[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ จิบกาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 22 พฤษภาคม 2566 17:41:42



หัวข้อ: เสียกรุงศรีฯ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชสำแดงเหตุอาเพศ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 พฤษภาคม 2566 17:41:42
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/91101797256204_111_Copy_.jpg)
ภาพ : ครูเหม เวชกร

พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชสำแดงเหตุอาเพศ

ในฤดูแล้งปลายปี พ.ศ.๒๓๐๙ กองทัพพม่าได้กำลังพลเพิ่มเติมมาอีก ก็เข้าตีค่ายไทยที่ยังตั้งป้องกันพระนครทางด้านเหนือและด้านอื่นอีกบางแห่ง ทุกค่ายก็ตกอยู่ในเงื้อมมือข้าศึกหมด กรุงศรีอยุธยาคงเหลือแต่ตัวพระนครภายในวงกำแพงใหญ่ ซึ่งพม่ารุกประชิดเข้ามารายล้อมรอบตลอดทุกด้าน เสบียงอาหารในพระนครก็เริ่มอัตคัดขาดแคลนเข้าทุกที เกิดโจรปล้นสะดมแย่งชิงกันมิได้ขาด ถึงวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้นสี่ค่ำ ตรงกับวันที่ ๗ มกราคม เวลากลางคืน เกิดไฟไหม้ใหญ่ในพระนคร ตั้งต้นจากท่าทรายริมกำแพงด้านเหนือ กึ่งกลางระหว่างวังจันทร์กับวังหลวง ข้ามคลองข้าวเปลือกมาวัดราชประดิษฐาน ลามลงมาทางตะพานช้าง ติดบ้านเรือนราษฎรที่เป็นตลาดใหญ่ต่างๆ เรื่อยลงมาถึงวัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ จนถึงวัดฉัททันต์เป็นที่สุด เรียกว่าเกือบตลอดคลองข้าวเปลือก (หรือคลองประแจจีน) ซึ่งยาวขวางผ่ากึ่งกลางพระนครตั้งแต่เหนือจดใต้ ไฟไหม้เผาผลาญบ้านเรือนราษฎรกว่า ๑๐,๐๐๐ หลัง ผู้คนพลเมืองก็ยิ่งคับแค้นหนักเข้า อาหารฝืดเคือง มีแต่คนอดอยากผอมโซไปทุกหนทุกแห่ง มิหนำซ้ำยังเกิดโรคระบาดใหญ่ ตามถนนหนทางมีคนนอนตายเกลื่อนกลาด ไม่มีใครฝังใครเผา ปล่อยให้เป็นเหยื่อสุนัขและแร้งกา ยื้อแย่งทึ้งแทะกันไปตามเรื่อง ราษฎรเล็ดลอดหนีออกไปหาพม่าอยู่เรื่อย ๆ ทหารยามตามกำแพงเมืองก็เอาเชือกผูกใบเสมาโหนหย่อนตัวลงไปหาข้าศึก โดยคิดว่ายอมตกไปอยู่ในมือศัตรูเสียดีกว่าที่จะมามัวทนทุกข์ทรมานกับความพินาศฉิบหายที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า!

ในพระบรมมหาราชวังอันงดงามมโหฬารแห่งหนึ่งเรียกว่า โรงแสงใน เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยอดวีรกษัตริย์ขัตติยชาติ พระมหาราชองค์นี้เป็นผู้ปลดแอกพม่าจากไทย สร้างชาติให้เป็นอิสระ สร้างอาณาจักรให้กว้างใหญ่ไพศาล แผ่พระบรมเดชานุภาพจนถึงพม่าต้องยอมคุกเข่าอยู่แทบพระบาท--แล้วเมื่อไทยต้องมาประสบกาลนิโยคอย่างแสนสาหัส เพราะอริราชศัตรูที่พระองค์เคยย่ำเสียจนหือไม่ขึ้นเช่นนี้ พระวิญญาณของพระองค์ซึ่งวนเวียนอยู่กับชาติไทย จะทนดูอย่างไรได้  น้ำพระเนตรก็ไหล แลเปล่งศัพท์สำเนียงเสียงอันดัง กระทืบพระบาทสนั่นไปทั้งสี่ทิศ แน่ทีเดียว
 พระองค์จะต้องแค้น เจ็บช้ำในพระทัยเป็นที่สุด นักพงศาวดารฝรั่งยังกล่าวว่า อย่างนี้ถ้าได้กษัตริย์อย่างสมเด็จพระนเรศวรมาประทับบนราชบัลลังก์แล้ว พม่าจะไม่ได้เห็นกำแพงกรุงศรีอยุธยาเลยเป็นอันขาด!

อนิจจา กรุงศรีอยุธยา ลางวิปริตสังหรณ์หากให้เห็นเป็นไปต่างๆ  พระปฏิมากรวัดพนัญเชิงน้ำพระเนตรไหล พระปฏิมากรทองคำเท่าตัวคนในวัดพระศรีสรรเพชญ พระเนตรทั้งสองหลุดลงมาอยู่บนหน้าตัก กาตีกันในท้องฟ้ากลางเมือง ตัวหนึ่งบินถาลงมา หน้าอกเสียบติดอยู่กับยอดพระเจดีย์วัดมหาธาตุ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้างหวั่นไหวหลายครั้งหลายหน สั่นขวัญประชาราษฎร์ น่าอเนจอนาถสยดสยองเป็นที่สุดที่แล้ว!


ที่มา... มูลนิธิเหม เวชกร (ประวัติ เเละ วรรณคดีไทย) ชัยพฤกษ์ ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๑๕ ออก ๑ สิงหาคม ๒๕๐๑
ต้นฉบับโดยความเอื้อเฟื้อจาก "เฮียเก๋า" คุณเจริญ ว่องกิจไพศาลกุล ร้านหนังสือแสงเจริญ
เรื่อง -  ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์)
ภาพวาด - ครูเหม เวชกร