Rocket Media Lab สำรวจปรากฏการณ์ทัวร์ลง ครึ่งปีหลัง 202 แค่ชาวเน็ตทะเลาะกัน หรือมากกว่านั้น
<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-08-22 21:15</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="summary-box">
<ul>
<li>แม้จะพบทัวร์ลงในหมวดหมู่บันเทิงมากที่สุด แต่ทัวร์กลับมีการใช้แนวคิดทางสังคมหลากหลายในการโต้ตอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ เช่น กรณีของดีเจภูมิกับเรื่องส้มตำจานละ 600 บาทที่ออสเตรเลีย หรือกรณีของโตโน่กับเรื่องการใช้อุโมงค์ว่ายน้ำที่จุฬาฯ</li>
<li>ปรากฏการณ์ทัวร์ลง 177 เรื่องอยู่ในหมวดบันเทิงมากที่สุด แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบ จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องทัศนคติทางการเมืองมากที่สุด อาจกล่าวได้ว่า เรื่องทัศนคติทางการเมืองจึงอาจจะเป็นชนวนถกเถียงที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ทัวร์ลงมากที่สุดก็ว่าได้ </li>
<li>ลักษณะคอมเมนต์ที่พบมากที่สุดคือการล้อเลียน/เสียดสี ทำให้เป็นเรื่องตลกขบขัน ซึ่งเป็นการปกป้องตนเองจากการถูกฟ้อง และยังแสดงให้เห็นลักษณะของปรากฏการณ์ทัวร์ลงที่ไม่ได้นำไปสู่ปฏิบัติการใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม ดังเช่น Cancel Culture </li>
<li>แม้เส้นทางของขบวนรถทัวร์เกิดขึ้นที่ต้นเรื่องมากที่สุด แต่เมื่อพิจารณาจาก ‘การชี้ช่อง’ ทั้ง ทัวร์ลงที่ต้นเรื่องจากการชี้ช่องและทัวร์ลงในพื้นที่ที่มีการชี้ช่องรวมกัน จะเห็นได้ว่ามีจำนวนมากกว่า ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ปรากฏการณ์ทัวร์ลงอาจเกิดจากการแพร่กระจายของเนื้อหาโดยการ ‘ชี้ช่อง’ มากที่สุด</li>
</ul>
</div>
<p>ปรากฏการณ์ ‘ทัวร์ลง’ เป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นบนสังคมโซเชียลมีเดียทั้งของไทยและโลก อันมาพร้อมกับความเคลื่อนไหวที่เรียกว่า Cancel Culture หรือวัฒนธรรมการ ‘แบน’ ที่เพิ่งจะก่อตัวและแพร่หลายหลังเหตุการณ์ #MeToo ซึ่งเริ่มต้นจากการแสดงออกเพื่อต่อต้านการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในวงการฮอลลีวูด ในไทยเองมีการนิยามคำว่า ‘ทัวร์ลง’ ในวิกิพจนานุกรม พจนานุกรมเสรีที่ดำเนินการโดยมูลนิธิวิกิมีเดีย ไว้ว่า “โดนคนรุมแสดงความเห็นเชิงลบในสื่อสังคม” อย่างไรก็ตาม ลักษณะ โครงสร้าง และข้อสังเกตที่น่าสนใจในปรากฏการณ์ทัวร์ลงที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียของไทยยังไม่ค่อยมีการศึกษามากนัก จากบทความเรื่อง
‘ทัวร์ลง’ ในกรุงเทพธุรกิจ โดย นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ให้นิยามของปรากฏการณ์ทัวร์ลงไว้คร่าวๆ ว่า </p>
<p> </p>
<p>“ทัวร์ลง ซึ่งก็คือการที่ผู้เล่นหรือผู้ใช้สื่อดิจิทัลสมัยใหม่โดยเฉพาะในทวิตเตอร์จำนวนมากเข้ามาโพสต์และ/หรือมาดู รูป วิดีโอ และเขียนความคิดเห็น และเขียนความคิดเห็น ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นที่สนใจในสังคมขณะนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นประเด็นที่คนที่อยู่ในกลุ่มรู้สึกไม่พอใจและอยากที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จำนวนของคนที่เข้าไปดู คุยกันหรือคอมเมนต์นั้นจะต้องมีจำนวนมาก และมักจะติดอันดับสูงที่สุด 10 อันดับ ในขณะนั้น ส่วนประเด็นที่เกิดขึ้นก็มักจะเป็นเรื่องทางการเมืองและสังคมที่เป็นเรื่อง Controversy คือมีความเห็นที่แตกต่างกันสูงในสังคมของไทย” </p>
<p>ในขณะที่กล้า สมุทวณิช เขียนบทความ
เหรียญสองหน้าของปรากฏการณ์ ‘ทัวร์ลง’ ในมติชน โดยกล่าวว่าปรากฏการณ์ทัวร์ลงเป็นสายธารของสิ่งที่เรียกว่า ‘ดราม่า’ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่น่าสนใจก็คือ </p>
