sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 09:34:11 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:15:15 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 09:35:14 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ซีอุย แซ่อึ้ง เสียชีวิต 16 กันยายน พ.ศ. 2502 เป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าเด็กและนำตับมาต้มกินในช่วงปี พ.ศ. 2497-2501 โดยมีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกนายซีอุยสังหาร ซึ่งภายหลังถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน ซีอุย อาศัยเป็นชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาใน เมืองไทยและขึ้นฝั่งที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชื่อจริงว่า หลีอุย แซ่อึ้ง แต่คนไทยที่นั่นนิยมเรียกเพี้ยนเป็น ซีอุยซีอุยทำงานด้วยการรับจ้างทำสวนผักและรับจ้างทั่วไป มีนิสัยชอบเกาหัวและหาวอยู่เสมอ ๆ บุคลิกชอบเก็บตัว และนายซีอุยได้จับเด็กมาผ่าเอาตับมากินโดยเชื่อว่าเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยได้ทำการฆ่าเด็ก 3 รายแรก ที่ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสุดท้ายถูกจับได้หลังจากคดีฆาตกรรมในจังหวัดระยอง ซึ่งสุดท้ายเขาถูกจับขังคุกและประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502 ก่อนถูกประหารซีอุยรับว่า เมื่อสมัยอยู่เมืองจีน ได้ถูกเป็นเกณฑ์เป็นทหารไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้กินเนื้อมนุษย์เป็นครั้งแรกจากศพของเพื่อนทหารด้วยกัน จึงติดใจในรสชาติ เนื่องด้วยไม่มีอะไรจะกิน ภายหลังมีการสืบค้นคดีโดยรายการโทรทัศน์ บางอ้อ ทางช่อง 9 รวมทั้งรายการ ย้อนรอย ทางไอทีวี มีหลักฐานพยานและรูปคดีที่บ่งชี้ว่า ซีอุย ไม่ได้ฆ่าเด็กทุกคน มีเพียงเด็กคนสุดท้ายเท่านั้นที่เป็นหลักฐานมัดตัว ขณะตำรวจได้เข้าจับกุมหลังจากซีอุยลงมือฆ่า และอวัยวะในร่างกายของเหยื่อทุกรายก็ไม่ได้สูญหาย จึงเป็นที่สงสัยว่าเหตุใด ซีอุย จึงรับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่าเหยื่อทุกราย และนำอวัยวะมากิน ซึ่งก็ยังเป็นประเด็นของรูปคดีที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดในปัจจุบัน บ้างก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของไทยได้ให้สัญญากับซีอุยว่าให้ซีอุยรับสารภาพ แล้วจะจัดการให้ได้กลับเมืองจีน ด้วยความที่ไม่จัดเจนในภาษาทำให้ซีอุยรับสารภาพ และถูกประหารชีวิตในที่สุด ซึ่งชาวบ้านร่วมสมัยที่ยังอาศัยในพื้นที่บางคนที่ยังมีชีวิตอยู่เชื่อว่าซี อุยไม่ได้เป็นฆาตกรตัวจริง ศพของซีอุยถูกเก็บเพื่อนำมาตรวจสอบ โดยเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยยังคงถูกเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า พิพิธภัณฑ์ซีอุย เรื่องราวของซีอุยได้ถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมาในสังคม และถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายครั้ง............http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A2http://forums.212cafe.com/boxser/
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:16:42 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 09:44:44 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ..............................................ซีอุย 2............................................. สยองขวัญสั่น ประสาทไปทั่วประเทศกับเรื่องราวของนายสุริยา โพธิ์แสง อายุ 18 ปี ที่ก่อคดีฆ่าแหวะท้องด.ช.ลิขิต โพธิ์แสง อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้นป.2 โรงเรียนบ้านโนนสะอาด อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ น้องชายแท้ ๆ ไม่ใช่แหวะท้องธรรมดา แต่ควักเอาตับไตไส้พุงออกมากินสดๆ!!! ซีอุย 2 หรือ ซีอุย2547 คือชื่อฉายาที่เรียกขานพฤติกรรมของนายสุริยา เนื่องจากมีวิธีการและความวิปริตเหมือนกับ ซีอุย เจ้าตำรับมนุษย์กินคนเมื่อ 50 ปีก่อน ซีอุย หรือนาย ซีอุย แซ่อึ้ง ชาวจีนโพ้นทะเล เป็นตำนานแห่งความวิปริตและโหดเหี้ยมที่สุด เท่าที่เคยเกิดขึ้นมาในเมืองไทย มีเด็กชายและหญิงอย่างน้อย 7 คนตกเป็นอาหารของมนุษย์วิปริตรายนี้ ซึ่งมีความเชื่อว่ากินเครื่องในคนแล้วจะมีกำลังวังชาแข็งแรงกว่าปกติ ซีอุยอาละวาดสร้างความผวาไปทั่วประเทศระหว่างปีพ.