.เรียนผู้เข้าชมกระทู้นี้
เนื่องจากภาพประกอบหายจากระบบ ผู้โพสท์กำลังค้นหาหนังสือต้นฉบับ
ซึ่งจัดพิมพ์เผยแพร่โดยกรมศิลปากร เพื่อนำภาพมาลงใหม่โดยเร็ว
จึงขออภัยในเหตุขัดข้องครั้งนี้ค่ะ
kimleng ... 5 ตุลาคม 2558พระพุทธรูปทรงตาลปัตร : พระพุทธรูปปางประทานธรรม และ ปางปฐมเทศนาภาพที่ ๑ พระพุทธรูปปางประทานธรรม ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑
ชนิด โลหะผสมทองแดง ลงรักปิดทอง
หน้าตักกว้าง ๑๙.๗ เซนติเมตร ฐานสูง ๑๓.๕ เซนติเมตร สูงรวมฐาน ๓๙ เซนติเมตร
ประวัติ ได้ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ย้ายมาจากอยุธยาพิพิธภัณฑสถาน เมื่อ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๓
ปัจจุบันเก็บรักษา คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เก็บรักษาพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบองค์หนึ่ง พุทธลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบลงต่ำ พระนาสิกโด่ง ทรงมงกุฎยอดเป็นปล้องปลายแหลมไม่มีกรรเจียกจร ทรงกุณฑลและกรองศอ ทรงครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา สังฆาฏิเป็นแถบสี่เหลี่ยมยาวจรดพระนาภี ปลายเป็นเขี้ยวตะขาบ ทรงกำพระหัตถ์ซ้ายและวางที่พระเพลา พระหัตถ์ขวาทรงงอนิ้ว พระหัตถ์ยกอยู่ระดับพระอุระ ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัวคว่ำบัวหงายที่คั่นกลางด้วยเส้นลวดลูกแก้วกลม รองรับด้วยฐานปัทม์ที่มีการเจาะช่องที่ท้องไม้ กึ่งกลางท้องไม้ด้านหน้าประดับรูปจักร องค์พระกับฐานหล่อติดกัน พระพุทธรูปและฐานลงรักปิดทอง จากพุทธลักษณะสามารถกำหนดอายุได้ในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑
เนื่องจาก พระพุทธรูปปางประทานธรรมองค์นี้ชำรุดที่ข้อพระกรขวาและอยู่ในระหว่างดำเนินการ ตาลปัตรโลหะขนาดเล็กที่เคยทรงในพระหัตถ์จึงหลุดออก โดยเป็นตาลปัตรขนาดกว้าง ๖ เซนติเมตร สูงพร้อมด้าม ๘ เซนติเมตร (ภาพที่ ๒) ทั้งนี้ มีหลักฐานภาพถ่ายเก่า (ภาพที่ ๓) เป็นหลักฐานว่าเดิมในพระหัตถ์พระพุทธรูปองค์นี้เคยทรงตาลปัตรอยู่จริงภาพ ๒ ชิ้นส่วนตาลปัตร ของพระพุทธรูปปางประทานธรรม
ปัจจุบันเก็บรักษาในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ภาพ ๓ ภาพถ่ายเก่าของ พระพุทธรูปปางประทานธรรมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
• พระพุทธรูปทรงตาลปัตรปัจจุบันในศิลปะรัตนโกสินทร์ ตาลปัตรที่พระพุทธรูปทรงถือมักเป็นพัดรูปพุ่มข้าวบิณฑ์ (พัดแฉก) และมีด้ามที่ยาวจนใบตาลปัตรบังพระพักตร์ของพระพุทธรูป อาทิ พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลต่างๆ หรือพระประธานในศาลาการเปรียญ วัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ขวาวางพาดที่พระชานุหรือพระเพลา พระหัตถ์ซ้ายทรงตาลปัตรที่มีด้ามยาว
แต่ในศิลปะสมัยก่อนหน้านั้น ตาลปัตรที่พระพุทธรูปทรงถือจะมีด้ามสั้น ดังปรากฏในศิลปะสมัยลพบุรี สืบเนื่องลงมาในสมัยอยุธยา ศิลปะขอมหลังบายนทั้งในกัมพูชาและในประเทศไทย ต่างปรากฏพระพุทธรูปที่ทรงตาลปัตรด้ามสั้น ทั้งนี้ รูปทรงของตาลปัตรคงจะเปลี่ยนแปลงตามตาลปัตรที่ใช้กันอยู่จริงในเวลานั้นๆ
คติการถือตาลปัตรแสดงธรรมนั้น สันนิษฐานกันว่ารับจากการแผ่พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ของลังกา พระราชโอรสพระองค์หนึ่งของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้เดินทางไปศึกษาพุทธศาสนาลังกาวงศ์จากเกาะลังกา อีกทั้งมีผู้นับถือและมีพระภิกษุสงฆ์อยู่แล้วในขณะที่โจว ต้ากวาน เดินทางเข้ามาในอาณาจักรขอม เมื่อพุทธศักราช ๑๘๓๙ โดยพระพุทธรูปในศิลปะขอมจะทรงตาลปัตรด้วยพระหัตถ์ซ้ายเพียงข้างเดียว พระหัตถ์ขวาวางไว้ที่พระชานุหรือพระเพลา
ปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ต้น ๒๐ ดินแดนแถบนี้มีการนับถือพุทธศาสนาลังกาวงศ์อย่างแพร่หลาย จนพบพระพุทธรูปที่ทรงตาลปัตรโดยทรงกำด้ามตาลปัตรที่พระเพลาด้วยพระหัตถ์ข้างหนึ่ง และพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงจับขอบพัดที่ด้านบน ทั้งในศิลปะสุโขทัย และศิลปะอยุธยาตอนต้นโดยมีหลักฐานสำคัญที่แผ่นสลักภาพมตกัตตชาดก และกัณฑินชาดกในวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย (ภาพที่ ๕) ซึ่งมีอายุในราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙ และศิลาจารึกหินทรายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุอยู่ในพุทธศักราช ๑๙๒๓ พระพุทธรูปที่ทรงตาลปัตรด้ามสั้นด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้างนี้ปรากฏเรื่อยมาจนถึงอยุธยาตอนปลาย ดังตัวอย่างที่วัดโบสถ์สามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ
รูปทรงของตาลปัตรในสมัยอยุธยา พระสงฆ์จะถือตาลปัตรเล่มเล็กและมีด้ามสั้นดังหลักฐานภาพลายเส้นในเอกสารต่างประเทศ หรือในจิตรกรรมฝาผนังวัดเกาะแก้วสุทธาราม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ภาพพระเทวทัตก็มีการเหน็บพัดใบตาลขนาดเล็กที่เอวด้านหลัง ในช่วงท้ายของกรุงศรีอยุธยา ตาลปัตรมีขนาดใหญ่ขึ้น และด้ามตาลปัตรก็มีความยาวเพิ่มขึ้นด้วยจนไม่สามารถที่จะใช้พัดได้จริง พระหัตถ์ขวาของพระพุทธรูปที่ทรงตาลปัตรย่อมจะไม่สามารถจับขอบพัดด้านบนได้ จึงยักย้ายกลับมาพาดที่พระชานุขวาตามอย่างพระพุทธรูปทรงตาลปัตรในศิลปะขอม(ซ้าย) รายละเอียดของฉากสำริด ศิลปะขอมสมัยหลังบายน สูง ๔๑.๕ เซนติเมตร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระพุทธรูปทรงตาลปัตรด้วยพระหัตถ์ซ้าย
พระหัตถ์ขวาวางไว้ที่พระเพลา และ (ขวา)
ลายเส้นจากแผ่นภาพหินชนวน เรื่อง กัณฑินชาดก วัดศรีชุม สุโขทัยเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูป, พระพุทธรูปปางต่างๆ และประวัติพระพุทธรูปองค์สำคัญ
(ซ้าย) ลายเส้น
รูปพระสงฆ์สมัยอยุธยา จากบันทึกของนิโกลาส์ แชรแวส
ที่มา นิโกลาส์ แชรแวส,
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม
ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร
(ขวา) ภาพ
พระเทวทัต ในภาพพุทธประวัติ ตอนทรงทรมานช้างนาฬาคิรี
จิตรกรรมฝาผนังวัดเกาะแก้วสุทธาราม จังหวัดเพชรบุรี
• จักร-ธรรมจักร และพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาปาง หมายถึง เมื่อครั้งนั้น ครั้งนี้ พระพุทธรูปปาง จึงแปลได้ว่า รูปพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งนั้น และใช้เรียกพระพุทธปฏิมาซึ่งสร้างขึ้นตามพุทธประวัติตอนใดตอนหนึ่ง พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ สันนิษฐานว่า การเรียกพระพุทธรูปว่า ปางนั้น ปางนี้ เป็นที่นิยมตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๓ ด้วยมีการตื่นตัวในการสร้างพระพุทธรูปปฏิมามากขึ้นกว่า ๓๐ ตอน และในแต่ละตอนก็ใช้คำว่า ปาง เรียกพุทธประวัติในตอนนั้นๆ แต่นานเข้าความหมายก็เลือนไป จึงมีผู้ใช้คำว่าปางกับพระพุทธรูปที่มิได้แสดงพุทธประวัติตอนใดเลย
