อัตตะกิลมถานุโยค (วิภวตัณหา) กามสุขัลลิกานุโยค กับ การละอุจเฉททิฏฐิพระถังซัมจั๋งและศิษย์พ้นภัยจากลิงลักฮิ๊เก๊าแล้ว บุกป่าฝ่าดงมุ่งสู่ทิศปราจีนต่อไป จนย่างเข้าฤดูฝน แต่อากาศกลับวิปริตแปรปรวน เป็นร้อนจัด โดยหารู้ไม่ว่าได้บรรลุถึงเขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัว อันเป็นเขตที่ความทุรกันดาร แผ่นดินร้อนระอุแทบลุกเป็นไฟ แม้แต่เหล็กและทองแดง ในบริเวณนั้นยังหลอมละลายด้วยความร้อน
เห้งเจียเที่ยวสืบหาช่องทางที่จะระงับไฟจนถูกแนะให้ไปที่ภูเขาจุ๊ยหุ้นซัว ถ้ำปอเจียวต๋อง อันเป็นสำนักของนางล่อซัว (วิภวตัณหา) ซึ่งมีพัดวิเศษทำด้วยเหล็ก พัดวิเศษ (อากิญจฺญญายตนะ - ไม่มี หรือว่าง) นี้มีมาตั้งแต่เริ่ม ฟ้า-ดิน (ธรรมชาติ) พัดวิเศษนี้อาจใช้ดับไฟได้
เห้งเจียเหาะไปที่ถ้ำปอเจียวต๋อง แต่ครั้นได้พบกับนางล่อซัวเข้า เห้งเจียให้นึกประหวั่นครั่นคร้าม เพราะว่านางล่อซัว (วิภวตัณหา = ความอยากในความไม่มี ไม่เป็น) เป็นมารดาของอั้งฮั้ยยี้ (มิจฉาสังกัปปะ = ดำริผิด) และเป็นเมียของงู้หม้ออ๋อง (อุจเฉททิฏฐิ = ความเห็นว่าบุญบาปไม่มี) แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเข้าไปขอยืมพัดจากนางล่อซัว นางล่อซัวนึกได้ว่า เห้งเจียคือศัตรูที่พาลูกชายของตนไปเป็นศิษย์พระโพธิสัตว์กวนอิม (เมตตา = ปรารถนาให้ผู้อื่นมี ความสุข) แล้วยังด้านหน้ามาขอยืมพัดอีก ด้วยความเดือดดาลจึงเอาพัดโบก จนเห้งเจียปลิวไปตามลมไกลถึง ๘๔,๐๐๐โยชน์
เห้งเจียถูกพัดด้วยพัดวิเศษปลิวไปนั้น บังเอิญเอามือและเท้าคว้าจับภูเขาฮองกุ้ยซัวอันเป็นที่พำนักของพระโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยดไว้ทัน จึงไม่ถึงกับเป็นอันตรายและได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระโพธิสัตวเล่งเกี๊ยด พระโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยดได้มอบยาเม็ดวิเศษระงับลม เห้งเจียจึงเหาะกลับไปยังถ้ำปอเจียวต๋องร้องท้าให้นางล่อซัว (วิภวตัณหา-ความไม่อยากจะมีอยากจะเป็น) ออกมาสู้รบกัน คราวนี้พัดวิเศษทำอะไรเห้งเจียไม่ได้ เพราะอำนาจยาเม็ดวิเศษของพระโพธิสัตว์คุ้มตัวอยู่
นางล่อซัวเห็นว่าทำอะไรเห้งเจียไม่ได้ เลยหนีเข้าถ้ำลั่นดาลประตูปิดตาย นั่งซดชาครุ่นคิดหาวิธีที่จะต่อสู้กับเห้งเจีย เห้งเจียแปลงกายเป็นแมลงหวี่เล็ดลอดเข้าไปในถ้ำ แล้วบินลงไปปนอยู่กับกากชา เมื่อนางล่อซัวซดชาลงไปเห้งเจียถือโอกาสติดลงไปในท้องด้วย เมื่อตกถึงท้องแปลงร่างกลับเป็นเห้งเจียเหมือนเดิม ชักตะบองตีพุง บิดลำไส้ กระทุ้งหัวใจ นางล่อซัวร้องครวญครางขอชีวิต และยินยอมมอบพัดเหล็กให้เห้งเจียเป็นการแลกชีวิต