<p>“ปรากฏการณ์ทัวร์ลง ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือ หรืออาวุธของคนตัวเล็กตัวน้อย ประชาชนธรรมดาที่รวมกลุ่มกันได้เป็นกลุ่มใหญ่ โดยไม่ได้นัดหมาย จนมีพลังแรงพอที่จะสอดส่อง ทักท้วง ติติงผู้ใช้อำนาจรัฐและการใช้อำนาจรัฐทุกระดับให้ต้องฟังเสียงประชาชนเพื่อทบทวนได้ หรือแม้กระทั่งกับทุนใหญ่หลายเจ้าก็ยังต้องเกรงใจคณะทัวร์ชาวเน็ตนี้</p>
<p>“...อาจจะช่วยป้องปรามการแสดงออกที่ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น หรือไม่เคารพในคุณค่าที่สังคมปัจจุบันยอมรับ เช่นการเล่นตลกทางเพศ การเหยียดผิวเหยียดเพศ (ที่บางครั้งมาในรูปของโฆษณาคิดสั้น) รวมถึงการละเมิดสิทธิของผู้คนในเรื่องต่างๆ หรือการลุแก่อำนาจของผู้มีสถานะและอำนาจเหนือกว่าที่ปกติแล้วไม่เคยถูกตรวจสอบ…”</p>
<p>“...ทัวร์ลง ยังช่วยยับยั้งการกระทำที่ไม่เข้าท่าของคนบางประเภทที่อยากดังด้วยวิธีลัด ก็สร้างคอนเทนต์หรือถ่ายคลิปประเภทเรียกร้องความสนใจ เช่น การกลั่นแกล้งก่อความเดือดร้อนในสังคม หรือแม้แต่การรังแก หรือทารุณกรรมสัตว์เพื่อเรียกยอดไลค์ คอนเทนต์ หรือคลิปประเภทนี้ หากมีคนไปเป็นและแชร์กันจนทัวร์มาเยือน ก็อาจจะทำให้มนุษย์อยากดังพวกนี้ดับอนาถต้องปิดเพจหนี หรืออาจจะถูกดำเนินคดีเลยก็ได้ หากการนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมายอาญาสักเรื่องสักบทหนึ่ง”</p>
<p>เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ทัวร์ลงที่นับวันจะมีมากขึ้นจนเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย Rocket Media Lab จึงเก็บข้อมูลรวบรวมปรากฏการณ์ทัวร์ลงที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2565 จนถึง 31 ธันวาคม 2565 รวมเป็นเวลา 193 วัน (6 เดือน 10 วัน) และนำมาจัดหมวดหมู่ โครงสร้าง ลักษณะ และแยกรายละเอียดต่างๆ เพื่อสำรวจปรากฏการณ์ที่เรียกว่าทัวร์ลงในโซเชียลมีเดียในไทยให้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น </p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>ดูข้อมูลพื้นฐานที่นี่
https://rocketmedialab.co/database-controversial-issue</li>
</ul>
</div>
<p>‘ทัวร์ลง’ ในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมาก หรือจำนวนมากผิดปกติจากที่พื้นที่นั้นเคยมีอยู่ เข้ามาเพื่อคอมเมนต์ในเชิงต่อต้าน ด่าทอ เสียดสีหรือคอมเมนต์ในเชิงลบ ในประเด็นที่มีการโต้เถียงกัน จากผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้งที่มีส่วนได้เสียหรือไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเด็นนั้น ที่เกิดขึ้นบนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ติ๊กต็อก อินสตาแกรม ยูทูบ และเว็บบอร์ด</p>
<p>ในช่วงเวลาที่เก็บข้อมูล สามารถรวบรวมสิ่งที่เรียกว่า ‘ทัวร์ลง’ ได้ 177 เรื่อง จากนั้นนำเอา 177 เรื่องนี้มาแบ่งหมวดหมู่ของเรื่อง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 8 หมวด ได้แก่ </p>
<p>1. หมวดบันเทิง เป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลปินดารานักร้อง บุคคลในวงการบันเทิง รวมไปถึงผู้มีชื่อเสียงในโลกโซเชียลมีเดีย </p>
<p>2. หมวดการเมือง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง </p>
<p>3. หมวดสังคม เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิต การปฏิสัมพันธ์ และบรรทัดฐานทางสังคมต่อเหตุการณ์ต่างๆ </p>
<p>4. หมวดธุรกิจ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการบริการ </p>
<p>5. หมวดการศึกษา เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทั้งในสถานศึกษาและแนวคิดทางวิชาการ </p>
<p>6. หมวดวัฒนธรรม เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ ศีลธรรม วัฒนธรรมต่างๆ </p>
<p>7. หมวดวิทยาศาสตร์/การแพทย์ เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ การแพทย์ สาธารณสุข</p>
<p>8. หมวดนโยบายรัฐ เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะ ที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น </p>