ศ.2497 - 2501 ก่อนที่จะถูกจับกุมและประหารชีวิตในเวลาต่อมา ใครจะคาดคิดว่า 50 ปีผ่านไปจะเกิดเหตุทำนองเดียวกันขึ้นอีก..............................................! เรื่องราวของซีอุย 2 เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อชาวบ้านกุดโดน ม.7 ต.โนนสะอาด อ.คอนสวรรค์ กลุ่มหนึ่งเดินผ่านทุ่งหญ้าร้าง แทบช็อกเมื่อพบศพเด็กชายในชุดนักเรียนนอนหงายหน้าเสียชีวิตอยู่ เป็นการเสียชีวิตสยดสยองที่สุดเท่าที่เคยมีการพบเห็น เพราะหนูน้อยถูกมีดผ่าท้องควักเอาตับไตไส้พุงออกมากองอยู่ข้างนอก!!! พ.ต.ต.เฉลิม ฦาชา สารวัตรเวรสภ.อ.คอนสวรรค์ นำกำลังเดินทางมาที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้ง สิ่งที่พบทำให้ทุกคนต้องตัวแข็งทื่อ ด.ช.ลิขิต ถูกฆาตกรวิปริตจับมัดมือไพล่หลัง ลำคอมีรอยถูกรัด ศีรษะถูกทุบอย่างแรง หน้าอกมีรอยมีดแทงทะลุกลางหลังเป็นแผลขนาดใหญ่ บนลำตัวมีลำไส้กองใหญ่วางอยู่ บางส่วนพันไว้กับกอหญ้า ที่สร้างความประหลาดใจให้แพทย์เพราะไม่พบตับและหัวใจ แถมมีอวัยวะบางส่วนมีรอยเหมือนถูกฟันกัด ระหว่างนั้นพ่อแม่ของ ด.ช.ลิขิตทราบข่าวร้ายรีบมาดูลูกชาย เมื่อเห็นสภาพทั้งคู่เข้าไปกอดศพและร่ำไห้จนเป็นลม ตำรวจสอบถามชาวบ้านให้การว่าเห็น ด.ช.ลิขิต ครั้งสุดท้ายเมื่อเย็นวานนี้ โดยเดินเข้ามาใกล้จุดเกิดเหตุพร้อมกับนายสุริยา พี่ชาย ก่อนหายตัวไปกระทั่งมาพบเป็นศพสยอง ส่วนนายสุริยาก็ยังไม่มีคนพบเห็นเช่นกัน ถึงตอนนี้ชาวบ้านและญาติพี่น้องเริ่มสงสัยว่า หรือฆาตกรโหดจะเป็นพี่ชายของเหยื่อเอง ! จากคำให้การตำรวจเริ่มสงสัยเช่นกัน เพราะนายสุริยาเคยมีประวัติเป็นโรคประสาทต้องเข้ารักษาตัวเนื่องจากชอบกิน เครื่องในสัตว์ดิบ ๆ จนเมื่ออาการดีขึ้นพ่อแม่ก็รับกลับมาอยู่บ้าน แต่ต่อมายังเสพยาจนอาการกำเริบแต่ไม่รุนแรงนัก จนเมื่อเร็วๆนี้บ่นว่าอยากกินเครื่องในคน เพราะกินของสัตว์เบื่อแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจเพราะคิดว่าพูดไปตามประสาคนสติไม่ดี แต่ถึงตอนนี้ไม่น่าจะเป็นการพูดอย่างเดียวแล้ว!!! อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาตำรวจและชาวบ้านที่ออกกันตามหาก็พบนายสุริยา นั่งเหม่อลอยอยู่บริเวณเถียงนาห่างจากจุดพบศพไม่มากนัก สภาพที่เห็นมั่นใจได้ว่าไอ้หมอนี่เป็นฆาตกรแน่ เพราะเนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือดสดๆ และเมื่อค้นตัวยังพบเครื่องปรุงประเภทพริกไทย เกลือป่นซุกอยู่ด้วย ตำรวจคุมตัวซีอุย 2 มาสอบปากคำซึ่งให้การวกไปวนมา แต่จับใจความได้ว่าเป็นคนลงมือฆ่าน้องชายเพราะอยากลองกินเครื่องในคน วันเกิดเหตุคือวันที่ 25 สิงหาคม หลังจากน้องชายเลิกเรียนถึงบ้าน ก็ชวนออกมาหาพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ในสวน ระหว่างทางเมื่อมาถึงที่เปลี่ยวนายสุริยาก็ใช้ท่อนไม้ทุบหัวน้องชาย ก่อนจับมัดมือ-เท้า และใช้เชือกรัดคอแขวนกับต้นไม้!!! ก่อนที่จะเริ่มลงมือผ่าท้องควักเครื่องในออกมา โดยนำไปล้างในโอ่งน้ำใกล้ๆกัน ก่อนเหยาะเครื่องปรุงเพิ่มรสชาติ จากนั้นก็ปล่อยศพลงจากต้นไม้ แอบมานั่งกินอยู่ที่เถียงนา จุดที่ตำรวจเจอตัวนั่นเอง ตำรวจแม้จะจับกุมนายสุริยา แต่ก็ต้องส่งไปตรวจสภาพจิต ซึ่งดูแล้วเข้าข่ายโรคประสาทอย่างรุนแรง พฤติกรรมของนายสุริยา ถูกนำไปเปรียบเทียบกับต้นตำรับฆ่าเด็กกินหัวใจและตับไตที่โด่งดังที่สุดใน เมืองไทยคือ ซีอุย หรือนายซีอุย แซ่อึ้ง ชาวจีนโพ้นทะเล ที่เข้ามาอยู่เมืองไทยเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ซีอุยสร้างตำนานวิปริตสุดสยองด้วยการลวงเด็กชาย - หญิงไปฆ่าผ่าท้องควักตับไต ไส้พุงออกมาต้มกิน ! ! ! ระหว่างปีพ.ศ.2497-2501 ซีอุยก่อเหตุถึง 7 คดี เป็นคดีฆ่า 6 คดีและพยายามฆ่า 1 คดี เหยื่อเป็นเด็กหญิง 6 คนและชาย 1 คนอายุระหว่าง 5-10 ขวบ โดยคดีสุดท้ายคือฆาตกรรมด.ช.สมบุญ บุณยกาญจน์ อายุ 8 ขวบ ที่ต.เขาไผ่ อ.เมืองระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 คดีนี้เป็นคดีเดียวที่มีพยานหลักฐานชัดเจน และจับได้ขณะที่ซีอุยพยายามทำลายศพ กระทั่งนำไปสู่คำสารภาพในคดีอื่นๆอีก 6 คดีก่อนหน้านี้ ! ก่อนที่ซีอุยจะถูกจับกุมมีเด็กชาย-หญิงหลายจังหวัดถูกฆ่าผ่าท้อง แต่ไม่มีเบาะแสสาวไปถึงฆาตกรแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงรายแรกซึ่งเป็นรายเดียวที่รอดชีวิตมาได้ โดยหลบหนีเข้าไปในป่าไผ่ทำให้ซีอุยตามเข้าไปไม่ได้ แจ้งกับตำรวจว่าฆาตกรเป็นคนจีน รูปร่างสันทัด ตัดผมสั้นเกรียนแต่เพลานั้นเป็นช่วงที่มีชาวจีนนั่งเรือ หนีความยากจนจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเมืองไทยจำนวนมาก และแทบทุกคนมีลักษณะคล้ายกับคนร้ายที่เหยื่อให้การ จนมาถึงรายของด.ช.สมบุญ ซึ่งซีอุยมาทำงานสวนกับพ่อแม่ของเหยื่อ และเพียง 5 วันเท่านั้นซีอุยก็ลงมือขณะที่อยู่ กับเด็กเพียงลำพังจนเมื่อพ่อ - แม่เด็กกลับมาถึงบ้านและไม่พบทั้งลูกชายและลูกจ้าง ตำรวจออกติดตามจับกุมซีอุยได้ขณะพยายามทำลายศพเด็ก จึงคุมตัวมาสอบสวนผ่านล่าม ซึ่งซีอุยให้การสารภาพและยอมรับอีก 6 คดีที่ก่อเหตุเอาไว้ด้วยและเมื่อตำรวจเรียกเด็กหญิงคนแรกที่รอดคมมีดมาดูตัว ก็ชี้ยืนยันว่าซีอุยคือคนร้ายที่พยายามสังหารเธอ จากคำให้การของซีอุย พบว่าขึ้นเรือจากเมืองซัวเถาเข้าเมืองไทยทางต.ทับสะแก จ.ประจวบฯ เมื่อปีพ.ศ.2489 โดยมีญาติที่หลบหนีมาก่อนมารอรับและทำเรื่องรับรองให้อยู่เมืองไทยได้ จากนั้นซีอุยก็เดินทางไปโน่นมานี่หลายจังหวัด ก่อนที่จะย้อนกลับมาปักหลักช่วยทำสวนกับญาติที่ต.ทับสะแก อ.เมือง จ.ประจวบฯ ที่นี่เองซีอุยลงมือฆ่าเด็ก 3 ราย และพยายามฆ่า 1 ราย รายแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2497 ซีอุยพยายามฆ่าด.ญ.บังอร ภมรสุต อายุ 8 ขวบ ขณะที่เด็กหญิงออกไปซื้อของในตอนค่ำ และถูกซีอุยดักฉุดจากนั้นพยายามแทงคอแต่เด็กดิ้นจึงไม่ถูกจุดสำคัญ ทำให้ซีอุยโมโหจับโยนเข้าไปในกอไผ่ พลอยทำให้ตัวเองไม่สามารถตามเข้าไปทำร้ายได้!?? ถัดมาวันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ซีอุยลงมือสำเร็จด้วยการฆ่าด.ญ.นิด แซ่ภู่ อายุ 10 ขวบ ซีอุยใช้ขนมล่อเด็กออกมาจากงานวัดแห่งหนึ่ง ก่อนอุ้มเข้าป่าแทงคอจนเสียชีวิต และผ่าท้องควักเอาหัวใจกับตับกลับมาต้มกินที่บ้าน รายที่ 3 คือด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า อายุ 9 ขวบ ชาวต.ทับสะแกเช่นกัน ถูกฆ่าลักษณะเดียวกับรายที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ปีเดียวกัน ถัดมาวันที่ 27 ตุลาคม ปีเดียวกัน ซีอุยก็ลงมือสังหารด.ญ.หงั่น แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ที่ต.สามร้อยยอด จากนั้นซีอุยหลบหนีออกจากพื้นที่เข้ากรุงเทพฯ และก่อเหตุอีกครั้งบริเวณสถานีรถไฟสวนจิตรลดา ด้วยการฆ่าด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง อายุ 5 ขวบ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน นับเป็นเหยื่อรายที่ 5 ซีอุย หนีจากกรุงเทพฯมาทำงานที่นครปฐม และก่อเหตุฆ่าเหยื่ออีกรายคือด.ญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง อายุ 7 ขวบ บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 แต่ฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดของเมืองไทย ก็ยุติบทบาทมนุษย์กินเด็กนานเกือบ 1 ปี ก่อนที่จะมาก่อเหตุครั้งสุดท้ายที่จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 กระทั่งถูกจับกุมได้ คำสารภาพของซีอุยนำมาสู่คำตัดสินประหารชีวิต และถูกยิงเป้าเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2502 ก่อนที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะทำเรื่องขอศพไปตรวจสอบสมอง คณะแพทย์เก็บรักษาศพฆาตกรต่อเนื่องอยู่ในพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ ตึกอดุลยเดชวิกรม โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นที่เก็บหลักฐานทางคดีสำคัญ ๆ มากมาย เช่น นวลฉวี ฯลฯ แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือศพของซีอุยนั่นเอง จนมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า"พิพิธภัณฑ์ซีอุย"มาจนทุกวันนี้ สิ่งที่น่าสนใจในคดี ซีอุย เกิดขึ้นในอีกหลายสิบปีให้หลัง มีการรื้อข้อมูลเก่าๆขึ้นมาตรวจสอบและตั้งคำถามว่า ซีอุยเป็นฆาตกรจิตวิปริต หรือเป็นเพียงแพะรับบาปโดยมีการจับพิรุธและตั้งข้อสังเกตคดีนี้หลายประการด้วยกัน เริ่มจากคำให้การที่สับสนของซีอุยเอง ตั้งแต่การเข้ามาเมืองไทยว่าขึ้นฝั่งไทยที่ต.ทับสะแก หรือกรุงเทพฯกันแน่ หรือการรับสารภาพในคดีก่อนที่จ.