[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 พฤษภาคม 2567 23:08:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2] 3 4   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เงิน  (อ่าน 34717 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:05:18 »

 วินัยใหม่ เพิ่มเงินเก็บทั้งปี

http://hilight.kapook.com/view/32999






คนที่มีฐานะมั่นคงไม่ได้หมายความว่าเป็นคนหาเงินได้เยอะ แต่กลับเป็นคนที่มีวินัยในการเก็บเงิน และไม่เสียเงินไปกับเรื่องจุกจิกจนทำให้เงินเก็บสูญไป ปีใหม่นี้ตั้งต้นเก็บเงินกันใหม่ดีกว่า

1. เคลียร์ให้จบสิ้นก่อน เป็นกฎทองของการเก็บเงินที่คุณควรจะเคลียร์หนี้สินที่ติดไว้กับบัตรเครดิตให้จบลงเสียก่อน เพราะแม้ว่าเครดิตการ์ดจะเป็นช่องทางจ่ายเงินที่สะดวกสบาย แต่ถ้าบิลที่เรียกเก็บทำให้การเงินของคุณไม่สมดุลกันระหว่างเดือน รับรองว่าคุณจะไม่มีเงินเหลือเก็บแน่นอน ทางแก้ก็คือ ค่อยๆ ผ่อนชำระหรือหาเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า โปะทับไปก่อนที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะบานเป็นดอกเห็ด

2. ทำช้อปปิ้งลิสต์ คงไม่มีสาวคนไหนจะมานั่งทำช้อปปิ้งลิสต์เวลาไปซื้อของ แต่คุณรู้ไหมว่าลิสต์นี้จะทำให้คุณประหยัดได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเวลาในการช้อปปิ้ง การซื้อของตรงวัตถุประสงค์ และกำหนดเงินในกระเป๋าได้ว่าจะต้องใช้จ่ายเท่าไรบ้างในการซื้อของครั้งนี้ จะได้งดซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไป รวมทั้งกำหนดเลยว่าในหนึ่งเดือนจะต้องออกไปซื้อของกี่ครั้ง จะได้ประหยัดค่ารถไปในตัว

3. อย่าติดชื่อแบรนด์ แม้คนดังจะใส่เสื้อผ้าแพงระยับอย่างไร แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องซื้อแบรนด์ดังๆ อย่างพวกเขาก็ได้ เพียงคุณดูแฟชั่น และแต่งตัวให้เป็นก็เพียงพอแล้ว อย่าไปเสียเงินให้แบรนด์ต่างๆ จะต้องมานั่งกลุ้มใจเอง

4. ใช้พรสรรค์สร้างเงิน ไม่ว่าคุณมีพรสวรรค์ทางด้านไหน ก็สามารถขุดขึ้นมาทำเงินได้แน่นอน บางคนนิยมถักตุ๊กตา ทำอาหาร ทำบล็อกเว็บไซต์ รับสอนหนังสือ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณควรนำความสามารถเหล่านี้มาเป็นจุดขายในการสร้างเงิน เพิ่มรายได้พิเศษได้เดือนละหลายพันบาททีเดียว

5. ทำของใช้เองบ้าง ไม่ต้องเสียเงินทองไปซื้อของ ลองใช้วิธี Do lf Your self ลองประดิษฐ์ของใช้ในบ้านเอา เช่น แท่นวางของ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน นอกจากจะได้โชว์ฝีมือแล้ว ยังไม่เปลืองเงินอีกด้วย

6. วางแผนการท่องเที่ยว คุณทราบไหมว่า ถ้าจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พักก่อนเทศกาลท่องเที่ยว ราคาจะถูกมากกว่าถึง 30% ให้คุณแพลนกิจกรรมท่องเที่ยวเอาไว้ทั้งปี และฉลาดในการจัดทริป เพราะเงินจะเหลือจนคุณช้อปปิ้งซื้อของฝากได้สบายๆ หรือพยายามหาตั๋วที่มีส่วนลด ราคาจะได้ไม่บานปลายเหมือนปีที่ผ่านมา

7. หัดปฏิเสธเสียบ้าง สาวสังคมทั้งหลายยิ่งช่วงปีใหม่ เรื่องกินเรื่องเที่ยวกระหน่ำเข้ามาแทบทุกวัน หัดปฏิเสธและเลือกไปเฉพาะบางงาน เพราะคุณต้องเสียค่าดริ๊งก์ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ รวมแล้วนำมาเป็นเงินเก็บหรือใช้หนี้ได้อย่างสบายๆ

8. ฉลาดเป็นสมาชิก คุณเคยนับยอดไหมว่าเดือนหนึ่งคุณจะต้องเสียค่าสมาชิกยิม เคเบิลทีวี อินเทอร์เน็ตไร้สาย ฯลฯ เป็นจำนวนเท่าไร ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดภาระรายจ่ายจุดนี้ลงบ้าง เพราะคุณสามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมแนวเดียวกันโดยเสียเงินน้อยกว่าได้








ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa

http://lisa.burdathailand.com/homepage
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ประจำวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2552
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:06:34 »

27-01-2009 10:55 AM

ผมได้mail จากน้องท่านนึงมา นำมาลงให้อ่านกันครับ

วิธีจัดการพวกทรชน

วันนี้อ้าย Withheld มันโทรมาอีกแล้ว
เลยไปค้นในเน็ตดูว่ามันคืออาราย ^^
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง .. ลอง
อ่านดู ฮาดีเหมือนกานนิ ...

ข้อความนะครับ

Withheld : ( เป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติว่า)
ที่นี่ ฝ่ายสินเชื่อบัตรเครดิตธนาคาร ยูโอบี ขณะนี้ท่านมี ยอดค้างชำระค่าบัตรเครดิตเกินกำหนด....
กรุณกด 9 เพื่อฟังรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่....

mr_renderman : ในใจผมคิด 'มานมาอีกแว้ว....เอาฟะ มีเวลานิ เล่นกะมันซะหน่อย... '
เพราะผมไม่เคยไปทำบัตรเครดิตหรื อสินเชื่อกะ ยูโอ บี เลย

Withheld : สวัสดีค่ะ...
ขณะนี้ทางคุณมียอดค้างชำระกับบัตรเครดิตธนาคาร ยู โอบี เป็นจำนวน
เท่านั้นเท่านี้ที่นั่นที่นี่(ฟังดูน่าเชื่อถือ และ จริงจังมากกก)นะคะ ตอนนี้คุณอาจจะต้องโดนระงับการใช้
งานของบัตร และ ถูกดำเนินคดีความทาง กม.นะคะ...

mr_renderman : ( ผมทำเสียงตกใจ) ห๊า....
จริงเหรอครับ..เกิดขึ้นได้อย่างไรครับนี่ ผมไม่ได้ไป ใช้จ่ายอะไรเลยมากขนาดนั้นเลยนะครับ
ทำไมยอดจึงสูงขนาดนั้นล่ะครับ..

Withheld : ค่ะ.... ยังไงขอทราบ ชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิดนิดนึงเพื่อเช็คข้อมูลกับคอมนะคะ (อ้างคอมฯอีกแว้ว...)

mr_renderman : ได้ครับ(ด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด) ผมชื่อ เอกราช นามสกุล สมมติเทพสกุล เกิดวันที่ 29 ก.พ. 2 522 ครับ...

Withheld : ค่ะ สักครู่นะคะ....(ระหว่างรอก็มีเสียงก๊อกแก๊กๆ บนคีย์บอร์ด แต่ในใจผมคิดนะ ตอนฟังเสียงคีย์บอร์ด ประมาณว่า.....โหแม่นี่พิมม์เร็วชมัด 500 คำต่อ นาที เห็นจะได้ เร็วเทพๆอ่ะ) ................. แล้วก็บอกยอดหนี้ บลาๆๆๆๆมาเบ็ดเสร็จ 6 หมื่นกว่าๆ....

mr_renderman : ผมก็อุทาน.... ' โอ้ยยยตายแล้ว.... ผมจะหาที่ไหนมาใช้หนี้ล่ะนี่ เยอะขนาดนี้ พอมีทางช่วยได้บ้างมั้ยครับ '

Withheld : มีค่ะ.... ถ้าอย่างไร คุณเอกราชถือสายรอนะคะ เราจะคุณได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ฝ่าย กม. ของแบงค์ชาติค่ะ...(โห้...อะไรจะยิ่งใหญ่ขนาดน้านนนนน)

mr_renderman : ครับๆๆๆ.....(ยังเนียนต่อไป)

Withheld : ครับ.......ผม นาย...(อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้แต่ชื่อฟังดูภูมิฐานมั่กมั่ก) เจ้าหน้าที่ฝ่ายกม. ของแบงค์ชาตินะครับ ขณะนี้คุณ เอกราช สมมติเทพสกุล ได้เป็นหนี้กะทางธนาคาร ยู โอ บี ฯลฯ ( เหมือนเดิมเปี๊ยะ....) นะครับ....และเกินกำหนดการชำระมามากแล้วด้วย...

mr_renderman : ครับ แต่ตามรายการที่แจ้งมา
ผมไม่ได้ใช้จ่ายเยอะขนาดนั้นเลยจริงๆนะครับ...