<p>เมื่อแยกหมวดหมู่ของเรื่องจากทั้ง 177 เรื่องที่ทำการเก็บข้อมูลได้แล้ว จากนั้น Rocket Media Lab ได้สำรวจแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบจากโพสต์ที่โดนทัวร์ลง โดยสามารถจำแนกออกเป็น 16 แนวคิด คือ </p>
<p>1. ทัศนคติทางการเมือง เป็นเรื่องมุมมองด้านทัศนคติทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน เชียร์คนละพรรค หรือเชียร์คนละนโยบาย หมายรวมถึงบุคคลทางการเมืองด้วย </p>
<p>2. ความเหมาะสม เป็นมุมมองต่อการกระทำที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียมองว่าเหมาะสมหรือไม่ สิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ </p>
<p>3. ความเหลื่อมล้ำ เป็นการถกเถียงเรื่องความไม่เท่าเทียมในสังคมทั้งด้านเศรษฐกิจ ชนชั้น การศึกษา </p>
<p>4. ปกป้องบุคคลที่ชื่นชอบ เป็นการแสดงความเห็นปกป้องบุคคลที่ชื่นชอบไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในแวดวงใดก็ตาม </p>
<p>5. จรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นการตั้งคำถามกับความประพฤติที่ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องประพฤติปฏิบัติให้เหมาะสม ไม่ผิดแก่จรรยาบรรณของตน </p>
<p>6. ทัศนคติทางเพศ เป็นการตั้งคำถามต่อมุมมองทางเพศของบุคคล </p>
<p>7. สิทธิมนุษยชน เป็นการตั้งคำถามต่อมุมมองเรื่องสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน </p>
<p>8. ส่อทุจริต เป็นการตั้งข้อสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากลในการประกอบธุรกิจ หรือการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ</p>
<p>9. ความเห็นไม่ตรงกัน เป็นเรื่องการถกเถียงกันของกลุ่มคนที่มีฐานคิดของข้อถกเถียงที่ต่างกันในประเด็นนั้นๆ </p>
<p>10. anti-woke เป็นแนวคิดที่ต่อต้านกระแสการตื่นตัวต่อเรื่องอคติและการเลือกปฏิบัติในสังคม โดยมองว่าเป็นแนวคิดที่ล้นเกิน </p>
<p>11. ความโปร่งใส เป็นการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการดำเนินกิจกรรมหรือนโยบายของรัฐ </p>
<p>12. ชาตินิยม เป็นการถกเถียงกันภายใต้แนวคิดชาตินิยม </p>
<p>13. ศาสนา/ความเชื่อ/ศีลธรรม เป็นการถกเถียงกันเรื่องศาสนา ความเชื่อ หรือความประพฤติที่มีศาสนามาเกี่ยวข้อง </p>
<p>14. ทัศนคติทางเชื้อชาติ เป็นการถกเถียงต่อการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยแบ่งแยกเชื้อชาติ ในที่นี้รวมไปถึงการแบ่งแยกตามตามภูมิศาสตร์ของประเทศ เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคกลาง </p>
<p>15. วิทยาศาสตร์ ในที่นี้เป็นการถกเถียงเรื่องของการแพทย์ วิทยาศาสตร์ สาธารณสุข เรื่องสุขอนามัยต่างๆ</p>
<p>16. สิ่งแวดล้อม ในที่นี้เป็นการถกเถียงเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างฉลาด อาทิ ใช้ให้น้อยแต่คุ้มค่า ใช้ให้เหมาะสม ใช้อย่างมีเหตุผล </p>
<p>จากนั้นก็สำรวจลักษณะคอมเมนต์ที่เกิดขึ้นในโพสต์ที่โดนทัวร์ลงทั้ง 177 เรื่อง โดยสามารถแบ่งลักษณะคอมเมนต์ออกเป็น 4 แบบ คือ </p>
<p>1. ล้อเลียน/เสียดสี หมายถึง การที่ทัวร์เข้ามาคอมเมนต์ในเชิงล้อเลียน เสียดสี ยั่วเย้า หรือประชดประชันต่อผู้ถูกทัวร์ หรือต่อเหตุการณ์นั้นๆ </p>
<p>2. ด่าทอด้วยคำหยาบคาย/ตำหนิติเตียน หมายถึง การที่ทัวร์เข้ามาด่าทอ ตำหนิ ผู้ถูกทัวร์ด้วยคำหยาบคาย</p>
<p>3. สนับสนุน/ปกป้อง หมายถึงการที่ทัวร์เข้ามาคอมเมนต์ปกป้องบุคคลในเหตุการณ์ หรือคอมเมนต์เชิงสนับสนุนบุคคลในเหตุการณ์ที่มีทัวร์ลงเกิดขึ้น</p>
<p>4.โต้เถียงด้วยเหตุผล/ยกเหตุผลเพื่อมาลบล้างหลักการ หมายถึง การที่ทัวร์เข้ามาโต้แย้งเหตุการณ์ หรือประเด็นนั้นๆ ด้วยเหตุผล หรือหลักการอื่นๆ ที่ไม่ใช่หลักการเดียวกันกับต้นโพสต์ </p>
<p>จากนั้น ยังได้สำรวจปฏิกิริยาของผู้ที่ถูกทัวร์ลง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 6 แบบ ดังนี้</p>
<p>1.ไม่ได้ทำอะไร หมายถึง ผู้ที่ถูกทัวร์ลงไม่ได้ออกมาชี้แจง อธิบาย หรือแก้ไขใดๆ เพียงปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นและจบลงไปเฉยๆ</p>