ระยอง อีก 6 คดี เพราะถูกหลอกหรือเป็นความเข้าใจผิดของซีอุย ว่าหากรับสารภาพไปแล้วจะถูกส่งตัวกลับประเทศจีนเท่านั้น เนื่องจาก 6 คดีก่อนหน้านี้ตำรวจไม่มีหลักฐานใดๆระบุเลยว่าซีอุยคือฆาตกร นอกจากคำรับสารภาพของเจ้าตัวเท่านั้น และคำรับสารภาพก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย!?? ไม่เพียงเท่านั้นในจำนวน 6 ศพที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งน่าจะผิดวิสัยในการฆาตกรรม เพราะระบุกันว่าซีอุยฆ่าเด็กเพราะต้องการกินอวัยวะภายใน อีกจุดหนึ่งก็คือรอยต่อเรื่องเวลาระหว่างคดีที่ 6 กับคดีที่ 7 ทิ้งช่วงห่างกันนานเกือบ 1 ปี ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีซ้อนๆในเวลาไม่ถึง 1 ปีหรือ 4 คดีแรกที่เกิดยังต.ทับสะแก โดยเฉพาะคดีแรกที่เหยื่อรอดตายมาได้ กลับไม่มีความพยายามที่จะติดตามคนร้าย ปล่อยให้ซีอุยลอยนวลและอยู่ในพื้นที่ก่อเหตุอีก 3 ครั้งซ้อนมีการตั้งข้อสังเกตไว้มากมายหลายเรื่อง และบางเรื่องหาข้อพิสูจน์ไม่ได้แม้ในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตามฝ่ายที่เชื่อว่าซีอุยคือฆาตกรแน่นอน ยกสิ่งสำคัญที่สุดออกมาหักล้างตั้งแต่ซีอุยถูกจับกุม ก็ไม่มีคดีวิปริตแบบนี้เกิดขึ้นอีกเลย !
จาก.........................................หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม 2547 หน้า 2
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:17:28 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:18:57 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร หลาย ๆ คนอาจเคยไป พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลศิริราช ชั้น 2 สิ่งที่สะดุดตาสำหรับการมาครั้งแรก มันไม่ใช้เครื่องมือแพทย์หรืออวัยวะดอง แต่มันคือโครงร่างของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่ ร่างกายแห้งเหี่ยว เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก โครงหลังบิดเบี้ยว ที่ถูกดองเก็บไว้อย่างดี เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา มันเป็นโครงร่างมนุษย์ร่างเดียว ในประเทศไทย ที่ได้รับเกียรติสูงสุดนี้ ที่เป็นอาชญากรคนสำคัญของแผ่นดิน ที่เลื่องลือกล่าวขานกันเนิ่นนานและเป็นตำนานที่ไม่ลืมเลือนเขาคือ ซีอุย แซ่อึ้ง ปีศาจฆาตกรกินคน ทุกพื้นที่ ที่เขาเดินทางไป ศพแล้วศพเล่าเกิดจากการกระทำของเขา ทั้งข่มขื่น ทั้งฆ่า และผ่าศพเพื่อควักเอา อวัยวะภายในของเหยื่อออกมากิน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อาชญากรอัจฉริยะ แต่เขาก็สามารถสังหารเหยื่อถึง 6 ศพ และเขาอยู่รอดลอยนวลกว่า 5 ปี เพราะอะไรเล่าที่ทำให้เขากลายเป็นปีศาจฆาตกรกินคนที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้..................................................กำเนิด ซีอุย................................................. ณ.ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2470 ใน ซัวเถา เด็กชายคนหนึ่งได้ลืมตาดูโลกขึ้น เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้อง12 ของนายฮุนฮ้อ กับ นางไป๋ติ้ง แซ่อึ้ง พวกเขาได้ตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่านาย หลีอุย แช่อึ้ง แต่พวกเราชาวสยามต่างรู้จักนามว่า ซี อุย ทั้งสองมีอาชีพทำไร่มีฐานะ มีค่อนข้างยากจน และมีลูกมาก ซีอุยจึงขาดการดูแลจากพ่อแม่ ชั่วชีวิตของเขา เขาดำเนินชีวิตตามความพอของตนเองเป็นที่ตั้งออกจากบ้านไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ เขาเกิดมาเป็นคนตัวเล็กเมื่อเปรียบเทียบเด็กวัยเดียวกัน (แม้เขาจะโตเป็นหนุ่ม เขาก็มีความสูงแค่ 150 เซนติเมตร) สาเหตุนี้เองเขามักถูกเด็กรอบข้างข่มเหงรังแกมาโดยตลอด มันเจ็บทั้งกายและใจจนกระทั้ง................. วันหนึ่งมีมีนักบวชชรารูปหนึ่งเกิดนึกสงสารเด็กที่มักถูกรังแกจากเด็กวัยเดียว กัน เขาจึงได้คำแนะนำน่ากลัวกับเขาอย่างหนึ่งว่า...........................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:18:35 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:22:20 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร นายต้องกินหัวใจและตับของคน นายจะได้มีพลังมหาศาลเพื่อต่อสู้กับคนมารังแกได้ ซีอุย น้อยเชื่อคำแนะนำที่แสนชั่วร้ายอย่างสนิทใจ เขาเชื่อโดยไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เขาเริ่มหันกินเนื้อสด ๆ เริ่มต้นด้วยการฆ่าสัตว์กินเครื่องใน เช่น ตับ ไต หัวใจ โดยคนรอบข้างไม่ห้ามปรามเพราะเขายังเด็กอยู่ความทมิฬหินชาติได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว พ.