Withheld : คุณแน่ใจนะ (ทำเสียงดุใส่) คุณสามารถยืนยันได้ใช่มั้ย...
แสดงว่าตอนนี้คุณโดนแอบอ้างแล้วล่ะ

mr_renderman : ครับ.... ผมควรทำไงดี

Withheld : เอาล่ะ
ทางเราจะให้ความช่วยเหลือกับคุณนะครับ....
ขณะนี้คุณมียอดค่าใช้จ่ายที่ปรากฏ อยู่ในคอมพ์ 6x,xxx บาท....
ซึ่งตอนนี้หากคุณปล่อยไว้นานเกินไป
มันจะกลายเป็นหนี้ที่คุณไม่ได้ก่อโดยปริยาย ดังนั้น
คุณจะต้องชำระหนี้คงค้างบางส่วนของคุณก่อนเป็นจำนวนเงิน 15,xxx บาท เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางบัญชี และดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ภายหลัง...

mr_renderman : ครับ....
งั้นผมต้องจ่ายเมื่อไหร่ และ จ่ายมาทาง ยู โอ บี โดยผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิซ ได้เลยใช่มั้ยครับ...

Withheld : ทันทีโดยเร็วที่สุดครับ.... และต้องจ่ายโดยการโอนเงิน (อีกแล้ว..) เข้าบัญชีของ แบงค์ชาติโดยตรงที่หมายเลข xxx-xxx-xxxx ธ.กรุงเทพ ชื่อบัญชี นายอะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะ... ( เสียดายมากๆที่ไม่ได้จดเอาไว้....)

mr_renderman : เอ๋......
ทำไมเป็นบัญชีออมทรัพย์ ส่วนบุคคลล่ะครับ

Withheld : อ๋อ เป็นบัญชีของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะน่ะครับ...

mr_renderman : โอเคครับ....แล้ว ผมจะขอเอกสารยืนยันการจ่ายเงินของผมได้มั้ยครับ...

Withheld : ได้สิครับ....ให้ส่งไปที่ไหนดีครับ ที่บ้าน หรือ ที่ทำงาน

mr_renderman : ที่บ้านครับ...

Withheld : งั้นผมขอที่อยู่หน่อยครับ....

mr_renderman : อ่าว.........มันไม่ได้มีอยู่ในข้อมูลเหรอครับ....(ผมเริ่มต้อน...)

Withheld : สักครู่นะครับ(ก๊อกแก๊กๆๆ) ที่อยู่ของคุณคือ... บลาๆๆ นนทบุรี...(ตูไปอยู่นนทบุรี ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย -_-')

mr_renderman : ถูกต้องครับ...(แน่ะยังอุตส่าห์เนียน.... มันคงงงอ่ะนะ ว่าถูกได้ไงฟระทั้งๆที่มั่วเอา...)

mr_renderman : ครับ..... งั้นผมขอคอนเฟิร์ม ชื่อ นามสกุล และ ที่อยู่ผมอีกครั้งนะครับ... ผมงงมากกับค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง....

Withheld : คอนเฟิร์มครับ คอมพ์ระดับแบงค์ชาติ ไม่มีการผิดพลาดแน่นอนครับ...

mr_renderman : เหรอครับ..... เอ่...แต่ไอ้ชื่อเอกราช สมมติเทพสกุลนี่....ผมเพิ่งตั้งขึ้นเอง เมื่อกี๊เลยนะ แล้วมันจะมีข้อมูลในแบงค์ชาติของคุณได้อย่างไรครับ...5555 ( หัวเราะจริงๆนะตอนนั้น)

Withheld : .....................

mr_renderman : และขอขอบคุณมากนะครับ...ที่ให้ข้อมูลที่ดีกับทางกรมตำรวจ เพราะระหว่างเวลาที่เราสนทนากันนั้นทางเราได้จับสัญญาณต้นทางโทรศัพท์ของคุณได้แล้ว...
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานมายังผมแล้วครับว่าเข้าถึงจุดที่เกิดเหตุแล้ว....ยังไงก็มอบตัวเถอะนะครับ รายการสนทนาเมื่อ สักครู่ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้บันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว และหนักจะได้เป็นเบา

Withheld : คุณ มั่วแล้ว.....อย่ามามั่วกับเรานะ (โมโหสุดขีด)

mr_renderman : ครับ..... ถึงจะมั่วกันยังไง ผมก็คิดว่า เลขบัญชี กับชื่อเจ้าของบัญชีที่จะให้ผมโอนเงินให้คงไม่มั่วแน ่ๆครับ......จริงมั้ยจ๊ะ....

Withheld : ตึ๊ด......ตึ๊ด.....ตึ๊ด....... แล้วมันก้อตัดสายไป..... เสียดายจริงๆครับที่นึกมุขออกเท่านี้ และไม่ได้จดเลขบัญชีกับชื่อเจ้าของบัญชีเอาไว้... ไม่งั้นคงได้สนุกกว่านี้....

แกล้ง ทรชน สนุกจังเยย..........
จบแล้วครับ...

ยังไงซะ อันนี้เตือนนะครับ....
มันอาจจะเป็นมุขใหม่ของทรชนพวกนี้ คือ.... แค่ รู้
ชื่อ - นามสกุล ว.ด.ป. เกิดเนี่ย มันอาจจะทำให้เราเดือดร้อนได้โดยไมรู้ตัว และไม่รู้ด้วยวิธีของมัน....เพราะงั้น ปลอดภัยไว้ก่อนครับอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกะคนแปลกหน้านะครับ.. .
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:07:40 »

05-03-2009 09:42 AM
ตุ๋นคืนเงินภาษี

http://hilight.kapook.com/view/34492





ภัยร้ายรายวัน : ตุ๋นคืนเงินภาษี (เดลินิวส์)

แก๊งหลอกลวงคืนภาษีรุกหนัก! หลอกต้มตุ๋นประชาชนไปแล้วกว่าหมื่นรายในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ด้วยการอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร โทรศัพท์เข้าไปแจ้งความประสงค์จะคืนเงินภาษีให้

แก๊งมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร ใช้วิธีการโทรศัพท์ไปหาเหยื่ออ้างว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์ของกรมสรรพากร แจ้งสิทธิได้รับคืนเงินภาษีผ่านการออนไลน์ โดยใช้การอัดเทปตอบรับอัตโนมัติ จากนั้นทำทีให้กดหมายเลขเพื่อติดต่อแผนกต่างๆ ของกรมสรรพากร และกดหมายเลขภายในเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ ทั้งมีการขอตรวจสอบเลขบัตรประจำตัวประชาชน ตรวจสอบชื่อ นามสกุล และเสียงปลายสายตอบกลับมาว่า ท่านมีสิทธิได้รับเงินภาษีคืน โดยยอดเงินคืนภาษีส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับหลักหมื่นบาท

ผู้ประสบเหตุรายหนึ่ง เผย แก็งมิจฉาชีพหลอกให้เหยื่อไปที่ตู้เอทีเอ็ม เพื่อตรวจสอบยอดบัญชีว่ามีเงิน 12,000 บาทเข้ามาหรือยัง แต่พอไม่พบว่ามีเงินเข้ามาก็สั่งให้กดตัวเลขตามที่บอกอ้างว่าเป็นรหัส พอหน้าจอเอทีเอ็มเปลี่ยนเป็นเมนูภาษาอังกฤษแก๊งมิจฉาชีพบอกว่าถูกต้อง ก่อนจะให้กดเลขรหัสตามอีกครั้ง โดยอ้างว่าเพื่อเชื่อมต่อข้อมูล กับทางกรมสรรพากร ซึ่งกดอยู่หลายครั้งจนสับสนพอบอกว่ายุ่งยากเกินไปไม่ขอทำแล้วให้ส่งเช็คมาวันหลัง แก๊งมิจฉาชีพเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแจ้งเหยื่อว่าต้องการจะเร่งคืนเงินภาษี จึงขอความร่วมมือ พร้อมสั่งให้รีบทำรายการใหม่อีกรอบด้วยความเกรงใจ เลยกดตัวเลขต่อจนเสร็จ แต่เหยื่อมาสงสัยตรงเลขชุดสุดท้ายที่ใกล้เคียงกับยอดเงินในบัญชี เลยรีบตรวจสอบยอดเงินทันทีพบเงินสูญหายไปแล้วหลายแสนบาท

ทั้งนี้กรมสรรพากรได้ออกมายืนยันว่า ทางกรมสรรพากรไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียภาษีเพิ่มเติม เนื่องจากทางกรมสรรพากรมีข้อมูลของผู้เสียภาษีอยู่ในฐานข้อมูลแล้ว โดยเฉพาะการคืนเงินนั้น กรมสรรพากร จะคืนให้เป็นเช็คธนาคาร ที่ระบุชื่อ-นามสกุล ของผู้ขอคืนและส่งไปให้ทางไปรษณีย์ตามภูมิลำเนาที่ผู้ขอคืนแจ้งไว้เท่านั้น

