[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 14 เมษายน 2567 14:54:40



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 8-14 เม.ย. 2567
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 14 เมษายน 2567 14:54:40
สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 8-14 เม.ย. 2567
 


<span>สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 8-14 เม.ย. 2567 </span>
<span><span>auser15</span></span>
<span><time datetime="2024-04-14T13:58:22+07:00" title="Sunday, April 14, 2024 - 13:58">Sun, 2024-04-14 - 13:58</time>
</span>

            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><o:p></o:p><strong>ยังไม่พบแรงงานไทยบาดเจ็บเหตุอิหร่านโจมตีอิสราเอล</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">14 เม.ย.&nbsp;2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากเกิดการโจมตีจากอิหร่าน ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานไทยอย่างใกล้ชิดทันที ซึ่งจากรายงานของนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีแรงงานไทย ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิตจากการโจมตี จากสถานการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางสถานทูตไทย&nbsp;อย่างใกล้ชิด&nbsp;โดยขอให้ติดตามประกาศของแต่ละท้องถิ่น หรือแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หากต้องการขอรับความช่วยเหลือ หรือได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือต่อไป และขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทย ทั้งสถานทูตและกระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล อย่างดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลถึงแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย โดยขอให้ปฏิบัติ ดังนี้<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">1.)&nbsp;ห้ามมีการชุมนุมมากกว่า&nbsp;1,000 คน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และปิดสถาบันการศึกษา<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">2.)&nbsp;ในพื่นที่สู้รบ ห้ามชุมนุมมากว่า&nbsp;30 คน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">3.)&nbsp;สถานที่ทำงานเปิดได้เฉพาะที่มีห้องหลบภัย&nbsp;โดยรัฐบาลได้ประกาศปิดน่านฟ้าและงดเที่ยวบินทั้งหมด ตั้งแต่เวลา&nbsp; 00.30 น. ของวันที่&nbsp;14 เม.ย.&nbsp;2567 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบโปรดติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 5 4636 8150 หรือ(+972) 5 0367 3195<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: คมชัดลึก, 14/4/2567 (https://www.komchadluek.net/news/politics/572898)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>4 แรงงานสมุทรสาครเลือดปนแคดเมียม อาการปลอดภัยแล้ว หมอให้กลับบ้านวันนี้ พร้อมนัดตรวจติดตามเป็นระยะ</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">13 เม.ย. 2567 นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC)&nbsp;กรณีกากแคดเมียม เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องกากแคดเมียมถือว่าเป็นปกติ ไม่มีปัญหาต่อสุขภาพของประชาชน โดยผลการตรวจร่างกายประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ผลออกแล้วว่าไม่พบความผิดปกติ ไม่มีใครมีปริมาณแคดเมียมในร่างกายเกินมาตรฐาน ส่วนประชาชนใน จ.สมุทรสาคร ก็ไม่พบผู้ที่มีปริมาณแคดเมียมในร่างกายเพิ่ม ซึ่งผลการตรวจเลือดแรงงานที่มีผลตรวจปัสสาวะพบปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐาน 11 คน เมื่อตรวจโดยละเอียดพบว่า จริงๆ แล้วมีผู้ที่มีปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐานเพียง 4 รายเท่านั้น วันนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ไม่มีใครมีอาการป่วย หรือต้องทำการรักษาเพิ่มเติม แต่แพทย์ก็ทำการนัดเพื่อติดตามและตรวจร่างกายเพิ่มเติมเป็นระยะ พร้อมกับการสุ่มตรวจร่างกายของประชาชนในชุมชนเป็นระยะด้วย ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ก็จะทำในลักษณะเดียวกันนี้ คือการสุ่มตรวจประชาชนในพื้นที่พบกากแคดเมียมและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นระยะ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นพ.สุรโชคกล่าวว่า สถานการณ์การพบกากแคดเมียมขณะนี้กระจายไปหลายจังหวัด ตั้งแต่ตาก สมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร และยังมีที่ตามไม่พบอีกจำนวนหนึ่ง ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีแคดเมียมขึ้นที่ส่วนกลาง พร้อมกับให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเปิดศูนย์&nbsp;PHEOC&nbsp;ทันที เพื่อประสานการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้&nbsp;PHEOC&nbsp;ได้กำหนดมาตรการรองรับด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการเฝ้าระวังผลกระทบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อาศัยร่วมบ้านกับคนทำงานในโรงงาน หรืออาศัยในบ้านที่มีการทำงานสัมผัสแคดเมียม,&nbsp;กลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีโอกาสในการรับสัมผัสสูง โดยตรวจวัดสิ่งแวดล้อมพบว่าเกินมาตรฐาน และอยู่ใกล้โรงงานที่มีกระบวนการผลิตเกี่ยวกับแคดเมียม และกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคประจําตัว อาทิ โรคไต 2.