[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
09 พฤษภาคม 2567 00:30:47 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 4 5 [6] 7 8 9
101  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / หาย... คำสั้น ๆ คำหนึ่ง เมื่อ: 15 มกราคม 2554 10:49:01




คำสั้น ๆ คำหนึ่ง ที่นึกถึงขึ้นมาเฉย ๆ เมื่อกี้ว่า เมื่อไหร่ตัวเองจะ...หาย

คำนี้ถ้านำมันไปต่อท้าย อะไรต่อมิอะไรในชีวิตละก็ มันทุกข์เห็น ๆ

ไอโฟน ... หาย
เงิน ... หาย
รถ ... หาย
ความสุข ... หาย



แต่ถ้ามันมานำหน้า อีกหลายคำที่ไม่ค่อยจะดี มันก็จะกลายเป็นคำดีๆ เป็นสุขขึ้นมาได้ซะงั้น

หาย ... ป่วย
หาย ... ฟุ้งซ่าน
หาย ... เจ็บ
หาย ... ทุกข์



พอคิดไปมากกว่านั้น ว่าที่แท้มันก็คือความจริง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่จะ ... หาย

ความสุข ... ก็หาย
ความทุกข์ ... ก็หาย
ตัวเรา ... ก็หายไปในที่สุด


เพราะไม่มีอะไรเลย ที่จะเป็นของเราอย่างแท้จริง ดังนั้น ถึงตอนนี้ จะยัง ใจ ... หาย


แต่ก็โชคดีที่เรายังหาย ... ใจ


วันนี้เรายังโชคดีที่ยังหายใจ ถ้าหมดลมหายใจไปแล้วเราก็จะไม่มีโอกาสได้ทำอะไรอีกเลย


เพราะฉะนั้น จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด ก่อนที่มันจะสายไป




บทความดี ดี จาก

www.siamsouth.com
102  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 4 ตัวช่วย ในวันที่คุณ… หมดกำลังใจ เมื่อ: 15 มกราคม 2554 10:45:42

ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม  ขำ


จริงครับ

คนไทยส่วนมาก ไม่ทุกข์ ไม่เข้าวัด 5555+


ปล. คำว่าปลง พูดง่าย แต่ทำยาก

จริง  ๆ  ไม่ยากมากนะคะน้าแม็ค  
ปลง  ....ง่ายๆ  ก็แค่คิดว่า ..ชั่งหัวมัน
ในขณะที่เรามีเรื่องหรือปัญหาที่แก้ไม่ตก
ทางออกสุดท้าย  ก็คือคิดซะว่า  ชั่งหัวมัน
แล้วก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์
กว่า  แทนที่จะมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ให้เสียเวลาเปล่า

*-*  ....เหมือนจะหนีปัญหาแหละเนอะ  แต่ก็นะ ..ชีวิตคนเรา
ก็มีเท่านี้เอง  จะไปอะไรมากมาย แค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ก็
ดีถมไปแล้วล่ะน่า...
103  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / สติอยู่เหนือกรรม สติเปลี่ยน กรรมเปลี่ยน เมื่อ: 15 มกราคม 2554 10:32:52
http://img141.imageshack.us/img141/4021/lotus3d6fc8zq1.jpg


สติเหนือกรรม (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

ทุกคนชอบบุญ ทุกคนไม่ชอบบาป แต่ปัจจุบันก็น้อยคนนักที่ปฏิเสธคำยั่วยุต่างๆ นานาของบาป หรือของกรรมนั่นเอง มีน้อยคนนักที่เข้มแข็งปฏิเสธคำยั่วยุของบาปกรรมได้สำเร็จ การทำบาปทำไม่ดีจึงไม่เบาบางจากโลก ทั้งยิ่งวันก็ยิ่งมากขึ้นทุกที


ที่รู้ได้ดังนี้ก็ด้วยเราพากันสารภาพเอง บอกเองว่า โลกทุกวันนี้มืดแล้ว ไม่มีแสงแห่งความดีงามเพียงพอจะสู่กับอำนาจเลวร้ายของกรรม ที่จริงเราพากันแพ้กรรม ยอมตกอยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของกรรม ยอมคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ได้ต่างๆ นานา

ไม่ใช่เพราะเราอยากทำเช่นนั้น ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครอยากเป็นคนชั่ว แต่ที่พากันเป็นคนชั่วคนไม่ดีก็เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของกรรม โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกกรรมบัญชา ถูกกรรมสั่งให้ยอมเป็นคนไม่ดี ความยินยอมพร้อมใจไปกับกรรมก็เพราะขาดสติอย่างสิ้นเชิง จนไม่รู้ดี ไม่รู้ชั่ว ไม่รู้ความควร ไม่รู้ความไม่ควร


สติจึงสำคัญนัก สำคัญที่สุด สติจะทำให้ผู้มีสติรู้ผิดรู้ชอบดังกล่าวแล้วไม่มีใครอยากทำผิด ถ้ามีสติรู้ตัวรู้ผิดชอบ จะรู้เมื่อกรรมเข้ามาบัญชา จะไม่ยอมแพ้กรรม นั่นก็คือจะสามารถรักษาตัวให้พ้นจากการเป็นคนคิดชั่ว คนพูดชั่ว คนทำชั่วได้

จงเห็นความสำคัญที่สุดของสติ พยายามมีสติไว้ให้เสมอ คือพยายามอย่าให้ขาดสติ อะไรเกิดขึ้นได้จะได้ไม่ยอมเป็นผู้แพ้กรรม จะรู้ถูกรู้ผิด รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ชอบ อะไรจะพาไปถูกก็รู้ อะไรจะพาไปผิดก็รู้ อะไรจะพาไปดีก็รู้ อะไรจะพาไปชั่วก็รู้

ความมีสติรู้เช่นนี้สำคัญนัก ให้มีสติจริง ให้รู้จริง จะไม่ตกอยู่ใต้บังคับบัญชาที่เลวร้ายรุนแรงของกรรม กรรมที่ทุกคนได้ทำไว้มากมายด้วยกันทั้งนั้น เพราะเป็นสิ่งที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน

อกุศลกรรมคือกรรมไม่ดี ตามทันเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละที่จะบังคับบัญชาผู้ที่ได้ทำกรรมไม่ดีไว้ ให้ทำบาปทำชั่วต่างๆ นานา อันจะฉุดกระชากลากถูไปสู่ห้วงเหวแห่งความชั่วร้าย ที่จะให้โทษทุกข์รุนแรงทั้งสิ้น


: แสงส่องใจ ๑ มกราคม ๒๕๔๙
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
104  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / ชีวิต..กับ..การมี ๕ ดี เมื่อ: 14 มกราคม 2554 09:26:42



น้อมรำลึก...ในพระเดชพระคุณ...พระพรหมมังคลาจารย์...หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ..แห่งวัดชลประทานรังสฤษฎ์...ด้วยความเคารพอย่างสูง...ที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาส..บวชเรียน..เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปัญญาฯ   ตลอดระยะเวลา ๓ เดือน ในระหว่างการเข้าพรรษา  ทุกวันหลังการสวดมนต์ทำวัตรเช้า เย็น  หลวงพ่อจะมาร่วมทำวัตรด้วยทุกครั้ง  และหลังจากพาพระลูกวัดทำวัตรเสร็จแล้ว หลวงพ่อ จะอบรมลูกศิษย์ด้วยตัวท่านเอง...อย่างน้อย ๓๐ นาที ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนซาบซึ้ง ในรสแห่งพระธรรมคำสอน ที่หลวงพ่อ ได้ถ่ายทอดให้ฟังด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย และยกตัวอย่างประกอบ ได้อย่างชัดเจน บางครั้งท่านได้อธิบาย ความหมายของบทสวดทำวัตรต่างๆ  วันละเล็กละน้อย นำหัวข้อธรรม  มาสั่งสอนลูกศิษย์อยู่เป็นประจำ....นัดว่าลูกศิษย์รุ่นนี้โชคดีมากๆ..ที่หลวงพ่อท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง...และบรรยายธรรมได้อย่างดี..ทั้งที่อายุมากแล้ว..แต่ท่านก็เมตตาอบรมลูกศิษย์แบบนี้ทุกรุ่นเป็นอย่างดี...เป็นบุญเหลือเกิน...ที่เกิดมา..ได้รับเมตตาจากท่านในครั้งนี้

              ทุกครั้งที่หลวงพ่อบรรยายธรรม..จะมีลูกศิษย์..บันทึกเทป..ม้วนใหญ่ๆ..ต่อมา เมื่อท่านบรรยายไม่ไหวแล้ว..ก็ได้ใช้เทปเหล่านี้...เปิดให้ลลูกศิษย์รุ่นหลังๆได้ฟังกันทดแทนการบรรยายจากท่าน...จนปัจจุบัน..มีการรวบรวมคำสอนเหล่านี้พิมพ์เป็นหนังสือ..ชื่อว่า..คำสอนผู้บวชใหม่...

