[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
11 พฤศจิกายน 2567 02:20:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัญชีวชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์  (อ่าน 966 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5746


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 กันยายน 2563 18:31:33 »

[
ขอขอบคุณเว็บไซต์ : dhammathai.org (ที่มาภาพ)

อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕
สัญชีวชาดก

อสนฺตํ  โย  ปคฺคณฺหาตีติ  อิทํ  สตฺถา  เวฬุวเน  วิหรนฺโต
อาชาตสตฺตุสฺส  รญฺโญ  อสนฺตํ  สมฺปคฺคหํ  อารพฺภ  กเถสิ ฯ

พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเวฬุวัน ทรงพระปรารภการยกย่องอสัตบุรุษของพระเจ้าอชาตศัตรู ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อสนฺตํ โย ปคฺคณฺหาติ ดังนี้ฯ

เรื่องพิสดารมีว่า พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นทรงเลื่อมใสในพระเทวทัตผู้ทุศีล มีบาปธรรม เป็นเสี้ยนหนามต่อพระพุทธองค์แลพระสาวก ทรงยกย่องพระเทวทัตนั้น ผู้ไม่สงบระงับ เป็นอสัตบุรุษ ทรงพระดำริว่า จักกระทำสักการะแก่เธอ ทรงบริจาคทรัพย์เป็นอันมาก ให้สร้างวิหารที่คยาสีสะประเทศ ทรงเชื่อถ้อยคำของเธอ สำเร็จโทษพระราชบิดาผู้เป็นพระราชาดำรงธรรม เป็นพระอริยสาวกชั้นพระโสดาบันเสีย ตัดรอนอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของพระองค์ ถึงความพินาศใหญ่หลวง  
ครั้นท้าวเธอทรงสดับว่า แผ่นดินสูบพระเทวทัต ก็สะดุ้งตกพระทัยว่า เราล่ะ จะถูกแผ่นดินสูบบ้างไหมหนอ ไม่ได้รับความสุขในราชสมบัติ มิได้ทรงประสบความยินดีในที่พระบรรทม ทรงหวาดหวั่นอยู่เรื่อยไป เหมือนเปรตที่ถูกทรมานอย่างรุนแรง ท้าวเธอนึกเห็นเสมอเสมือนกำลังถูกแผ่นดินสูบ เหมือนเปลวเพลิงในอเวจีกำลังแลบออกมา และเหมือนพระองค์ถูกบังคับให้บรรทมหงายเหนือแผ่นดินเหล็กที่ร้อน แล้วถูกแทงด้วยหลาวเหล็ก เหตุนั้น ท้าวเธอจึงทรงหวาดหวั่นเหมือนไก่ที่ถูกประหาร ขึ้นชื่อว่าความแน่นิ่งแม้เพียงครู่เดียวก็มิได้มีแก่ท้าวเธอเลย ท้าวเธอมีพระประสงค์จะเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระประสงค์จะให้พระพุทธองค์ทรงรับษมา ทั้งมีพระประสงค์จะทูลถามปัญหา แต่เพราะพระองค์มีความผิดอย่างใหญ่หลวง จึงมิอาจที่จะเข้าเฝ้าได้
 
ครั้งนั้น ประจวบกับพระนครราชคฤห์ มีงานราตรีประจำเดือนกัตติกา ประชาชนพากันตกแต่งบ้านเมือง ประหนึ่งเทพนคร พระเจ้าอชาตศัตรูแวดล้อมด้วยคณะอำมาตย์ ประทับนั่งเหนือพระราชอาสน์ทองคำ ในท้องพระโรงหลวง ทอดพระเนตรเห็นหมอชีวกโกมารภัจนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ได้ทรงมีพระปริวิตกว่า เราจักชวนหมอชีวกไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เราไม่อาจที่จะชวนไปตรงๆ ทีเดียวว่า ชีวกผู้สหาย เราไม่สามารถที่จะไปตามลำพังได้ มาเถิด เธอช่วยพาฉันไปเฝ้าพระศาสดาด้วยเถิด ต้องพรรณาความพริ้งพร้อมแห่งยามราตรีแก่เขาด้วยปริยายเป็นอันมาก แล้วจึงค่อยกล่าวว่า ไฉนเล่าหนอ วันนี้พวกเราน่าจะเข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์ ที่เมื่อพวกเราเข้าไปหาท่าน จะพึงทำจิตใจให้ผ่องใส ได้ฟังคำนั้นแล้ว พวกอำมาตย์จักพากันพรรณนาคุณศาสดาทั้งหลายของตน ถึงหมอชีวกเล่า ก็คงจะกล่าวพรรณนาคุณแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจักชวนเขาไปสู่สำนักพระศาสดา ท้าวเธอจึงพรรณนาราตรีกาล ด้วยบททั้ง ๕ ดังนี้
 