<p>2. ออกมาอธิบาย/ชี้แจง หมายถึง ผู้ที่ถูกทัวร์ลง ออกมาเขียนอธิบายหรือชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น ในที่นี้หมายถึงการเขียนโพสต์ใหม่เพื่ออธิบายเหตุการณ์โดยเฉพาะ หรือไลฟ์สดอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ</p>
<p>3. ลบ/แก้ไข/ปิดคอมเมนต์ หมายถึง ผู้ที่ถูกทัวร์ลงออกมาลบ แก้ไข และปิดคอมเมนต์โพสต์ที่เป็นต้นตอของสิ่งที่ทำให้เกิดทัวร์ลง </p>
<p>4. ออกมาขอโทษ หมายถึง ผู้ที่ถูกทัวร์ลงออกมาเขียนโพสต์ ไลฟ์สด อัดคลิป หรือแถลงข่าวขอโทษ โดยในที่นี้นับเฉพาะกรณีที่ระบุคำขอโทษ และกรณีที่มีการยอมรับผิด </p>
<p>5. มีการฟ้องร้องกัน หมายถึง ผู้ที่ถูกทัวร์ลงฟ้องร้องคู่กรณี รวมไปถึงถูกจับกุม หรือถูกดำเนินคดีด้วย</p>
<p>6. ยกเลิก/ลาออก หมายถึง เหตุการณ์ที่ถูกทัวร์ลงนั้น มีการยกเลิกงาน หรือมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ</p>
<p>สุดท้าย คือการสำรวจเส้นทางการมาของทัวร์ว่ามีรูปแบบอย่างไร โดยสามารถจำแนกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ </p>
<p>1. ทัวร์ลงที่ต้นเรื่อง หมายถึง บุคคลต้นเรื่องก่อให้เกิดทัวร์ลงด้วยตนเอง โพสต์เอง และภายหลังทัวร์ลงที่โพสต์นั้น </p>
<p>2. ทัวร์ลงที่ต้นเรื่องจากการชี้ช่อง หมายถึง บุคคลต้นเรื่องโพสต์หรือทำบางสิ่งบางอย่าง ต่อมามีบุคคลหรือสื่อนำเรื่องราวไปขยายต่อ ทัวร์จึงกลับมาหาบุคคลต้นเรื่องหรือโพสต์นั้นๆ </p>
<p>3. ทัวร์ลงในพื้นที่ที่มีการชี้ช่อง หมายถึง มีบุคคลหรือสื่อนำเรื่องราวไปรายงาน/เขียนถึงในที่สาธารณะ ต่อมามีทัวร์ไปลงในพื้นที่ที่มีการเขียนรายงานถึง </p>
<p>4. ทัวร์ลงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับต้นเรื่อง หมายถึง มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ทัวร์ไม่ทราบพื้นที่ส่วนตัวของบุคคลที่จะถูกทัวร์ลง ต่อมาทัวร์จึงไปลงในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับคนที่เป็นต้นเรื่องแทน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทัวร์ลงหมวดบันเทิงมากที่สุด แต่ใช่ว่าคนไทยบ้าดารา</span></h2>
<p>หมวดหมู่ทั้งหมดที่พบในปรากฏการณ์ทัวร์ลง จำนวน 177 เรื่อง</p>
<p style="margin: 0in 0in 8pt; text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53134457574_246e073a39_b.jpg" /></p>
<p>จากปรากฏการณ์ทัวร์ลงทั้ง 177 เรื่อง เมื่อนำมาแยกหมวดหมู่พบว่ามีหมวดบันเทิงมากที่สุด จำนวน 61 เรื่อง คิดเป็น 34.46% รองลงมาอยู่ในหมวดการเมือง จำนวน 38 เรื่อง คิดเป็น 21.47% ตามมาด้วยหมวดสังคม 35 เรื่อง คิดเป็น 19.77% โดยหมวดที่น้อยที่สุดที่พบคือเรื่องนโยบายรัฐ พบเพียง 3 เรื่อง คิดเป็น 1.69%</p>
<p>ในหมวดบันเทิงซึ่งมีทัวร์ลงมากที่สุด พบว่าแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบมากที่สุดคือปกป้องบุคคลที่ชื่นชอบ จำนวน 14 เรื่อง รองลงมาคือ ความเหมาะสม 11 เรื่อง ตามมาด้วย ความเหลื่อมล้ำ 9 เรื่อง โดยแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบน้อยที่สุดคือเรื่องความโปร่งใส จำนวน 1 เรื่อง ศาสนา/ความเชื่อ/ศีลธรรม 1 เรื่อง สิ่งแวดล้อม 1 เรื่อง และสิทธิมนุษยชน 1 เรื่อง</p>
<p>ตัวอย่างทัวร์ลงในหมวดบันเทิงที่ใช้แนวความคิดปกป้องบุคคลที่ชื่นชอบในการโต้ตอบ เช่น ข่าวอิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 หนีเที่ยวสิงคโปร์โดยไม่บอกต้นสังกัด โดยหลังจากเจ้าของเวทีมิสแกรนด์ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ไลฟ์ขอให้ผู้ที่พาอิงฟ้าไปหยุดการกระทำดังกล่าว แฟนคลับของนางงามต่างเข้าไปทัวร์ลงบนอินสตาแกรมของ ติ๊นา ศุภนาฎ จิตตลีลา ซึ่งคาดว่าเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึง ลักษณะคอมเมนต์เป็นการแสดงความไม่พอใจ ตำหนิติเตียนพฤติกรรมของติ๊นาที่พาอิงฟ้าหนีเที่ยวจนดูเหมือนไม่มีความเป็นมืออาชีพและปกป้องอิงฟ้าที่ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวาย เช่น "พักนะคะ ถอยออกมา อย่าไปอะไรกับพี่ฟ้า ขอพี่ฟ้าคืนได้ไหม" อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทัวร์ลงของติ๊นาจบลงโดยที่ติ๊นาไม่ได้ออกมาอธิบายหรือชี้แจงใดๆ </p>