              ธรรมะที่หลวงพ่อสอน..และให้จดจำกันง่ายๆคือ..๕ ดี

                             คิดดี

                             พูดดี

                             ทำดี

                             คบคนดี

                            ไปสู่สถานที่ดีๆ


            ธรรมะง่ายๆ สั้นๆ จดจำ นำไปปฎิบัติ เป็นข้อคิดเตือนใจ..ที่นำไปใช้ในชีวิตได้จริง

  ขออนุโมทนาบุญ..กับทุกท่านที่ตั้งใจ ทำดี นำ ๕ ดี มาใช้พัฒนาชีวิต ให้เจริญๆเทอญ

                                   ธรรมะสวัสดี

ที่มา http://www.oknation.net/blog/nard/2010/07/30/entry-1
105  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ตลาดสด / เติมความคิด..เพื่อชีวิตด้านบวก.. เมื่อ: 14 มกราคม 2554 09:20:57



คนเรา..
หากมีความคิดไม่ดีผุดขึ้นมาในจิตใจ
ทำให้เราคิดไม่ดี พูดไม่ดี และทำไม่ดี
จะมีวิธีการหยุดการกระทำเหล่านี้อย่างไร ??
เราพึงรู้และเข้าใจเสมอว่า..
สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก คือ..
การมีสติ ระลึกรู้อยู่กับตัวเอง..

 
แต่ในชีวิตโลกสังคมปัจจุบัน
คำว่าอารมณ์..มักมาก่อนคำว่า..สติเสมอ
วิธีที่จะแก้อารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล..
คือ..วิธีการคิดในแง่บวก..
แล้วตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า
เวลาที่มีเรื่องแย่ ๆ หรือไม่ดีผุดขึ้นมาในจิตใจเรา..
เรื่องราวเหล่านั้น..มันมีดีอย่างไรบ้าง ??
พยายามหาข้อดีในข้อเสีย..

 
แล้วเราจะพบว่า..
ในสิ่งที่คนอื่นมองว่าไม่ดี..
อาจมีสิ่งดี ๆ มีค่าซ่อนอยู่..
เพียงปรับเปลี่ยนความคิด..ชีวิตเราก็เปลี่ยนไป..
เพียงรู้จักที่จะมองแง่บวก..จากมุมมองที่แตกต่าง..
ก็จะทำให้เราได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่มีค่าในสิ่งที่ไม่มีค่าเหล่านั้น..

 
เช่น..เวลาที่เราไปประชุม
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า..น่าเบื่ออย่างโน้นอย่างนี้..
แต่หากเราตั้งคำถามที่ได้กล่าวไว้...
ก็จะพบข้อดีในเรื่องของการประชุมนั้น ๆ
คือ..ได้ความรู้ ได้ทัศนคติใหม่ ๆ
ได้เพื่อนใหม่ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์กับเรา
และมีขนมหรืออาหารว่างให้เรากินฟรี ๆ อีกด้วย เป็นต้น
เพียงแค่นี้..เราก็จะสามารถเปลี่ยนมุมมองจากที่มองแย่ ๆ
ด้วยความอคติในตัวเรา ก็กลับกลายเป็นเรื่องดี ๆ
ที่ทำให้คนบางคนมีความสุขได้ทั้งวัน

 
ดังนั้น..
ในโลกสังคมปัจจุบันนี้..
ไม่เพียงแต่นำหลักธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตเท่านั้น..
หากแต่ต้องนำวิธีการคิดในแง่บวกมาเสริมด้วย
เพื่อให้คนดีอีกหลาย ๆ คนที่คิดดี ทำดี และพูดดีเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว
ได้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่คิดจะทำดีอีกด้วย
จะได้ช่วยกันเพิ่มคนดี ๆ ในสังคมให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น

 
เชื่อแน่ว่า..โลกนี้ยังน่าอยู่อีกเยอะ..
หากแต่ยังขาดผู้ที่จะเพิ่มเข้าใจให้กับบุคคลที่คิดจะทำดีเท่านั้นเอง..


 
บทความ..โดย..ชายน้อย&หญิงมด
ที่มา ธรรมะออนไลน์
106  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / งีบหลับ 'นาทีทอง' ช่วยสมองจำดี เมื่อ: 14 มกราคม 2554 08:57:44

เพราะความนึกคิดและความจำของคนนี้จะถูก “ป้อน” ใส่เข้าในช่องสมองอย่างแนบแน่นขึ้นใน “ช่วง” ระหว่าง “หลับลึก(Deep sleep)” กับ “ฝัน(Dreaming sleep)” ช่วงนี้เปรียบเสมือน “นาทีทอง” ที่ต้องรู้ไว้เพราะเป็นหัวใจที่ทำให้การงีบหลับกลางวันมีความหมายขึ้น จะได้ใช้แก้ตัวกับนายได้
เพราะอาสาสมัครที่ได้นอนเป็นเวลาชั่วโมงครึ่งก็ตื่นขึ้นมาทำข้อสอบได้ดียิ่งกว่าคนที่ไม่ได้นอน  โดยงานวิจัยได้ตัดตัวช่วยอื่นๆเช่นความสบายไม่เหนื่อยล้าจากการได้นอนออกไป  จนรู้ได้ว่าผลดีที่กล่อมสมองให้เป็นของอัศจรรย์ได้นั้นมาจากการงีบโดยตรง

ที่สำคัญ การงีบหลับยังทำสมองให้เหมือนช่องเก็บ “จดหมาย”

สูตรสำเร็จการงีบที่ดีก็น่าจะเป็น หนึ่งชั่วโมงครึ่งตามงานวิจัย  แต่ในความเห็นผมว่าไม่เสมอไปครับ  ควรจะปรับให้ได้ตามไลฟสไตล์ของเราแต่ละคนมากกว่า พูดง่ายว่า “ไม่มีสูตรสำเร็จ”

บางคนนอนเบ็ดเสร็จ 20 นาทีก็กะปรี้กะเปร่าเพราะหลับลึกได้  ผิดกับคนที่ “นอนได้” เหมือนกันแต่ไม่ลึกและมีฝันว้าวุ่นก็จะรู้สึกว่านอนก็เหมือนไม่ได้นอน ขาดทุนนิทราไป

เพราะการนอนที่ดูเหมือนเรื่องง่ายเอาเข้าจริงก็มีกฏ กติกา มารยาทต้องรู้ไว้อยู่บ้าง  เช่นว่าถ้านอนไม่หลับเกิน 15 นาทีให้ลุกขึ้นมาดีกว่า  อย่าออกกำลังกายก่อนนอน  และที่สำคัญคือการนอนไม่สามารถชดเชยได้ทั้งต้นและดอก ไม่มีบอกนอนดึกแล้วมานอนซ่อมวันรุ่งขึ้น สมองจะไม่รับรู้ด้วย  ดังที่ ดร.แม็ทธิว วอล์คเกอร์หนึ่งในผู้วิจัยได้กล่าวไว้ว่าสมองจะใช้เวลาเรียนรู้ในแต่ละวันมาก  หากได้นอนกลางวันมันจะเหมือนกับการ “จัดระเบียบ” ข้อมูลข่าวสารให้เข้าที่เข้าทางขึ้นในติ่งหนึ่งของสมองที่เรียกว่า “ฮิปโปแคมปัส(Hippocampus)”

เจ้าติ่งสมองส่วนนี้ผมชอบเรียกว่า “ม้าน้ำ” เพราะหน้าตามันเหมือนใช่หยอกอยู่ดูจากรูปที่หามาให้ดูได้ครับ

ซึ่งผมเองหลับตานึกตาที่ท่านอาจารย์วอล์คเกอร์แห่งตักสิลา เอ๊ย...ยูซีเบิร์กลีย์ท่านบอกแล้วก็เห็นภาพ “ตู้จดหมาย” ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ  หรือท่านจะลองนึกถึงช่องเก็บจดหมายในอีเมลท่านก็ได้ครับ

สมองมีช่องเก็บจดหมายย่อมๆไว้ตู้หนึ่ง ซึ่งถ้าเก็บไว้ทุกอย่างตั้งแต่เกิด ตั้งแต่โน้ตขอตังค์แม่, เมลง้อแฟน, เมลอ้อนกิ๊ก, แผ่นพับโฆษณา,ซองกฐินผ้าป่า,เปียแชร์และอีกสารพัด  ตู้จะต้องรับภาระแออัดขนาดไหน  คงล้นแล้วล้นอีกไม่มีทีเก็บ  บุรุษไปรษณีย์มาก็ส่ายหน้าเพราะว่าจดหมายเก่าก็ยัง “ปลิ้น” ออกมายังไม่ได้ล้างป่าช้า  หนำซ้ำของใหม่ก็ทยอยเข้ามามาก ชวน “บ้า” ได้ง่ายๆ

เมื่อมันเป็นในหัวคนถึงทำให้บางคนถึงขั้น “สติแตก” ไปไงครับ  เพราะเหลือที่จะรับข้อมูลข่าวสารที่กระหน่ำเข้ามาจนแม้ขณะลมหายใจนี้  เลยสำแดงออกมาแบบบ้าๆบอๆ

เพราะสมองรวนโอเวอร์โหลด  แต่ก็มีผู้ที่เข้ามาโปรดเอาไว้ก่อนไม่ให้สัญญาวิปลาสไปเสียก่อนนั่นก็คือ “การนอน” ที่ว่านี้ เดชะบุญที่ธรรมชาติสร้างการนิทราเข้ามาเป็นพระเอกในหัวใจเรา ให้เข้ามาเป็นฮีโร่ยามสมองร้องขอ

เพราะว่าถ้าได้ “หลับลึก” ดีเป็นระยะก็จะทำให้สมองได้จัด “ช่องจดหมาย” ของตัวได้ว่าจะเอาเรื่องไหนเข้าเรื่องไหนออก  เหมือนกับช่องรังนกเก็บจดหมายในออฟฟิศ  เรื่องกระจิริดก็เอาออก แยกไปใส่โฟลเดอร์สัพเพเหระจิปาถะมโนสาเร่  ก็ว่าไป  ส่วนเรื่องไหนสำคัญต้องการการ “ตกผลึก” ก็จะฝึกให้เก็บเอาไว้ในแฟ้มสมองอย่างมีระเบียบพร้อมที่จะเรียกใช้ได้