ลกฺขญฺญา วต โภ โทสินา รตฺติ
ชาวเราเอ๋ย ยามราตรี เจิดจ้า แท้หนอ
อภิรูปา วต โภ โทสินา รตฺติ
ชาวเราเอ๋ย ยามราตรี งดงาม แท้หนอ
ทสฺสนียา วต โภ โทสินา รตฺติ
ชาวเราเอ๋ย ยามราตรี แจ่มกระจ่าง แท้หนอ
ปาสาทิกา วต โภ โทสินา รตฺติ
ชาวเราเอ๋ย ยามราตรี สดใส แท้หนอ
รมณียา วต โภ โทสินา รตฺติ
ชาวเราเอ๋ย ยามราตรี น่ารื่นรมย์ แท้หนอ

วันนี้ ใครเล่าหนอ ที่ชาวเราควรเข้าไปหา ท่านผู้ใดเล่าที่พวกเราเข้าไปหาละก็จิตใจพึงสดใสได้ ครั้งนั้น อำมาตย์ผู้หนึ่งกล่าวถึงคุณของบูรณกัสสป คนหนึ่งกล่าวถึงคุณของมักขลิโคศาล คนหนึ่งกล่าวถึงคุณของอชิตเกษกัมพล คนหนึ่งกล่าวคุณปกุทธกัจจายนะ คนหนึ่งกล่าวคุณของสญชัยเวฬฏฐบุตร คนหนึ่งกล่าวคุณของนิครนถ์นาฏบุตร  พระราชาทรงสดับคำของพวกนั้น ได้ทรงดุษณีภาพแล้วด้วยท้าวเธอทรงปรารถนาถ้อยคำของมหาอำมาตย์ชีวกเท่านั้น  ฝ่ายท่านชีวกดำริว่า เมื่อพระองค์ตรัสปรารภเรา เราต้องรู้ แล้วก็นั่งนิ่งอยู่ ณ ที่ไม่ไกล ครั้งนั้น พระราชาจึงตรัสกะท่านว่า สหายชีวก ท่านเล่าทำไมจึงนิ่งเสีย ขณะนั้น ชีวกก็ลุกจากอาสนะ ประนมอัญชลีไปทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ กราบทูลว่า ขอเดชะ พระผู้ทรงพระภาคผู้พระอรหันต์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น กำลังเสด็จประทับอยู่ ณ สวนมะม่วงของข้าพระองค์ กับภิกษุพันสองร้อยห้าสิบ ก็แลกิตติศัพท์อันงามอย่างนี้ เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ระบือไปแล้ว พลางประกาศปาฏิหาริย์เก้าร้อยประการ พระอานุภาพของพระผู้มีพระภาค มีบุรพนิมิตตั้งแต่ประสูติเป็นต้นเป็นประเภท แล้วกราบทูลว่า ขอเชิญพระองค์ผู้สมมติเทพ เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงสดับธรรม ตรัสถามปัญหาเถิด พระเจ้าข้า
 
