[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 20 มีนาคม 2553 15:59:23



หัวข้อ: วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 20 มีนาคม 2553 15:59:23
(http://www.seesod.com/storage17/SN6pMsTE5r1254909484/o.jpg)


http://www.fungdham.com/download/song/allhits/24.wma

(:LOVE:)ภาพและเสียงประกอบเนื้อหาสาระโดบข้าพเจ้า................(บางครั้ง) (:LOVE:)


............................ความสงบที่แท้จริงเมื่ออิสรจากความแตกต่าง.....................


ในขณะที่พระเถระ สุภูติ ได้ฟังคำสอนนี้ก็บังเกิดความซาบซึ้งในความหมายขึ้นมาทันที จนเกิดความปิติ - ปราโมทย์เป็นอย่างยิ่งจึงได้กราบทูลพระพุทะองค์ว่า...มันเป็นสิ่งที่น่าปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงได้แสดงธรรมอันละเอียดลุ่มลึก เช่นนี้ข้าพระองค์มิเคยได้ฟังธรรมเช่นนี้มาก่อนเลยนับตั้งแต่ข้าพระองค์ได้ดวงตาเห็นธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากบุคคลใดได้สดับรับฟังพระสูตรนี้ด้วยใจที่บริสุทธิ์และสว่างมีปัญญาอันหลักแหลมเขาย่อมบังเกิดความแจ้งชัดหลักธรรมนี้ทันทีและความแจ้งชัดในหลักสัจจธรรมที่แท้จริงนั้นท้จริงแล้วหาใช่ความเป็นหลักสัจธรรมอันแตกต่างออกไปไม่นั่นเอง ตถาคตจึงได้ทรงกล่าวไว้ว่า หลักสัจธรรมที่แท้จริงนั้นเป็นเพียงแต่ชื่อที่ใช้เรียกขานเท่านั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การได้ยินคำสอนนี้ข้าพระองค์ฟังแล้วเกิดความเข้าใจและศรัทธาได้อย่างไม่ยากนักแต่ในภายภาคหน้าอีก 500 ปีล่วงไป หากบุคคลใดมารับฟังพระสูตรนี้แลเวก็เกิดความเข้าใจและศรัทธาอย่างลึกซึ้งเช่นนี้เขาเหล่านั้นย่อมบรรลุถึงผลบุญอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ทำไมเล่าเพราะเขาเหล่านั้นอิสรจากความเห็นเรื่องอัตตา ตัวตน บุคล สัตว์และภพภูมต่าง ๆ เพราะเหตุใด ? เพราะการแปลกแยกโดยความเป็นอัตตาตัวตนนั้นล้วนเป็นความเห็นที่ผิด เฉกเช่น การแปลกแยกในเรื่องบุคคล สัตว์หรือภพภูมิต่าง ๆก็ล้วนเป็นความเห็นที่ผิดทั้งสิ้น บุคคลผู้นอกเหนือความเปลกแยกแตกต่างในทุก ๆ ปรากฏการณ์ ทุก ๆ สภาวะย่อมได้ชื่อว่า พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย
พระพุทธองค์ทรงตรัสต่อไปว่า.....เป็นอย่างที่เธอกล่าว ถ้าบุคคลใดได้ฟังพระสูตรนี้ แล้วเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตกใจ หวาดกลัว ครั่นคร้ามเลยนั้น จงรู้ไว้เถิดว่า บุคคลผู้นั้นจะบรรลุผลอันยิ่งใหญ่อย่างหาได้ยากยิ่ง เราะเหตุใดเล่า ? เพราะตถาคตสอนว่า ทานบารมี โดยความจริงแล้ว หาใช่ทานบารมีไม่มันเป็นชื่อสมมุติเท่านั้น
สุภูติ.....ตถาคตได้สอนไว้เช่นเดียวกันว่าขันติบารมี แท้จริงแล้วหาใช่ขันติืบารมีไม่ มันเป็นชื่อสมมุติเท่านั้นทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
สุภูติ.....ในอดีตชาติ เมื่อคราวที่พระราชาแห่งแคว้นกาลิงคะ ได้ทรงหั่นร่างกายของเราออกเป็นท่อน ๆ ตอนนั้นเรามิได้มีความรู้สึกแห่งความเป็นอัตตา ตัวตนของเราแต่อย่างใด เพราะเหตุใดเล่า ? เมื่อแขน - ขาของเราถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ หากเรายังมีความรู้สึกยึดมั่น - ถือมั่นให้ความแตกต่างในเรื่องอัตตาตัวตนอยู่ เราย่อมบังเกิดความโกรธแค้นอาฆาตเป็นแน่