<p>อันดับสองคือหมวดการเมือง โดยแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบมากที่สุดคือทัศนคติทางการเมือง จำนวน 34 เรื่อง ตามมาด้วยความเหลื่อมล้ำ จำนวน 1 เรื่อง ชาตินิยม 1 ทัศนคติทางเพศ 1 เรื่อง และปกป้องบุคคลที่ชื่นชอบ 1 เรื่อง ตัวอย่างทัวร์ลงในหมวดหมู่การเมืองที่ใช้ทัศนคติทางการเมืองในการโต้ตอบ เช่น กรณีของแทนคุณ จิตต์อิสระ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น ถูกทัวร์ลงหลังโพสต์สเตตัสในเฟซบุ๊กว่าส่งลูกชายไปเรียนแคนาดา ขณะที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียคอมเมนต์ถามเกี่ยวกับแนวคิดทางการเมือง อาทิ “แคนาดาให้ที่พักพิงให้ทุนให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมืองโดยเฉพาะ 112 หลายคนเลยนะคะ” หรือ “ทำไมไม่เรียนเมืองไทย ไม่รักชาติเหรอ” ซึ่งลักษณะข้อความดังกล่าวถูกจัดประเภทว่าเป็นการล้อเลียน/เสียดสี </p>
<p>อันดับที่สามคือหมวดสังคม โดยแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบมากที่สุดเป็นเรื่องความเหมาะสม 11 เรื่อง ตามมาด้วยความเหลื่อมล้ำ 4 เรื่อง สิทธิมนุษยชน 4 เรื่อง และที่พบน้อยที่สุดเป็นเรื่องทัศนคติทางเพศ 1 เรื่อง ศาสนา/ความเชื่อ/ศีลธรรม 1 เรื่อง สิ่งแวดล้อม 1 เรื่องและ anti-woke จำนวน 1 เรื่อง ตัวอย่างทัวร์ลงในหมวดหมู่สังคมที่ใช้แนวคิดเรื่องความเหมาะสมในการตอบโต้ เช่น กรณีของเพจ “ที่นี่ห้วยปริก” ซึ่งโพสต์ข้อมูลประชาสัมพันธ์โครงการการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ระบุว่า “เทคนิคการขายสินค้าออนไลน์ By พี่หลวงกาโตะ” โดยมีรูปนายพงศกร จันทร์แก้ว หรือหลวงพี่กาโตะ อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังที่เคยมีคลิปเสียงฉาวและมีความสัมพันธ์กับสีกาในรถ ที่ปัจจุบันสึกและผันตัวมาเป็นพ่อค้าออนไลน์ หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีคนจำนวนมากเข้าไปทัวร์ในเพจ โดยชี้ว่าผู้จัดเลือกคนไม่เหมาะกับงาน เช่น “พิจารณาความเหมาะสมหน่อยครับ อันนี้คือมีชื่อเสียงจากความเสื่อมเสีย ส่วนตัวคิดว่าระดับมหาวิทยาลัยน่าจะหาวิทยากรได้ดีกว่านี้นะครับ” ต่อมา เพจลบโพสต์ดังกล่าวออกแต่ไม่ได้ชี้แจงว่างานนี้จะยังจัดต่อไปหรือไม่</p>
<p>จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า แม้เรื่องทัวร์ลงจะเกิดขึ้นในหมวดบันเทิงมากที่สุด ซึ่งในทางหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนบันเทิงยังเป็นจุดสนใจของคนในสังคมเสมือนดังเช่นข่าวบันเทิงทั่วไป หรือคนบันเทิงที่มีแฟนคลับให้การสนับสนุน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบมากที่สุดในหมวดบันเทิงคือการปกป้องบุคคลที่ชื่นชอบ ซึ่งก็คือการที่แฟนคลับเป็นตัวการหลักในความเคลื่อนไหวของทัวร์ลงในแต่ละครั้ง </p>
<p>แต่สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบรองลงมาในหมวดบันเทิงคือความเหมาะสม ซึ่งมีจำนวนไม่ห่างจากอันดับหนึ่งมากนัก สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่แค่คนที่สนใจข่าวดาราหรือแฟนคลับเท่านั้น ที่เป็นตัวการในการขับเคลื่อนทัวร์ลงในหมวดบันเทิง แต่ยังอาจหมายรวมคนทั่วไปที่อาจจะไม่ได้สนใจในเรื่องราวของดาราหรือเป็นแฟนคลับ แต่ขึ้นขบวนรถทัวร์พร้อมกับแนวความคิดเรื่องความเหมาะสม มีเกณฑ์บรรทัดฐานทางสังคมบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมารยาท จริยธรรม ฯลฯ เพื่อตัดสินการกระทำของผู้ที่ถูกทัวร์ลง ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่เกาะเกี่ยวผู้คนทั่วไปกับการทัวร์ลงในหมวดหมู่บันเทิง โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนั้นๆ เป็นการเฉพาะเช่นการเป็นแฟนคลับ</p>