ศ.2488 ซีอุยอายุครบ 18 ปี เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์ เขาถูกเกณฑ์ไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาประจำอยู่หน่วยรบทหารราบที่ 8 ในขณะที่จีนและ ญี่ปุ่นทำสงครามอยู่เขาถูกส่งไปรบในสมรภูมิพม่า แนวสนามรบตามรอยต่อตะเข็บแดนของประเทศจีน เป็นเวลาเกือบ ปีเต็ม ๆ ที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายจากห่ากระสุนปืนจากข้าศึก กระสุนเหล่านั้นปลิดชีวิตเพื่อน ๆ ของเขา ล้มตายดุจใบไม้ร่วง ตัวเขาก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส จากการสู้รบ ความหนาวเหน็บ และความอดอยากยากแค้น จนกระทั้งหน่วยรบของซีอุยพลาดท่าตกวงล้อมของข้าศึก เสบียงเริ่มหมดลง ซีอุยหิวกระหายอย่างหนักเพราะไม่มีอาหาร เขามองรอบ ๆ จนสายตาเขามาหยุดที่เพื่อนทหารที่ล้มตายราวผักปลา นี้แหละอาหารชั้นหนึ่ง........................................................ เขาใช้มีดพกคู่กายกรีดศพเพื่อนทหารด้วยกันอย่างเลือดเย็นตั้งแต่หน้าอกจนถึง หน้าท้อง ควักหัวใจ ตับ และไส้ออก มาต้มกิน โดยไม่สนใจและความรู้สึกของเพื่อนทหารที่ตะลึงกับพฤติกรรมของเขา และนี้เองคือที่มาของพฤติกกรมอันแสนสยดสยองของเขาในเมือง ไทยในเวลาต่อมา เมื่อสงครามสงบ.........ซีอุย ถูกปลดจากกองทัพ แต่เขาไม่คิดอยู่เมืองจีนต่อไป เนื่องจากระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ รวมทั้งความอดอยากยากแค้น ชาวบ้านส่วนใหญ่พยายามอพยพหนีตายในเมืองไทยอย่างมากมายเพื่อนคนหนึ่งได้ชวน มาทำงานไทย ในขณะที่ซีอุยได้กรรมกรแบกหามสินค้าของบริษัทเดินเรือค้ากับต่าง ประเทศ แห่งหนึ่ง ว่าเมืองไทยมีงานทำหลายอย่างและรายได้ดีกว่ากรรมกรแบกหามในจีน.................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:19:11 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:27:18 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ซีอุย เห็นดีเห็นชอบด้วย เพราะมันยังดีกว่าอดตายในแผ่นดินเกิด และเขานึกขึ้นได้ว่าเขามีญาติและคนรู้จักในเมืองไทยหลายคนสามารถพึ่งพา อาศัย หางานได้บ้าง จึงตกลงเดินทางหางานในเมืองไทยปสร้างตำนานสยองขวัญแรกมาเมืองไทย ชีวิตแบบนกขมิ้นซีอุยหลบหนีมาทำงานในไทยซีอุยเหยียบแผ่นดินไทยครั้งแรกที่ท่าเรือคลองเตยวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2489 ด้วยอายุเพียง 19 ปี เขาแอบแฝงมากับกลุ่มจับกัง ในเรือขนส่งสินค้าชื่อ โคคิด เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ ขณะที่เรือเทียบท่าส่งสินค้าที่คลองเตยซีอุยกับเพื่อนหลบหนีขึ้นฝังมาพักที่ โรงแรมเทียนจิน ตรอกเทียนกัวเทียน จังหวัดพระนคร แต่หาญาติที่รู้จักกันไม่พบ ก่อนที่จะเดินทางไปที่ อ.ทับสะเก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปทำงานรบจ้างทำไร่ทำสวน เขาพักและทำงานหลาย ๆ ที่ ไป ๆ มา ๆ บ้างอยู่เป็นสัปดาห์ บ้างอยู่เป็นเดือน บ้างอยู่เป็นปีจนกระทั้งเวลาผ่านไป 8 ปี ซีอุยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยด้วยการรับจ้างทำสวนกับนายไอ่ แซ่เล้า จากการทำงานหนัก ร่างกายของเขาทรุดลง จิตใจพะวักพะวนหงุดหงิด คำแนะนำของนักบวชชราจีนจงผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้งหนึ่ง..........................................................................................................เหยื่อรายแรก................................ 10 เมษายนพ.ศ. 2497หนึ่งทุ่มเศษซีอุยออกมาเดินเล่นในตลาดทับสะเก ระหว่างทางเดินผ่านหน้าโรงสีของนายกิ่ว บรรยากาศเงียบเชียบ มีแต่เสียแมลงร้อง และ แสงไฟที่ข้างรั่วโรงสีจนกระทั้ง ซีอุย แลเห็น ด.ญ.