เบื้องต้นกรมสรรพากรทราบมาว่า หมายเลขโทรศัพท์ 12 หลัก เป็นโทรศัพท์จากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเกาหลีที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ ณ ขณะนี้ และจะเรียกเก็บเงินปลายทาง ซึ่งเรื่องนี้ กสท. ได้มีอีเมลแจ้งเตือนให้ทราบแล้ว คือไม่ให้รับสาย กรณีเป็นเลขหมายที่ผิดปกติ และการคืนเงินภาษีอากร กรมสรรพากรจะจ่ายคืนเป็นเช็คธนาคาร กรุงไทย จำกัดเท่านั้น เพื่อให้ผู้รับคืนเงินภาษีนำเข้าบัญชีธนาคารของตนเองต่อไป ตัวอย่างหมายเลขโทรศัพท์ที่ควรระวัง 0-2617-3000, 0-2694-0861, 0-19-8862-0145, 0-159-7693-8447, 0-277-8899-6600 อนึ่งหมายเลขโทรศัพท์เหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ขอให้ท่านพึงระวัง เมื่อมีโทรศัพท์เรียกเข้าด้วยหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยแจ้ง "เรื่องคืนภาษี" อย่าได้หลงเชื่อให้ "ข้อมูลส่วนบุคคล" กับบุคคลเหล่านั้น มิฉะนั้นความเสียหายอาจเกิดแก่ตัวท่านเอง

หากพบหรือทราบเบาะแสของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ กรุณาแจ้งข้อมูลได้ที่ สรรพากร Call Center : 0-2272-8000 หรือ หน่วยบริการภาษี กรมสรรพากร ทุกแห่งทั่วประเทศ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์

http://www.dailynews.co.th/web/html/...e=2&Template=1
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:08:36 »

เปิดกลโกง โจรกรรมข้อมูล เอทีเอ็ม

http://hilight.kapook.com/view/34704









สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ในระยะที่ผ่านมาเกิดปัญหาโจรผู้ร้ายลักลอบติดตั้งเครื่องสกริมเมอร์ไว้กับตู้เอทีเอ็ม เพื่อโจรกรรมข้อมูลไปใช้ในการปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิต นำไปกดเงินสดออกจากบัญชีของประชาชนจำนวนมาก แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามหาทางแก้ไขและป้องกัน แต่ก็ยังทำได้อย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตาม วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมาฝากกันค่ะ...

คนร้ายที่มีพฤติการณ์ในการลักลอบโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิต มักจะทำงานกันเป็นขบวนการ มีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีทั้งในกลุ่มประเทศเอเชียและยุโรป ซึ่งมีมากที่สุดคือในประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ คนร้ายจะนำเครื่องสกริมเมอร์มาติดตั้งไว้ตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ เพื่อดูดข้อมูลจากบัตรแล้วนำข้อมูลนั้นไปปลอมแปลงบัตรใบใหม่ แล้วนำไปใช้ในการกดเงินสด ขณะที่บัตรเครดิตจะมีปัญหามากกว่าบัตรเอทีเอ็ม เพราะนอกจากคนร้ายจะนำไปใช้ในการกดเงินสดแล้วก็จะนำไปใช้รูดซื้อสินค้าด้วย

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้บริการตู้เอทีเอ็มจะต้องระมัดระวัง ก่อนใช้บริการทุกครั้งจะต้องสังเกตให้รอบคอบว่าตู้เอทีเอ็มที่เลือกใช้มีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ และทุกครั้งที่จะกดระหัสบัตรก็ให้ใช้มือบัง สังเกตให้ดีว่ามีใครจ้องมองดูอยู่หรือไม่ ส่วนกรณีบัตรเครดิตก็ต้องระวังทุกครั้งที่นำไปใช้ต้องสังเกตอย่างใกล้ชิด หากนำบัตรไปใช้รูดซื้อสินค้าก็ต้องสังเกตไม่ให้คลาดสายตา

สำหรับการกดรหัสบัตรเอทีเอ็มนั้น ข้อมูลจะมี 2 ชุด อยู่ตรงแถบแม่เหล็ก ดังนั้น ลูกค้าที่ใช้บริการต้องระมัดระวังรหัส 4 ตัว เวลากดบัตรต้องใช้มือซ้ายบังเพื่อป้องกันการแอบดู หรือการแอบดูโดยกล้องวงจรปิด ถ้าเขาไม่รู้รหัสก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่ามีคนแอบดูหรือไม่ก็เปลี่ยนรหัสบ่อยๆ ส่วนการใช้กล้องเล็กนั้น มิจฉาชีพจะติดเหนือเครื่องเป็นรูเล็กๆ เท่าปลายเข็ม ถ้าเอามือบังก็จะมองไม่เห็น

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าคนร้ายพัฒนารูปแบบและวิธีการอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระทำความผิดให้ได้ทำให้ป้องกันได้ยาก ส่วนวิธีการสังเกตว่าเครื่องเอทีเอ็มเครื่องไหนติดตั้งเครื่องป้องกันการดูดข้อมูลแล้วหรือไม่นั้น ให้สังเกตไฟกะพริบ หากเห็นมีไฟสีเขียวกะพริบตรงช่องเสียบบัตรก็แสดงว่า เครื่องเอทีเอ็มดังกล่าวได้ติดตั้งเครื่องป้องกันไว้แล้ว ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรขอให้สบายใจได้ว่า หากถูกโจรกรรมข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตไป ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดทางธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงทางโทรศัพท์ให้ไปกดเงินที่เอทีเอ็ม ซึ่งไม่มีใครสามารถสั่งให้เราทำการใดที่ตู้เอทีเอ็มได้ ธนาคารทุกธนาคารไม่มีนโยบายสั่งการให้ลูกค้าไปทำธุรกรรมใดๆ ที่ตู้เอทีเอ็ม
สำหรับการเตรียมพร้อมก่อนกดเอทีเอ็ม เรามีข้อแนะนำ สรุปได้ดังนี้

เดี๋ยวนี้นอกจากต้องระวังตัวจะถูกแอบดูรหัสเอทีเอ็มในขณะกดเงินแล้ว ยังต้องระวังตัวเองไม่ให้ถูกทำร้ายในขณะที่คุณกำลังกดเงินด้วย เหมือนกรณีของชายผู้โชคร้ายรายหนึ่งที่กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งหลังเขาถูกโจรเอทีเอ็มซะน่วม เพราะไม่ยอมบอกรหัสกดเงินแต่โดยดี แล้วคุณล่ะมีวิธีป้องกันตัวยังไงหากจะไปใช้บริการตู้เอทีเอ็ม


11-03-2009 07:03 PM
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:09:48 »

รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM
http://hilight.kapook.com/view/34817







รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM (ไทยรัฐ)


กระแสแก๊งโจรกรรมรหัสบัตรเอทีเอ็มยังไม่ซาไปจากสังคมดีนัก สกู๊ปหน้า 1 อยากฝากให้ระวังภัยบัตรเครดิตเอาไว้ด้วย


ที่ผ่านมาการทุจริตผ่านบัตรเครดิต เป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างขึ้นทั่วโลก วิธีที่พบบ่อยที่สุดในเมืองไทย คือ การปลอมบัตร การแอบอ้างเป็นผู้ถือบัตรจริง รวมถึงการคัดลอกข้อมูลจากบัตร หรือที่เรียกว่า สกิมมิ่ง (Skim ming) เช่นเดียวกับการโจรกรรมบัตรเอทีเอ็ม


ปัญหามีว่า...บัตรเครดิต ไม่จำเป็นต้องขโมยรหัสก็นำไปรูดใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ความเสียหายจึงมีมากกว่าว่ากันตามกระบวนการ การโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต...วิธีการซับซ้อนน้อยกว่า


การฉ้อโกงบัตรเครดิตทำได้หลายวิธี อาทิ การขโมยบัตร การปลอมทั้งใบ การแปลงข้อมูลจากบัตรจริง การปลอมบัตรพลาสติกสีขาว การปลอมเอกสารในการสมัครเป็นผู้ถือบัตร และผู้ถือบัตรเป็นผู้ทุจริตเอง


แหล่งบัตรเครดิตปลอม แหล่งใหญ่ที่สุดอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย รองลงมา ฮ่องกง จีน ไต้หวัน


บัตรที่ปลอมเหมือนของจริงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ แต่มีจุดสังเกต บัตรเครดิตปลอมจะบางกว่า ประเภทบัตรเครดิตปลอมที่พบมากที่สุด มีทั้งบัตรเครดิตที่เป็นอินเตอร์ วีซ่าต่างๆ รวมทั้ง บัตรโดเมสติก (Domestic หรือ Local) ที่ใช้ได้เฉพาะในประเทศ แต่มีการปลอมน้อย เพราะว่าทำแล้วไม่คุ้มที่จะถูกจับ


เว็บไซต์ http://www.creditthai.net/ แนะข้อปฏิบัติสำคัญ 10 ข้อในการเก็บรักษาบัตร และข้อมูลบัตรเครดิตทันทีที่ได้รับบัตรใหม่เอาไว้ว่า...