ทั้งหลายทั้งปวงนี้เกิดขึ้นขณะ “นิทรา” เท่านั้นเอง

ซึ่งถึงตอนนี้บางท่านอาจสงสัยว่าแล้วทำไมต้องเป็น “กลางวัน” ซึ่งเป็นเวลาที่อาจไม่สะดวกนักเพราะเจ้านายไม่รักไม่ปลื้ม 

ขออย่าลืมครับว่าการนอนกลางคืนของคนปัจจุบันนั้นมัน “คุณภาพด้อย” กว่าแต่ก่อนมาก  มีทั้งเสียง,แสงแยงตาแถมยังนอนดึกแล้วมีเครียดอีก  หลายท่านจึงมีอาการนอนไม่หลับเป็นเสมือนเพื่อนสนิท ซึ่งพิษมันจะออกในช่วงกลางวันให้หนักหัว เหนื่อยง่าย ง่วงหาวนอนตอนประชุมหรือที่น่ากลัวสุดก็คือ “หลับใน” ตอนขับรถ

ซึ่งการได้งีบกลางวันอย่างมีคุณภาพจะเหมาะกับท่านเหล่านี้มากหรือแม้แต่คนที่หัวถึงหมอนตอนกลางคืนหลับฟื้ดีอยู่แล้ว  ถ้าได้นอนกลางวันอีกสักนิดก็จะคิดอ่านการงานได้ดีขึ้น ช่วย “จัดกลุ่ม” ความจำได้เป็นระยะ

เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องคอยกด “บันทึก(Save)” งานไว้เป็นระยะกันหาย  สมองจะจดจำได้ง่ายครับถ้ามีช่วงพักเบรกให้นอนกลางวันด้วย  และก็ช่วยท่านที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้นอนกลางคืนหลับดีหรือเป็นสมาชิกชมรมนิทราชาคริตคือหลับๆตื่นๆ ก็จะได้ฟื้นศักยภาพสมองอีกครั้งเมื่อได้นอนกลางวัน 

วิธีสังเกตง่ายๆว่าท่านต้องการ “งีบกลางวัน” เพื่อจัดสรรช่องจดหมายในสมองหรือไม่ให้ดูจากอาการ “ง่วง” ก็ได้ครับ  สำหรับคนที่ไม่ได้หาเรื่องนอนจริงๆถ้ายิ่งง่วงกลางวันบ่อยๆก็แปลว่าสมองร้องขอแล้ว  อย่ารอเพิกเฉยทีเดียวครับ  สงสารสมองที่เหมือนเครื่องร้อนต้องการผ่อนบ้าง แม้จะไม่ได้จ้างมานอนก็ตาม.

@@@

ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
107  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / รวมเคล็ดลับบริหารสมอง เมื่อ: 13 มกราคม 2554 08:43:19

อยากมีความจำที่เป็นเลิศ แม้ยามแก่ชราก็ไม่หลงๆ ลืมๆ ไปตามวัย ก็ต้องบริหารสมองเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพด้านการจดจำและการประมวลผล ส่วนหน้าที่ของสมองในด้านการควบคุมการทำงานร่างกายนั้นต้องดูแลจากอาหารการกินและสุขภาพ

สำหรับเคล็ดลับการบริหารสมอง ทำได้ไม่ยาก มีทั้งเข้าคอร์สเรียนรู้สิ่งที่สนใจเพิ่มเติม เช่น สนใจการถ่ายภาพก็จัดสรรเวลาไปเรียนถ่ายภาพ หรืออยากฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาเกาหลี ก็หาโอกาสไปเรียนจนสื่อสารได้ สร้างผลงานศิลปะ ด้วยการวาดภาพและระบายสี

เล่นเกมส์ประเภทประเทืองปัญญา เช่น ปริศนาอักษรไขว้ โซดูกุ ความยาก-ง่ายต้องเหมาะสมกับวัย รวมถึงหมั่นคิดคำนวณหาผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ อ่านหนังสือ นิยาย หรือข่าวให้หลากหลายประเภท โดยควรอ่านเป็นประจำทุกวัน

เรียนรู้ความหมายของศัพท์ที่ถูกต้องจากพจนานุกรม อย่างน้อยวันละ 1 คำ และจดจำชื่อหรือคำศัพท์ซึ่งต้องใช้บ่อย ๆ ให้เป็นหมวดหมู่

อย่าละเลยอาหารมื้อเช้า และอย่าให้ขาดอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า อย่าหายใจสั้น ฝึกสูดลมหายใจเข้า-ออก ลึกๆ ยาวๆ ถือเป็นการฝึกสมาธิไปด้วย

ไม่ควรตั้งหน้าตั้งตาดูโทรทัศน์ติดต่อกันหลายชั่วโมง หากเลี่ยงไม่ได้ ให้หากิจกรรมอื่นๆ มาทำระหว่างดูโทรทัศน์ หาเพลงคลาสสิกฟังช่วยพัฒนาสมองมากกว่าเพลงแนวอื่นๆ โดยท่วงทำนองที่ควรหามาฟัง คือ โมซาร์ด,โซนาตา และเปียโน คอนเซอร์โต

ฝึกใช้มือและเท้าด้านที่ไม่ถนัดทำกิจกรรมแทนด้านที่ถนัด จะได้พัฒนาสมองไปทั้งสองซีก ใช้ชีวิตอย่างมีจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์

ไหน ๆ คนเราเกิดมามีสมองแค่ชิ้นเดียว แถมเป็นอวัยวะสำคัญที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนได้ ดูแลให้ดีด้วยการบริหารสมองด้วยวิธีต่าง ๆ ข้างต้น คงไม่ใช่เรื่องยาก ถือเสียว่า แก่ตัวไป แก่แต่ตัว ส่วนสมองไม่แก่ตาม.


ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
108  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / ทานผักแบบ ‘วาไรตี้’ได้สารอาหารครบถ้วน เมื่อ: 13 มกราคม 2554 08:31:20



ผักเป็นที่รวมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นก็จริง แต่ผักแต่ละอย่างมีสารอาหารไม่เหมือนกัน ถ้าอยากได้วิตามินครบถ้วนจึงต้องกินแบบวาไรตี้ อย่าสั่งแต่ผักคะน้าหมูกรอบของโปรดอย่างเดียว เดี๋ยวขาดทุนไม่รู้นะ..

 

           อินโดล สาวๆ ที่ไม่อยากปวดหัวกับมะเร็งเต้านม ต้องได้รับสารตัวนี้เป็นประจำ แต่หาได้จากผักตระกูลกะหล่ำที่เดียวเท่านั้น

 

           อัลลิซัลไฟด์ส ร่างกายเรามีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ล้างสารพิษอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องได้สารอาหารอย่างอัลลิซัลไฟด์สเข้าไปกระตุ้นด้วย เอนไซม์ถึงจะทำงานได้ดี อัลลิซัลไฟด์สมีอยู่ในหอมหัวใหญ่ หอมแดง ต้นหอม กระเทียม

 

           กลูคาเรต เป็นฮี่โร่ยอดขยันที่จะช่วยป้องกันเราจากมะเร็ง มีอยู่มากในมะเขือยาว มันฝรั่ง พริกไทย

 

           ไลโคเพน สารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดมาเพื่อป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากของท่านชายโดยเฉพาะ พบกับเขาได้ในมะเขือเทศลูกแดงๆ ยิ่งแดงยิ่งดี

 

           เควอร์เซติน สารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่ง ใครอยากผิวสวยหน้าใสกิ๊งห้ามพลาด มันฝรั่ง บร็อคโคลี่ หอมหัวใหญ่ เพราะนั่นล่ะ เควอร์เซตินทั้งนั้น!

 

           ลูทีน สารที่ขึ้นชื่อเรื่องลดจุดด่างดำ ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่เหี่ยวง่าย ปิดโอกาสเป็นมะเร็ง แถมยังหาง่ายเพราะมีอยู่ในผักใบเขียวทุกชนิด

 

           ฟลาโวนอยด์ส เขาคือนักปราบเชื้อโรคทั่วราชอาณาจักร ช่วยให้ภูมิต้านทานแข็งแรง เหมาะสำหรับหญิงเหล็กที่ต้องทำงานโอเวอร์โหลดเป็นประจำ มีมากในถั่ว กระเทียม

 

           เบต้าแคโรทีน ชื่อนี้ที่คุณรู้จักกันดี เขาคือพระเอกยอดนิยมในวงการความงาม เพราะสามารถปราบอนุมูลอิสระให้ลงไปกองกับพื้นได้ในหมัดเดียว และยังป้องกันมะเร็งในปอดให้สิงห์นักสูบได้อีกด้วย อยากพบเบต้าแคโรทีน อย่าลืมมองหาแครอท ผักใบเขียวทุกชนิด พริก ฟักทอง รับรองไม่ผิดหวัง

 

 


ที่มา : นิตยสารสไปซี่ 
109  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / สูตรลับสร้าง ‘โกรทฮอร์โมน’ ชะลอแก่ เมื่อ: 13 มกราคม 2554 08:27:10

สูตรเด็ดเคล็ดลับนี้ เพียงแค่คุณเข้านอนก่อนเวลา 5 ทุ่ม ปิดไฟให้ห้องมืดสนิท เพราะสมองจะหลั่ง โกรท ฮอร์โมน ออกมาได้มาก โดยเฉพาะหลังจากหลับสนิทไปแล้ว 90 นาที รวมทั้งงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

            การที่ร่างกายมีโกรท ฮอร์โมน เพียงพอจะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย หรือชะลอแก่นั่นเอง ส่วนใครที่กินอาหารเสริมเพิ่มความสูงแล้วนำสูตรลับให้ร่างกายสร้างโกรท ฮอร์โมน นี้ไปปฏิบัติร่วมด้วย ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของอาหารเสริมดังกล่าว.

 


 

ที่มา :หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

110  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / 5 ขั้นตอนความจำ แม่นยำไม่ลืม เมื่อ: 12 มกราคม 2554 09:06:05

วันนี้ขอแนะนำเคล็ดลับ “การจดจำ 5 ขั้นตอน” ซึ่ง ‘หนูดี-วนิษา เรซ’ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพ เคยเผยไว้ในงาน ‘Brain Explorer’ รวมทุกเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมอง โดย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

หากต้องการจดจำเรื่องใดเป็นพิเศษ ให้รู้ไว้เลยว่า ควรทำให้เรื่องราวเหล่านั้นมีคุณสมบัติ 5 ข้อ 5 ขั้นตอน คือ เริ่มจาก 1. รับข้อมูลเข้าผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ยิ่งสัมผัสได้หลายแบบ ยิ่งช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น ตามด้วยขั้นตอนที่ 2.กรณีที่เป็นข้อมูลสำคัญ คนเราจะเก็บไว้ในความสนใจ แต่ถ้าไม่สำคัญก็จะลบทิ้งไม่เก็บเข้าสมอง ดังนั้นถ้าอยากจำอะไรจริงจัง ก็ต้องสนใจให้มาก

ส่วนขั้นตอนที่ 3.เรื่องราวที่เป็นภาพจะถูกดึงไว้ในความทรงจำระยะสั้น และขั้นที่ 4.เติมประจุทางอารมณ์ เพื่อให้สมองจดจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น และขั้นตอนสุกท้าย ขั้นที่ 5 เมื่อผ่านทั้ง 4 ขั้นตอนที่กล่าวมาได้ครบ ความทรงจำจะถูกเก็บเป็นความจำระยะยาว ที่นี้จำนาน ลืมยากแน่นอน.

ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
111  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / กำลังใจสำหรับคนเพึ่งถูกทอดทิ้ง เมื่อ: 08 มกราคม 2554 12:01:20

ถาม – เรากำลังทรมานมาก แฟนเราเพิ่งบอกเลิกด้วยเหตุผลระหว่างเราที่ไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ เนื่องจากมีความสัมพันธ์แบบยากที่จะถูกยอมรับ เราเข้าใจเหตุผลดี แต่การมีเขาอยู่ทำให้เราอุ่นใจมากกว่าอยู่คนเดียว ทรมานใจเหลือเกินกับการต้องอยู่ไปวันๆโดยไม่มีเขา ถ้าไม่เหนี่ยวรั้งเขาไว้เราจะอยู่ยังไง
 

 
 
อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งขยะชิ้นหนึ่งออกจากใจ
 

อย่าคิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเหงา ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนอย่างสบายใจสักระยะ
 

อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายทรมาน ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกทำความสุขให้แก่เขา
 

อย่าคิดว่าเราควรเหนี่ยวรั้งเขา ให้คิดว่าเราควรเป็นฝ่ายให้อิสระเป็นทานแก่คนอื่น
 

ถ้าเปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด) จากมืดเป็นสว่างได้ ชีวิตก็จะสว่างเองครับ จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข มีแต่ใครๆวิ่งมาหา มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน มีแต่อยากได้อิสระให้ตนเองและใครๆทั้งโลก
 

จำไว้ว่าทำใจได้ก็เจอคนใหม่ได้ แต่ถ้าทำใจไม่ได้ก็เจอแต่น้ำตากลิ่นเก่าท่าเดียว
 

ให้ตัวคุณในวันนี้เป็นคนเลือก อย่าให้ตัวคุณที่ตายไปแล้วเมื่อวานเป็นคนเลือก

....


ดังตฤณวิสัชนา ฉบับ รู้จักรัก

http://issuu.com/aomjai/docs/dungtrin_love
112  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / ธรรมวิถีลดเคราะห์บรรเทากรรม เสริมดวง เมื่อ: 08 มกราคม 2554 11:50:08

ธรรมวิถีลดเคราะห์บรรเทากรรม เสริมดวง สิริมงคลด้วยพลังบุญศักดิ์สิทธิ์

๑ สิทธิการิยะ พระอาจาริยเจ้าได้ถ่ายทอดธรรมวิ๔เพื่อโปรดสัตว์ให้มีสุข พ้นทุกข์พอสรุปได้ความดังนี้


๑ เรื่องบุญเรื่องบาปกรรมกำหนดที่พุทธศาสนา กล่าวไว้เป็นเรื่องจริง เพราะถ้าไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว มนุษย์เราต้องเกิดมาเหมือนกันหมด แต่เพราะมีบุญมีบาป จึงเป็นเช่นนั้น มีดี, ชั่ว, สุข, ทุกข์, รวย, จน, มีโชค, มีเคราะห์ ฯลฯ


๑ดังอธิบายในเบื้องต้นว่าสุข ทุกข์ เกิดจากบุญ บาป กรรมดี กรรมชั่ว ดังนั้นการที่จะหลีกพ้นจากทุกข์โทษเวรภัยเคราะห์ร้ายทั้งหลาย ก็ด้วยพลังของความดีที่ตนเองได้สร้างเป็นหลักแล้ว ยังสามารถพึ่งพระรัตนตรัย ตลอดจน เทวฤทธิ์ รวมพลังบุญศักดิ์เป็นแสงสว่างแก่ชีวิทเป็นย่อเกิดความปห่งความดีงามของตนและคนอื่น


๑แก้ววิเศษ มี่ค่ามหาศาลประมาณค่ามิได้ เป็นที่พึ่งได้จริง คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงให้ตั้งนะโม นมัสการบูชาพระ ถึงไตรสรณคมณ์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สัฃฆัง สะระณัง คัจฉามิ หางศรัทธามั่งคงย่อมเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นแก้วสูงสุดในสามโลก


๑ศีลรักษาให้มีกายวาจาเป็นปรกติ ศีลล่งผลให้เกิดในที่สุขติ เทวดารักษา ไม่ไปในทางเสื่อม บางท่านบอกว่าศีลรักษายาก แต่จริงๆแล้ว ทุกท่านสามารถรักษาได้ อย่างน้อยข้อไดข้อหนึ่งก็ยังดี บางท่านมีปัญญา ก่อนนอนรักษาศีล8 ตื่นนอนรักษาศีล5 อย่างน้อยก็มีกำไรเพราะตอนนอนย่อมรักษาศีลได้อย่างแน่นอน ช่วยชำระกิเลสให้เบาบางลง ปละเป็นบุญสำคัญที่จะรองรับความดีนังให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป


๑ทานส่งผลให้มีทรัพย์ ทานมีหลายระดับแตกต่างกัน ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ พระอริยะเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระ พุทธเจ้า ย่อมมีอนิสงค์แตกต่างกันไปจนถึงสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน และ จนถึงที่สุดคือ อภัยทาน ถ้าบำเพ็ญอยู่เสมอย่อมยังผลให้เกิดความคล่องตัว ทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ คือ หาถาชนะอันสมควรตั้งในที่บูชา แล้วนำเงินไปใส่ไว้ในภาชนะนั้น สวดมนต์ใหว้พระ เจริญพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า สะสมไว้จนเต็มหรือมีโอกาศก็นำไปทำบุญ ทำทุกวันเห็นผลทั้งทางโลกและทางธรรม (พระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระคาถาอื่นๆจะนำลงในเว็บภายหลัง)


๑การเจริญภาวณาก็เป็นบุญกุศลมหาศาล เพราะสามารถปราบกิเลสได้หลายตัว ตั่งแต่เริ่มตั้งตาการสวดมนต์สามารถบำเพ็ญได้ครบทั้งกาย วาจา ใจ เช่น กายพนมมือ นอบน้อม ปากสวดมนต์สรรเสริญคุณพระ ใจระลึกถึงคุณพระ ผุ้ที่สวดด้วยความเคารพตั้งใจเลื่อมใส ยังให้มีบุญประมาณมิได้ ทั้งยังเกิดสวัสดิมงคล


๑ผู้ที่ฆ่าสัตว์ใหญ่ ฆ่ามนุษย์ โดยเฉพาะทำแท้ง เป็นบาปก่อให้เกิดทุกข์อุปสรรคทั้งหลายในชีวิตนานา ประการ ให้ทำบุญด้วยพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้วขึ้นไป ผ้าขาว หรือไตรจีวรไร้อมอาหารถวายเป็นสังฆทาน อนิษฐานขอบุญพระพุทธเจ้า บุญศักดิ์สิทธิ์ นำพาดวงจิตไปวิมานบุญ ขออโหสิกรรมนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้มีความสุขด้วยพุทธบารมีธรรม (หรืออาจจะสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 5 นิ้ว อนิษฐานเป็นพระพุทธรูปบูชาอโหสิกรรมพิเศษของเราโดยเชิญดวงจิตของบุตรมาเป็นเทพรักษาประจำองค์พระ ทำการอัญเชิญด้วยการสวดพุทธคุณและพระคาถาต่างๆ ขอบุญพรพุทธเจ้าส่องนำทางขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน) หมั่นสวดมนต์แพร่เมตตามากๆเพื่อชำระให้จิตใจให้ใสสะอาด