บังอร บุตรสาว 8 ขวบ ของนายตำรวจผู้หนึ่งเดินสวนมา มือถือขันอยู่ 1 ใบ นุ่งผ้าถุงแดง ท่อนบนเปลือยเดินอย่างสบายอารมณ์ ซีอุยอดใจไว้ไม่ไหว เดินตามเด็กหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงปรี่เข้าไปอุ้มเด็กเอามือปิดจมูกปิดปาก กึ่งเดินกิ่งวิ่งเข้าไปในทางมืดข้างโรงสี เด็กหญิงโชคร้ายพยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่ไม่สามารถทานแรงของซีอุยได้ จนสิ้นสติไป ในที่สุดร่างของเธอถูกวางบนพื้นดินใกล้ลำคลองเล็ก ๆ ความเงียบสงบ ประสานเสียงเต้นของปีศาจแสดงให้เห็นความเหนื่อย ซีอุยไม่รอช้าหยิบมีดพับปลายแหลมยาว 5 นิ้วที่เขาพกติดตัวเสมอ แทงไปที่คอใต้ลูกกกระเดือกเด็กหญิง 1 ที เลือดสีแดงฉาดคาวเลือดกระจายคละคลุ้ง แต่โชคดีในความโชคร้ายแผล นั้นมันยังตื้นเกินไปที่ไม่ให้เด็กหญิงตายได้ และมีคนผ่านมาพอดีก่อนที่ซีอุยจะลงมีดที่ 2 ซีอุย หงุดหงิดแต่ต้องผละจากไปอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหมดสติจนกระทั้ง เช้า 7 โมง ของวันรุ่งขึ้น ร่างอันขะมุกขะมอมคลุกเคร้าไปกับคราบเลือดของหนูน้อยบังอร ที่กระเซอะกระเซิงล้มลุกคลุกคลานออกจากตรอกชายข้างโรงสี ผวาเข้าสู่อกบิดามารดา ทุกคนต่างรินน้ำตาให้กันอย่างเศร้าสลดต่อภาพที่พบเห็น ด.ญ.บังอรรอดตายปาฏิหาริย์ แต่รอยแผลเป็นที่คอหอยของเธอยังคงปรากฏชัด พร้อมกับความทรงจำที่เลวร้าย แม้ปัจจุบันเธอจะอายุ 53 ปีแล้วก็ตาม เธอเป็นเหยื่อรายแรกและรายเดียวที่รอดตายเพราะเหยื่อรายที่ 2-7 ต่างตายเพราะเงื่อมมือของซีอุย ปีศาจกินคน จนหมดสิ้น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:19:47 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:31:20 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ..........................................เหยื่อรายที่สอง.................................................... วันที่ 9พฤษภาคม พ.ศ.2497เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 เดือน ทุกคนต่างลืมเรื่องราวขอ งด.ญ.บังอร เสียสิ้น วันนี้ที่บริเวณลานกว้างที่ ว่าการอำเภอทับสะแก ได้มีงานแต่งงานของนายมงคล สุดลาภา อดีตปลัดอำเภอทับสะแก งานจัดอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านทับสะแกเกือบทุกคน ต่างหอบลูกจูงหลานมาร่วมงานมงคล งานนี้เกือบหมดอำเภอ แต่ซีอุยไม่สนุกด้วยเขา กำลังหาเหยื่อ ความหงุดหงิดงุ่มงามที่ฆ่าเหยื่อรายแรกครั้งแรกไม่ได้มันฝังลึกในจิตใจของเขา ความอ่อนเปลี้ยเพียงแรงได้กระตุ้นหาเหยื่ออีกครั้งในงานนี้ แน่นอน นอกจากผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน ยังมีลูกเด็กเล็กแดง ต่างตามพ่อแม่ ญาติพี่น้องมาวิ่งเล่นสนุกสนานอยู่หน้าเวทีลำวงบ้าง ตามทางเดินบ้าง ใครแยกออกจากกลุ่มนี้แหละเหยื่อของซีอุยสายตาของเขามันจับจองเหมือนเลือกหมูกับปลาในตลาดสดไม่ปานจนกระทั้งสายตาจับต้องไปยังเด็กหญิงคนหนึ่ง ด.ญ.นิด แซ่ภู่ วัย 11 ขวบ ได้แยกตัวออกจากกลุ่ม กับน้องสาวเพื่อกลับบ้านเพราะง่วงนอน เธอกำลังกลับบ้านแต่ทางไปบ้านเธอนั้นอยู่หลังเวทีลำวงเป็นทางเปลียวและมืด สนิท ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ ออกมาเพียง 200 เมตร ฝ่ามืออันหยาบกร้านตะปบปิดปากปิดจมูก หนูน้อยในทันที มันอุ้มร่างเด็กน้อย หายลับไปในรัตติกาลอันมืดมิด ทิ้งไว้แต่น้องสาวที่หวาดกลัวจนร้องไห้จ้า เขาวิ่งอุ้มร่างของด.ญ.นิด เข้าไปในความมืด วิ่งผ่านข้างทางรถไฟสายใต้ จนมาหยุดที่สะพานผ่านทางรถไฟที่มีป่าหญ้า มืดสนิท ปราศจากสิ่งมีชีวิตใด ..... ๆ มันวางร่างเหยื่อลงทันที จัดการถอดเสื้อ ผ้าถุงเหยื่อ ร่างน้อยอยู่สภาพเปลือย เป็นครู่ใหญ่ที่มันสมปรารถนากับความสุขของกามารมณ์ในแบบผีนรกความ ชั่วของมันยังไม่พอ เพราะขาดความเหี้ยม มันล้วงมีดพับปลายแหลมด้านไม้ที่ที่ขาววับจากกระเป๋ากางเกง มันเริ่มกรีดทิ่มไปยังอณูเนื้อที่อ่อนนุ่มของเหยื่อเด็กสาวทันที มีดกรีดตั้งแต่หลุมสะดือลงมาผ่านหน้าท้องขึ้นมาถึงทรวงอกจรดคอเผยเห็นตับไตไส้พุง ทะลักอย่างกับไส้ไก่ และอีกจุดหนึ่งจากสะดือลงไปบริเวณของลับจากนั้นมันก็หมกมุ่นอยู่กับการเอามีดเชือดเฉือดของลับ ขาอ่อนและแขนทั้งสองข้าง แยกเนื้อและกระดูกออกราวกับพ่อค้าเนื้อที่ชำนาญ แต่มันไม่สนใจเนื้อที่ได้มากนัก และโยนทิ้งที่พุ่มต้นไม้เอาใบไม้หุ้ม.........................................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:20:13 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:36:14 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร มันควักอวัยวะภายในคือลำไส้และหัวใจ ตับของเด็กสาวออกมา แยกนำมาล้างเลือดที่คลอง เก็บใส่กระป๋องกางเกง ล้างเสื้อที่เปรอะเปื้อนออกที่ลำคลองเช่นกัน หลังจากที่เขาสังหารเหยื่อแล้ว เขาทิ้งศพ และมุ่งกลับบ้าน ประมาณ 4 ทุ่ม เขาเดินเข้าไปในครัว เอาอวัยวะที่ได้ทั้งหมด ใส่กาน้ำใบใหญ่ต้มจนสุขและลงมือกินในห้องน้ำอย่างเอร็ดอร่อย กินจนนิ่มแล้วเข้านอนอย่างมีความสุข จนกระทั้ง ศพ ด.