<p>มากไปกว่านั้นก็คือ แม้จะเป็นทัวร์ลงในหมวดหมู่บันเทิง แต่เรายังได้เห็นการโต้ตอบของทัวร์โดยใช้แนวคิดอื่นๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ เช่น กรณีของดีเจภูมิกับเรื่องส้มตำจานละ 600 บาทที่ออสเตรเลีย หรือกรณีของโตโน่กับเรื่องการใช้อุโมงค์ว่ายน้ำที่จุฬาฯ ซ้อมว่ายน้ำก่อนจะว่ายจริงในแม่น้ำโขง หรือแม้กระทั่งประเด็นเรื่องความโปร่งใส, ศาสนา/ความเชื่อ/ศีลธรรม, สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแนวความคิดเชิงสังคมที่ถูกนำมาใช้โต้ตอบในขบวนทัวร์ลง แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ของหมวดบันเทิงก็ตาม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทัศนคติทางการเมืองยังเป็นเรื่องที่ใช้โต้ตอบถกเถียงกันมากที่สุด</span></h2>
<p style="margin-bottom:0in; margin:0in 0in 8pt">แนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบ</p>
<p style="margin: 0in 0in 8pt; text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53134253826_77942b2ea1_b.jpg" /></p>
<p style="margin-bottom:0in; margin:0in 0in 8pt"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", serif;" xml:lang="TH"><span style="font-size: 14.6667px;"> </span></span>จากปรากฏการณ์ทัวร์ลงทั้ง 177 เรื่อง เมื่อนำมาแยกแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบ จะพบว่ามีการใช้แนวความคิดเรื่องทัศนคติทางการเมืองมากที่สุด จำนวน 43 เรื่อง คิดเป็น 24.29% รองลงมาคือความเหมาะสม 23 เรื่อง คิดเป็น 12.99% ตามมาด้วยความเหลื่อมล้ำ 20 เรื่อง คิดเป็น 11.30% โดยแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบน้อยที่สุดคือทัศนคติทางเชื้อชาติ วิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม อย่างละ 3 เรื่อง คิดเป็นเรื่องละ 1.69% เท่ากัน</p>
<p>จากแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบเป็นเรื่องทัศนคติทางการเมืองมากที่สุด จำนวน 43 เรื่อง เมื่อนำมาพิจารณาต่อจะพบว่าอยู่ในหมวดการเมืองมากที่สุด จำนวน 34 เรื่อง ตามมาด้วยหมวดบันเทิง 5 เรื่อง และหมวดสังคม 2 เรื่อง ยกตัวอย่างเช่น กรณีดราม่า #แบนนันยาง ขึ้นแฮชแท็กในทวิตเตอร์หลังโปรโมตรองเท้าแตะช้างดาวพริ้ง แต่โดนโยงการเมือง โดยเรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 วงเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติเกาหลีอย่าง BLACKPINK คัมแบคด้วยเพลง Pink Venom เพจนันยาง Nanyang จึงเขียนโพสต์ว่า “ถ้าเพลงใหม่ #BLACKPINK ยอดวิวถึง 80 ล้านใน 24 ชม. จะผลิตช้างดาวสีชมพูดำ” ปรากฏว่ายอดวิวของเพลงนี้ถึง 80 ล้านวิวใน 24 ชั่วโมงตามที่ระบุไว้ เพจรองเท้านันยางจึงประกาศจะผลิตรองเท้าดังกล่าว ทั้งยังลงรายละเอียดช้างดาวพริ้งไว้ว่า “Fact 24 ข้อก่อนซื้อช้างดาวพริ้ง” ซึ่งในข้อ 20 ระบุว่า “รองเท้าแตะสีชมพูดำจะไม่ผลิตอีกภายใน 8 ปี (พ.ศ. 2573)” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว กำลังมีประเด็นทางการเมืองว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีหรือไม่ โดยเพจต่างๆ ต่างก็เล่นมุก หรือโปรโมทสินค้าโดยอ้างอิงถึงตัวเลขนี้ เช่น ร้านจ๊อปูบางแสนโพสต์ถึงความอร่อย 8 ปี ดังนั้นชาวเน็ตที่มาทัวร์ลงจึงเชื่อว่านี่คือการแซะเรื่องของการเมืองของนันยาง จนเกิดแฮชแท็ก #แบนนันยาง ขึ้น หลังมีดราม่าออกมา ผู้จัดการทั่วไปของนันยางออกมาชี้แจงว่าตัวเลขไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง “สินค้ารุ่นลิมิตเตดของเรา (ทุกๆ รุ่น) มีคำถามว่า จะผลิตอีกไหม แต่ละรุ่นเราจะไม่ผลิตอีก อย่างที่เราบอกว่าช้างดาวพริ้งจะไม่ผลิตอีก แต่ถ้าเราบอกว่าจะไม่ผลิตสีชมพูกับดำอีก ก็จะเป็นการผูกมัดเลยไป ก็เลยคิดว่าต้องกำหนดเวลา” อย่างไรก็ตามกรณีนี้ชาวเน็ตบางส่วนมองว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของการเปิดขายแบบลิมิเต็ดที่นานๆ จะมีทีทำให้เกิดแฮชแท็กให้กำลังใจนันยางขึ้นมาด้วยแฮชแท็ก #saveนันยาง</p>