๑ผู้ที่เบียดเบียนฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต มีผลให้เกิดโรคถัยไข้เจ็บอายุสั้น ควรทำบุญด้วยการช่วยชีวิตสัตว์อนิษฐานแพร่เมตตาอโหสิกรรม ทำบุญด้วยยารักษาโรค หรือ ทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์ หรือ ด้านการแพทย์ บำรุงพระเณรปฏิบัติ ผู้อาพาธ เจ็บป่วย


๑ผู้ที่สมบัติฉิบหายด้วยเหตุต่างๆ จงทำใจอย่าเสียดายกับทรัพย์นั้นๆ ทำใจให้เป็นบุญมาแทนที่ให้ อนิษฐานสมบัติทั้งหลายที่สูญไปทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ขอพิจารณาบูชาแก่พระไตรลักษณะญาณ พระ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอสมบัติทั้งหลายทั้งทางโลก ทางธรรมหลั่งไหลเข้ามาเป็นหมื่นเท่าทวีคูณ และควรให้ทานตามโอกาส


๑บางท่านที่เป็นหนี้สงฆ์ หนี้สินทรัพย์ หนี้สิน หนี้เวรหนี้กรรม กับผู้หนึ่งผู้ได ทั้งชาติก่อน ชาตินี้ ให้อนิษฐานสร้างพระชำระหนี้ ถวายในพระศาสนา อาจจะเป็นพระพุทธรูปตั้งแต่ 5 นิ้วขึ้นไปจนถึง 4 ศอกหรือ มากกว่านั้น อนิษฐานชำระหนี้ และปิดทองคำแท้ที่องค์พระ ตั้งแต่ 3 แผ่นขึ้นไปหรือทั้งองค์ก็ยิ่งดี พร้อมปัจจัยศรัทธา เขียนหน้าซองถวายชำระหนี้สงฆ์ หนี้สินทรัพย์ หนี้สิน หนี้เวรหนี้กรรม ขอให้หมดหนี้มีสินด้วยพระพุทธรัตนไตร เป็นแก้ววิเศษประมาณมิได้


๑ทุกข์เพราะความรัก เพราะเคยทำชั่วเรื่องความรักไว้ ให้ตั้งใจรักษาศีลถือบวชแล้วเจริญปัญญาให้มากๆ ความรักไม่ได้ทำให้ผู้ไดทุกข์ แต่ ทุกข์เพราะการยึดติด ไม่ปล่อยวางปรารถณาที่จะครอบครองจึงเป็นทุกข์ ดังนั้นจึงควรรู้จักให้รู้จักรักโดยไม่หวังผลตอบแทน และที่สำคัญจงรักตนเองให้มากๆ ทำชีวิตให้มีคุณค่าเพื่อตนเองและคนที่เรา


๑ทุกข์เรื่องคู่ครอง ให้พิจรณาว่าอาจจะมีหนี้เวรหนี้กรรม ต้องชดใช้ ให้จุดเทียน 1 คู่ ธูป 5 ดอก ดอกไม้5สี (ถ้าเป็นดอกกุหลาบได้ก็ดี) อนิษฐานบูชาพระ หากแม้นมีหนี้เวรหนี้กรรม ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน น้อมจิตระลึกถึงบุญกุศลทีเคยสร้างร่วมกันชักนำดวงจิตให้คิดดีต่อกัน แล้วแผ่เมตตาให้มากมาก ย่อมเกิดผลดี ตลอดทั้งให้พิจารณา สิ่งที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน อะไรควรไม่ควร แก้ไขตามเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ต้องแก้ด้วยสติปัญญา


๑ผู้ถูกหลวงลวง เพราะเคยทำกรรมชั่วทางวาจา ให้ตั้งใจรักษาสัจจะในสิ่งที่ดีงามเรื่องไดเรื่องหนึ่งเช่นตั้งสัจจะว่าจะสวดมนต์ทุกวันก็ทำให้ได้ พูดแต่สิ่งที่ดีงาม

๑ผู้สติไม่ดี อาจจะเพราะกรรมชั่วในสิ่งที่มึนเมา จึงให้งดของมึนเมาทั้งหลายเพื่อสร้างสติ อนิษฐานว่าจะดื่มใจจะสูบให้น้อยลงและเลิกละ หากทำได้ก็ชนะตัวเอง

๑ผู้เลี้ยงลูกหลานไม่ได้ดีควรสั่งสมกตัญญูกตเวทิตาธรรม อธิษฐานขอพร พระแจกหนังสือธรรมะ เพื่อสั่งสอนคนให้เป็นคนดี ควรป้อนข้อมูลดีๆ ไม่ควรแช่งด่าลูกหลาน ถ้าใครแช่งด่าไว้มากมากควรสวดมนต์ ขอถอนคำแช่งด่า เปลี่ยนคำอธิษฐานในทางที่ผิดเป็นในทางที่ดี


๑บางท่านที่อยู่อาศัยเป็นทุกข์ ก็ให้ตั้งขันน้ำที่หน้าพระเจริญพระพุทธมนต์ต่างๆ จุดเทียนทำน้ำมนต์ เวลาดับเทียนก็ขอให้ดับความทุกข์เร่าร้อนทั้งหลาย และแพร่เมตตาพรหมวิหาร อุทิศบุญกุศลให้กับระภูมิเจ้าที่ เทวดา สรรพชีวิตทั้งหลาย อนิษฐานขอน้ำพุทธบารมีไปประพรมให้ทั่วบริเวณบ้าน ขอบันดาลให้สิ่งที่ร้ายกลายเป็นดี


๑บางท่านอายุถึงเบญจเพศดวงไม่ดี
เนื่องจากสาเหตุไดๆก็ตามไม่ว่า ราหูเข้า พระเสาร์แทรง เราอาจจะทำพอธีบูชารับส่งรวมกันทุกพระองค์พร้อมกันทีเดียวก็ได้ โดยหาเทียนใหญ่พอประมาณ ปิดทองคำแท้ อนิษฐานเป็นเทียนเสริมดวงเสริมสิริมงคล ดวงชะตาชีวิต ให้แต่งดอกไม้ธูปเทียนภาวนา สวดอิติปิโสนพเคราะห์ เต็มสูตร บูชาเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาดวง ขอให้กลับร้ายกลายเป็นดี ที่ดีแล้วก็ให้ดียิ่งขึ้นไป อาจสวดมนต์พระคาถาต่างจนหมดเล่ม หรือ นั่งสมาธิต่อด้วยก็ยิ่งดี


๑กิจการค้าขายไม่ประสบสำเร็จ ให้พิจารณาแก้ไขตามเหตุอันสมควร หรือจะใช้วิธีช่วย คือ ธูปอนิษฐาน ให้เอาธูปที่ใช้ทั้งห่อมาทำพิธีสวดอิติปิโสนพเคราะห์และพระคาถาต่างๆ แล้วอนิษฐานขอให้เป็นธูปสารพัดดี เวลาใช้ให้จุดปักกลางแจ้งโดยใช้จำนวนตามกำลังวัน และสวดคาถาบูชาประจำวัน ตามด้วยพระคาถาอื่นๆขอในสิ่งที่ดีงาม ธูปนี้สามารถใช้บูชาพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นอย่างดี (ดูหัวข้อ ทานส่งผลให้มีทรัพย์ ประกอบ)


๑บางท่านมีคนทักว่ามีองค์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษา ไปรับขันธ์รับพานมาปรากฏว่าไม่ดีขึ้น แย่ลงกว่าเดิม หรือถูกหลอกลวง ให้เสียเงินเสียทองอันนี้ให้พิจารณาให้ดี มีอีกวิธีหนึ่งให้จัดธูป 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ดอกบัว 5 ดอก (ดอกอะไรก็ได้ที่หาได้) ตั้งขันธ์บูชาถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาตน องค์ครูบาอาจารย์ทั้ง 108 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์เป็นมิ่งเคารพ ให้ตั้งขันธ์ 5 นี้ในวันดี เช่น วันพฤหัสบดี โดยตั้งชุมนุมเทวดา สมาทานศีล สวดมนต์บูชา และแพร่เมตตา

๑การกินมังสวิรัติ การงดเว้นเนื้อสัตว์นอกจากให้ใจเบากายเบา ย่อมช่วยปริมาณการฆ่าสัตว์ได้ ร่างกายสะอาด เทวดาย่อมรักษา ให้พิจารณาเป็นเพียงธาตุ แพร่เมตตา เพื่อไม่ให้เป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน


๑ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนนอนอย่างสวดมนต์ภาวนา แพร่เมตตา จะยังผลให้จิตใจสบายให้นอนหลับสนิท


๑ผู้ที่นอนผันร้าย แก้ด้วยพระคาถา ดังนี้ ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญ จะโยขามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตังพุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯฯ


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ให้เลือกใช้ตามโอกาส ย้อมสะเดาะเคราะห์ เสริมบารมี มงคลชีวิตได้ ทุกสิ่งในโลกเป็นอนิจจังทั้งหมด อย่ามองแต่ภายนอกให้มองภายในใจของเราบ้าง พระท่านว่าการให้ธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง มีอานิสงค์สูงสุด การสร้างหนังสือธรรมทุก1ตัวอักษรเปรียบเสมือนการสร้างพระ 1องค์ ย่อมมีเทวดามารักษา กำจัดโรคเวรโรคกรรม บรรเทาหนี้กรรมได้ทำให้เจริญรุ่งเรื่อง อนิษฐานในทางชอบธรรม จะสำเร็จสมปรารถณา