ด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สามารถส่งตัวอย่างที่สงสัยมาทำการตรวจได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งแต่ละแห่งสามารถรองรับการตรวจได้ 50 ตัวอย่างต่อวัน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">3.ด้านการรักษาพยาบาล ให้จัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ดูแลคัดกรองด้านสุขภาพกาย และทีม&nbsp;MCATT&nbsp;ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจ รวมทั้งให้คำแนะนำการงดแชร์ข่าวสารข้อมูลเท็จต่างๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ตลอดจนเปิดให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง และการตรวจเช็กสุขภาพใจในสภาวะวิกฤตเบื้องต้นด้วยตนเองผ่านแอพพลิเคชั่น&nbsp;MENTAL HEALTH CHECK-IN&nbsp;และ 4.ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จะมีทีม&nbsp;SEhRT&nbsp;ของกรมอนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ วางแผนเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพต่อประชาชน และอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยรอบอย่างต่อเนื่อง เน้นการตรวจวิเคราะห์สารแคดเมียมและสังกะสีปนเปื้อน ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปาชุมชน หรือประปาหมู่บ้าน รวมทั้งเก็บตัวอย่างอาหาร พืชผักที่จำหน่ายในตลาด เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนในแหล่งอาหาร ตลอดจนสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพให้กับประชาชนด้วย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: มติชน,&nbsp;13/4/2567 (https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4524430)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ลูกจ้างโรงแรมเริ่มรับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาท 13 เม.ย.</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามมติของคณะกรรมการค่าจ้างกำหนดให้ลูกจ้างทำงานในประเภทกิจการโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรมระดับการให้บริการ 4 ดาวและมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาทใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวันและวัฒนา,&nbsp;กระบี่ เฉพาะเขต อบต.อ่าวนาง,&nbsp;ชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา,&nbsp;เชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่,&nbsp;ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน,&nbsp;พังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก,&nbsp;ภูเก็ตทั้งจังหวัด, ระยอง เฉพาะเขตตำบลเพ,&nbsp;สงขลา เฉพาะเขตเทศบาล นครหาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตเทศบาลนครเกาะสมุย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายคารม กล่าวว่า วันนี้ (13 เม.ย. 2567) วันแรกที่นายจ้างต้องจ่ายอัตราค่าแรงขั้นต่ำให้กับลูกจ้าง หากนายจ้างไม่ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานปี 2541 โดยลูกจ้างสามารถร้องเรียนได้ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">“คณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความเสมอภาค และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้นายจ้าง/ลูกจ้าง สามารถประกอบธุรกิจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างจะได้มีการติดตามผลกระทบที่เกิดจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม เพื่อนำไปสู่การพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของคณะกรรมการค่าจ้างด้วยความรอบคอบต่อไป”&nbsp;นายคารม ย้ำ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: สำนักข่าวไทย,&nbsp;13/4/2567 (https://tna.mcot.net/politics-1349667)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>แกร็บ ร่วมมือกระทรวงแรงงาน ยกระดับ "แรงงานแพลตฟอร์มดิจิทัล" มุ่งพัฒนา 3 ส่วนสำคัญ</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า&nbsp;“แพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นรูปแบบธุรกิจที่ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังเป็นเสมือนตัวกลางที่อำนวยความสะดวกระหว่างผู้บริโภค ผู้ให้บริการ และผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงแรงงานได้กำหนดนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการดูแลสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน รวมทั้งความปลอดภัยในการทำงาน กระทรวงแรงงาน จึงมีแนวคิดในการจัดทำบันทึก "ความร่วมมือว่าด้วยการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล" ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในสังกัดกระทรวงแรงงาน ร่วมกับ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ไม่ว่าจะเป็น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในการหาแนวทางยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างคนทำงานในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลกับผู้ให้บริการฯ หรือมีช่องทางในการบริหารจัดการกับปัญหาที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ชัดเจน รวมถึงการสร้างงานให้กับผู้สูงอายุ ที่ต้องการเลือกประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ต้องการหารายได้เสริม โดยได้ร่วมมือกับกรมการจัดหางาน ในการส่งตำแหน่งงานว่างเพื่อสร้างอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการทำงาน หรือสร้างมาตรฐานในการทำงานที่ปลอดภัย โดยร่วมกับสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ซึ่งการลงนามร่วมกันในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ประกอบธุรกิจบริการระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลกับผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล และเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงอาชีพของผู้ว่างงานและผู้สูงอายุที่ประสงค์จะทำงานอีกด้วย”<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า&nbsp;“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้นและกลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการทำงานในรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการใช้เทคโนโลยี แกร็บให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลพาร์ทเนอร์คนขับ ซึ่งใช้แพลตฟอร์มของเราเป็นช่องทางในการหารายได้ โดยที่ผ่านมา แกร็บมุ่งเน้นการบริหารค่าตอบแทนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระบบอุปสงค์อุปทาน ทั้งยังพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของพาร์ทเนอร์คนขับและสร้างมาตรฐานให้กับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น การจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อให้คุ้มครองระหว่างการให้บริการ การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมและเป็นไปตามข้อกำหนดของ ธปท. รวมไปถึงการจัดทำคอร์สอบรมเพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นผ่านโครงการ&nbsp;GrabAcademy&nbsp;เป็นต้น”<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">“การผนึกความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแกร็บในการร่วมผลักดันมาตรฐานการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม โดยเราพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานในการพัฒนาแนวทางในการคุ้มครองแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแพลตฟอร์มเพื่อหารายได้ ตลอดจนดูแลให้แรงงานเหล่านี้ได้รับสิทธิประโยชน์และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”&nbsp;นายวรฉัตร กล่าวเสริม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ทั้งนี้ บันทึกความร่วมมือระหว่าง แกร็บ ประเทศไทย และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน และสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักที่จะส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ผ่านการดำเนินงานใน 3 ส่วนสำคัญ คือ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">1) การส่งเสริมการให้สิทธิประโยชน์ที่เป็นมาตรฐานกับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและแกร็บจะร่วมหาแนวทางในการสนับสนุนและจัดทำมาตรการในการดูแลผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดสิทธิประโยชน์ที่เป็นมาตรฐาน ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยที่ผ่านมาแกร็บให้ความสำคัญกับการจัดสรรสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ นอกเหนือจากการบริหารค่าตอบแทนที่เหมาะสม โดยเฉพาะ การจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อให้ความคุ้มครองพาร์ทเนอร์คนขับทุกคนตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังให้บริการแล้ว โดยมีวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และวงเงินชดเชยสูงสุด 200,000 บาท ในกรณีเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพของพาร์ทเนอร์คนขับโดยมีวงเงินสูงสุด 100,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม โดยสามารถแบ่งชำระได้แบบรายวัน เป็นต้น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">2) การส่งเสริมการสร้างอาชีพและโอกาสในการหารายได้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลให้กับผู้ที่ว่างงาน รวมถึงผู้สูงอายุ โดยแกร็บและกรมการจัดหางานจะร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของแกร็บในการหารายได้ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน หรือ บริการด้านเดลิเวอรี ซึ่งที่ผ่านมา แกร็บเปิดโอกาสให้กับคนไทยหลายแสนคน สามารถเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์คนขับเพื่อหารายได้เสริม โดยไม่จำกัดเพศ วัย การศึกษา หรือแม้แต่ผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น ผู้พิการทางการได้ยิน นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มโครงการ&nbsp;‘แกร็บวัยเก๋า’&nbsp;เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยวัยเกษียณสามารถหารายได้และส่งเสริมคุณค่าในตัวเองผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ โดยปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์คนขับกลุ่มนี้มากกว่า 13,000 คน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">3) การพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยสำหรับแรงงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยแกร็บและสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานจะร่วมกันพัฒนาแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในระหว่างการทำงานให้กับผู้ประกอบอาชีพในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น การจัดอบรมเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำงาน หรือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันภัยต่างๆ เป็นต้น โดยที่ผ่านมา แกร็บให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทุกคนที่ใช้แพลตฟอร์มของแกร็บ โดยได้พัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบตรวจสอบการเดินทางแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์&nbsp;Safety Centre&nbsp;ที่ทั้งผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์คนขับสามารถแชร์ข้อมูลการเดินทางให้กับเพื่อนหรือครอบครัวได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถขอความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉินและฟีเจอร์&nbsp;Audio Protect&nbsp;ที่ช่วยบันทึกเสียงระหว่างการเดินทางเพื่อป้องกันเหตุร้ายและใช้เป็นหลักฐานหากเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างการเดินทาง เป็นต้น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์,&nbsp;12/4/2567 (https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9670000031977)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ก.