[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 24 มกราคม 2553 23:17:58



หัวข้อ: กรำทุกข์เหนือทุกข์ ยอดคนเหนือคน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 24 มกราคม 2553 23:17:58
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/budda33.jpg)


http://www.mahaparamita.com/music.mp3



สัจธรรมนำสู่มาตุภูมิ


ตอนที่ 5.1 ......กรำทุกข์เหนือทุกข์ ยอดคนเหนือคน


ชาว โลกทุกคนล้วนต้องการมีชีวิตที่สุขสบาย ล้วนมีความปรารถนาในบุญวาสนา และอยากดื่มด่ำในยศถาบรรดาศักดิ์ ในทางตรงกันข้าม ที่ไม่มีใครต้องการมีชีวิตที่ทุกข์ระทม หรือปรารถนาในการถูกจองเวรจองกรรม หรืออยากขมขื่นอยู่กับความยากจนต่ำต้อย ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อความสุขสมหวังในการดำรงชีวิต ต้องลำบากตรากตรำเพื่อลาภยศชื่อเสียง โดยหารู้ไม่ว่า ท่ามกลางความสุขสบายนั้นมีความทุกข์เวทนาที่ซ่อนเร้นอยู่ ในขณะที่ไขว่คว้าหาความสำราญนั้นมีสัญญาณเตือนภัยที่คอยบ่งชี้ถึงภยัน อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ฉะนั้นดังที่ว่า สุขยิ่งมาก ทุกข์ยิ่งเยอะ สำราญยิ่งเยอะ ภัยยิ่งร้อนแรง ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนมีบุญวาสนาได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เป็นถึงลูกของมหาเศรษฐีที่ได้รับการทนุถนอมตามใจจนเสียคน ไม่เคยตรากตรำผ่านร้อนผ่านหนาว จึงไม่เข้าใจและเห็นใจความลำบากลำบนในการสร้างฐานะของบรรพชนทุกมื้อกินแต่ อาหารเลิศรสราคาแพง ถนอมเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ทำมาจารผ้าแพรผ้าไหมราคาสูงเกินความจำเป็น ทุกวันคืนได้แต่เที่ยวเตร่ดื่มเหล้าเมายา สำส่อนตามบาร์ตามไนท์คลับ สนุกสนานจนลืมกลับบ้าน ซ้ำยังหลงผิดคิดว่า นี่แหละคือความสุข ? หารู้ไม่ว่า สุข ที่ว่านี้ไม่มีจีรังยั่งยืน เนื่องจากทรัพย์สินเงินทองต่อให้มากมายก่ายกองก็มีวันใช้หมด ถ้ามีแต่ใช้ออกไปไม่รู้จักหาเข้ามาชั่วพริบตาก็สิ้นเนื้อประดาตัว หรือเลวร้ายกว่านั้นอาจจะติดโรคซิฟิสิลตามมาด้วย ทำให้จากเดิมเป็นนายน้อยที่ใหญ่โตกลับกลายมาเป็นยาจกต่ำต้อย เมื่อถึงเวลานั้น ความสุขที่ว่าไม่รู้หายลับไปไหนแล้ว ! หรือบางคนอาจจะได้เป็นขุนนางใหญ่โต มีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง อยู่ใต้บัญชาของฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียวแต่เป็นผู้สั่งการคนนับหมื่นนับแสน ทั่วปฐพี เรียกได้ว่า "หนึ่งบัญชา มวลประชาขานรับ ความอลังการยิ่งใหญ่นี้คิดว่าเป็นความสุข ? แต่ถ้าลองย้อนไปดูเหตุการณ์การกบฎในสมัยของเจ้าเมืองฉีเหิงกง ที่ราชสำนักต้องกลายมาเป็นสนามรบ จนในที่สุดทำให้กังฉินเผินปี่ต้องถูกสังหารโหด ชื่อเสียงที่เน่าเฟะทำให้ศพไร้ผู้คนเหลียวแลไม่มีใครช่วยฝัง... หรือต่อให้เป็นถุงฮ่องเต้ก็ตาม หากขาดซึ่งราชธรรม ทำให้ราษฎรต้องขุ่นเคืองใจ หรือนำสงครามความหายนะมาสู่บ้านเมือง สร้างความกลัดกลุ้มที่คอยรุมร้าวใจทุกวันคืน หากเป็นเช่นนี้แล้วจะไปแสวงหาความสุขได้ที่ไนกัน ? อย่างนี้ไม่เรียกว่า สุขสิ้นทุกข์เกิด หรอกหรือ ? ฉะนั้น คำว่า สิ้นสุขทุกข์เกิด ก็มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว องค์ศากยมุนีพุทธเจ้า พระองค์ทรงมีพระปรีชาญาณอันยิ่งใหญ่ พระองค์ได้เข้าถึงในสังขตธรรม (สิ่งทั้งปวงที่ปรุงแต่งขึ้น) ทั้งปวงที่ไม่ใช่ของตน จึงได้ตั้งความมุ่งมั่นที่จะได้ออกแสวงหามหาธรรมเพื่อหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงยอมสละราชสมบัติ ละทิ้งพระมเหสีและพระโอรส จาริกตามป่าเขาถ้ำลึก เดินทางเป็นพันลี้เพื่อแสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ หมิ่นลี้เพื่อแสวงหาสัจคาถา ยอมนอนกลางดินกินกลางทราย บำเพ็ญทุกรกิริยานานหลายปี หรือที่หลายคนเรียกว่าเป็นความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง ! นอกจากนี้ ยังมีพระธิดาเมี่ยวซ่านที่ทรงออกบำเพ็ญธรรมโดยไม่ยึดติดกับฐานันดรศักดิ์ทางโลก.... และยังมีมหาเทพเหอเซียนกู ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดเซียนที่ไม่โลภใน.................................