ญ.นิด แซ่ภู ถูกพบ ร่างนอนเปลือยเปล่า ขาวโพลน แน่นิ่งไม่ขยับ อยู่พงหญ้า ติดคลองทับสะเก พวกชาวบ้านและตำรวจที่พบศพถึงกับสยดสยองและความเวทนาต่อสิ่งที่พบเห็นตรงหน้า เพราะตั้งแต่ลำคอของเธอ ถูกผ่าลงที่ทรวงอก จนถึงอวัยวะเพศ อวัยวะภายใน เช่น ตับ ปอด ไต หัวใจ หายไปจนหมดสิ้น ดวงตาเหลือกถลนแสดงถึงความตกใจถึงขีดสุด เสียงเล่าลือเริ่มแพร่สะพัดไปทุกซอกทุกมุมเมือง ต่อมาตำรวจได้ควบคุม อดีตพลตำรวจปอเตียง ผู้สติไม่สมบูรณ์มากนัก เพราะเคยมีประวัติฆ่าคนตายมาก่อนเพราะชาวบ้านคิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายผ่านพ้นไปแล้วเมื่ออดีตพลตำรวจปอเตียงถูก จับแต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะศพเดียวมันไม่เพียงพอ........................นี้สิ...................................................................เหยื่อรายที่ 3............................................... เป็นเวลาหลายเดือนที่ซีอุย ต้องตระเวนอยู่รอบอาณาจักรไทย ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ ระนอง ก่อนที่จะกลับมายังถิ่นเก่า อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อีกครั้ง แล้วทำงานและทำงานอยู่กลับนาย เทียนเชีย แซ่ตั้ง แค่ 2 วัน มันก็เริ่มแผนอุบาทว์ขึ้นอีก วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2498 หลังจากเลิกงานจากไร่ถั่ว ซีอุยเดินออกมาจากไร่ไปตามร่องสวน จนกระทั้งพบด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่ลี้ อายุ 7 ขวบ ลูกสาวนายหยิ่นฝาและนางซิ่ว กำลังเดินอยู่ข้างทางห่างออกไปประมาณ 50 เมตรแค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว สำหรับการกระตุ้นความวิปริตปีศาจที่อยู่ในจิตใจที่ผิดมนุษย์อย่างซีอุยแล้ว วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2498 มีผู้พบศพของด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่ลี้ นอนตายอืดอยู่สวนห่างจากบ้านแค่ 300 เมตรเธอออกจากโรงเรียน แต่ไม่กลับบ้านเป็นเวลา 3 วัน สภาพศพเริ่มอืด เริ่มเน่าเฟะแทบจำไม่ได้ แต่สิ่งที่เหมือนกับศพแรกก็คือข่มขืน - กรีดคอ - ถึงช่องท้อง-ควักตับ - ปอด-หัวใจ - หายไปแม้ต่างท้องที่ ต่างอำเภอ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้ว่า ต้องเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกันแน่การ สืบสวนหาตัวฆาตกร จึงเริ่มต้นอย่างจริงจัง เพิ่มจำนวนคนมากขึ้น จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งสองอำเภอ ใช้เวลาไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามร้อยยอด สามารถจับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ถึง 2 คน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:21:27 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:39:10 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร นายเจือ เสียงเสนาะกับ นายสนิท สังวาล์ยวงค์ เพื่อนบ้านใกล้ชิดของนายหยิ่นฝา อันเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบพบว่า มูลเหตุอาจมาจากทั้งสองกับนายหยิ่นฝาทะเลาะวิวาทเรื่องที่ดินและการทำสวนของทั้งสองฝ่าย รุนแรงถึงขั้นประกาศเอาชีวิตกันแต่ทั้งสองมีพยานหลายปาก ยืนยันที่อยู่ของเขาทั้งสองในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปล่อยตัวอย่างช่วยไม่ได้ชาวบ้านต้องหวาดผวาอีกครั้ง เพราะฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่ ไม่รู้ว่าลูกคนไหนจะถูกฆ่าควักเครื่องในกินอีก............................................เหยื่อรายที่ 4............................................. วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2498ซีอุยยังไม่ได้หนีไปยังจังหวัดไหน เขายังไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ และเขายังอยู่อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และที่นี้เองเขาก็ได้ฆ่าคนอีกเป็นศพรายที่ 3 ด.ญ.