 ข้อแรก...เซ็นชื่อลงบนแถบลายเซ็นทันที จดหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขโทรศัพท์สำหรับแจ้งบัตรหาย และเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย หาง่ายยามฉุกเฉิน


 ข้อต่อมา...ไม่ควรตั้งรหัสเอทีเอ็มโดยใช้ข้อมูลส่วนตัวซึ่งง่ายต่อการคาดเดา ไม่ว่าจะเป็นชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด


 ข้อที่สาม...จำรหัสเอทีเอ็มให้ได้ ถ้าจำเป็นต้องจดไว้ ไม่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ หรือเก็บไว้ใกล้กับบัตร และไม่ควรบอกรหัสเอทีเอ็มให้บุคคลอื่นทราบ


 ข้อที่สี่...เก็บรักษาบัตรของคุณเช่นเดียวกับที่คุณเก็บเงินสด หากเป็นไปได้ ไม่ควรปล่อยให้บัตรคลาดสายตาในระหว่างที่พนักงานนำบัตรของคุณไปรูด


 ข้อที่ห้า...ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับบัตรของคุณคืนมาทุกครั้ง หลังชำระเงิน และก่อนเซ็นเซลล์สลิป ควรตรวจสอบจำนวนเงินว่าตรงกับราคาสินค้า บริการ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำข้อมูลในเซลล์สลิปไปใช้ในทางที่มิชอบ และเก็บไว้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องภายหลัง


 ข้อที่หก...ตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายในใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต ประจำเดือนว่ามีจำนวนเงินตรงกับที่คุณใช้ไปหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกลับจากการเดินทางต่างประเทศ


 ข้อที่เจ็ด...ไม่ควรบอกหมายเลขบัตรเครดิตของคุณแก่บุคคลอื่นทางโทรศัพท์ เว้นแต่คุณกำลังติดต่อกับองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ หรือคุณเป็นฝ่ายเริ่มการติดต่อด้วยตัวเอง


 ข้อที่แปด...ตรวจสอบให้แน่ใจหากมีความจำเป็นต้องบอกหมายเลขบัตรเครดิตของคุณทางโทรศัพท์ และขอเอกสารยืนยันการซื้อขายที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากพนักงานขายทางโทรศัพท์ทุกครั้ง


 ข้อที่เก้า...อย่าไว้ใจพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ที่เร่งหรือกดดันให้คุณรีบซื้อสินค้า อย่าให้หมายเลขบัตรจนกว่าคุณตัดสินใจแน่แล้วว่าจะซื้อสินค้า


 ข้อสุดท้าย...หากสมาชิกในครอบครัวคุณนำบัตรของคุณไปใช้ อาจโดยที่คุณทราบหรือไม่ทราบมาก่อน คุณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบยอดการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น








คนร้ายสามารถปลอมบัตรเครดิตขึ้นมา โดยบรรจุเอาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือบัตรที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สลิปบัตร สแปมเมล์ หรือส่งอีเมล์สุ่ม เพื่อหวังข้อมูลบัตรเครดิตของผู้รับ หรือไม่อย่างนั้นก็ส่งโปรแกรมเฉพาะ ผ่านมาทางเว็บไซต์ผิดกฎหมาย โดยคนร้ายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ถือบัตร อาจใช้ข้อมูลที่ขโมยมา นำไปซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตหรือทางโทรศัพท์อีกต่อหนึ่ง


ดังนั้น วิธีที่คุณจะป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหล่านี้ คล้ายคลึงกันกับสิ่งที่คุณพึงปฏิบัติเมื่อได้รับบัตรใหม่ หรือขณะที่คุณช็อปปิ้งทางอินเตอร์เน็ต


เป้าหมายหลัก คือ ปกป้องข้อมูลส่วนตัว...เริ่มจากตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตทันทีที่ได้รับ กรณีพบรายการใช้จ่ายน่าสงสัย ให้รีบแจ้งธนาคารทันที ต่อมาไม่ควรเปิดเผยข้อมูลบัตร และข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตร รหัสเอทีเอ็ม วันเดือนปีเกิด หรือหมายเลขบัตรประชาชน ยกเว้นกรณีที่คุณเป็น ฝ่ายเริ่มการติดต่อ


เก็บรักษาบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ไว้ในที่ที่ปลอดภัย จุดสำคัญ อย่าตอบอีเมล์แปลกๆที่ส่งมาเพื่อขอข้อมูลส่วนตัว


พยายามอย่าให้พนักงานแคชเชียร์ พนักงานเสิร์ฟ เด็กปั๊มนำบัตรเครดิตไปทำรายการในที่ที่มองไม่เห็น เพื่อช่วยป้องกันการสกิมมิ่ง...คัดลอกข้อมูลบัตร


"ใช้บัตรรูดเงินเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บสำเนาสลิปบัตรเครดิตไว้ทุกครั้ง เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องกับใบแจ้งยอดบัญชี"


อีกข้อที่สำคัญ ถ้าจำเป็นจะต้องใช้บัตรกับตู้เอทีเอ็ม ให้หลีกเลี่ยงการใช้ตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่ในที่เปลี่ยว หรือมีลักษณะน่าสงสัย ตู้เหล่านี้จะเป็นเป้าหมายหลักของแก๊งโจรกรรม ลักลอบติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเอาไว้ขโมยข้อมูลจากบัตรของคุณได้ง่ายๆ ลืมไม่ได้เลยว่าขณะใช้บริการเอทีเอ็ม อินเตอร์เน็ตสาธารณะ ควรมองสำรวจรอบๆ ตัว เพื่อสังเกตพฤติกรรมต้องสงสัย ผู้ที่ยืนต่อแถวด้านหลัง หรืออยู่ใกล้ๆ


กรณีทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ หรือไฟวอลล์ พร้อมสรรพด้วยซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสทั้งเครื่องที่บ้าน สำนักงาน เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล


"คุณควรซื้อสินค้าบริการออนไลน์กับเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง ไว้ใจได้เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องระวังเว็บไซต์ปลอม ที่บรรดาแฮกเกอร์สร้างขึ้นมาเพื่อจารกรรมข้อมูลของคุณ"


ธุรกรรมในอินเตอร์เน็ต จับตาไปที่รหัสผ่าน...ในบริการการเงินให้ใช้รหัสผ่านที่ยาวๆ เพื่อคุ้มครองข้อมูลบัญชีธนาคาร และบัญชีซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต รหัสผ่านยิ่งยาวก็ยิ่งยากที่มิจฉาชีพจะถอดรหัสไปใช้ได้เท่านั้น








ปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้เอง ธนาคารกสิกรไทยแจ้งเตือนลูกค้าให้ระวัง โทรจันตัวใหม่ ชื่อว่า Pws.Sinowal.AU ไวรัสขโมยข้อมูลบัตรเครดิต รหัสเอทีเอ็ม ไวรัสตัวนี้เป็นโปรแกรมที่ฝังตัวในเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากจะทำหน้าที่คัดลอกข้อมูลแล้ว ยังติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานทางอินเตอร์เน็ตได้ด้วย เมื่อพิมพ์คำว่า bank ที่ บราวเซอร์ อินเตอร์เน็ต จะมีป็อปอัพ...หน้าต่างพิเศษโชว์ขึ้นมาให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต รวมถึงรหัสเอทีเอ็ม โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย


"เห็นอย่างนี้อย่าได้กรอกรหัสธนาคารตอบกลับ หรือให้ข้อมูลใดๆเด็ดขาด ประเด็นสำคัญ...ตรวจสอบเว็บไซต์ให้แน่ชัดก่อนลงทะเบียนเข้าใช้งาน"


ที่ทำได้ให้คุณคลิกที่สัญลักษณ์รูปแม่กุญแจ ที่มุมขวาล่างของบราวเซอร์อินเตอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบข้อมูลยืนยันให้แน่ใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริง


รู้ถึงภัยอันน่ากลัวของแก๊งโจรกรรมบัตรเครดิตทั้งในสังคมทั่วไป สังคมอินเตอร์เน็ตกันไปแล้ว ก็รู้ต่อกันอีกหน่อยถึงบทลงโทษ


การปลอมบัตรเครดิต การใช้บัตรเครดิตโดยฉ้อโกงเอาบัตรเครดิตผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมเอกสาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


กรณี เอาบัตรเครดิตไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากเป็นการขโมยมาเป็นความผิดฐานลักทรัพย์...กระทงหนึ่ง ถ้านำไปใช้ชำระเงิน โดยแสดงว่าเป็นเจ้าของถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง...อีกกระทงหนึ่ง และถ้ามีการเซ็นชื่อปลอมในใบสลิป บัตรเครดิต จะมีความผิดฐานปลอมเอกสารอีกด้วย


สมมติว่าไม่ได้ขโมยเอาบัตรมา แต่ขโมยจำเลขบัตรเครดิต มาใช้ชำระเงินทางอินเตอร์เน็ต เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอย่างเดียว บทลงโทษคือจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


เทียบกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว หลายคนบอกว่า... บทลงโทษเบาเหลือเกิน



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐ

14-03-2009 06:42 PM
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:10:37 »

รู้เท่าทัน เมื่อ "ญาติ-เพื่อน" ออกปากขอยืมเงิน
http://www.manager.co.th/Family/View...=9520000031895
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
20 มีนาคม 2552 10:01 น.