(:LOVE:)...................อ่านและดาวน์โหลดไฟล์ได้ที่นี่................. (:LOVE:)


http://www.buddhayan.com/board.php?subject_id=721&ss= (http://www.buddhayan.com/board.php?subject_id=721&ss=)


หัวข้อ: Re: วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 20 มีนาคม 2553 16:43:42
(http://www.seesod.com/storage17/SN6pMsTE5r1254909484/o.jpg)


สุภูติ......เรายังระลึกได้ว่าเมื่อ 500 ชาติก่อนเราได้บำเพ็ญขันติบารมีแม้ตอนนั้นเราก็มีอิสระแล้วจากความเห็นแปลกแยกจากอัตตาตัวตน
สุภูติ ดังนั้นโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงควรอยู่นอกเหนือความแปลกแยกแตกต่างแห่งปรากฏการณ์ทั้งปวง และจะตื่นแจ้งเสมอต่อ วิมุติภาวะอันสูงสุดโโยไม่ปล่อยใจไหลไปตามการกระทบของ รูป - เสียง - กลิ่น - รส สัมผัสและธรรมมารมณ์ใด ๆ จิตควรอิสระจาจากการปรุงแต่งทั้งปวง ถ้าจิตยังพึ่งพิงสิ่งใดอยู่มันไม่มีทางที่จะพบกับความสุขที่แท้จริงได้นี้เป็นเหตุว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงสอนว่า จิตของโพิธิสัตว์ไม่ควรยึดติดในรูปลักษณะและปรากฏการต่าง ๆ เมื่อบำเพ็ญทานบารมี สุภูติ.....เมื่อโพิธิสัตว์บำเพ็ญทานบารมีเพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เขาควรยึดถือหลักดังเช่นตถาคตได้แสดงไว้ว่า รูปลักษณ์ทั้งหลายหาใช่รูปลักษณ์ที่แท้จริงไม่ เฉกเช่นสรรพสัตว์ทั้งหลายความจริงก็หาใช่สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่เช่นกัน สุภูติ ตถาคตคือบุคคลที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งใดถุกสิ่งใดเป็นหลักการที่แท้จริง - สิ่งใดเป็นเลิศ ตถาคตจะไม่แสดงสิ่งที่หลอกลวงสิ่งที่ผิดจากธรรมชาิติ สุภูติ มันเป็นความจริงที่ว่าสิ่งที่ตถาคตบรรลุก็หาใช่สิ่งที่มีอยู่จริงหรือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงไม่ สุภูติ.....ถ้าโพธิสัตว์บำเพ็ญทานด้วยจิตที่ยังคงยึดติดอยู่ในสิ่งที่ได้กล่าวมานั้น เขาก็เปรียบเสมือนบุคคลที่น่าสงสารกำลังคลำทางอยู่ในที่มืดมิด แต่สำหรับโพิธิสัตว์ผู้บำเพ็ญทานด้วยจิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น นั่นเปรียบเสมือนคนตาดีที่ลืมตาต่อแสงสว่างในยามเช้าซึ่งจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัด สุภูติ ถ้ากุลบุตร - กุลธิาในอนาคตจะท่องบ่นอ่านทบทวนพระสูตรนี้ทั้งหมดแล้ว ตถาคตย่อมหยั่งรู้ในพวกเขาด้วยญาณทัศนะ แล้วพวกเขาแต่คนล้วนจะได้รับกุศลผลบุญอันหาประมาณมิได้..............



..........คัดลอกจากหนังสือ วัชรเฉทิกปรัชญาปรามิตาสูตร เรียบเรียงโดย ชยธมฺโม ภิกขุ..........



.........................จบ วัชรเฉทิกปัชญาปรามิตตาสูตรตอนที่ 5...........................


................ตอนที่ 3 และ 4 อยู่นี่..................


http://www.sookjai.com/index.php?topic=817.0 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=817.0)


http://www.sookjai.com/index.php?topic=1036.msg3258#msg3258 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=1036.msg3258#msg3258)


หัวข้อ: Re: วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 20 มีนาคม 2553 20:17:05

(http://s242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/glitter2/glitterThai/T031109_01S.gif)

 (:88:)   (:88:)   (:88:)