หัวข้อ: Re: กรำทุกข์เหนือทุกข์ ยอดคนเหนือคน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 24 มกราคม 2553 23:21:26
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/budda33.jpg)


ทรัพย์ ทางโลก ยินยอมตัดขาดจากโลกภายนอก เพื่อบำเพ็ญทุกรกิริยา ได้รับการเคี่ยวกรำอย่างแสนสาหัส ถึงแม้จะเป็นกุลสตรีที่สูงศักดิ์แต่ก็ต้องลำบากตรากตรำทำงานหนักยอมสละชีวิต ที่สุขสบายมาเป็นชีวิตที่ธรรมดาเรียบง่าย ทนทุกข์ในการบำเพ็ญเพียรนานกว่าสิบปี อย่างที่หลายต่อหลายคนเรียกว่าเป็นความทุกข์นั่นเอง !! ส่วนท่านขงจื่อก็ไม่ต่างจากผู้บำเพ็ญที่กล่าวมาเบื้องต้น พระองค์ต้องเดินทางขึ้นเขาลงห้วยเป็นหมื่นลี้เพียงเพื่อน้อมขอคำแนะนำในหลัก จริยาต่อท่านเหลาจื่อ ยอมสละตำแหน่งขุนนาง จาริกตามหัวเมืองโดยมุ่งที่จะเผยแผ่ธรรมยังทั่วหล้าในที่สุดต้องถูกผู้ที่ ไม่หวังดีปิดล้อมให้อดอาหารระหว่างเมืองเฉินและเมืองไช่นานถึงเจ็ดวัน แม้นชีวิตจะตกอยู่ในภยันอันตรายถูกผู้คนหัวเราะถากถาง ได้รับความอับอายขายหน้า กระทั่งสำนักสอนหนังสือส่วนตัวก็ถูกทำลายจนสิ้น แต่พระบรมครูท่านนี้ก็ยังสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาต่อไปมิได้ลดหย่อน ในช่วงบั้นปลายได้เดินทางกลับที่เมืองลู่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน นำพาชี้แนะทางธรรม จัดตั้งสถานการศึกษาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับการศึกษาถ้วนหน้า จนทำให้ศิษยานุศิษย์กว่า 3000 คนในบรรดานี้มี 72 คนซึ่งจัดเป็นเมธี นอกจากนี้ท่านขงงจื่อยังได้รจนาคัมภีร์ซือจินที่ว่าด้วยกาพย์กลอนต่างๆ และได้กำหนดแบบแผนจริยา และการดนตรี ผลักดันประเพณีอันดีงามแต่โบราณในสมัยราชวงศ์โจว ประพันธ์พงศาวดารชุนชิว วิถีชีวิตเช่นนี้ที่หลายคนว่าเป็นชีวิตที่ทุกข์ลำเค็ญ ! ! ! นอกจากนี้ยังมี พระภิกษุเสินกวง พระสังฆปริณายกองค์ที่ 2 ถึงแม้พระองค์จะเทศนาธรรมนานถึง 49 ปี แต่เนื่องจากไม่ได้รับการแนะนำจากพระวิสุทธิอาจารย์ ชี้จุดถ่ายทอด หลักวิถีจิตแห่งธรรมญาณ ไม่สามารถล่วงรู้ที่สถิตของ "หนึ่งจุดแห่งหมื่นธรรมวิถี" และไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่า