 

ในวันที่สังคมไทย และสังคมโลกยังอยู่ด้วยกันอย่างช่วยเหลือเกื้อกูล มีสิ่งใดก็นำมาแบ่งปันกัน ใครไม่มีก็ช่วยประคับประคองกันไป ไม่รบราฆ่าฟันกันด้วยเรื่องของความโลภ กิเลส หรือเงินตรา คำว่า "หนี้" ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องถูกตราเอาไว้ในพจนานุกรม

แต่ในเมื่อวันหนึ่ง มนุษย์บางส่วนเลือกที่จะปฏิเสธโลกแบบเดิม หันมาเรียกร้องหาโลกแห่งทุนนิยม โลกแห่งการแข่งขันเสรี (?) โลกที่ใครมือยาวสาวได้สาวเอา โลกที่ต้องมีโทรศัพท์มือถือไว้โฟนอินให้โก้เก๋ นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า สิ่งหนึ่งที่มนุษย์เหล่านั้นต้องพึงสังวรไว้ก็คือ "การรู้เท่าทัน" โลกในแบบที่พวกเขาต้องการ เพราะมีหลายคนที่อยู่กับโลกใบนั้นอย่างหลงระเริง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ติดกับข้าวของหรูหรา เงินตรา และอำนาจ จนยอดหนี้พุ่งทะลุยอดรายได้ รายการจ่ายบัตรเครดิตยาวเป็นหางว่าว มีเจ้าหนี้เงินกู้มากมายก่ายกอง

โดยเฉพาะในยุคนี้ ยุคที่เศรษฐกิจบนโลกทุนนิยมเจอสัญญาณอันตราย ไม่สามารถก้าวต่อไปได้ในแนวทางเดิม เราจึงมี "มนุษย์หนี้" หรือเหยื่อที่ไม่รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และในวันใดวันหนึ่ง ก็อาจต้องพบเจอ "มนุษย์หนี้" ที่เป็นญาติสนิทมิตรสหายมาหยิบยืมเงินกันถึงหน้าประตูบ้านก็ได้

แนวทางที่จะช่วยแก้ไขสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออกที่เกิดขึ้น อาจทำได้โดย

พูดคำว่า "ไม่" ให้ติดปาก

ปฏิเสธคำขอยืมเงิน โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำผัดผ่อนต่าง ๆ นานา เช่น "ขอเวลาฉันคิดหนึ่งวัน, รอสิ้นเดือนให้เงินเดือนฉันออกก่อน" หรือ "ขอปรึกษาภรรยาก่อน" บางคนอาจเลือกใช้วิธีผัดผ่อนผ่านถ้อยคำเหล่านี้เพราะคิดว่าจะช่วยรักษาสัมพันธภาพที่เคยมี หรือเคยดีเอาไว้ได้ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ เพราะถ้าให้ยืมไม่ได้ ความจริงก็คือให้ยืมไม่ได้ ด้านเพื่อนของคุณเองก็จะเสียเวลารอตามเงื่อนไขที่คุณบอกไว้ แล้วมาถามใหม่ว่า ให้เขาขอยืมได้หรือไม่ สู้ปฏิเสธเขาไปเลยตั้งแต่ต้น ให้เขาเอาเวลาที่จะรอความหวังจากเราไปหาทางแก้ไขปัญหา "หนี้ของตนเอง" ดีกว่า คนเราเมื่อจนตรอก (และต้องยังมีสัมมาทิฐิมากพอ) สมองของเขาจะเริ่มทำงานเองว่า เขาจะแก้ปัญหาอย่างไร ให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตนี้ไปได้ แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากคนอื่น

เสนอความช่วยเหลือทางอื่น

ถ้าเห็นใจ และต้องการช่วยเหลือจริง ๆ แต่ติดว่า เรื่องการเงินของครอบครัวของคุณเองเองก็มีอุปสรรคเช่นกัน และไม่ได้มีมากพอที่จะให้ขอยืมเงินก้อนไปได้ ก็ให้คิดหาทางช่วยทางอื่น เช่น เสนอให้มาอยู่รวมกันที่บ้านแทน จะได้ลดค่าใช้จ่ายของผู้มาออกปากขอยืมได้ส่วนหนึ่ง หรือมองหาว่าอะไรที่คุณสามารถช่วยเขาได้ในสิ่งที่เขาขาด โดยที่ไม่เป็นในลักษณะของ "เม็ดเงิน"


 

แปรคำขอยืมเงินเป็นเอกสาร

เป็นเรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย ที่เวลาคนสนิทมาขอยืมเงิน แล้วทางฝ่ายผู้ให้ยืมต้องขอให้เขาทำเป็นเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร หลายคนอาจจะคิดว่า ถ้าต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากญาติหรือเพื่อนแล้วมาเจอแบบนี้ จะมาขอยืมทำไมกัน สู้ไปกู้ธนาคารไม่ดีกว่าหรือ แต่มันเป็นเรื่องที่ผู้ให้กู้ควรทำ ไม่ว่าคนที่มาขอยืมคนนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรเก่าเลเวลใดก็ตาม เพราะอย่าลืมว่า ทันทีที่คุณมอบเงินก้อนเงินเก็บของคุณให้เขายืมไป คนที่จะหนักใจแทนก็คือฝ่ายของคุณเอง ว่าเขาจะคืนหรือไม่ การมีเอกสารยืนยันชัดเจนเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินช่วยให้คุณสบายใจได้ในจุดนี้ เพราะมีความชัดเจนเรื่องตัวเลข ระยะเวลาในการกู้ยืม ไม่ต้องถกเถียงกันให้เสียเวลา แค่ยึดตามหนังสือสัญญา อีกทั้งในแง่ของการดำเนินคดีตามกฎหมายก็เป็นเอกสารดังกล่าวก็เป็นหลักฐานชั้นดีเสียด้วย

หลีกเลี่ยงการลงทุนร่วมกัน

มีเพื่อน หรือคนสนิทบางคน มาเหนือเมฆกว่านั้น แทนที่จะใช้คำว่าขอยืมเงินไปทำธุรกิจ ก็เล่นคำเป็นว่า ชวนไปทำธุรกิจร่วมกัน พร้อมยกตัวอย่างประสบการณ์ต่าง ๆ นานา ของตัวเองที่เคยมีมาในอดีตมาเล่าให้คนมีเงินเคลิบเคลิ้ม หลงให้ยืมเงินไป น่าเสียดายที่หลายคนเสียเพื่อน (แย่ ๆ )ไปพร้อมกับเสียเงินก้อนที่สะสมมาด้วย เพราะฉะนั้น พิจารณาเจตนาของคนที่มาชักชวนทำธุรกิจร่วมกันให้ดี ๆ ว่าเขาต้องการไอเดีย-แรงงานของคุณ หรือแค่ "เงิน" ของคุณเฉย ๆ

ที่สำคัญ อย่ารู้สึกผิดว่าตัวเองใจร้าย เพราะคุณก็ต้อง "รู้เท่าทัน" โลกใบนี้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก USNews.com
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:14:56 »

20-06-2009, 08:28 AM

ท่านใดมีเรื่องที่เกี่ยวกับ การประกันชีวิต หรือ การประกันวินาสภัย

สามารถปรึกษากับ คปภ.ได้ครับ


http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=615717&d=1245461320

http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1572.html#post2199417

.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 22 เมษายน 2553 20:15:53 »

คปภ.สั่งล้อมคอก ตัวแทนขายประกัน ตื๊อลูกค้าทางมือถือ ขู่ถอนใบอนุญาต

���˹�� ��蹤� �ç�� �ç��


ที่มา แนวหน้า

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากผ่านสายด่วนประกันภัย 1186 กรณีมีตัวแทนขายประกันของบริษัทประกันภัยและบริษัทประกันชีวิตต่างๆ ได้โทรศัพท์เข้ามือถือทั้งที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือเป็นความลับและส่วนบุคคล แต่ไม่ทราบว่าตัวแทนขายประกันเหล่านี้ได้หมายเลขโทรศัพท์มือถือมาอย่างไร ซึ่งประชาชนบางคนรับสายโทรศัพท์จากตัวแทนขายประกันต่อวันถึง 10 ครั้ง ถือว่าเป็นการสร้างความรำคาญต่อประชาชนอย่างมาก


ทั้งนี้ คปภ.เห็นว่าจะต้องมีการกำหนดแนวทางและรูปแบบรวมถึงการดูแลปัญหาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด จึงได้กำหนดรูปแบบและแนวทางการขายประกันภัย โดยเฉพาะการต่อประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคบังคับและสมัครใจ รวมถึงประกันชีวิตในรูปแบบต่างๆ ทางโทรศัพท์ให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นเพื่อลดปัญหาประชาชนถูกตัวแทนขายประกันภัยทางโทรศัพท์


โดยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตัวแทนที่โทรศัพท์ไปขายประกันภัยต่างๆ จะต้องแจ้งชื่อ เลขที่ตัวแทนขายประกันให้ประชาชนได้ทราบทุกครั้ง รวมถึงเมื่อตัวแทนชี้แจงรายละเอียดเสร็จแล้วไม่ควรโทรศัพท์ไปหาคนเดิมภายในระยะเวลา 6 เดือน หากตัวแทนต้องการขอบันทึกเทปการสนทนา ก็ขอให้ประชาชนยินยอมการบันทึก เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขายประกัน เพราะหากตัวแทนไม่ดำเนินการตามระเบียบที่เสนอขายก็จะดำเนินการเอาผิดกับตัวแทนและบริษัทประกันทันที หากพบพฤติกรรมดังกล่าวจะถอนใบอนุญาต ขณะนี้ คปภ.ได้กำชับให้บริษัทประกันภัยและประกันชีวิตติดตามพฤติกรรมตัวแทนที่ขายกรมธรรม์ผ่านโทรศัพท์ว่า จะต้องไม่รบกวนประชาชน หากตัวแทนขายประกันยังสร้างความรำคาญและเป็นบุคคลเดิม ก็ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วน 1186 ได้ทันที


นอกจากนี้ คปภ.ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาคมประกันวินาศภัย สมาคมประกันชีวิตไทย และตัวแทนบริษัทประกันชีวิตด้านเคลมประกันภัยในด้านต่างๆ ว่า เพื่อเป็นการรับทราบนโยบายและแนวทางร่วมมือกับ คปภ.และสมาคมฯ เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านช่องทางศูนย์บริการประชาชนด้านประกันภัย โดยที่ผ่านมาทาง คปภ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนด้านประกันชีวิตและประกันภัยต่างๆ มีการประวิงการจ่ายค่าสินไหมหรือใช้ระยะเวลาพิจารณานานเกินไป ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความเดือดร้อน เพราะกว่าจะได้ค่าสินไหมทดแทนต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี


ดังนั้น จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนด้านประกันภัย ซึ่งจะเป็นการร่วมมือทั้งภาครัฐและประชาชนผ่านสายด่วนประกันภัย 1186 เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ รวมทั้งให้บริการข้อมูลและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพราะหากผู้เอาประกันภัยและบริษัทประกันภัยสามารถตกลงกันได้ ก็จะทำให้ประหยัดเวลา ซึ่งศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่สำนักงาน คปภ.แห่งใหม่บนถนนรัชดาภิเษก ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้.


http://board.palungjit.com/f179/พ�...ml#post2201887
��Թ - ˹�� 9 - �����͡�����
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 23 เมษายน 2553 10:57:35 »


ยิ้ม  ยิ้ม  ยิ้ม
ขอบพระคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 24 เมษายน 2553 22:17:32 »

บช.ก.โชว์ฝีมือจับกุมแก๊งมังกร"โกงบัตรเอทีเอ็ม" มูลค่า 100 ล้าน



http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1272090792&grpid=&catid=17



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.3 บก.ทท. และชุดจับกุมตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 186/2553 นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายบริหารการป้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชนได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม 1. นายเชน ชี ตัง ( CHEN , CHIEN – TANG ) อายุ 28 ปี 2. นายจัง ฉิง อี่ อายุ 28 ปี 3. นายไช่ คุณ เสีย ( TSAI , KUN HSIEH ) อายุ 38 ปี 4. นายหลุน จง เจีย อายุ 25 ปี 5. นายเหยิน จ้าว ซื่อ อายุ 28 ปี 6. นายเหลียง เหวิน จิ้ง ( LIANG , WEN – CHIN ) อายุ 28 ปี 7. นายทนงศักดิ์ ใจงามสกุล อายุ 35 ปี 8. นายเฉิน ลู่ ( ZHEN LIU ) อายุ 32 ปี


พร้อมของกลางบัตรกดเงินสดของธนาคารต่าง ๆ ในเครือบริษัท ยุเนี่ยนเป จำนวน 659 ใบ โน๊ตบุ๊คจำนวน 4 เครื่อง เครื่อง V.O.I.P. Gateway จำนวน 20 เครื่อง ตัวแปลงสัญญาณไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อ .เครื่องต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ท Wireless Router จำนวน 2 เครื่องและโทรศัพท์มือถือจำนวน 20 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิคส์ของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด "


พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า ตำรวจไทยได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ประชาชนชาวจีนจำนวนมากถูกโทรศัพท์หลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม และนำบัตรเอทีเอ็มของประเทศจีนที่รับโอนเงินมา ทำการกดเงินสดออกที่ประเทศไทย ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 20 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 ล้านบาท คณะทำงานจึงประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอรายการใช้บัตรเอทีเอ็มประเทศจีนดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์จุดเฝ้าระวังการกระทำผิดของคนร้าย บริเวณประตูน้ำ แยกห้วยขวาง และรพ.พระนั่งเกล้าฯ


ต่อมาวันที่ 23 เมษายน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดวางกำลังเฝ้าระวังจุดต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยจัดกำลังชุดปฏิบัติการดังนี้ 1.บริเวณแยกห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. 2.บริเวณศูนย์การค้าประตูน้ำ 3.บริเวณถนนแยกพระนั่งเกล้า ถนนรัตนาธิเบศน์ จังหวัดนนทบุรี และต่อมาจึงทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ทั้งหมด
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 08:42:07 »

กองทุนเปิดแอสเซทพลัสออยล์
Asset Plus Oil Fund( ASP-OIL )



กองทุนเปิดแอสเซทพลัสออยล์ (ASP-OIL) เป็นกองทุนต่างประเทศประเภท Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุน Powershares DB Oil Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ (WTI Light Sweet Crude Oil) เพื่อหาผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index – Optimal Yield Oil Excess Return โดยทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedged) ในภาวการณ์ลงทุนปกติ กองทุนจึงไม่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ เปิดเสนอขาย IPO ระหว่างวันที่ 17-25 มิถุนายน 2552

 
ขนาดกองทุน1,000 ล้านบาท อายุโครงการไม่กำหนด ประเภทกองทุนรวมต่างประเทศ ประเภท Feeder Fund
ข้อมูลเพิ่มเติมกองทุนหลัก PowerShare DB Oil Fund - http://dbfunds.db.com/dbo/index.aspx
 ข้อมูลราคาน้ำมัน - http://www.nymex.com/index.aspx


บลจ แอสเซท พลัส จำกัด - Asset Plus Fund Management
.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 08:42:46 »

KTAMร่วมแจมกองทุนน้ำมัน มั่นใจให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
20 เมษายน 2553 12:00 น.

 

สมชัย บุญนำศิริ บลจ.กรุงไทยส่งกองทุนเปิดเคแทม ออยล์ ฟันด์ ลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันดิบของ WTI ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี Deutsche Bank Liquid CommodityIndex-Optimum Yield Crude Oil Excess Return พร้อมมั่นใจน้ำมันเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เสียมูลค่าที่แท้จริงไปตามเงินเฟ้อ เปิดขายไอพีโอเเล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 27 เมษายน 53

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เสาะหาช่องทางการลงทุนใหม่ให้กับผู้ลงทุนตลอดเวลา เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน ให้มีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการเปิดจำหน่ายกองทุนพันธบัตรทั้งในต่างประเทศ ทั้งนี้บริษัทจะเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม ออยล์ ฟันด์ ( KT-OIL) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 19-27 เมษายน 2553นี้

โดยกองทุนเน้นลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในหน่วยลงทุนของกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งบริหารและจัดการโดย DB Commodity services LLC ซึ่งกองทุนมีนโยบายลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์ของน้ำมันดิบ ( light sweet crude oil –WTI ) จุดประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index –Optimum Yield Crude Oil Excess Return

สำหรับจุดเด่นของกองทุน KT- OIL คือมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวันทำการ มูลค่าขึ้นต่ำในการลงทุน 2,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งกองทุนดังกล่าวถือเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนอีกหนึ่งทางในการบริหารพอร์ตการลงทุน เนื่องจากการปรับตัวของราคาน้ำมันมีความสัมพันธ์น้อยมากกับการปรับตัวของตราสารหนี้และหุ้น นอกจากนี้น้ำมันเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถป้องกันการสูญเสียความสามารถในการซื้อ( Inflation Hedged ) เนื่องจากน้ำมันเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เสียมูลค่าที่แท้จริงไปตามภาวะเงินเฟ้อ

นายสมชัย กล่าวอีกว่า กองทุน KT-OIL เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในน้ำมันดิบ จากเดิมที่ในอดีตการลงทุนในน้ำมันดิบในรูปแบบต่างๆจะจำกัดอยู่เฉพาะบริษัทผู้ค้าน้ำมันและสถาบันการเงินรายใหญ่ๆเท่านั้น แต่พัฒนาการของกองทุนอีทีเอฟ ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในน้ำมันดิบได้ผ่านการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ และสะดวก โดยน้ำมันนั้นถือได้ว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญของโลก ซึ่งหากพิจารณาแนวโน้มในระยะสั้น จะพบว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอัตรา 4.4% ในปี 2553 และ 4.5% ในปี 2554 ซึ่งน่าจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันกลับฟื้นตัวขึ้น ส่วนในระยะยาวนั้น ตราบเท่าที่เรายังคงต้องอาศัยพลังงานและเชื้อเพลิงอยู่ โลกก็ยังคงมีความต้องการน้ำมันอยู่เสมอไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร

ขณะที่ฝ่ายวิจัยของบลจ. กรุงไทย ได้มีการประเมินราคาน้ำมันดิบ WTI Light Sweet Crude Oil ในไตรมาสที่2ของปี 2553 เฉลี่ยอยู่ที่ 79.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเพิ่มขึ้น 1.1% จากราคาเฉลี่ยไตรมาสที่แล้ว โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ WTI ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเนื่องจาก Driving Season ในช่วงกลางปีและปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่ให้ความร้อน ( Heating Oil) ที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของโลกยังเป็นบวก ต่อการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันอีกด้วย

ทั้งนี้ในระยะยาว ราคาน้ำมันน่าจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของทั้งโลกรวมทั้ง Supply ที่มีค่อนข้างจำกัดและต้นทุนการผลิตและสำรวจที่เพิ่มขึ้น เพราะแหล่งสำรวจใหม่ๆ อยู่ในชั้นหินที่ลึกและยากต่อการขุดเจาะ ขณะที่การเติบโตของพลังงานทางเลือกอื่นๆยังไม่สามารถทดแทนได้

คลังข้อมูลข่าวธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

Mutual Fund - Manager Online
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553 07:19:45 »