บทความจาก http://www.dandham.com
113  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / “นม” ยาอายุวัฒนะ เมื่อ: 07 มกราคม 2554 08:23:09

ตามหากันมานานเหลือเกินสำหรับยาอายุวัฒนะที่กินแล้วจะทำให้อยู่ยั่งยืนยง ไม่แก่ไม่เฒ่า บางคนดั้นด้นไปหายาที่ว่านี้ตามเทือกเขาสูงหรือดินแดนไกลโพ้น ทว่าผลการวิจัยล่าสุดของสถาบันคาโรลินสกา ในสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน กลับพบว่ายาอายุวัฒนะมีอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ต้องดั้นด้นไปไหนไกล

 
          เพราะมันคือ...นม นั่นเอง  ผลการวิจัยพบว่า คนอายุยืนทั้งหลายคือ คนที่ได้รับ แคลเซียม จากอาหารในปริมาณมากถึง 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน อาหารที่มีแคลเซียมสูงมักจะช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล และลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค ดังนั้นเมื่อบริโภคแคลเซียมมากพอสุขภาพจึงแข็งแรงกว่าคนทั่วไป อายุก็เลยยืนยาว

 

          อาหารที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ นมสด ถ้าชอบดื่ม นมถั่วเหลือง ควรเลือกชนิดเสริมแคลเซียม หรือจะเปลี่ยนเป็น โยเกิร์ต และเนยแข็งก็ได้ การดื่มนมพร้อมอาหารจะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมมากขึ้นอีก 300 มิลลิกรัมต่อแก้ว

 

          ส่วนคนที่ไม่ชอบดื่มนม อาหารที่มีแคลเซียมสูง อาทิ ผักโขม บล็อกโคลี่ หรือถั่วแระ ก็ใช้ทดแทนได้

 

 


ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
114  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: กระตุก ! เพื่อสุขภาพผมที่ดี เมื่อ: 07 มกราคม 2554 08:03:51
 อายจัง

มิน่า เวลาไปเป่าผมที่ร้าน  ช่างชอบกระตุกผมบ่อย ๆ จนบางทีรู้สึกเจ็บ ๆ
เหมือนกัน  เค้าทำเพราะเหตุผลนี้เองกระมังนะ *-*
115  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / ชวนใช้ชีวิตช้าๆ ท้าปีกระต่าย เมื่อ: 05 มกราคม 2554 07:58:35
ปีกระต่ายโคจรมาทัก...ใครๆ ก็รู้ว่าความไวของเจ้ากระต่ายนั้นไม่เคยเป็นสองรองใคร เสมือนชีวิตคนเมืองที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้ไลฟ์สไตล์ของทุกคนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ภายใต้ความวุ่นวายเหล่านี้ จึงนำมาซึ่งความเครียดภายในจิตใจ หลายๆ คนจึงพยายามหันกลับมาใช้ชีวิตแบบช้าๆ ดำเนินไปข้างหน้าด้วยความเรียบง่าย โดยอาศัย "สติ" นำทาง...


 ว่าแต่การใช้ชีวิตช้าๆ ที่ขัดกับโลกปัจจุบันนั้น จะส่งผลอะไรให้แก่ชีวิตบ้าง เห็นทีต้องมาลองฟังเจ้าพ่อและเจ้าแม่ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตขัดกับคนเมืองบ้างดีกว่า เริ่มจากเจ้าแม่ธรรมะ "อ้อย" อัจฉราวดี วงศ์สกล ที่ผันตัวเองเข้าสู่โลกธรรมะอย่างเต็มตัว หลังหันหลังให้วงการอัญมณีเมื่อ 2 ปีก่อน จนตอนนี้เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่า ได้เจอกับความสุขที่แท้จริงแล้ว นั่นคือคำว่า "พอ" นั่นเอง

 "ตั้งแต่ศึกษาธรรมะทำให้เรารู้ว่า การที่เราดิ้นรนตามหาสิ่งที่เราต้องการมาปรนเปรอความอยากของตัวเองนั้น เป็นความสุขที่ไม่มีจุดจบและไม่มีวันหาจุดจบได้ อ้อยเชื่อว่า สิ่งใดที่หาจุดสูงสุดไม่ได้นั่นไม่ใช่ของจริง การตั้งเป้าหมาย ความทะยานอยาก การวิ่งตามกระแสสังคมเพื่อให้คนอื่นตัดสินเรา คนที่เป็นทุกข์คือตัวของเราเอง จริงอยู่ที่ความสุขของแต่ละคนแตกต่างกันแต่ในความต่าง คือ ความไม่รู้จบตราบเท่าที่ยังไม่เจอความสุขที่แท้จริง เป้าหมายทางธุรกิจแตกต่างจากเป้าหมายทางธรรม เพราะถ้าเราไปถึงเป้าหมายทางธรรมแล้วเราจะหยุดทันที ขณะที่เป้าหมายทางธุรกิจไม่มีคำว่า "พอ" การใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบจะมาพร้อมการขาดสติ อยากบอกทุกคนว่า อย่าแข่งกับพายุ อย่าวิ่งไปหาสิ่งที่ไม่ใช่สาระที่แท้จริง รู้จักที่จะหยุดพักแล้วจะได้พบความสุขเล็กๆ ที่อยู่ในจิตใจของตัวเอง" อ้อยให้ข้อคิด

 ไม่เพียงแต่จะใส่ใจสุขภาพจิตเท่านั้น แต่สุขภาพกายก็ควรให้ความสำคัญควบคู่กัน แม้ภาพลักษณ์ของ "นก" ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ จะเป็นเวิร์กกิ้ง วูเมน ที่ใช้ชีวิตแข่งกับเวลา หากภายใต้ความเร่งรีบเหล่านั้น เธอไม่ลืมให้ความสำคัญกับอาหารการกิน และการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอเสมอ

 "ทุกวันนี้ใช้ชีวิตแข่งกับเวลาตลอด ทำให้กิจวัตรอื่นๆ ต้องแข่งกับเวลาไปด้วย อย่างเรื่องการรับประทานอาหารเมื่อรับประทานกันเร็ว เคี้ยวเร็ว สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบกับสุขภาพโดยตรง นกมองว่า ถ้าจะทำงานให้ดีต้องมาจากสุขภาพที่แข็งแรง เวลาทำงานทำอย่างเต็มที่จะแข่งกับเวลาหรืออะไรก็แข่งไป แต่เวลารับประทานอาหารและนอนหลับพักผ่อนต้องค่อยๆ ทำ อย่ารีบเร่ง ร่างกายเราไม่ใช่สวิตช์ไฟที่เปิดปุ๊บติดปั๊บ ต้องรู้ว่าช่วงไหนที่ควรจะช้าและช่วงไหนที่ควรเร่งรีบ อย่าคิดแต่จะมุ่งหน้าไปอนาคตอย่างเดียว ลองหันกลับมาอยู่กับปัจจุบันใช้เวลากับสิ่งรอบๆ ตัวบ้าง" สาวรักสุขภาพแจง

 มาถึงนักธุรกิจที่ผันตัวเองมาเป็นนักเขียน พร้อมกับหันมาใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบที่แพวิเวก เขาใหญ่ ท่ามกลางธรรมชาติและอากาศอันบริสุทธิ์ วิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขามาเป็นนักเขียน คือ การประสบความสำเร็จในการทำงาน จึงหันมาหาเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขในชีวิต นั่นคือการใกล้ชิดกับธรรมชาติและเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตเพื่อเป็นวิทยาทานในการลดต้นทุนของชีวิตที่จะก้าวพลาด

 "ผมมีเวลาที่จะคุยกับตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้น เมื่อไรที่เราทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้แล้วให้ถามตัวเองว่าพอแล้วหรือยัง ถ้าพอแล้วลองเปลี่ยนเป้าหมายที่เป็นความสุขของตัวเองบ้าง คนรุ่นใหม่ควรจะดำเนินชีวิตเป็นขั้นเป็นตอน วัยเด็กต้องเรียนให้เต็มที่ ไม่มีใครหรอกที่ตายหรือพิการเพราะการเรียน ปิดเทอมก็ไปเที่ยวให้สนุก พอทำงานก็ทำอย่างเต็มที่เพื่อสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้มั่นคง วัย 40-60 ปีก็ควรถอยออกจากงานทำครึ่งหยุดครึ่ง สุดท้ายต้องออกมาดูโลกกว้างภายนอกบ้าง นี่คือการใช้ชีวิตแบบสมดุล ซึ่งผมอยากแนะนำให้ทุกคนให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามากที่สุด" วิกรม กล่าว

 ด้านดีไซเนอร์แบรนด์ อิซซู่ "โรจ" ภูภวิศ กฤตพลนารา ที่หลงใหลการเคลื่อนไหวร่างกายแบบช้าๆ ตามจังหวะของการเล่นโยคะ แม้ชีวิตการทำงานจะต้องแข่งกับเวลา แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะให้เวลาตัวเองด้วยความเชื่อที่ว่า ร่างกายจะดีต้องเริ่มจากภายในก่อนเป็นอันดับแรก แล้วสิ่งต่างๆ จะปรากฏออกมาภายนอก ที่สำคัญทุกคนต้องมีสติตื่นตัวในการรับรู้ตลอดเวลา การมีสติคือการอยู่กับปัจจุบันและต้องรักษาปัจจุบันเอาไว้ให้ดี โกรธ เศร้า เสียใจได้ แต่ต้องกลับมาให้ทันปัจจุบัน อย่าปล่อยสติของเราให้ไปไกล ต้องรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ทุกขณะ เผลอได้แต่ต้องรู้ด้วยว่า ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะเกิดผลลัพธ์อะไรตามมา บางคนเผลอจนไม่รู้ผิดถูก แบบนั้นจะทำให้เราไม่ได้พัฒนาตัวเองเลย

...อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย...คงต้องลองพิจารณาตัวเองดูแล้วล่ะค่ะว่า การใช้ชีวิตแบบเร่งรีบทุกวันนี้ทำให้เราลืมใส่ใจตัวเองไปบ้างหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ลองหันมาใช้ชีวิตแบบช้าๆ ดูบ้าง น่าจะทำให้เรารู้จักความต้องการและตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมนะคะ

ข้อมูลอ้างอิง บทความจากคมชัดลึก

 

116  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / กินอย่างไร แก่แล้วจะได้ไม่ลืม เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 17:12:07
http://i209.photobucket.com/albums/bb319/thaispicy/fishseeew/DSCN5267.jpg

ผู้นิยมชื่นชอบรสชาติของผักขึ้นฉ่ายนั้นมีน้อย แต่นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่าทำไมเราต้องกินมัน


นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสารเคมีที่อยู่ในขึ้นฉ่ายและพริกไทย สามารถยับยั้งการเสียความทรงจำได้เมื่ออยู่ในวัยชรา

 

นักวิจัยของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ในขึ้นฉ่ายมีสารประกอบ ลูทิโอลิน ที่ลดการอักเสบของสมองซึ่งมีความสัมพันธ์กับปัญหาด้านความจำของผู้สูงวัย ช่วยกระตุ้นปลดปล่อยโมเลกุลที่ก็ให้เกิดการอักเสบ

 

ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลินอยได้ศึกษาผลกระทบของสารลูทิโอลินในสมองและพฤติกรรมของหนูอายุ 3-6 เดือนและหนูที่มีอายุมากกว่าอายุสองปี

 

หนูที่มีอายุระหว่าง 2-3 ปีจะถูกควบคุมอาหารหรือให้อาหารเสริมลูทิโอลินเป็นเวลา 4 สัปดาห์

 

ตามปกติหนูที่มีอายุเพิ่มขึ้นจะมีระดับการอักเสบของสมองสูงขึ้นและมีค่าระดับการทดสอบหน่วยความจำแย่กว่าหนูที่อายุน้อยกว่า  แต่ นักวิทยาศาสตร์เจ้าของผลวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการพบว่าหนูที่มี อายุมากกว่าที่ได้รับอาหารเสริมลูทิโอลินจะเรียนรู้และมีความจำที่ดีกว่าหนู ที่มีอายุเท่ากัน

 

ระดับการอักเสบของสมองสอดคล้องกับวัยของหนู 

 

ศาสตราจารย์  ร็อดนี่ย์ จอห์นสัน ผู้นำการวิจัย กล่าวว่า "ข้อมูลชี้ว่าการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยลดการอักเสบของสมอง ซึ่งสามารถทำให้ดีขึ้นได้"


ที่มามติชนออนไลน์
117  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / แค่รู้...ก็ไม่หลงทางรัก เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 08:56:50



"ทำไมนะคนเราถึงโหยหาที่จะมีความรัก"

นอกจากความเรียกร้องของสัญชาตญาณทางเพศแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนกำลังโหยหาความรัก เพราะไปสำคัญว่าความรักนี่แหละจะช่วยผลักไสให้ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่ตนกำลังเผชิญอยู่ห่างออกไปได้ ทั้งที่มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อย กลับเหงาและโดดเดี่ยวมากขึ้นเมื่อมีความรัก พร้อมทั้งวิตกกังวลและว้าวุ่นใจเพราะคนที่รัก

เมื่อเราปรารถนาให้ใครสักคนมาอยู่ข้างกายหรือเป็นคู่รัก เราไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุการณ์ต่อไปในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น พระพุทธองค์ตรัสว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เพราะความรักมีอีกชื่อหนึ่งว่า “กามตัณหา” ซึ่งคือกิเลสอันเจือด้วย ราคะ เฝ้าแต่เรียกร้องต่างๆนานาให้ตอบสนองกันและกันอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นเมื่อเรากำลังเหงาและว้าเหว่จากการไขว่คว้าหาความรักอยู่ล่ะก็ โปรดตระหนักรู้ว่า เราทุกข์เพราะ “ความเหงา” เท่านั้นเอง มันไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่เลย ความเหงาเป็นเพียงคลื่นความคิดที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือนใจเราและก็ผ่านออกไป ขอให้การตระหนักรู้นี้อาบรดจิตใจของเราอยู่บ่อยๆ

"แล้วเราจะดูแลความเหงาได้อย่างไร"

เรามีวิธีเยียวยา “ความเหงา” ง่ายๆ คือ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่าง แต่สร้างกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ จรรโลงใจ และสามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น เช่น การเล่นกีฬา พูดคุยเรื่องราวธรรมะ ช่วยเหลือสังคม หรือผู้ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า คนชราที่ถูกทอดทิ้ง ทำบุญ ให้ทาน เป็นต้น ไม่ใช่กิจกรรมหรือเรื่องราวที่นำพาจิตใจของเราให้ไหลลงต่ำ หรือเรื่องราวที่วกเข้ามาสู่เรื่องเพศ ซึ่งจะทำให้เรามีจิตใจที่หม่นหมอง ดำมืด และหดหู่เพิ่มมากยิ่งขึ้นบางครั้งจะนำไปสู่ความเคียดแค้น ชิงชัง อันเป็นอารมณ์ทางลบ เพราะโดยปกติผู้ที่มีความหงอยเหงาจากความรักนั้น หากจิตใจฟุ้งซ่านและมีความคิดไหลลงต่ำแล้วมักจะวกหาเข้าสู่เรื่องเพศเสมอ

ความจริงเราได้ลิ้มรสความรักได้โดยไม่ต้องรอคอยให้ใครมาถึงตัวเสียก่อน เพียงเราตระหนักรู้ความคิดของเราให้ไปในทางที่ปรารถนาดีกับสรรพชีวิตอื่นๆได้ เราก็อยู่กับความรักในขณะนั้นๆแล้ว

"หากเรามีรักที่ไม่สมหวัง เราจะดูและความเศร้า ความน้อยอก น้อยใจของตัวเองได้อย่างไร"

ไม่เพียงแต่ความเหงา ความโกรธ ความน้อยใจ ก็ดี เราสามารถใช้อารมณ์เหล่านี้มาเป็นตัวตั้งในการเริ่มฝึกสร้างความปรารถนาดีได้ เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ด้านลบเหล่านี้เกิดขึ้น ขอให้เราเพียงแค่ตระหนักรู้เท่านั้นว่าอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ทำความรับรู้ถึงอารมณ์นั้นไปตรงๆ ทำความรู้สึกบ่อยๆ เราก็จะเลิกยึดอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นไปเองโดยไม่ต้องข่มหรือพยายามใดๆ ยิ่งฝึกบ่อยๆก็จะยิ่งเห็นอารมณ์ด้านลบหายไปเร็วขึ้น เราจะไม่ปล่อยให้อารมณ์ด้านลบนี้ออกมาทางวาจาและการกระทำ ปล่อยให้เป็นเพียงควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในความคิดเท่านั้น ไม่คิดถึงเรื่องต้นเหตุ แล้วในที่สุดมันจะหายไปให้ดูต่อหน้าต่อตา

ขอให้เราฝึกเช่นนี้ เราจะกลายเป็นนักดูอารมณ์ ไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ ไม่แม้กระทั่งไปครอบงำอารมณ์ด้วย เหมือนแยกเป็นคนละฝ่าย ฝ่ายหนึ่งแสดงอารมณ์ให้ดู อีกฝ่ายรู้อารมณ์ไป ฝ่ายแสดงไม่ชอบให้มารู้ เมื่อมีฝ่ายมารู้ก็จะรีบหนีไปทันที เมื่อเราฝึกเช่นนี้จนถึงจุดหนึ่งเราจะรู้สึก “โล่งอก” ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความโล่งอกสบายๆ อยู่เรื่อยๆ ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับใคร มีความสุขกับใจของตนเองได้

"จริงๆแล้ว รักแท้มีจริงหรือเปล่า"

หนุ่มสาวเมื่อตกลงมาอยู่ในสภาวะคู่กัน ต่างต้องตระหนักรู้ว่าแต่ละคนแตกต่างกันเปรียบได้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์ในโรงงานที่ต่างกัน แต่เมื่อนำมาประกอบกันแล้วจะต้องสามารถใช้การได้ดี ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากันได้

ธรรมชาติการคบกันของหนุ่มสาวนั้น แตกต่างจากการคบกันแบบเพื่อน แบบพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ดังนั้นความดึงดูดกันจะมีอายุจำกัดจึงต้องเฝ้าเติมเหตุปัจจัยที่จะรักษาความดึงดูดเอาไว้ เฝ้าเติมไปจนล้าเมื่อใด ในที่สุดมันจะหมดลง เพราะความรักแบบนี้มีอายุได้นานเท่าที่เหตุปัจจัยยังคงอยู่

สิ่งที่ทำให้คู่รักดำรงอยู่ด้วยกันได้ คือบุญที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกกลมกลืน กลมเกลียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน หรือใกล้เคียงความเป็นหนึ่งเดียวกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