พระราชาทรงมีพระมโนรถเต็มเปี่ยม ตรัสว่า สหายชีวก ถ้าเช่นนั้น เธอจงสั่งให้จัดแจงช้างเถิด รับสั่งให้จัดแจงช้างแล้ว เสด็จพระดำเนินสู่ชีวกัมพวัน ด้วยพระราชานุภาพอันใหญ่หลวง ทอดพระเนตรเห็นพระตถาคตเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุในโรงโถง ณ ชีวกัมพวันนั้น ทรงชำเลืองดูหมู่ภิกษุ อันปราศจากการเคลื่อนไหว ประหนึ่งเรือใหญ่ในท่ามกลางทะเลยามมีคลื่นลมสงบแล้ว ฉะนั้น โดยถ้วนทั่ว ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถนั้นแล ด้วยทรงพระดำริว่า บริษัทเห็นปานดังนี้ เราไม่เคยเห็นเลย พลางประคองอัญชลีแด่พระสงฆ์ ตรัสสดุดี ถวายบังคมพระผู้ทรงพระภาค ประทับนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง กราบทูลถามปัญหาในสามัญญผล  ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงสามัญญผลสูตร ประดับด้วยภาณวาร ๒ ภาณวารแก่ท้าวเธอ ในเวลเมื่อจบพระสูตร ท้าวเธอดีพระทัย ทูลขอให้พระผู้ทรงพระภาคษมา  เสด็จอุฏฐาการจากพระราชอาสนะ  ทรงกระทำประทักษิณ แล้วเสด็จกลับคืนพระราชสถาน

เมื่อพระราชาเสด็จกลับไปแล้วไม่นาน พระศาสดาตรัสเรียกพวกภิกษุมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาองค์นี้ถูกขุดเสียแล้ว ถูกโค่นเสียแล้ว ถ้าท้าวเธอจักไม่ปลงพระชนม์พระราชบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นราชาโดยธรรมเสีย เพราะมุ่งความเป็นใหญ่ไซร้ ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน จักบังเกิดในขณะประทับนั่งนี้ทีเดียว แต่ท้าวเธออาศัยพระเทวทัต ทำการยกย่องอสัตบุรุษ จึงเสื่อมเสียจากโสดาปัตติผล   วันรุ่งขึ้นพวกภิกษุพากันยกเรื่องสนทนาในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ได้ยินว่า พระเจ้าอชาตศัตรูเสื่อมเสียจากโสดาปัตติผล เพราะทำการยกย่องอสัตบุรุษ อาศัยพระเทวทัตผู้ทุศีล มีบาปธรรม ทรงกระทำปิตุฆาตกรรม เป็นพระราชาที่พระเทวทัตให้ฉิบหายแล้ว  พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อกี้พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไรเล่า  เมื่อพวกภิกษุพากันกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่อชาตศัตรูทำการยกย่องอสัตบุรุษ ถึงความพินาศใหญ่หลวง แม้ในครั้งก่อน เธอก็ทำลายตนเสียด้วยการยกย่องอสัตบุรุษเหมือนกัน  ทรงนำเรื่องราวอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้

อตีเต พาราณสิยํ  พฺรหฺมทตฺเต  รชฺชํ  กาเรนฺเต ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์ มีสมบัติมาก เจริญวัยไปสู่เมืองตักกศิลา เรียนศิลปะทั้งปวง เป็นอาจารย์
ทิศาปาโมกข์ในพระนครพาราณสี บอกศิลปะแก่มาณพห้าร้อยคน ในมาณพเหล่านั้น มีมาณพคนหนึ่งชื่อ สัญชีพ พระโพธิสัตว์ได้ให้มนต์ทำคนตายให้ฟื้นแก่เขา เขาเรียนแต่มนต์ทำคนตายให้ฟื้นอย่างเดียว ไม่ได้เรียนมนต์ป้องกัน  วันหนึ่งไปป่าเพื่อหาฟืนกับพวกเพื่อน เห็นเสือตายตัวหนึ่ง ก็พูดกะพวกมาณพว่า พวกเราเอ๋ย ฉันจักทำให้เสือตายตัวนี้ให้ฟื้นขึ้นนะ  พวกมาณพทั้งหลายพากันกล่าวว่า แกคงไม่สามารถดอกน่ะ  กล่าวว่า ฉันจักให้มันฟื้นขึ้นให้พวกแกเห็นทีเดียว  พวกมาณพเหล่านั้นพากันบอกว่า ถ้าแกสามารถ ก็จงให้มันฟื้นขึ้นเถิด  ว่าแล้วก็พากันปีนขึ้นต้นไม้ สัญชีพร่ายมนต์แล้วขว้างเสือตายด้วยก้อนกรวด เสือลุกขึ้นโดดกัดสัญชีพที่ก้านคอทำให้สิ้นชีวิต ล้มลงตรงนั้นเอง ทั้งคู่นอนตายอยู่ในที่เดียวกัน พวกมาณพพากันขนฟืนไปบอกแก่อาจารย์  อาจารย์จึงไปเรียกมาณพมากล่าวว่า พ่อคุณทั้งหลาย พ่อคุณเอ๋ย ขึ้นชื่อว่าผู้ที่ยกย่องอสัตบุรุษ กระทำสักการะและสัมมานะในที่อันไม่ควร ย่อมกลับได้รับทุกข์ทำนองนี้ทั้งนั้น แล้วกล่าวคาถานี้ว่า