<p>แนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบอันดับที่สองคือความเหมาะสม 23 เรื่อง ซึ่งพบในหมวดบันเทิง จำนวน 11 เรื่อง หมวดสังคม 11 เรื่อง และหมวดธุรกิจ 1 เรื่อง ยกตัวอย่างในหมวดบันเทิง เช่น กรณีของลีน่าจัง เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ถูกวิจารณ์ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คุกคามทางเพศและไม่ให้เกียรติ โดยขณะไลฟ์ขายของร่วมกับนักแสดงยุ่น ภูษณุ วงศาวณิชชากร ลีน่าจังดมรักแร้ของนักแสดงหนุ่มโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอม เรื่องนี้ทำให้เกิดแฮชแท็ก #แบนลีน่าจัง ขึ้นในโลกออนไลน์ และเมื่อพิจารณาลักษณะคอมเมนต์ของทัวร์พบว่ามีทั้งด่าทอด้วยคำหยาบคาย/ตำหนิติเตียนบุคคลในเหตุการณ์ โต้เถียงด้วยเหตุผล/ยกเหตุผลเพื่อมาลบล้างหลักการเพื่อปกป้องบุคคลในเหตุการณ์อย่างดาราชาย รวมไปถึงคอมเมนต์เพื่อปกป้องดาราหนุ่มอีกด้วย </p>
<p>แนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่พบเป็นอันดับสามคือเรื่องความเหลื่อมล้ำ จำนวน 20 เรื่อง ซึ่งพบในหมวดบันเทิงมากที่สุด 9 เรื่อง สังคม 4 เรื่อง ตามด้วยหมวดธุรกิจ 3 เรื่อง เช่น กรณีดราม่า สาวโพสต์ตามหาช่างแต่งหน้า ทำผม เรตราคาหลักร้อยในหมวดสังคม โดยเรื่องเกิดจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเข้าไปโพสต์ในกลุ่ม “หาช่างแต่งหน้า-ทำผม สำหรับงานถ่ายแบบ งานพิธี รับปริญญา งานแต่ง งานอีเว้นท์ฯ” ว่า “ตามหา หาช่างแต่งหน้าหัวละ 300 บาท ช่างทำผม หัวละ 200 บาท งานเลี้ยงบริษัทจำนวน 30-40 คน โดยประมาณ งาน 31 ธันวาคม แถวๆ อยุธยาค่ะ” ในวันที่ 23 ธ.ค.65 ซึ่งโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งทัวร์ที่เข้ามาลงเพราะมองว่ากดราคา ดูถูกวิชาชีพ ขณะที่บางส่วนใช้วิธีล้อเลียนขบขันโดยบอกว่าให้ไปแต่งหน้ากับ จิ๊ก เนาวรัตน์ ซึ่งเป็นนักแสดงที่มักแต่งหน้าให้ศพ ขณะที่บางคนก็เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของโพสต์ ต่อมา เจ้าของโพสต์ได้เขียนชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องประหยัดงบหลังจากถูกทัวร์ลง </p>
<p>นอกจากนี้แนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบที่น่าสนใจที่สำรวจพบคือเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยพบ 10 เรื่อง แบ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย 4 เรื่อง ละเมิดสิทธิ 3 เรื่อง สิทธิคนพิการ 2 เรื่องและสิทธิเด็ก 1 เรื่อง เช่น กรณีที่ทัวร์มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของครูสาวดาวติ๊กต็อกซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคนที่เจอทัวร์ลงหลังอัปคลิปพานักเรียนไปตัดผมซ้ำจนเกรียน โดยครูระบุว่าเป็นหน้าที่เด็กที่ต้องตัดผมให้เรียบร้อย ทั้งยังบรรยายในคลิปว่า “การตัดผมเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เมื่อเรามาอยู่ในที่ที่มีกฎ ก็ต้องทำตามกฎ ถูกไหม จริงอยู่ที่การตัดผมไม่ได้ทำให้เราเรียนเก่งขึ้น แต่ช่วยฝึกเราให้รู้จักคำว่าหน้าที่หรือเปล่า” เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ซ้ำผ่านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่น ชี้ช่องให้เกิดทัวร์ไปลงครูสาวเพราะมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิเรื่องเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของเด็ก ขณะที่บางส่วนก็มองว่าครูทำตามกฎของโรงเรียน โดยพบคอมเมนต์ในเชิงปกป้อง ทั้งปกป้องเด็กที่โดนตัดผมและบางส่วนก็ปกป้องครูผู้ถูกทัวร์ลง ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้จบลงที่ครูคนดังกล่าวลบคลิปนี้ออกไปจากติ๊กต็อก</p>