ล่าแก๊งเงินกู้บุกยิงลูกหนี้บาดเจ็บ 6 ราย

ล่าแก๊งเงินกู้เมืองชลสุดโหด อหังการยิงลูกหนี้กลางวงข้าว เจ็บระนาว 6 ราย เหยื่อถูกยิง ไส้ขาด อาการสาหัส แถมมีเด็ก 7 ขวบ ถูกยิงเฉี่ยวหัวเฉียดตาย เผยสาเหตุ เกิดจากความขัดแย้งเรื่อง ลูกชายและสะใภ้เจ้าของบ้าน ไปยืมเงินจากนายทุน 3 แสนปล่อยกู้ แต่เก็บต้นดอกไม่ครบเลยชักดาบ ถูกอาญาเถื่อนตามทวงคืน

แก๊งเงินกู้โหดประกาศศักดาอหัง การยิงล้างหนี้กลางวงข้าวเจ็บ 6 รายครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 4 พ.ค. พ.ต.ท. นิวัฒน์ชัย สุขธยารักษ์ สวส.สภ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับ บาดเจ็บหลายราย ที่บ้านเลขที่ 37/3 หมู่ 2 ต.กุฎโค้ง จึงรีบไปสอบสวนพร้อม พ.ต.ท. เอนก วงศ์สละ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สายัณห์ พูลเพิ่มบุญ รอง ผกก.สส. ที่เกิดเหตุ พบว่าคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.พนัสนิคมไปแล้ว 6 คน จึงตามไปสอบสวน ทราบชื่อคนเจ็บ คือ นางอารีย์ พังงา อายุ 60 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงที่ขาทั้ง 2 ข้างจนกระดูกแตก อาการสาหัส นายเฉลิมชัย พังงา อายุ 23 ปี ถูกยิงที่หลัง 2 นัด อาการสาหัส นายชัยวัฒน์ รุณษา อายุ 25 ปี ถูกยิงที่ขาซ้าย 4 นัด ลำไส้ขาด อาการสาหัส นายอภิชาติ พังงา อายุ 36 ปี ถูกยิงที่ขาขวา นายวัฒน์ ฉลาดเชี่ยว อายุ 36 ปี และ ด.ช.ธนยศ พังงา อายุ 7 ขวบ ทั้งสองถูกยิงเฉี่ยวศีรษะ ได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบสวน นายพล พังงา อายุ 63 ปี สามีนางอารีย์ เจ้าของบ้านที่ได้รับบาดเจ็บ ให้การด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองพร้อมภรรยาและลูกหลาน ได้ล้อมวงทานข้าวและพูดคุยกันอย่าง ออกรส จู่ ๆ มีคนร้าย 2 คน สวมเสื้อคลุมสีเข้ม ใส่หมวกกันน็อกอำพรางใบหน้า ขี่ จยย. มาจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นได้ชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่พวกตนอย่างไม่ยั้ง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่ จยย. หลบหนีไปอย่างลอยนวล ส่วนสาเหตุ ตนเชื่อว่าน่าจะมาจากความขัดแย้ง เรื่องที่ลูกชายตนและลูกสะใภ้ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บ ยืมเงิน 3 แสนบาทจากนายทุนคนหนึ่งใน จ.ชลบุรี มาปล่อยกู้ในช่วงปี 2552 แต่เก็บเงินส่งคืนนายทุนไม่ครบจึงถูกตามทวงและข่มขู่มาโดยตลอด จนลูกชายและลูกสะใภ้ต้องหอบข้าวของหนีไปทำงานที่อื่น และเพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อวันที่ 3 พ.ค. กระทั่งเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงถล่มบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาเบาะแส เพื่อจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

Daily News Online > หน้าอาชญากรรม > ล่าแก๊งเงินกู้บุกยิงลูกหนี้บาดเจ็บ 6 ราย
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=63887
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2553 21:46:02 »




.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 22:19:44 »

การฟอกเงิน คืออะไร?

  การฟอก (Laundry) โดยทั่วไปหมายความว่า ทำให้สะอาด หรือ ทำให้หมดมลทินซึ่งมีความหมายในแง่ดี แต่ “การฟอกเงิน” (Money Laundering) เป็นการกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ

          ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดให้ดูเสมือนว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ “เงินสกปรก” หรือเงินที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้มาจากการกระทำความผิดให้ดูเหมือนเป็น “เงินสะอาด” เพื่อสามารถนำเงินที่ถูกฟอกไปใช้ในการกระทำความผิดอาญาต่อไป

          ในปัจจุบันประเทศทั่วโลกถือว่าการฟอกเงินเป็นความผิดทางอาญาที่ร้ายแรงการฟอกเงินมักจะเกี่ยวเนื่องกับอาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งกระทำโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มหรือองค์กร โดยมีลักษณะข้ามเขตข้ามพรมแดนประเทศและยากแก่การปราบปราม ผลของการฟอกเงินส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองปัจจุบันทั่วโลกจึงถือว่า การฟอกเงินเป็นความผิดอาญาที่ร้ายแรง

 อาชญากรฟอกเงินกันอย่างไร?

          การฟอกเงินอาจกระทำได้โดย ใช้รูปแบบและวิธีการต่างๆ ตั้งแต่วิธีการดั้งเดิม เช่น นำเงินสกปรกไปใส่ตุ่มฝังดิน หรือ ซ่อนในกำแพงหรือในถ้ำ จนกระทั่งถึง วิธีการที่ทันสมัยขึ้น เช่นนำเงินสกปรกไปให้บุคคลอื่น นำเงินฝากหรือโอนผ่านธนาคาร หรือเปิดบริษัทขึ้นเพื่อนำเงินเข้าสู่ระบบการเงินของบริษัท ดังตัวอย่างเช่น

          ตัวอย่าง 1: มิจฉาชีพ ก ไม่มีอาชีพสุจริตอื่น ได้เงินจากการขายยาเสพติดมา 2 ล้านบาทนำเงิน 1 ล้านบาทไปซื้อรถยนต์ และอีก 1 ล้านบาท นำไปให้แก่ภรรยาและบุตร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีพิรุธ ทั้งการซื้อรถยนต์และนำเงินไปให้ภรรยาและบุตรถือเป็นการฟอกเงิน

          ตัวอย่าง 2 : มิจฉาชีพ ข นำเงินที่ได้มาจากการค้าหญิงและเด็ก ไปให้เพื่อนสนิททำธุรกิจเงินกู้ รวมทั้งเปิดบริษัทขึ้นบังหน้า หาทางเอาเงินสกปรกที่ได้มาเข้าสู่ระบบการเงินของบริษัทเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เชื่อว่าตนเองได้เงินมาจากการประกอบอาชีพโดยสุจริตทั้งการทำธุรกิจ เงินกู้และการตั้งกิจการขึ้นบังหน้า

          การกระทำดังกล่าวถือเป็นการฟอกเงินผู้ร้ายอาจฟอกเงินโดยวิธีง่ายๆ ตามตัวอย่างแรก หรืออาจจะมีวิธีซับซ้อนขึ้นตามตัวอย่างหลัง หรืออาจจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดอาชญากรกระทำเพื่อปกปิดซ่อนเร้นและต้องการให้เงินสกปรกอยู่ภายใต้การควบคุมของตนเอง ไม่ให้ถูกตรวจสอบได้ว่าได้มาโดยมิชอบ เพื่อจะหาทางใช้ประโยชน์จากเงินสกปรกเหล่านั้น โดยสร้างภาพให้บุคคลภายนอกเข้าใจว่าได้เงินมาโดยชอบด้วยกฎหมาย

 หลักการและสาระสำคัญของกฎหมายฟอกเงิน

          การประกาศใช้ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่จะปราบปรามการฟอกเงินและดำเนินการกับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งเกี่ยวกับการกระทผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สาระสำคัญของการฟอกเงินได้แก่

 ความผิดอาญาฐานฟอกเงิน

          กฎหมายนี้ได้ทำให้เกิดความผิดอาญาฐานใหม่ขึ้นมา เรียกว่า ฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

          (1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพ ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังขณะการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ

          (2) กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะ ที่แท้จริง การได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

http://hilight.kapook.com/view/14992

.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 22:20:46 »

ความผิดมูลฐาน

          ความผิดฐานฟอกเงินต้องเป็นการกระทำต่อเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเพียงบางประเภทเท่านั้น ซึ่งเรียกว่า ความผิดมูลฐาน ได้แก่

          1. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

          2. ความผิดเกี่ยวกับเพศ (เช่น การค้าประเวณีหญิงและเด็ก)

          3. ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน

          4. ความผิดเกี่ยวกับการยักยอกหรือการฉ้อโกงทางธุรกิจในสถาบันการเงิน

          5. ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือ ในการยุติธรรม

          6. ความผิดเกี่ยวกับการกรรโชกหรือรีดทรัพย์

          7. ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร

          8. ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

 ผลกระทบของการฟอกเงิน

          - บางท่านอาจจะคิดว่าการฟอกเงินไม่เกี่ยวข้องกับคนทั่วๆ ไปเลย และเป็นเรื่องของผู้ร้าย เช่น นักค้ายาเสพติด เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล หรือผู้ประกอบอาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆ เท่านั้น

          - ความจริงการฟอกเงิน ที่กระทำโดยองค์กรอาชญากรรมมีผลกระทบต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง เงินที่ฟอกจะถูกใช้ในการค้าขายยาเสพติด การก่อการร้าย การค้าอาวุธและประกอบอาชญากรรมอย่างอื่น หรือแม้แต่การทุจริต ติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือนักการเมือง ทำให้การแผ่ขยายอาณาจักรขององค์กรเหล่าร้าย เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและยากแก่การสกัดกั้นเป็นปัญหา ของประชาคมโลก 