              อสนฺตํ โย คณฺหาติ         อสนฺตํ จูปเสวติ
              ตเมว ฆาสํ กุรุเต         พฺยคฺโฆ สญฺชีวิโก ยถา
แปลว่า ผู้ใดยกย่องและคบหาอสัตบุรุษ อสัตบุรุษย่อมทำผู้นั้นแลให้เป็นเหยื่อ เหมือนพยัคฆ์ที่สัญชีพชุบขึ้น กระทำเขานั่นแลให้เป็นเหยื่อ ฉะนั้นฯ

มีอรรถาธิบายว่า บรรดาชนมีกษัตริย์เป็นอาทิ ผู้ใดผู้หนึ่งยกย่องคือทำสักการะและสัมมานะอสัตบุรุษ ผู้ประกอบด้วยทุจริตทั้งสามประการ ทุศีลมีบาปธรรม ที่เป็นบรรพชิต ด้วยการถวายปัจจัย มีจีวรเป็นต้น ที่เป็นคฤหัสถ์ด้วยให้ครองตำแหน่งอุปราชและเสนาบดี เป็นต้น  อนึ่งเล่า ย่อมคบหาสนิทสนมกับอสัตบุรุษผู้ทุศีลเช่นนั้น ย่อมกัดผู้นั้น คือผู้ที่ยกย่องอสัตบุรุษนั้นแลกินเสีย ได้แก่ทำผู้นั้นให้ถึงความพินาศ มีคำถามว่า เช่นไรเล่า แก่ว่าเหมือนเสือตาย ที่คืนชีพเพราะสัญชีพ คือมาณพสัญชีพร่ายมนต์ยกย่องด้วยการมอบชีวิตให้ กลับปลงชีวิตสัญชีพผู้ให้ชีวิตแก่มันให้ล้มลงตรงนั้นเอง ฉันใด แม้ผู้อื่น ก็ฉันนั้น ผู้ใดทำการยกย่องอสัตบุรุษ อสัตบุรุษผู้ทุศีลนั้น ย่อมทำลายล้างผู้ที่ยกย่องนั้นเสียทีเดียว พวกชนที่ยกย่องอสัตบุรุษ ย่อมพากันถึงความพินาศ ด้วยประการฉะนี้

พระโพธิสัตว์แสดงธรรมแก่มาณพทั้งหลายด้วยคาถานี้  ทำบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วก็ไปตามยถากรรม
 
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า มาณพผู้ทำเสือตายให้ฟื้นในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระเจ้าอชาตศัตรูในบัดนี้ ส่วนอาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้มาเป็นเราแล


จบสัญชีวชาดก
จบกกัณฏกวรรคที่ ๑๕
จบอรรถกถาแห่งเอกนิบาต


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 กันยายน 2563 18:33:26 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
วิโจนชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิ์ในกำเนิดไกรษรสีหราช
นิทาน - ชาดก
Kimleng 0 1336 กระทู้ล่าสุด 30 เมษายน 2563 16:28:52
โดย Kimleng
นังคุฏฐชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์
นิทาน - ชาดก
Kimleng 0 1186 กระทู้ล่าสุด 04 พฤษภาคม 2563 19:20:46
โดย Kimleng
ราธชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์ในกำเนิดนกแขกเต้า
นิทาน - ชาดก
Kimleng 0 1214 กระทู้ล่าสุด 17 พฤษภาคม 2563 16:54:17
โดย Kimleng
ปุปผรัตตชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอากาสัฏฐเทวดา
นิทาน - ชาดก
Kimleng 0 1023 กระทู้ล่าสุด 18 กรกฎาคม 2563 18:21:45
โดย Kimleng
เอกปัณณชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์
นิทาน - ชาดก
Kimleng 0 1006 กระทู้ล่าสุด 28 กรกฎาคม 2563 16:14:11
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.572 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 25 ตุลาคม 2567 06:06:30