มีข้อสังเกตว่าพระพุทธรูปทรงตาลปัตร ในศิลปะอยุธยาหลายองค์มีการประดับรูปจักรหรือธรรมจักรที่ฐาน อาทิ พระพิมพ์เนื้อชิน ซึ่งพบในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ ๒๐ (ภาพที่ ๑๐) หรือปูนปั้นเล่าเรื่องพุทธประวัติหน้าบันทิศตะวันตกพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เล่าเรื่องปฐมเทศนา กำหนดอายุในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งที่ด้านหน้าของบัลลังก์ที่ประทับประดับธรรมจักรและมีกวางมอบอยู่ ๒ ข้าง หรือพระพุทธรูปปางประทานชัยมงคล ที่พระระเบียงพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ซึ่งหล่อขยายจากพระพุทธรูปสมัยอยุธยาก็มีการประดับธรรมจักรเช่นกัน
จากตัวอย่างที่ยกมาจะเป็นว่าพระพุทธรูปทรงตาลปัตรด้ามสั้น ซึ่งตามปกติแล้วน่าที่จะหมายถึงพระพุทธรูปในอิริยาบถทรงแสดงธรรม แต่การที่พระพุทธรูปบางองค์ประดับธรรมจักรที่ฐาน จึงทำให้คิดไปได้ว่าผู้สร้างต้องการแสดงว่าคือพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาก็เป็นได้(ซ้าย)
พระชัยหลังช้าง พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
(ขวา)
พระพุทธรูปปางประทานชัยมงคล สูง ๑๗๘ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๑๐๒ เซนติเมตร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร
ภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติปางปฐมเทศนา หน้าบันทิศตะวันตกวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง
อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ปัจจุบันภาพเล่าเรื่องชำรุด ตาลปัตรหลุดหักไป
แต่สามารถสังเกตเห็นบางส่วนของด้ามตาลปัตรในพระหัตถ์ซ้ายอยู่
ประติมานวิทยาของพระพุทธรูปทรงตาลปัตร ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลต่างๆ พระพุทธรูปสำหรับอัญเชิญในการเสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำศึกสงคราม มักมีคำถามว่า เหตุใดพระชัยวัฒน์จึงต้องเป็นพระพุทธรูปทรงตาลปัตร ประเด็นนี้หากเราเชื่อว่าพระพุทธรูปทรงตาลปัตรคือพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาแล้วอาจจะให้เหตุผลได้ว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แปลว่าพระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไปหรือดำเนินไป คือการหมุนวงล้อแห่งธรรม เพื่อเผยแผ่พระศาสนา
พุทธกิจสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์คือ “ยังธรรมจักรให้เป็นไป” และธรรมจักรที่กล่าวถึงในธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้เทียบได้กับ จักรแก้ว หนึ่งในรัตนะ ๗ ประการของพระเจ้าจักรพรรดิ โดยที่ จักรแก้ว มีนัยถึงอำนาจของพระเจ้าจักรพรรดิ
สถานะของพระพุทธเจ้านั้นเทียบเท่ากับพระจักรพรรดิ เหตุเพราะพระจักรพรรดิเป็นผู้สูงเลิศประเสริฐสุดในโลกมนุษย์ฝ่ายคฤหัสถ์ เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด เพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติทุกประการ ทั้งตามความเชื่อว่าผู้มีลักษณะมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ ถ้าครองเพศฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกผนวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศาสดาเอกในโลก
ตามคติพระจักรพรรดิทรงมีรัตนะ ๗ และฤทธิ์ ๔ ประการ รัตนะประการแรกในรัตนะ ๗ ประการ คือ จักรแก้ว สิ่งแสดงถึงพระราชอำนาจที่เกิดขึ้นโดยธรรมและประกอบด้วยความชอบธรรม ทำให้พระองค์แผ่ขยายอาณาเขตออกไปได้ทั่วผืนแผ่นดินจดขอบมหาสมุทรทั้งสี่ทิศด้วยธรรมวิธี จึงไม่แปลกที่พระพุทธรูปที่อัญเชิญไปในการสงครามจะต้องมีความหมายและปางที่เกี่ยวเนื่องกับ ธรรมจักร หรือก็คือ จักรแก้ว ของพระเจ้าจักรพรรดินั่นเอง.บทความ :
ของชิ้นเอกในกรมศิลปากร นิตยสารกรมศิลปากร จัดพิมพ์เผยแพร่โดย สำนักบริหารกลาง กรมศิลปากร