[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 01 ตุลาคม 2564 16:25:58



หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๖๒ มัยหสกุณชาดก : นกมัยหกะร้อง “ของกู ๆ”
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 ตุลาคม 2564 16:25:58

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg)

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๖๒ มัยหสกุณชาดก
นกมัยหกะร้อง “ของกู ๆ”

         พระโพธิสัตว์เป็นบุตรชายคนโตที่อยู่ในตระกูลเศรษฐีเป็นผู้มีจิตใจงดงาม หลังจากบิดามารดาเสียชีวิตลง ก็ได้มีการสร้างโรงทานขึ้นและบริจาคทานอยู่ตลอดมา
          ต่อมาภริยาได้คลอดบุตรชาย ๑ คน  เมื่อลูกชายโตพอเดินได้ พระโพธิสัตว์มองเห็นโทษของการครองเรือน นึกอยากออกบวช และได้มอบสมบัติให้น้องชาย และให้ช่วยดูแลภรรยาและลูกให้ด้วย หลังจากนั้นจึงออกไปบวชเป็นฤๅษีอยู่ในป่าหิมพานต์
          ต่อมาน้องชายได้ลูก ๑ คน เมื่อลูกตัวเองโตขึ้น จึงคิดว่าสมบัติคงต้องแบ่งเป็น ๒ ส่วนแน่ๆ ถ้าลูกของพี่ชายยังอยู่ จึงคิดแผนการที่จะฆ่าลูกของพระโพธิสัตว์
          วันหนึ่งขณะที่อาบน้ำอยู่ เขาได้จับเด็กมาถ่วงน้ำ แล้วแม่ของเด็กก็ได้ถามถึงลูกของเธอ
          น้องพระโพธิสัตว์ตอบว่า “เล่นน้ำอยู่ดีๆ หายไปไหนก็ไม่รู้”
          นางเสียใจร้องไห้แล้วนิ่งเฉย พอพระโพธิสัตว์ทราบเรื่องนี้ เพราะทิพจักษุจะทำให้ปรากฏ จึงเหาะไปยังนครพาราณสีที่บ้านของน้องชาย ไม่เห็นโรงทานจึงคิด ขนาดโรงทานยังพังพินาศไปแล้ว
          ฝ่ายน้องชายเมื่อทราบข่าวว่าพี่ชายมา ก็ได้ทำการต้อนรับ โดยการนำอาหารอย่างดีมาให้ฉัน พอฉันอาหารเสร็จจึงถามว่า “พวกเด็กๆ หายไปไหน ไม่เห็นมาเลย”
          น้องชายตอบ “เสียชีวิต”
          “ตายเพราะอะไร” ฤๅษีถาม
          “เล่นน้ำอยู่ดีๆ ไม่ทราบว่าหายไปไหน”
          “สิ่งที่เจ้าทำอย่านึกว่าเราไม่รู้นะ เจ้าฆ่าเด็กนั้นด้วยความละโมบมิใช่หรือ? นกเขากับเจ้ามีอะไรที่ไม่เหมือนกัน” ฤๅษีกล่าว  
          “ยังมีนกเขาที่ชื่อมัยหกะตัวหนึ่ง บินไปยังไหล่เขาและซอกเขาต้นเลียบมีผลสุกและร้องว่าของกูๆ อยู่อย่างนั้น มีฝูงนกพากันบินมากินผลเลียบแล้วบินหนี มันก็ยังร้องอยู่นั่นเอง เปรียบเหมือนกับคนในโลกนี้ มีทรัพย์ไว้มากมาย ตัวเองไม่ได้ใช้สอย และยังไม่แบ่งให้ญาติทั้งหลายด้วย”
          “ในเมื่อตัวเองไม่ใช้สอย ไม่นุ่งห่ม ไม่ใช้เครื่องลูบไล้ ไม่รับประทานอาหาร ไม่ทัดดอกไม้ และไม่สงเคราะห์ญาติทั้งหลาย บ่นเพ้ออยู่ ของกู หวงแหนไว้ เมื่อมีโจรหรือทายาทผู้ไม่เป็นที่รักมาเอาทรัพย์ไป คนพวกนั้นก็จะบ่นเพ้ออยู่อย่างนั้น”
          “ผู้มีปัญญาใช้สอยและสงเคราะห์ญาติทั้งหลายด้วยนั้น เขาจะได้รับเกียรติ เมื่อจากไปจากโลกนี้ก็จะไปบันเทิงในสวรรค์”
          เมื่อแสดงธรรมแก่น้องชายแล้ว ก็ให้ทำโรงทานตามเดิม ฤๅษีจึงกลับไปยังป่าหิมพานต์ ปฏิบัติฌานไม่เสื่อมจนสิ้นชีวิต ก็ได้เข้าถึงพรหมโลก


นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ประโยชน์ของทรัพย์ อยู่ที่การนำมาใช้ทำประโยชน์ให้แก่ตนและคนอื่น”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
สกุโณ มยฺหโก นาม
ศิริสานุทรีจโร ฯเปฯ
ภุตฺวาน ปิปฺผลึ ยนฺติ
วิลปเตว โส ทิโช ฯ
นกมัยหกะอาศัยอยู่ตามซอกเขา บินมาเกาะต้นเลียบที่มีผลสุก
พลางร่ำร้องอยู่ว่าของกูๆ เมื่อนั้นร้องอยู่อย่างนี้ นกอื่นๆ ก็บินมากินลูกเลียบนั้นอิ่มแล้วก็บินจากไป
นกมัยหกะก็ยังพร่ำร้องอยู่นั่นเอง (๒๗/๙๔๓-๙๔๔)


เอวเมว อิเธกจฺโจ
สงฺฆริตฺวา พหุ ธนํ ฯเปฯ
นานุโภติ สกึ กิญฺจิ
น สงฺคณฺหาติญาตเกฯ
ในโลกนี้ก็เหมือนกัน คนบางคนเก็บออมทรัพย์ไว้ได้มากมาย แต่ไม่ยอมใช้สอยเพื่อตัวเอง
ทั้งไม่ยอมเจือจานญาติพี่น้องตามสมควร คือไม่ยอมจ่ายเป็นค่าเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ดอกไม้
หรือเครื่องสำอางใดๆ ด้วยความเสียดาย ทั้งไม่ยอมช่วยเหลือญาติพี่น้องเลยสักครั้ง
(ท้ายที่สุดก็จะมีคติเหมือนนกมัยหกะนั้นแล) (๒๗/๙๔๕/๙๔๖)