เมื่อเห้งเจียได้พัดวิเศษ (อะไรๆ ไม่มีๆ = ว่าง) แล้วไม่รอช้า ตรงไปที่เขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัวที่แผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟอยู่ ยกพัดขึ้นโบกแต่ไฟกลับลุกท่วมสูงขึ้น ร้อนทุรนทุรายกันมากว่าเดิมเพราะว่าเป็นพัดเก๊
ทันใดเห้งเจีย นึกได้ว่าไฟที่ลุกท่วมแผ่นดินอยู่นั้น ที่แท้เป็นไฟที่ตนได้ทำมันขึ้นมา เมื่อครั้งสมัยที่ตนก่อจลาจลบนสวรรค์ชั้นพรหม แล้วถูกต้องโทษของพรหมท้ายเสียงเล่ากุน (อุเบกขา - วางใจให้เป็นกลาง) ถูกจับเข้าเตาหลอม เห้งเจียกลับถีบเตาหลอมพังพินาศ ทำให้ไฟหล่นลงมายังพื้นโลก ลุกท่วมทางที่แผ่นดินเขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัวบริเวณนี้เป็นเวลาช้านานแล้ว
เห้งเจียจึงเหาะไปหางู้หม้ออ๋องสามีนางล่อซัว ซึ่งบัดนี้ไปหลงเมียใหม่ ที่ชื่อว่าเง็กมิ่นกงจู๊ (กามตัณหา = กามสุขัลลิกานุโยค) ณ สำนักเจ็กลุ่ยซัว ถ้ำม่อหุ้นต๋อง นางเง็กมิ่นกงจู๊นั้นร่ำรวยสมบัติ และรูปสวยงดงามจึงทำให้งู้หม้ออ๋องลุ่มหลงจนลืมกลับไปหานางล่อซัว (วิภวตัณหา = ความอยากใน ความไม่มี ไม่เป็น)
เห้งเจียมาถึงพบนางเง็กมิ่นกงจู๊ (กามตัณหา = ความอยากในกาม) ก็ไล่ทุบตีนาง นางวิ่งเข้าถ้ำไปหางู้หม้ออ๋อง (ปีศาจควายดำ = อุจเฉททิฏฐิ) งู้หม้ออ๋องเมื่อทราบว่าเห้งเจียมารังควาญเมียใหม่ก็โกรธ ออกมาสู้รบกับเห้งเจีย แต่ไม่อาจสามารถเอาแพ้ชนะแก่กันได้ พอดีสหายของงู้หม้ออ๋อง มาตามตัวไปกินเลี้ยงที่ใต้บาดาล จึงขอหย่าศึกกับเห้งเจีย (ปัญญา = การหยั่งรู้ เหตุผลในความดีความชั่ว) ชั่วคราว เห้งเจียสบโอกาสแปลงกายเป็น งู้หม้ออ๋อง (อุจเฉททิฏฐิ = ความเห็นว่าบาปบุญไม่มี) ย้อนกลับไปหานางล่อซัว (วิภวตัณหา = ความอยากไม่มี ไม่เป็น)
นางล่อซัวร้างสามีมานาน ครั้นไม่ได้รับการเอ็นดูจากงู้หม้ออ๋อง ก็ตัดพ้อต่อว่าตามประสาหญิงที่ถูกทอดทิ้งที่สามีไปมีเมียใหม่ งู้หม้ออ๋องปลอมก็เล้าโลมเอาอกเอาใจ ทำให้นางไม่พบพิรุธใดจึงโดนหลอกเอาพัดวิเศษที่นางล่อซัวอมไว้ในปากออกมาจนได้ แล้วแผลงฤทธิ์เหาะหนีมาให้บังเอิญ พบโป้ยก่ายกลางทาง
โป้ยก่าย(ศีล) เมื่อทราบว่าเห้งเจียได้พัดวิเศษมาแล้ว ขอเป็นผู้รักษาพัดเอง เห้งเจีย(ปัญญา) เห็นดีด้วยมอบให้ไปพลันโป้ยก่าย(ศีล) กลายร่างกลับเป็นงู้หม้ออ๋อง เห้งเจียจึงรู้ว่าตนหลงกลปีศาจควายดำ จึงชักตะบองวิเศษออกสู้รบ