ต้นจิต อยู่ที่ใด ? จึงต้องกราบขอการชี้แนะจากพระบรรพจารย์โพธิธรรมที่วัดเส้าหลินท่ามกลางหิมะ ที่หนาวเหน็บ ยอมแม้กระทั่งตัดแขนตัวเองเพื่อแสดงปณิธานอันแน่วแน่ ตัวอย่างเช่นนี้ที่หลายต่อหลายคนเรียกว่าเป็นความทุกข์อันมหันต์ ! ! ! ! มีข้อความที่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า : "เมื่อไม่รู้ว่า "หนึ่ง" สถิตอยู่ที่ใด จึงดลใจให้ก้มกราบพระโพธิธรรม ตรากตรำที่เส้าหลินเพื่อการใด เพื่อดลใจขอเบิก "จุด" หลุดพ้นเอย ! ยังมีพระบรรพจารย์ชิวฉางชุนที่ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยาในสมัยนั้นเช่นกัน ตั้งแต่พระอาจารย์หวังฉงหยังได้ละสังขารกลับคืนไป นักพรตชิวฉางชุนก็ได้แยกทางกับศิษย์ผู้พี่ ในตอนนั้นยามค่ำคืนไม่มีแม้ชายคาให้พักพิง ไม่มีเพื่อนจริงมาคอยชี้แนะให้กำลังใจ หรือใครเลยที่จะมาสงสารและเห็นใจ ต้องระหกระเหินเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ บ่อยครั้งที่ต้องอดอาหารไม่มีอันจะกินเกือบถึงตาย สภาพเช่นนี้ ที่หลายคนเรียกว่าเป็นความทุกข์แบบสุด ๆ ! ! ! ! อย่างไรก็ตาม ถ้าเราลองมาพินิจพิจารณาให้ถี่ถ้วน เราจะเห็นได้ว่า องค์ศากยมุนีสำเร็จเป็นพระพุทธะเนื่องจากการบำเพ็ญทุกรกิริยา พระธิดาเมี่ยยวซ่านกรำทุกข์จึงส่งผลให้บรรลุเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม ส่วนมหาเทพเหอเซียนกูเพราะยอมทนทุกข์ลำบากก็ได้สถิตนามเป็นหนึ่งในแปดเซียน ทางด้านท่านขงจื่อก็ได้รับการเทิดทูนให้เป็นพระอริยเจ้าเพราะการที่สามารถทน ต่อความทุกข์ได้ นอกจากนี้ความทุกข์ที่ว่านี้ยังทำให้พระภิกษุเสินกวงได้สำเร็จธรรมอีก และนักพรตชิวฉางชุนก็กรำทุกข์จนบรรลุเป็นเทพจองหงวนด้วย จะเห็นได้ว่า พุทธอริยเจ้าผู้บำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุมรรคผลทางธรรมทุกๆ พระองค์ที่กล่าวมานี้ ล้วนประสบกับความสำเร็จเนื่องจากการเคี่ยวกรำที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสทั้งสิ้น ลองสังเกตดูว่า ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันมีพระพุทธอริยเจ้าองค์ใดบ้างที่.............................