พาณิชย์-แรงงาน ไฟเขียวใช้กองทุน 2 พันล้าน ค้ำสินเชื่อซื้อแฟรนไชส์สร้างอาชีพ</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการ ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ&nbsp;SME&nbsp;ไทย ครั้งที่ 3-2/2567&nbsp; ชร่วมกับธนาคารอิสลามฯ ธนาคาร&nbsp;SME D Bank&nbsp;ธนาคารออมสิน และสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ว่า&nbsp;ที่ประชุมประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมจัดงาน มหกรรมรวมพลัง&nbsp;SMEs&nbsp;ไทย ที่กำหนดจัดช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 รวมไปถึงแผนกำหนดมาตรการส่งเสริมและแก้ปัญหา&nbsp;SMEs<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับการหารือกับสถาบันการเงิน ในการผลักดันการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับแรงงานไทยและครอบครัวที่จ่ายเงินประกันสังคม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ผ่านธุรกิจแฟรนไชส์ ให้โอกาสคนตัวเล็ก ที่ประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับวงเงินที่จะนำมาค้ำประกันเงินกู้ในการส่งเสริมอาชีพ จะนำเงินจากกองทุนประกันสังคมประมาณ 2,000 ล้านบาทเพื่อค้ำประกันเงิน และ&nbsp; 3 สถาบันการเงินจะเป็นผู้พิจารณาในการปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีในดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อนำไปส่งเสริมอาชีพ โดยผู้ที่กู้จะอยู่ในกลุ่ม ม.33&nbsp;ส่วนกลุ่มอื่นก็อาจจะเข้าไปใช้ในโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมด้านอาชีพต่อไป<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ,&nbsp;11/4/2567 (https://www.prachachat.net/economy/news-1542168)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>'ญี่ปุ่น'&nbsp;เปิดรับ&nbsp;'นักบริบาลไทย'&nbsp;ไปช่วยดูแลผู้ป่วย-ผู้สูงวัย เงินเดือนสตาร์ท 6 หมื่นบาท</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคในความดูแล ที่โรงพยาบาล&nbsp;Midorikai Medical Corporation Takesato Hospital&nbsp;เมืองคาสุคาเบะ จังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการจ้างแรงงานไทยในอนาคตตามนโยบายของโรงพยาบาล และสิ่งที่ต้องการให้กรมการจัดหางานสนับสนุน เพื่อส่งเสริมการจ้างแรงงานไทยในภาคบริบาลในสถานพยาบาลของประเทศญี่ปุ่น<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ทั้งนี้ งานบริบาลผู้ป่วยหรือดูแลผู้สูงอายุ เป็นอีกหนึ่งสาขาอาชีพที่กรมการจัดหางานให้ความสำคัญ ต้องการผลักดันและส่งเสริมให้นายจ้างญี่ปุ่นนำเข้าแรงงานไทยเป็นจำนวนมากเนื่องจากญีปุ่นขาดแคลนแรงงานด้านนี้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีของนักบริบาลไทยที่จะได้รับค่าตอบแทนสูง โดยเฉลี่ยเดือนละ 2.5 แสนเยน หรือประมาณ 6 หมื่นบาทต่อเดือน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวอีกว่า โรงพยาบาล&nbsp;Midorikai Medical&nbsp;ที่ก่อตั้งในปี 2545 เป็นศูนย์ดูแลและรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ขนาด 274 เตียง อาคาร 5 ตึก แบ่งการดูแลตามสภาพของผู้ป่วย มีการรับผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิค และมีแรงงานทักษะเฉพาะชาวไทย 17 ราย ประกอบด้วย ผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิค 8 ราย แรงงานทักษะเฉพาะ 8 ราย และอยู่ระหว่างยื่นขอวีซ่าทำงานประเภทบริบาล 1 ราย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">สำหรับในปี 2568 โรงพยาบาล&nbsp;Midorikai Medical&nbsp;ยังต้องการแรงงานทักษะเฉพาะในสาขาบริบาลเพิ่มอีก 10 คน จากเดิมที่ต้องการนักบริบาลจำนวน 30 คน ซึ่งจัดส่งผ่านบริษัทจัดหางานที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับแรงงานที่เป็นนักบริบาล หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทรศัพท์ 0-2245-1021 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา:&nbsp;The Coverage,&nbsp;11/4/2567 (https://www.thecoverage.info/news/content/6555)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ราชกิจจาฯ ประกาศ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท กิจการโรงแรม ใน 10 จว. มีผล 13 เม.ย.</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">10 เม.