EIU วิเคราะห์ ทิศทางสงครามยูเครน ปี 2567 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง
<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-02-28 12:56</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ทีมวิจัย อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU) ประเมินสถานการณ์สงครามยูเครนในปี 2567 ระบุว่า สงครามยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แต่ลักษณะของการสู้รบจะเปลี่ยนไป ยูเครนจะเน้นตั้งรับเพื่อป้องกันที่มั่นของตัวเอง ส่วนรัสเซียจะไม่สามารถรุกคืบยึดครองพื้นที่ยูเครนได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ถ้าหากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็มีโอกาสที่สหรัฐฯ จะลดการสนับสนุนยูเครนลงอย่างมาก</p>
<p> </p>
<p>28 ก.พ. 2567 รายงานของอิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU) เผยแพร่ออกมาในช่วงที่กำลังเข้าสู่ปีที่สามของสงครามยูเครน ระบุว่าจนถึงตอนนี้รัสเซียผู้ที่เริ่มทำการรุกรานยูเครนสามารถยึดครองพื้นที่อาณาเขตของประเทศยูเครนได้เกือบ 1 ใน 5 ของประเทศ เช่น คาบสมุทรไครเมีย, ดอนเนสก์, ลูฮันสก์, เคอร์ซอน และ ซาปอริซเซีย</p>
<p>ถึงแม้ว่าสงครามในตอนนี้อาจจะอยู่ในช่วงคุมเชิงกันอยู่ แต่ก็มีปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกระตุ้นให้เกิดการสู้รบกลับมาอีกครั้ง คือการเพิ่มหรือลดสมรรถภาพทางอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างมีนัยสำคัญจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทาง EIU ก็ประเมินว่าการปรับเพิ่มหรือลดสมรรถภาพดังกล่าวอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในปี 2567 นี้</p>
<p>รายงานของ EIU ชื่อ "The war in Ukraine: no breakthrough in 2024" (สงครามในยูเครน ยังไม่มีความคืบหน้าในปี 2567) ระบุว่าสงครามยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้ แต่ลักษณะของการสู้รบจะเปลี่ยนไป ยูเครนจะเน้นการตั้งแนวป้องกันที่มั่นของตัวเองมากขึ้นแทนที่จะพยายามรุกเพื่อดันรัสเซียกลับ อย่างไรก็ตามรัสเซียก็มีโอกาสน้อยที่จะสามารถยึดครองพื้นที่เขตแดนของยูเครนอย่างมีนัยสำคัญได้มากกว่านี้</p>
<p>สำหรับเรื่องการเจรจาสันติภาพนั้น EIU มองว่ายังเป็นเรื่องที่จะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มองว่าสงครามเป็นเรื่องสำคัญต่อการดำรงอยู่และเป็นทางออกสำหรับปัญหา ในแง่ที่ว่ามันจะเป็นการส่งสัญญาณในเชิงป้องปรามประเทศอื่นๆ ที่มุ่งแผ่ขยายอาณาเขตของตัวเองให้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาทำไม่ได้</p>
<p>EIU ประเมินอีกว่า สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ จะยังคงพันธกรณีต่อการช่วยเหลือยูเครนในปี 2567 ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีความอ่อนล้าจากสงครามก็ตาม เพราะว่าการยืนหยัดช่วยเหลือยูเครนนั้นมีความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์การเมืองสำหรับอียูและสหรัฐฯ</p>
<p>อย่างไรก็ตามมีความกังวลว่าถ้าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ในการเลือกตั้งเดือน พ.ย. 2567 นี้ ก็อาจจะมีการสนับสนุนจากสหรัฐฯ น้อยลงอย่างมาก และจะส่งผลต่อการประเมินสถานการณ์ในอนาคตอย่างมากด้วย</p>
<p> </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">การสนับสนุนยูเครนจากตะวันตกอาจจะลดลง แต่ก็รัสเซียก็น่าจะรุกคืบสำเร็จไม่ได้มากนัก</span></h2>
