัดทั้งต้น มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างและการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ ช่วยให้ผู้ที่มีตัวอสุจิน้อยมีโอกาสมีลูกได้มากขึ้น น้ำต้มทั้งต้นมีฤทธิ์ลดการอักเสบของต่อมลูกหมากมนุษย์ สาร L–DOPA ในรากกับเมล็ดใช้ในการรักษาโรค “พาร์กินสัน” มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง ซึ่ง “หมามุ่ย” มีขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ ๓ แผง กับโครงการ ๒๑ ไทยรัฐ ยมหอม ยมหอมเป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง ๓๕ เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ช่อใบยาว ๒๕-๗๐ เซนติเมตร ใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก โคนใบเบี้ยว ปลายใบแหลม ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อห้อยลง มีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกแยกเพศอยู่บนช่อเดียวกัน ผลแห้งแตกตามยาว ผิวมีแผลระบายอากาศกระจายทั่วไป เมล็ดรูปยาวรี มีปีกสองข้าง ขนาดไม่เท่ากัน พบตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงปาปัวนิวกินี ขึ้นตามชายป่าที่ชื้นหรือเปิดใหม่ ที่ระดับความสูง ๓๐๐-๑,๕๐๐ เมตร ออกดอกและติดผลช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคมดอกนำมาทำสีย้อมให้สีเหลืองหรือแดงใช้ย้อมผ้าฝ้าย ผ้าไหมเนื้อไม้แข็ง ทนทาน มีลายสวย นิยมใช้สร้างบ้านเรือนและเฟอร์นิเจอร์ ใช้ทำกระดานฝา เพดาน หีบบุหรี่ โครงอานม้า เครื่องแกะสลัก ฝักดาบ ทำไม้อัดได้ดี เครื่องดนตรี ตุ๊กตา กระเบื้องไม้ แจว พาย กรรเชียง ไม้บุผนังที่สวยงาม ทำเรือยนต์แข่ง ทำเครื่องเล่น ด้ามแร็กเกต กลอง เครื่องดนตรีที่ใช้สาย ทำหีบใส่ของที่ดี หีบศพ หีบชา หีบดินปืน พานท้ายและรางปืน ลักษณะคล้ายไม้สุเหรียนทางภาคใต้ใช้แทนกันได้เปลือก มียางไม้ที่เรียกว่า น้ำฝาด ใช้เป็นยาสมุนไพรสมานแผล และห้ามเลือด แก้ไข้และใส่แผล นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรคเชื้อราบางชนิดอีกด้วย ดอก ใช้เป็นยาขับระดู. เสลดพังพอนตัวผู้เสลดพังพอนตัวผู้เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ ๑ เมตร มีหนามแหลมยาวบริเวณข้อ ข้อละ ๒ คู่ ถึง ๓ คู่ ก้านใบสีน้ำตาลแดง ใบเดี่ยวสีเขียวเข้ม เส้นกลางใบแดง ดอกช่อออกที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว ๘ ซม. มีใบประดับสีน้ำตาลแดง ค่อนข้างกลม กลีบดอกสีส้ม ผลเป็นฝักรูปไข่ ในทางการแพทย์แผนไทยจะใช้รากเข้ายาแก้ตาเหลือง หน้าเหลือง เมื่อยตัว กินข้าวไม่ได้ แก้เจ็บท้อง แก้ผิดอาหาร ถอนพิษงู พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฟัน ใช้ใบถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ลมพิษ รักษาเม็ดผื่นคันตามผิวหนัง แก้โรคเบาหวาน แก้ปวดแผล แผลจากของมีคมบาด แก้โรคฝีต่าง ๆ รักษาโรคคางทูม แก้โรคไฟลามทุ่ง แก้ขยุ้มตีนหมา แก้โรคงูสวัด รักษาโรคเริม ถอนพิษจากเม็ดตุ่มฝีดาษ รักษาโรคฝีดาษ แก้ฟกช้ำ แก้ช้ำบวม ถอนพิษไข้ พิษไข้ทรพิษ เหงือกบวม แก้ริดสีดวงทวาร แก้ยุงกัด แก้ปวดจากปลาดุกแทง."เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ หญ้าลิ้นเป็ด ปลูกเป็นยาไม้ชนิดนี้ จัดอยู่ในจำพวกเดียวกันกับต้นเบญจมาศ พบขึ้นตามทุ่งโล่ง ทุ่งนาทั่วไปชาวจีนเรียกว่า “อะจิเช่า” หรือ LACTUCE DEBILIS MAXIM ส่วนใหญ่ชาวจีนจะนิยมปลูกในบ้านเพื่อใช้ประโยชน์เป็นยาสมุนไพรเท่านั้น คนไทยรู้จัก “หญ้าลิ้นเป็ด” น้อยมาก รสชาติทั้งต้น ดอก รวมราก ขม ใช้เป็นยาเย็นดีมาก ถ้ามีอาการปวดร้อนเจ็บคอ ให้เอา “หญ้า ลิ้นเป็ด” ๓ เฉียน ต้มน้ำใส่น้ำตาลแดง หรือ “หญ้า ลิ้นเป็ด” ๕ เฉียน กับ ยาเย็น และ แฮ่โกวเช่า อย่างละ ๑ ตำลึง (มีขายตามร้านยาจีน) ต้มน้ำใส่น้ำตาลดื่ม เป็นฝีแผลเปื่อยบวมเจ็บ ใช้ “หญ้าลิ้นเป็ด” กับ ลักกักเอง ต้นหูปลาช่อน ตำรวมกันจนแหลกทาหรือใช้ “หญ้าลิ้นเป็ด” ๕ เฉียน ต้มน้ำใส่น้ำตาลแดงดื่มหายได้ เป็นแผลเปื่อยคัน ใช้ “หญ้าลิ้นเป็ด” ๕ เฉียน ต้มใส่เหล้าขาวหรือเหล้าจีนเล็กน้อยดื่มวันละครั้ง ครั้งละ ๑ แก้วเล็กๆ ๑-๒ วัน แรกๆอาจจะคันมากขึ้น แต่จากนั้นก็จะหายได้ ผู้หญิงนมเจ็บ ปวด ใช้ “หญ้าลิ้นเป็ด” ๕ เฉียน ตำ คั้นเอาเฉพาะน้ำชงกับเหล้าเล็กน้อยดื่ม ส่วนกากใช้พอกหรือทา เด็กปากและลิ้นเปื่อยเจ็บ ใช้ “หญ้าลิ้นเป็ด” ตำเอาน้ำทาวันละหลายๆ ครั้ง หรือใช้ใบ “หญ้าลิ้นเป็ด” ๑๐ ใบ ต้มน้ำเดือดใส่น้ำตาลแดงดื่มหายได้ อัตราส่วน ๑ เฉียน เท่ากับ ๓.๗๕ กรัม ๑ ตำลึง เท่ากับ ๓๗.๕๐ กรัม หญ้าลิ้นเป็ด เป็นพืชล้มลุก แตกใบและต้นขึ้นจากรากใต้ดิน หรือไหล ใบลักษณะคล้ายลิ้นเป็ด จึงถูกตั้งชื่อว่า “หญ้าลิ้นเป็ด” ดอกเหมือนกับดอกเบญจมาศ ออกช่วงฤดูหนาว เป็นสีเหลือง เมล็ดจำนวนมาก รูปแบน ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด หรือไหล ปัจจุบัน “หญ้าลิ้นเป็ด” มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ ๒๑ ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกไว้ใช้ประโยชน์เป็นยาสมุนไพรตามที่กล่าวข้างต้นครับ. ไทยรัฐ"เกษตรน่ารู้" สารพัดสารพันเรื่องพันธุ์ไม้ ผักกระฉูด ยอดอ่อนอร่อยผู้อ่านจำนวนมากอยากทราบว่า “ผักกระฉูด” เป็นอย่างไร เพราะเห็นมัดเป็นกำวางขายเป็นผักสดคู่กับผักกระเฉด และผู้ขาย บอกว่ารับประทานได้เหมือนกับผักกระเฉดทุกอย่าง แต่ยังไม่กล้าซื้อรับประทาน ซึ่งความจริงแล้ว “ผักกระฉูด” เป็นผักอยู่ในวงศ์เดียวกับผักกระเฉดคือ LEGUMINO-SAE มีชื่อวิทยาศาสตร์เฉพาะคือ NEPTUNIA JAVANICA MIQ ส่วนผักกระเฉดชื่อวิทยาศาสตร์ว่า NEPTUNIA OLERACEA LOUR ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกัน ต่างกันที่ผักกระเฉดมีทุ่นสีขาวนุ่มหุ้มลำต้นเรียกว่า “นม” แต่ลำต้นของ “ผักกระฉูด” ไม่มีและไม่ต้องลอกออกก่อนรับประทานให้เสียเวลา