ย. 2567 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567 และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างที่ทำงานประเภทกิจการโรงแรม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 79 (3) มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 และมาตรา 87 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2560 คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับในกรณีที่ลูกจ้างทำงานในประเภทกิจการโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยวประเภทโรงแรมระดับการให้บริการ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 2 ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสี่ร้อยบาท ในท้องที่ ดังนี้<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(1) กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวัน วัฒนา<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(2) จังหวัดกระบี่ เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(3) จังหวัดชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(4) จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(5) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(6) จังหวัดพังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(7) จังหวัดภูเก็ต<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(8) จังหวัดระยอง เฉพาะเขตตำบลเพ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(9) จังหวัดสงขลา เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(10) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตเทศบาลนครเกาะสมุย<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 3 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 คำว่า&nbsp;'วัน'&nbsp;หมายถึง เวลาทำงานปกติของลูกจ้างซึ่งไม่เกินชั่วโมงทำงานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานน้อยกว่าเวลาทำงานปกติเพียงใดก็ตาม<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(1) เจ็ดชั่วโมง สำหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">(2) แปดชั่วโมง สำหรับงานอื่นซึ่งไมใช่งานตาม (1)<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 4 ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราวันละสี่ร้อยบาท<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ข้อ 5 ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ประกาศ ณ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ไพโรจน์ โชติกเสถียร<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ปลัดกระทรวงแรงงาน<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ประธานกรรมการค่าจ้าง<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ,&nbsp;10/4/2567 (https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1121795)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;"><strong>ครม. อนุมัติร่างกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงาน นายจ้างต้องประกาศเวลาทำงานให้ลูกจ้างทราบ ทำงานต้องไม่เกินวันละ 8 ชม. ลากิจปีละไม่น้อยกว่า 3 วัน ห้ามเลิกจ้างหญิงตั้งครรภ์</strong><o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">9 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมิให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานบางส่วนแก่นายจ้างซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับการงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย พ.ศ.&nbsp;….&nbsp;ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. 2541) เพื่อเพิ่มความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานบ้าน ซึ่งไม่ได้มีการประกอบธุรกิจอยู่ด้วย ดังนี้ 1.ให้นายจ้างประกาศเวลาทำงานปกติให้ลูกจ้างทราบ แต่วันหนึ่งต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาทำงานทั้งสิ้นแล้วใน 1 สัปดาห์ ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง 2.ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง 3.ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน 4.ห้ามไม่ให้นายจ้างให้ลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์ทำงานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 06.00 น. ทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">นายคารม กล่าวอีกว่า 5.ให้ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตร ไม่เกิน 98 วัน 6.ห้ามไม่ให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์ 7.ให้นายจ้างแจ้งการจ้างและแจ้งการสิ้นสุดการจ้างลูกจ้างที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ต่อพนักงานตรวจแรงงาน 8.ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีสิทธิลาเพื่อเข้าประชุม สัมมนารับการอบรม รับการฝึกหรือลาเพื่อการอื่น ซึ่งจัดโดยสถานศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนและให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกิน 30 วัน 9.ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างหญิงในวันลาคลอดบุตร เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 45 วัน 10.ห้ามไม่ให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 11.ห้ามไม่ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">ที่มา: เดลินิวส์,&nbsp;9/4/2567 (https://www.dailynews.co.th/news/3331628/)&nbsp;<o:p></o:p></p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">&nbsp;</p><p style="margin-bottom:12.0pt;margin-left:0cm;margin-right:0cm;margin-top:12.0pt;">&nbsp;<o:p></o:p></p></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" hreflang="th">ข่าว[/url]</li>
      </ul>
</div> <!--/.node-taxonomy-container -->
<div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88" hreflang="th">เศรษฐกิจ[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1" hreflang="th">สังคม[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99" hreflang="th">แรงงาน[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95" hreflang="th">ค