บุญในที่นี้คือ การคิด การพูด การทำในสิ่งที่จะทำให้ความรู้สึกมีความดึงดูดต่อกัน ไม่ใช่การใส่บาตรหรือถวายสังฆทานเพราะสิ่งนี้จะสร้างอารมณ์หวานขึ้นมาได้ชั่ววูบใหญ่ๆ แต่ความรู้สึกที่เป็นรากแก้วหยั่ง ลึกลงไปอยู่ด้วยกัน ต้องอาศัยความคิด คำพูด และการกระทำที่ดีต่อกัน ในทางที่มีความนุ่มนวล ในทางที่เป็นมิตร โดยทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากัน ปรับคลื่นความคิด ปรับคำพูด และปรับการกระทำให้กลมกลืน กลมเกลียว และหยั่งรากอยู่ด้วยกัน นั่นคือความหมายของคู่รักที่แท้ ซึ่งไม่ได้มีอยู่อย่างถาวร มันมีการดำรงอยู่แค่อายุของบุญอันเกิดจากการปรับได้แล้วของความคิด คำพูด และการกระทำเท่านั้น นี่คือสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีรากมาจากความคิด คำพูด และการกระทำ

เมื่อเกิดปัญหาในภาวะคู่ขึ้นมา เราต้องตระหนักรู้ว่านั่นคือภาวะหนึ่ง เป็นความผูกพันระดับหนึ่ง มีความอดทนต่อการแตกร้าวระดับหนึ่ง ไม่ใช่ความเป็นเนื้อเดียวกันดุจธาตุกายสิทธิ์ที่ไม่มีทางพังพินาศ เราควรมองให้ถูกจุดว่าเรากำลังยึดถือในสิ่งที่ไม่สามารถยึดถือได้ เราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่าเราต่างเป็นคนแปลกหน้าที่มาคบกัน เกิดจากความตกลงร่วมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

"เราควรปฏิบัติอย่างไรกับรักที่ไม่ราบรื่น สมหวัง"

ในอีกทางหนึ่ง เรารู้แล้วว่าภาวะคู่ผูกพันด้วยสายใย จึงเป็นไปได้ที่จะสร้างเสริมสายใยขึ้นมาใหม่อย่างไม่จำกัด

เดิมมีสายใยที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอยู่ก่อน จากบุญเก่าในอดีตที่ทำไว้ระหว่างกัน เราจะวัดระดับว่าสายใยหนาแน่นแข็งแรงเพียงใด ก็ด้วยการลองเจอปัญหา หรือเจอสิ่งที่ไม่ชอบในตัวอีกฝ่าย แล้วดูว่าสามารถรับได้แค่ไหน โดยเฉพาะที่ต้องเจอซ้ำๆ ถ้าความอดทนต่ำก็แปลว่าสายใยผูกพันไม่ได้เหนียวแน่นหรือแข็งแรงอะไรเลย แต่หากยังรักมากอยู่อีก ใจเราจะยิ่งอดทนสู้มากขึ้น

แต่หากหมดแรงที่จะรัก ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องฝืน เพราะฝืนแล้วเราจะต้องทุกข์ เป็นธรรมชาติที่หลังจากร่วมคบหากันไปสักระยะตัวตนของทั้งคู่จะแสดงออกมา ตรงนั้นเราต้องเชื่อสามัญสำนึกแล้วว่าเราสามารถที่จะรับได้ไหม เมื่อหลังจากพยายามอดทนกล้ำกลืนระยะหนึ่งแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น บางทีการลองห่างกันไปบ้างเพื่อรักษาจิตใจก็อาจเป็นวิธีรักษาความรักไว้ แต่ถ้ากลับมาร่วมทางกันอีกครั้ง ให้ต่ออายุรักด้วยความตื่นรู้ที่จะละบาป ละเวร เลิกแล้วต่อกัน เปลี่ยนเป็นคิดดี พูดดี ทำดีต่อกัน การจากกันชั่วคราวของเรา จะเท่ากับเป็นการปล่อยให้ความรักตายไป เพื่อให้มันเกิดใหม่อย่างไร้มลทินในวันหนึ่ง

เราสามารถพัฒนาความรักฉันคู่รักขึ้นมาได้ ด้วยการพยายามตื่นรู้ที่จะแปรเปลี่ยนทุกเรื่องราว ทุกการกระทำต่อกันให้ดีขึ้น เมื่อละความหลงออกแล้วความตระหนักรู้ในสัจธรรมแห่งความเปลี่ยนแปลงก็จะเข้ามาแทนที่ คุณค่าสูงสุดของรักแท้ คือการมีกันและกัน เตือนสติกันและกัน ประคับประคองและเกื้อกูลกันบนเส้นทางที่สูงขึ้น จนกว่าจะถึงความสิ้นสุดแห่งทุกข์คือพระนิพพาน การพากันรักพระนิพพานนั่นแหละคือรักอันเหนือรักอย่างแท้จริงอันเป็นความรักที่จะพัฒนาตัวมันเองให้แผ่กว้างไปสู่สรรพชีวิต ไม่จำกัดอยู่แต่กับคู่รักเท่านั้น จึงมีแต่ได้กับได้ เพราะแม้ยังไปไม่ถึงฝั่ง อย่างน้อยที่สุดก็ได้ชื่อว่ารักจะเป็นสุข ไม่ใช่รักจะเป็นทุกข์เยี่ยงคนหลงทาง หาทางออกยังไม่เจอ

การที่จะให้คนอื่นมีความสุขนั้น การกระทำที่สำคัญคือการให้



โดย : ดังตฤณ
http://www.dungtrin.com/
118  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / อะไรเอ่ย? กินแล้วไม่ควรแปรงฟัน เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 08:32:01
         



หลังมื้ออาหาร เราทราบกันดีว่าควรแปรงฟัน เพื่อสุขภาพที่ดีของช่องปาก แต่รู้ไหมคะว่าหลังรับประทานอาหารบางอย่าง การแปรงฟันทันทีอาจก่อผลเสีย อาหารดังกล่าวได้แก่เครื่องดื่มประเภทที่เป็นกรด เช่น น้ำส้ม น้ำผลไม้รสเปรี้ยว หรือเครื่องดื่มผสมโซดา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่าหลังมื้ออาหารที่มีเครื่องดื่มเหล่านี้ควรรอประมาณ 20 นาที แล้วค่อยแปรงฟัน เพื่อลดโอกาสที่เคลือบฟันจะถูกทำลาย เพื่อความสะอาดของช่องปาก จึงแนะนำให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าก่อนเพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งช่วยลดกรดได้ด้วย


รู้เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยให้ฟันสวยได้ไปอีกนานค่ะ


ขอขอบคุณที่มา นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 286
119  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / กินอย่างไรไม่ให้ตัวเหม็น เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 08:26:29
 

ในรายที่มีปัญหากลิ่นตัว ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทน้ำตาลขัดขาว แป้งขัดขาว น้ำมันที่มีการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenated oils) อาหารผ่านกรรมวิธีต่างๆ และเนื้อแดงต่างๆ เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดท็อกซินในกระแสเลือดได้มาก นอกจากนี้ควรเลี่ยงอาหารกากใยน้อย เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กาเฟอีน ตลอดจนกระเทียมและขมิ้น

 สำหรับอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นตัว ได้แก่ ธัญพืชเต็มเมล็ด ผักใบเขียว ถั่วงอก ผลไม้สด ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และถั่วต่างๆ

 You are what you eat เป็นเรื่องจริงเสมอนะคะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 287
120  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ใต้เงาไม้ / Re: Hold My Hand - จับมือพ่อไว้ เรื่องเล็ก ๆ แฝงข้อคิดอันยิ่งใหญ่ เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 08:18:53


 ยิ้ม แว๊บบบบบ....คิดถึงเพลงนี้ขึ้นมาซะงั้น   *-*

<a href="http://www.myfirstsight.com/music/wma-files/peacemaker6.wma" target="_blank">http://www.myfirstsight.com/music/wma-files/peacemaker6.wma</a>

เหงา - Peacemaker   
 

เคยรู้สึกไหม เวลาไม่มีใครแล้ว
จะมองไปทางไหน ไม่มีใครให้พูดจา

ไม่มีเลยซักคน จะหันมองมองและเข้าใจ
คนๆนี้ที่มันไม่มีอะไร

นี่คือเหงา นี่แหละเหงา นี่คือความจริงที่ได้เจอ
เจ็บปวดทรมาณลึกลงข้างในใจ
โอ้ความเหงา มันช่างหนาว มันช่างยาวนานและทุกข์ทน
รอคอยใครบางคนมาหยุดมัน

มันจะอีกนานไหม เวลาคงไม่หยุดแล้ว
เวลาจะพาคนไหน ให้ผ่านให้พ้นเข้ามา

ไม่มีเลยซักคน จะหันมองมองและเข้าใจ
คนๆนี้ที่มันไม่มีอะไร

นี่คือเหงา นี่แหละเหงา นี่คือความจริงที่ได้เจอ
เจ็บปวดทรมาณลึกลงข้างในใจ
โอ้ความเหงา มันช่างหนาว มันช่างยาวนานและทุกข์ทน
รอคอยใครบางคนมาหยุดมัน

ไม่มีเลยซักคน จะหันมองมองและเข้าใจ
คนๆนี้ที่มันไม่มีอะไร

นี่คือเหงา นี่แหละเหงา นี่คือความจริงที่ได้เจอ
เจ็บปวดทรมาณลึกลงข้างในใจ
โอ้ความเหงา มันช่างหนาว มันช่างยาวนานและทุกข์ทน
รอคอยใครบางคนมาหยุดมัน 
หน้า:  1 ... 4 5 [6] 7 8 9
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.646 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 14 กันยายน 2565 07:07:57