ผักกระฉูด เป็นไม้ทอดเลื้อยยาวได้ ๑ เมตร ใบเป็นใบประกอบ ใบย่อย ๗-๓๐ คู่ เป็นรูปขอบขนาน ปลายมนโคนตัด สีเขียวสด ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อแก่เป็นสีเหลืองปนส้มเล็กน้อย “ผล” เป็นฝักแบนมีหลายเมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำต้น พบขึ้นทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีน อินโดนีเซีย พม่า ประเทศติมอร์ ในประเทศไทยพบทุกภาค โดยจะขึ้นตาม ที่โล่งแจ้ง แห้งแล้ง หรือ ที่ชื้นแฉะ มีชื่อเรียกอีกคือ ผักกระเฉดโคก และ ผักกระเฉดบก
ประโยชน์ทางอาหาร ยอดอ่อน กินเป็นผักสด หรือนำไปประกอบเป็นอาหารได้เหมือนกับผักกระเฉดทุกอย่าง เช่น กินเป็นผักสดหรือต้ม ลวก จิ้มน้ำพริกทุกชนิด แกงส้มกุ้ง ปลา เป็นต้น แต่การใช้ประโยชน์ทางอาหารนิยมเด็ดเอาเฉพาะยอดอ่อนยาวประมาณ ๑ นิ้วฟุตเท่านั้นจึงจะกรอบอร่อย หากเด็ดยาวเกินกว่านั้นจะเหนียวไม่นิยมรับประทาน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน “ผักกระฉูด” จัดเป็นวัชพืชที่กำจัดยาก หากให้เลื้อยคลุมพืชชนิดอื่นจะตายหมด จึงมีผู้ปลูกให้ขึ้นเฉพาะที่เพื่อเก็บยอดขายไม่กี่แห่งเท่านั้นครับ. ไทยรัฐ - พุธที่ ๒๖/๒/๕๗ ลูกจันทน์เทศ จันทน์เทศมีความสำคัญสำหรับการผลิตเครื่องเทศสองอย่าง คือ เมล็ดจันทน์เทศ และ ดอกจันทน์เทศ ในตำรายาไทย ลูกจันทน์ จะนำมาใช้แก้ธาตุพิการ บำรุงกำลัง แก้ไข้ บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด ขับลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย แก้บิด แก้กำเดา แก้ท้องร่วง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้เสมหะโลหิต แก้ปวดมดลูก และบำรุงโลหิต เปลือกเมล็ด รสฝาดมีมันหอม นำมาใช้สมานบาดแผลภายใน แก้ท้องอืด แก้ปวดท้อง ในประเทศอินโดนีเซียจะใช้ลูกจันทน์เทศรักษาอาการท้องเสีย และนอนไม่หลับ นอกจากนี้ในบัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ ๕) ปรากฏการใช้ลูกจันทน์ ในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆ ของร่างกาย คือยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร มีส่วนประกอบของลูกจันทน์ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ มีสรรพคุณ บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ. เดลินิวส์ ขิง แก้แผลเป็นหนังศีรษะผมไม่ขึ้นหลายคน มีปัญหาหนังศีรษะเป็นแผลเป็น แล้วเส้นผมบริเวณดังกล่าวไม่งอกขึ้น ทำให้ดูน่าเกลียดมาก ซึ่งในทางสมุนไพรมีวิธีช่วยได้คือให้เอา “ขิง” สดแก่ๆ หั่นเป็นแว่นบางๆ นำไปถูบริเวณที่เป็นแผลเป็น วันละ ๒ ครั้ง เช้า–เย็น ประมาณ ๑๐ วัน หากรากผมยังไม่ตายเส้นผมจะงอกขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ สูตรดังกล่าวใช้ได้ผลระดับหนึ่งมาแต่โบราณแล้ว เพียงแต่มีข้อแม้ว่า แผลเป็นบนหนังศีรษะจะต้องเพิ่งหายจากการรักษาใหม่ๆ จึงจะได้ผล