<p>จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า แม้ปรากฏการณ์ทัวร์ลง 177 เรื่องที่มีการเก็บข้อมูลนั้นอยู่ในหมวดบันเทิงมากที่สุด แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะแนวความคิดที่ทัวร์ใช้โต้ตอบ จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องทัศนคติทางการเมืองมากที่สุด ทำให้อาจจะกล่าวได้ว่า ที่จริงแล้วในการโต้ตอบถกเถียงกันในทัวร์ลงมาจากทัศนคติทางการเมืองที่ไม่ตรงกันเป็นส่วนใหญ่ เรื่องทัศนคติทางการเมืองจึงอาจจะเป็นชนวนถกเถียงที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ทัวร์ลงมากที่สุดก็ว่าได้ </p>
<p>ไม่เพียงแค่นั้น จากข้อมูลยังเห็นได้ว่ายังมีการใช้แนวความคิดทางสังคมอื่นๆ อีกหลากหลายในการโต้ตอบในปรากฏการณ์ทัวร์ลง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องทัศนคติทางเพศ สิทธิมนุษยชน anti-woke ทัศนคติทางเชื้อชาติ หรือแม้แต่เรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย </p>
<p>ซึ่งอาจจะเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่าสังคมในปัจจุบันกำลังให้ความสำคัญกับ ‘คุณค่า’ แบบใด และต้องการจะผลักดันแนวความคิดหรือคุณค่าใหม่ๆ ทางสังคมให้กลายเป็นที่ยอมรับเป็นบรรทัดฐานใหม่ในสังคมที่ทุกคนควรยึดถือหรือให้การเคารพ ผ่านการนำเอาแนวความคิดนั้นๆ มาใช้ในการโต้ตอบในการนำทัวร์ไปลง และทำให้สามารถมองไปได้อีกว่า ในอีกนัยหนึ่งปรากฏการณ์ทัวร์ลงจึงไม่ใช่แค่คนในโซเชียลมีเดียทะเลาะกันจากความเห็นไม่ตรงกัน แต่มันคือปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวทางสังคมรูปแบบหนึ่งที่กำลังจะขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนทัศนคติและการให้คุณค่าในประเด็นใดประเด็นหนึ่งให้เกิดขึ้นและได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบัน </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทัวร์ลงเพื่อถกเถียง หรือลงเพื่อล้อเลียนเสียดสี?</span></h2>
<p>ลักษณะคอมเมนต์ 4 ประเภทของทัวร์ที่มาลงที่พบจากปรากฏการณ์ทัวร์ลง</p>
<p>*1 เหตุการณ์อาจมีลักษณะคอมเมนต์มากกว่า 1 แบบ </p>
<ul>
<li>การล้อเลียน/เสียดสี 115 เรื่อง 29.49%</li>
<li>ด่าทอด้วยคำหยาบคาย/ตำหนิติเตียน 97 เรื่อง 24.87%</li>
<li>เข้ามาสนับสนุน/ปกป้อง 92 เรื่อง 23.59%</li>
<li>โต้เถียงด้วยเหตุผล/ยกเหตุผลเพื่อมาลบล้างหลักการ 43 เรื่อง 11.03%</li>
</ul>
<p>จากปรากฏการณ์ทัวร์ลงทั้ง 177 เรื่อง เมื่อนำมาแยกลักษณะคอมเมนต์ของทัวร์ จะพบว่าลักษณะที่พบมากที่สุดคือ การล้อเลียน/เสียดสี จำนวน 115 เรื่อง คิดเป็น 29.49% รองลงมาคือด่าทอด้วยคำหยาบคาย/ตำหนิติเตียน 97 เรื่อง คิดเป็น 24.87% ตามด้วยการเข้ามาสนับสนุน/ปกป้อง 92 เรื่อง คิดเป็น 23.59% และที่พบน้อยที่สุดคือคอมเมนต์ในเชิงโต้เถียงด้วยเหตุผล/ยกเหตุผลเพื่อมาลบล้างหลักการ 43 เรื่อง คิดเป็น 11.03% </p>
<p>ลักษณะคอมเมนต์ของทัวร์ที่เป็นการล้อเลียน/เสียดสี จำนวน 115 เรื่อง นั้นพบมากที่สุดในหมวดการเมือง 33 เรื่อง รองลงมาคือหมวดบันเทิง 32 เรื่อง ตามมาด้วยหมวดสังคม จำนวน 23 เรื่อง และพบน้อยที่สุดในหมวดวิทยาศาสตร์/การแพทย์ เพียง 1 เรื่องเท่านั้น เช่น กรณีของชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องการจัดระเบียบสายสื่อสาร โดยระบุว่ารัฐบาลทำงานมาตลอด แค่ประชาสัมพันธ์ไม่เก่งเท่าชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร การตัดโควทคำพูดที่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อของชัยวุฒิมาพาดหัวข่าวด้วยประโยคนี้ทำให้ทัวร์ลงที่โพสต์ของสื่อมวลชนจำนวนมาก ซึ่งทัวร์มาลงเพราะเรื่องทัศนคติทางการเมืองของนายชัยวุฒิ ทำให้มีผู้เข้ามาคอมเมนต์ในเชิงเสียดสี/ล้อเลียน อาทิ “ถึงจะไม่มีใครเห็นท่านชัยวุฒิทำงาน ก็ไม่เป็นไรนะครับท่าน เพราะผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” “ไม่เข้าใจ ทำไมนักการเมืองชอบแซะ ทำดีสู้ไม่ได้ ทำงานสู้ไม่ได้ หาเรื่องแซะเลย” อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่มีทัวร์ไปลงในพื้นที่ส่วนของนายชัยวุฒิแต่อย่างใด มีเพียงการคอมเมนต์บนพื้นที่ชี้ช่องที่สื่อนำมาลงเท่านั้น และจบล