โป้ยก่ายตัวจริงมาทันช่วยกันรุมรบกับปีศาจควายดำ แต่ก็หาเอาชนะมันได้ไม่ ปีศาจควายดำ(อุจเฉททิฏฐิ) แปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ เห้งเจียก็แปลงกายเป็นสัตว์คู่อริไล่ตีทุบต่อย จนปีศาจล่าถอยเข้าถ้ำปอเจียวต๋องของนางล่อซัวผู้เป็นภรรยา
ในจังหวะนั้น โป้ยก่ายหวนกลับไปที่ถ้ำนางเง็กมิ่นกงจู๊ (กามตัณหา) แล้วเอาคราดเก้าซี่ (อริยศีล - สังฆคุณ ๙) สับร่างนางเง็กมิ่นกงจู๊จนตาย แล้วจุดไฟเผาถ้ำและสมุนผีเสียสิ้น จากนั้นย้อนกลับมาสมทบกับเห้งเจียที่ถ้ำปอเจียวต๋อง และช่วยกันพังทลายถ้ำจนพังพินาศ
งู้หม้ออ๋องเหาะขึ้นบนอากาศตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของเทพยดา ที่พระยูไลให้กิมกังทั้ง ๔ (อริยสัจ ๔ - ทุกข์ สมุหทัย นิโรจน์ มรรค) มาล้อมจับทั้ง ๔ ทิศ ส่วนเบื้องบนเง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้ถักทะลีทีอ๋อง (กุศล - ความดีงาม) และโลเฉีย (เจตสิก - ธรรมที่ประกอบกับจิต) คุมทัพสวรรค์ สกัดไว้เบื้องล่างเห้งเจีย (ปัญญา) และโป้ยก่าย (ศีล) รุกไล่ขึ้นไป
ในที่สุดปีศาจควายดำ งู้หม้ออ๋องถูกล้อมไว้ทุกทิศทางจึงยอมแพ้ ยอมกลับใจมาในทางพุทธธรรม ร่างกลับกลายเป็นควายขาว (สัมมาทิฏฐิ) จอมทัพแห่งสวรรค์ จูงจมูกขึ้นสวรรค์ไปทูลรายงานแก่เง็กเซียนฮ่องเต้
นางล่อซัว (วิภวตัณหา ที่น้อมไปทางอัตตกิลมถานุโยค) เห็นสามีกลายจากควายดำเป็นควายขาว จึงผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว แล้วกล้อนผมบวชเป็นชี (เข้าสู่ทางสัมมาทิฏฐิ) ขอขมาโทษต่อเห้งเจีย ยินยอมมอบพัดวิเศษให้แต่โดยดีเพื่อเป็นการไถ่ชีวิตตน เห้งเจียใช้พัดวิเศษ พัดโบกจนแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟ ไฟค่อยๆลดลงจนดับสนิท แล้วส่งพัดคืนให้แม่ชีล่อซัว นางอมไว้ในปากตามเดิม
เมื่อเหตุการณ์เรียบร้อยปกติ เห้งเจียเชิญพระถังซัมจั๋งขึ้นม้าออกเดินทางมุ่งไซทีต่อไป
(ความตอนนี้ มิจฉาสังกัปปะ - ดำริผิด อุจเฉททิฏฐิ - ความเห็นว่าบุญบาปไม่มี สวรรค์ไม่มี นรกไม่มี ทานไม่มีผล อัตตกิลมถานุโยค - การบรรลุมรรคผลด้วยการทรมานตนเอง เป็นวิภวตัณหา ความอยากไม่มี ไม่เป็น ยิ่งเรียนธรรมะยิ่งมีความเร่าร้อน เพราะยังไม่สามารถละอุจเฉททิฏฐิ – ความเห็นว่าไม่มี จึงยังมีความร้อนใจร้อนกาย จิตกระสับกระส่าย ทำให้เป็นทุกข์ ต้องอาศัย อากิญจฺญญายตนะ ภาวนาว่า ไม่มี ไม่มี-ว่าง เพื่อเปลี่ยนวิภวตัณหา ไปในทางสัมมาทิฏฐิ)จาก
http://www.khuncharn.com/skills?start=21อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1สำรอง
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,11780.0.html