หัวข้อ: Re: กรำทุกข์เหนือทุกข์ ยอดคนเหนือคน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 24 มกราคม 2553 23:24:38
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/budda33.jpg)


สำเร็จ ธรรมได้พร้อมกับความสุขสำราญ ? เชื่อว่าไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน ! ! ! เพราะเหตุนี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายที่ได้รับวิถีธรรมและที่กำลังบำเพ็ญธรรม เมื่อได้รับวิถีอนุตตรธรรมอันเป็นพระสัทธรรมแท้ และเป็นการถ่ายทอดหลักธรรมญาณจริงแล้ว ก็ควรที่จะกำหนดความมุ่งมั่นที่จะบำเพ็ญจริงปฏิบัติแท้ หากต้องการที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้น ก็ต้องทนทุกข์ในความลำบากตรากตรำ เน้นหนักงานทางธรรมเบาบางงานทางโลก เช้า สาย บ่าย ค่ำไม่ห่างจากธรรมแท้ และยังสามารถบำเพ็ญตน สำรวมจิต และเสริมสร้างคุณธรรม ควรรู้ว่าความเยื่อใยผูกพันทางโลกล้วนไม่ยั่งยืนนานถึง 70 ปี ก็เท่ากับละเวลาเพียงแค่ 25,000 กว่าวันเท่านั้นเอง ! ยิ่งกว่านั้นชีวิตมนุษย์เป็นอนิจจัง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทุกขณะ วันนี้ไม่อาจล่วงรู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ได้ วันนี้ถอดรองเท้าเข้านอนไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะลงจากเตียงมาใส่รองเท้าอีกได้ หรือเปล่า ! เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรอาศัยชีวิตมนุษย์ที่แสนสั้นนี้แสวงหาหนทางเพื่อหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ และหากต้องการหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ก็ต้องกำหนดความมุ่งมั่นทางธรรม ก็ต้องได้รับวิถีธรรม บำเพ็ญธรรม ปฏิบัติธรรม ผู้บำเพ็ญธรรมไม่ควรถูกวัตถุตัณหาครอบงำ ไม่ควรถูกรูปเสียงล่อลวงไป ทุกกิริยาวาจาตลอดจนทุกข์อิริยาบถต้องสอดคล้องตามหลักธรรม ประคองรักษาจิตมุ่งมั่นทางธรรมให้มั่นคง ก้าวเดินไปยังเป้าหมายคือ แดนอนุตตรภูมิ จงจำเอาไว้ว่า "ธรรมจริงทวนกระแส แท้ขึ้นบน เฉกเช่นการขึ้นบันได แต่ละขั้นที่ต้องมีความระมัดระวัง และมีความอดทนฉันใดก็ฉันนั้น ตราบใดที่ยังไม่ถึงเป้าหมายก็อย่าได้ย่อท้อไม่หย่อนยานในปณิธาณความมุ่งมั่น วิริยะบำเพ็ญเพียรมุ่งหน้าต่อไป สร้างบุญบรรลุมรรคผล ในมงคลสมัยยุคสามนี้ เป็นโอกาสทองที่จะได้สำเร็จเป็นเทพเซียนพุทธอริยเจ้า ขอกล่าวเตือนด้วยความจริงใจให้ยอมทนเหน็ดเหนื่อยเพื่อธรรมะ ยอมบุกเบิกฉุดช่วยเวไนยเพื่ธรรมะยอมคิดการล่วงหน้าเพื่อการอนุเคราะห์เวไนย ประกาศความวิเศษแยบยลของวิถีธรรม บังเกิดความเมตตาร่วมพายนาวาช่วยเหลือ คนเดิม ทั่วสารทิศ จวบจนมรรคพร้อมผลพูนรอสนองพระบัญชาให้พุทธอริยามานำพากลับคืนเบื้องบนร่วม ประชุมอริยะหลงฮว๋า กราบเฝ้าทวยเทพเซียน ดื่มสุราทิพย์กินเซียนท้อ ไม่มีการเกิดไม่มีการดับ ทุกข์สิ้นสุขเกิด อิสระไร้พันธนาการ ท่องทั่วอนุตตรภูมิ อยู่ยงเป็นคนเหนือคนตลอดชั่วกาลนาน..............................

เครดิตจาก.......................วิถีอนุตรธรรม