          - ในทางเศรษฐศาสตร์เงินสกปรกที่นำมาในธุรกิจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และตัวเลขแสดงฐานะทางเศรษฐกิจที่บิดเบือนไม่ตรงความเป็นจริง เพราะมีการนำเงินสกปรกเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ทั้งที่เงินเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดผลผลิต หรือการสร้างงานที่ชอบด้วยกฏหมายขึ้นมาเลย 

          - นอกจากผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจดังกล่าวแล้ว การมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับยาเสพติดหรือการฟอกเงิน ย่อมเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างยิ่งในการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศ เปรียบเสมือนปลาเน่าตัวเดียว ที่อาจทำให้เหม็นไปทั้งข้อง แม้ประเทศนั้นจะมีสิ่งดึงดูดใจทางวัฒนธรรม ประเพณี หรือแหล่งท่องเที่ยวมากมายก็ตาม



สามารถอ่านรายละเอียดเเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

http://www.amlo.go.th/amlo_new/

บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 22:21:48 »

แจ้งเตือนภัยฉ้อโกงประชาชน

 
ด้วยปัจจุบันพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบพฤติกรรมที่อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งประเทศไทยหลอกลวงประชาชนว่าเป็นหนี้กับธนาคารให้ทำการชำระหนี้ หากผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มพวกมิจฉาชีพแต่หากประชาชนไม่หลงเชื่อ ทางกลุ่มมิจฉาชีพ ก็จะดำเนินการต่อในขั้นที่ 2 โดยการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ข่มขู่ผู้เสียหายและหากไม่ชำระหนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ตโทรหาประชาชนมีผู้เสียหาย และคาดว่าจะมีการพัฒนาขึ้นอีกในหลายรูปแบบโดยคาดว่าจะมีการแพร่ระบาดอย่างหนักในปีนี้ จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง หากพบการฉ้อโกงลักษณะดังกล่าว จะต้องมีสติไม่หลงเชื่อใครง่ายๆ และสิ่งแรกที่ควรกระทำคือการแจ้งและตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่มีการกล่าวอ้างถึงก่อนดำเนินการใดใด
 
http://www.amlo.go.th/amlo_new/
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #37 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 22:48:32 »

เครดิตบูโร
ที่มา http://www.ncb.co.th/CreditBureau_What.htm


เครดิตบูโรคืออะไร
เรามาทำความรู้จักกับธุรกิจข้อมูลเครดิต หรือ Credit Bureau กันนะคะ Credit Bureau นั้นมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อ และการชำระบัตรเครดิตของบุคคลจากสถาบันการเงินหลายๆ แห่ง เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเมื่อลูกค้าให้ความยินยอมให้สถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลการชำระสินเชื่อ และการชำระบัตรเครดิตของตนในขณะที่ยื่นขอสินเชื่อแล้วนั้น สถาบันการเงินก็สามารถจะเรียกดูข้อมูลดังกล่าวจาก Credit Bureau เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ค่ะ

รายงานข้อมูลเครดิตเก็บข้อมูลใดไว้บ้าง
เครดิตบูโรจะเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลของการชำระสินเชื่อหรือบัตรเครดิต ซึ่งข้อมูลนี้จะประกอบไปด้วย ข้อมูลส่วนที่บ่งชี้ตัวบุคคล เช่น ชื่อ ทีอยู่ เลขประจำตัวประชาชน และอีกส่วนหนึ่งเป็นประวัติการชำระสินเชื่อ และการชำระบัตรเครดิต รวมเรียกว่า "รายงานข้อมูลเครดิต" ค่ะ รายงานข้อมูลเครดิตจะมีการบันทึกและจัดเก็บวงเงินยอดหนี้คงค้าง รวมถึงประวัติการผิดนัดชำระในแต่ละสิ้นเดือนย้อนหลังไม่เกิน 36 เดือนค่ะ ด้วยเหตุนี้แล้ว การชำระสินเชื่อทุกครั้งให้ตรงเวลาจึงเป็นการรักษาเครดิตที่ดีที่สุดคุ่ะ

ประโยชน์จากการจัดเก็บข้อมูล
 การให้สินเชื่อของสถาบันการเงินนั้นมีหลักสำคัญอยู่ที่ว่า ต้องรู้จักลูกค้าให้ดีพอ ในกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อไม่เคยมีประวัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน โอกาสที่จะได้รับสินเชื่อย่อมมีน้อยลง แต่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลเครดิตจะทำให้สถาบันการเงินสามารถรู้จักวินัยทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อได้จากรายงานข้อมูลดังกล่าว เป็นอย่างดี ดังนั้นหากผู้ขอสินเชื่อมีประวัิติการชำระที่ดี การเปิดเผยข้อมูลเครดิตก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อด้วยนะค่ะ อย่างไรก็ดีการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินยังมีองค์ประกอบอื่นที่นำมาพิจารณาร่วมด้วย เช่น รายได้ และหลักประกัน ของผู้กู้ค่ะ

.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 22:50:20 »

เครดิตบูโร
ที่มา http://www.ncb.co.th/CreditBureau_What.htm


ใครมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาดูรายงานข้อมูลเครดิต
   
           นอกจากสถาบันการเงินที่ผู้ขอสินเชื่อได้ให้ความยินยอม จะสามารถเรียกดูรายงานข้อมูลเครดิตเพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อได้แล้ว ผู้ขอสินเชื่อเองก็ยังมีสิทธิ์ที่จะมาขอดูรายงานข้อมูลเครดิตของตนได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ค่ะ โดยการยื่นคำขอได้ที่ส่วนบริหารข้อมูลผู้บริโภค บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ และบริษัทยังได้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น โดยให้ยื่นคำขอผ่านธนาคารนครหลวงไทยทุกแห่งทั่วประเทศก็ได้ค่ะ มีค่าธรรมเนียม 200 บาท ค่ะ (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 ค่าธรรมเนียมลดเหลือ 100 บาท) ทั้งนี้บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติมีหน้าที่เก็บรักษารายงานดังกล่าวเป็นความลับ และไม่สามารถเปิดเผยให้แก่ผู้อื่นใด เว้นแต่ที่กฎหมายกำหนดไว้ค่ะ 

การรักษาความลับ
นอกจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติจะมีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลเครดิตเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งในการพิจารณาสินเชื่อแล้วนั้น บริษัทยังมีหน้าที่ในการรักษาความลับของข้อมูลด้วยนะคะ โดยบริษัทจะเปิดเผยรายงานข้อมูลเครดิตให้แก่สถาบันการเงินที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์สินเชื่อเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้แล้วบริษัทยังมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกทำลาย หรือถูกแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยคุ่ะ ดังนั้นคุณผู้ฟังก็มั่นใจได้เลยนะคะว่า ข้อมูลเครดิตของคุณผู้ฟังจะไม่ถูกนำไปเปิดเผยในทางอื่นใดค่ะ

การติดแบล็กลิส (Black List)
 ท่านคงจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ไม่ได้รับสินเชื่อเพราะติดแบล็กลิสจากเครดิตบูโรใช่ไหมค่ะ จริงๆ แล้ว เครดิตบูโรไม่มีสิทธิ์ในการจัดแบล็กลิสผู้ขอสินเชื่อนะคะ เพราะเครดิตบูโรจะทำหน้าที่รวบรวมประวัติการชำระสินเชื่อหรือบัตรเครดิตของสินเชื่อทุกบัญชีจากสถาบันการเงินตามข้อเท็จจริง ซึ่งสถาบันการเงินใช้ข้อมูลเครดิตเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการพิจารณาสินเชื่อค่ะ เพราะการตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ให้สินเชื่อนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น รายได้ของผู้สมัครสินเชื่อ หลักประกัน บุคคลผู้ค้ำประกัน เป็นต้นค่ะ ในทางกลับกัน หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติการชำระสินเชื่อตรงเวลา ข้อมูลเครดิตก็จะมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ

รายงานข้อมูลเครดิต=รายงานผลการศึกษา
          ท่านอาจเคยสงสัยว่า เหตุใดเมื่อผู้ขอสินเชื่อได้ชำระสินเชื่อที่เคยผิดนัดชำระไปเรียบร้อยแล้ว ประวัติการผิดนัดชำระยังปรากฏอยู่ในรายงานข้อมูลเครดิตอีก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าข้อมูลเครดิตถูกเก็บเป็นประวัติคล้ายกับรายงานผลการศึกษาค่ะ โดยการชำระหนี้ก็เหมือนผลการเรียน ที่จะได้ดีหรือไม่ อย่างไร ก็จะบันทึกตามข้อเท็จจริง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นหากต้องการแก้ไขให้มีประวัติชำระที่ดีขึ้น ก็ต้องชำระหน้าที่ค้างไว้ให้เสร็จสิ้น เพราะจะเป็นเหมือนการสอบซ่อมเพื่อให้มีผลการเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการมีวินัยและความตั้งใจที่ดีนั่นเองค่ะ แต่ทางที่ดีที่สุด ก็คือการไปชำระหนี้ให้ครบถ้วนและตรงเวลาทุกครั้งนะคะ

บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #39 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 22:55:33 »

นำมาฝากกันครับ เรื่องของสำเนาบัตรประชาชน



.

.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
คำค้น:
หน้า:  1 [2] 3 4   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.138 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 29 มีนาคม 2567 13:52:11