ขิง หรือ ZINGIBER OFFICINALE ROSEAE อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE มีถิ่นกำเนิดจากอินเดีย มีหัวสดขายทั่วไป เหง้า มีสาร GINGEROL, ZINGIBERONE ใช้แต่งกลิ่นอาหาร สารที่ทำให้ “ขิง” แก่เผ็ดคือ SHOGAOL, ZINGERRONE สรรพคุณขับลม แก้ท้องเฟ้อ ลดอาการเมารถ และ เมาเรือ แก้อาเจียน “ขิง”อ่อน ทำอาหาร. ไทยรัฐ - อังคารที่ ๒๕/๓/๕๗ ต้นข่าแก่ บรรเทาไอ เสมหะในคอเยอะใกล้สู่ฤดูหนาว มีคนแพ้อากาศเยอะ ส่วนใหญ่จะมีอาการไอและมีเสมหะในลำคอมาก ในทางสมุนไพรมีวิธีช่วยบรรเทาได้คือ ให้เอา "ต้นข่าแก่" ตัดเป็นท่อนยาวประมาณครึ่งนิ้ว ๓ ท่อน ทุบพอแตกใส่แก้วหรือถ้วยไว้ เติมน้ำตาลทรายกับเกลือป่นเล็กน้อยพร้อมบีบน้ำมะนาวลงไปครึ่งซีก ใส่น้ำอุ่นลงไปให้ท่วมยา แช่ทิ้งไว้จนตัวยาออกจิบบ่อยๆ เอา "ต้นข่าแก่" ที่แช่อมในปากด้วย จะช่วยให้อาการไอและเสมหะในลำคอค่อยๆดีขึ้นและหายได้ในที่สุด
ข่า หรือ ALPINIA NIGRA (GAERTN) B.L.BURTT. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE สรรพคุณ เหง้าหรือหัวอ่อนต้มเอาน้ำดื่มบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม หัวสดตำผสมเหล้าขาว ๔๐ ดีกรี เอาเฉพาะน้ำทารักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน ดีมาก ในหัวของข่า มีสาร CINFOL, METHYL CINNAMATE ไทยรัฐ - อังคารที่ ๕/๑๑/๕๗ พริกไทยซีลอนเตี้ยพริกไทย เป็นพืชชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกเพื่อเก็บผลใช้ประโยชน์ในครัวเรือนมาแต่โบราณ ซึ่งพริกไทยมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่ผู้ปลูกชื่นชอบมากในปัจจุบันได้แก่ “พริกไทยซีลอนเตี้ย” เนื่องจากต้นสูงเต็มที่ไม่เกิน ๑ เมตร แตกกิ่งก้านกลายเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยหรือไม่เลื้อยเช่นต้นพริกไทยทั่วไป ทำให้ผู้ปลูกไม่ต้องสร้างโครงหรือค้างให้ลำต้นไต่หรือเลื้อยและ ที่สำคัญ “พริกไทยซีลอนเตี้ย” สามารถปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ตั้งในที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวันมีดอกและติดผลดกเต็มต้นได้เหมือนปลูกลงดินทุกอย่าง ตามภาพประกอบคอลัมน์ และยังติดผลตลอดทั้งปี ผู้ปลูกเก็บผลใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่ามาก พริกไทยซีลอนเตี้ย เกิดจากการนำเอาต้นพริกไทยซีลอนพันธุ์ดั้งเดิมที่เป็นไม้เลื้อยโดยธรรมชาติไปพัฒนาพันธุ์หลายวิธีจนทำให้กลายเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยต้นสูงไม่เกิน ๑ เมตร ตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่ง “พริกไทยซีลอนเตี้ย” มีชื่อวิทยาศาสตร์และลักษณะทางพฤกษศาสตร์คือ PEPPER PIPER NIGRUM LINN. อยู่ในวงศ์ PIPERACEAE เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นเป็นข้อโป่งนูน มีรากฝอยงอกตามข้อ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปใบหอก ปลายแหลม โคนมน ดอก ออกตามซอกใบ สีขาวแกมเขียว เป็นดอกแยกเพศ “ผล” รูปทรงกลม เรียงตัวแน่นตามแกนช่อยาวจำนวนมาก ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีแดง รสชาติเผ็ดร้อนมีกลิ่นหอม นิยมเก็บผลสดหรือแห้งปรุงอาหารหลากหลายชนิด เป็นเครื่องเทศ ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำต้น ไทยรัฐ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2559 11:56:19 โดย กิมเล้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
|
|
|
|
กำลังโหลด...