<p>EIU ประเมินว่ายูเครนจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทหารของตัวเองจากการเน้นรุกมาเป็นการเน้นตั้งรับ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้รัสเซียยึดครองพื้นที่ของพวกเขาไปได้มากกว่านี้ และชาติตะวันตกจะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนอยู่โดยเฉพาะทางด้านการทหารเพื่อเป็นการป้องปรามกลุ่มอำนาจอื่นๆ ไม่ให้ทำการรุกรานแบบเดียวกับรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น กรณีจีนที่อาจจะทำต่อไต้หวัน</p>
<p>อย่างไรก็ตามถ้าหากสงครามยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่การช่วยเหลือภายนอกต่อยูเครนจะลดลง เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นได้จากการที่ประเทศตะวันตกมีความอ่อนล้าจากสงคราม และมีความสามารถในการช่วยเหลือยูเครนได้น้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงปี 2565-2566 นอกจากนี้อุตสาหกรรมอาวุธก็มีกำลังการผลิตไม่มากเท่ากับอุปสงค์ความต้องการใช้งานเนื่องจากประเทศยุโรปเองก็สะสมอาวุธของตัวเอง เรื่องนี้จะทำให้การส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ยูเครนลดลงในปี 2567</p>
<p>แต่การสนับสนุนจากชาติตะวันตกที่ลดลงก็ไม่ได้หมายความว่ารัสเซียจะสามารถรุกคืบได้ผลมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่ารัสเซียจะมีกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่ได้เปรียบยูเครนแต่ก็มีข้อจำกัด เช่นการที่รัสเซียสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมากและไม่สามารถหากำลังพลมาทดแทนส่วนที่สูญเสียไปได้ เรื่องนี้น่าจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถรุกคืบได้สำเร็จมากเท่าที่ควร</p>
<p>EIU ประเมินว่าการสนับสนุนของชาติตะวันตกต่อยูเครนแม้จะลดลงแต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำให้กลายเป็นข้อได้เปรียบสำหรับรัสเซีย การที่ชาติตะวันตกเหล่านี้อนุมัติการสนับสนุนให้ยูเครนได้ล่าช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีฝ่ายทางการเมืองในประเทศต่างๆ อ้างใช้เรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือคัดง้างเพื่อสร้างเงื่อนต่อรองทางการเมืองในเรื่องอื่นๆ อุปสรรคแบบนี้จะยังคงมีอยู่ทั้งในปี 2567 และหลังจากนี้</p>
<p>นอกจากนี้ทาง EIU ยังทำการประเมินไว้ว่าถ้าหาก โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปีนี้ (2567) อาจจะมีการช่วยเหลืออยู่เครนเป็นไปอย่างไม่คงเส้นคงวา แต่ก็เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ยูเครนสูญเสียพื้นที่ไปมากกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มากพอที่จะทำให้ยูเครนยึดคืนดินแดนที่รัสเซียเคยเข้ามายึดครองให้กลับไปเป็นของตัวเองได้</p>
<p>ทาง EIU ระบุว่าสิ่งที่ประเมินไว้ข้างต้นมีความเป็นไปได้ร้อยละ 60 เว้นแต่ว่าทรัมป์จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2567 ซึ่งอาจจะบีบให้ยูเครนต้องเจรจาสงบศึกในแบบที่ตัวเองเสียเปรียบรัสเซีย และกลายเป็นการส่งสารให้กลุ่มประเทศที่ต้องการแผ่ขยายอาณาเขตมองว่าเป็นเรื่องกระทำได้ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในเชิงภูมิศาสตร์การเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมาก เรื่องหลังนี้มีความเป็นไปได้ร้อยละ 30</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong></p>
<p>รายงาน The war in Ukraine: no breakthrough in 2024, EIU</p>
<p><a href="
https://pages.eiu.com/rs/753-RIQ-438/images/The-war-in-Ukraine-report-final.pdf" target="_blank">
https://pages.eiu.com/rs/753-RIQ-438/images/The-war-in-Ukraine-report-final.pdf[/url]</p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/108241