[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 29 สิงหาคม 2554 20:29:41



หัวข้อ: สภาวะธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 29 สิงหาคม 2554 20:29:41
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/160241427.jpg)


(http://lh6.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TBr_4TvayfI/AAAAAAAABD0/ny96kFM6Zak/1276500000.gif)


Photo And Music By Sometime


(http://image.ohozaa.com/i/8d3/L9U6f.gif)


(http://lh6.ggpht.com/_AYFPNs1xf64/TBr_4TvayfI/AAAAAAAABD0/ny96kFM6Zak/1276500000.gif)



ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปนั้นตามความเป็นจริงขณะใดก็ตามที่จิตไม่ได้เป็นไป

ในกุศลกล่าวคือ ไม่ได้เป็นไปในทานไม่ได้เป็นไปในศีลไม่ได้เป็นไปในการอบรม

เจริญปัญญาแล้วที่เหลือนอกจากนั้นเป็นอกุศลทั้งหมดถ้าไม่กล่าวถึงขณะที่รับ

ผลของกรรมซึ่งแสดงให้เห็นว่าอกุศลจิตย่อมเกิดมากกว่ากุศลจิตจะรู้หรือไม่รู้ก็

ตามแต่ส่วนมากมักจะไม่รู้ว่ามีอกุศลจิตเกิดมากกว่าอกุศลเกิดขึ้นตามการสะสม

ของจิตในอดีตที่ได้สะสมกิเลสมาอย่างมากมายนับชาติไม่ถ้วนโดยเฉพาะโลภะซึ่ง

เป็นความติดข้องยินพอใจในวัตถุต่าง ๆ ติดข้องยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส  

และสิ่งที่กระทบสัมผัสกายซึ่งเป็นวัตถุกามในชีวิตประจำวันนอกจากนั้นก็มีความ

โกรธ ความขุ่นเคืองใจความไม่พอใจไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็เป็นอกุศลไม่พ้นเลย

จริง ๆ ซึ่งเมื่อมีเหตุมีปัจจัยอกุศลก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เมื่อสะสมมากขึ้น - มีกำลัง

มากขึ้นย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้กระทำทุจริตกรรมประการต่าง ๆ ได้แสดงให้

เห็นได้ว่าตราบใดก็ตาม ที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ  

กิเลสอกุศล ก็ยังมีอยู่ครบ แม้แต่ในขณะที่รับประทานอาหารไม่พ้นไปจากโลภะความ

ติดข้องยินดีพอใจเลยซึ่งผู้ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมได้ศึกษาพระธรรมเท่านั้นที่จะ

เข้าใจได้ว่า อกุศล มีมากเหลือเกินติดข้องอย่างรวดเร็วไม่พอใจ อย่างรวดเร็ว

เป็นปกติของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่  

ส่วนบุคคลผู้ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงถึงแม้

ว่าตนเองจะยังมีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้นอยู่เมื่อฟังบ่อย ๆ เนือง ๆ ย่อมจะมี

ความรู้ความเข้าใจถึงโทษภัยของอกุสลประการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถค่อย ๆ อบรม

เจริญปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้สามารถรู้ลักษณะของ

สภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรมว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่

สัตว์ บุคคล ตัวตน และปัญญานี้เองเป็นธรรมที่จะดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด

ที่ใดมีปัญญาที่นั่นจะไม่มีอกุศล หรือ ขณะที่เข้าใจ อกุศลจะอยู่ตรงนั้นไม่ได้

การที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้นั้น ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม พิจารณา

ไตร่ตรองพระธรรมค่อย ๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับอดทนที่จะ

ฟังที่จะศึกษาต่อไปด้วยความไม่ท้อถอยที่สำคัญที่สุด คือไม่ขาดการฟังพระ

ธรรมฟังเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพ

{ธรรม} มากยิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องที่ผู้ถามกล่าวถึงการรู้ว่าไม่มีเราไม่ใช่ของเรา(ธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง)

แม้พระพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว ยังน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงธรรม เพราะเห็นว่าพระธรรมที่

พระองค์ตรัสรู้ยากที่สัตว์โลกจะเข้าใจ ดังนั้นความละเอียดของพระธรรมจึงมีมากครับ

แม้การรู้ว่าไม่มีเรา ไม่ใช่เรา นั้นการเจริญสติปัฏฐานที่รู้ความจริงของสภาาธรรมที่มี

จริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่การคิดนึกว่าไม่มีเรา ไม่ใช่รา แต่ที่สำคัญ อะไร

ที่ไม่ใช่เรา นั่นคือ ธรรม และธรรมอะไรที่ไม่ใช่เรา ธรรมที่มีจริงในขณะนี้และอะไร คือ

ธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เห็นได้ยิน ได้กลิ่น จิต เจตสิก รูป แต่ไม่ใช่การคิดนึกว่า เห็น

ไม่ใช่เรา สี ไม่ใช่เรา จิต เจตสิก รูปไม่ใช่เรา การรู้ความจริงไม่ใช่การคิดนึกว่าไม่มีเรา

ไม่ใช่เรา แต่ต้องเป็นสติและปัญญาที่รู้ตรงลักษณะที่กล่าวว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ไม่

ใช่เรา ขณะนี้เห็นเป็นเพียงสี หรือไม่ หรือยังเห็นเป็นสัตว์ บุคคลอยู่นี่แสดงความ

ละเอียดของปัญญาดังนั้นขอให้เริ่มกลับมาสู่ความเข้าใจเบื้องต้น ถ้าคิดว่าเข้าใจ

แล้วก็จะทำให้หลงทางผิดได้ดังนั้นการรู้ว่าไม่มีเรา - ไม่ใช่เราก็เป็นเพียงความคิด

นึกถึงสภาพธรรม ไม่ใช่การรู้ตรงลักษณะขอสภาพธรรมจริง ๆ

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/28.mp3