หงั่น ลูกสาวของนายไกว และนางน้ำ แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ได้หายไปหลังจากดูลิเกที่เปิดวิกการแสดงอยู่ข้างบ้าน เธออุ้มน้องสาววัย 10 เดือนออกไปด้วย แต่ภายหลัง มีผู้พบทารกน้อย นอนร้องไห้จ้าอยู่ริมถนนที่ไม่ไกลจากโรงลิเกมากนัก วันรุ่งขึ้นก็พบศพตัวพี่สาวชั้น ป.3 อยู่ใกล้โรงเก็บน้ำมัน ของกรมทางหลวง ที่ตั้งอยู่ท้ายตลาด 3 ยอด สภาพศพไม่แตกต่างไปจาก 2 ศพ ก่อนหน้าไม่มากนัก มันเหมือนกับประเพณีแห่งการฆ่า มันเป็นเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ฆ่าคนดั่งผักปลา คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ นายทับ ฤาเผย รปภ.ของโรงเก็บน้ำมันมาสอบสวน เพราะเขาเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ในคืนนั้นมากที่สุด แต่ก็เช่นเคย ไม่มีอะไรในกอไผ่ ในขณะที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากมายจากกรมตำรวจ ต่างเดินทางประจวบคีรีขันธ์เพื่อคลี่คลายคดีนี้แต่ซีอุยมุ่งสวนทางไปกรุงเทพ อีกครั้ง.............ไปสร้างตำนานสะท้านกรุงต่อไป.....................................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:21:58 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:41:57 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ...............................................เหยื่อรายที่ 5............................................... 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498กรุงเทพสมัย 50 ปีก่อน นั้นยังร้างไร้ผู้คน วันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่เหมือนวันเดิมเพราะว่าเป็นวันตรุษจีน ทุกคนมีความสุขในวาระเฉลิมฉลอง ซีอุยเดินออกจากที่พักที่ทำงานของนายอิ่วไฉ่ แซ่อึ้ง นายจ้างร้านเหล้าและโซดา เมื่อทุ่มเศษ ๆ เดินไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั้งมาหยุดโรงงิ้วที่วัดปทุมวนาราม ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง หนูน้อยวัย 4 ขวบ บุตรสาวของนายกิมบั๊ก พ่อค้าเหล็กย่านถนนมิตรไมตรี คือเหยื่อรายที่ 5 เธอ ชะตาขาดเพราะพลัดหลงกับแม่ตอนดูงิ้วที่วัด ในที่สุด มันตัดสินใจอุ้มเด็กเคราะห์ร้ายไว้ในอ้อมแขน ใช้มือ อุด ปาก อุดจมูก ใช้ความมือเป็นเกราะกำบังตัว มันวิ่ง........วิ่งเหนื่อยแทบขาดใจ จนถึงทางรถไฟสถานีรถไฟจิตรลดาศพของหนูน้อยชะตาขาดถูกทิ้งอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ และวันต่อมาข่าวนี้สร้างความโกลาหลและสะท้อนกรุงยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง แม้แต่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมกรมตำรวจยุคนั้นออกคำสั่งด่วนให้ดินตามฆาตกรรายนี้โดยเด็ดขาด แต่ไม่มีใครจับซีอุยได้ เพราะมันใช้ชีวิตแบบนกขมิ้น ที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มันจากกรุงเทพฯ ไปทำงานหลายจังหวัด ไม่ว่าลำพูน ธนบุรี เข้ากรุงเทพ ไประยอง ฯลฯ..............................................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:22:27 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:45:26 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ..............................................เหยื่อรายที่ 6..................................................... 6 กุมภาพันธ์ 2500 พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมวันตรุษจีน วันนี้มีงิ้วบนลานกว้างองค์พระปฐมเจดีย์ และเต็มไปด้วยฝูงคนมาชมเที่ยวงานห่างจากโรงงิ้วไม่มากนัก ซีอุยล่อลวง ด.ญ.ซิวจู แซตั้ง อายุ 5 ขวบ ที่หลงมากับแม่ด้วยขนมแป๊ะก๊วย เมื่อกินเสร็จ ถึงคราวเชือด มันพาหนูน้อยชะตาขาดไปลานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งมีต้นจามจุรี 1 ต้น มันใช้มีดเล่มเดิมจากกระเป๋าของมันแทงไปที่คอหอย ใช้เวลาไม่นานเธอก็หมดลมหายใจ มันจัดการอุ้มร่างที่ไร้ลมหายใจไปที่ถ้ำมือแห่งหนึ่งในองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อทำการแหวะตับและหัวใจเพื่อเอาไปกิน แต่ระหว่างหนีก็ทิ้งไฟฉาย และเกี๊ยะ ข้างศพหนูน้อยในถ้ำ ครั้งนั้นตำรวจที่รับผิดชอบเวลานั้น เร่งติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วนอย่างสุดเหวี่ยงและได้จับกุม นายไสว ปิ่นสินชัย คนขายเนื้อในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ช่วย ส.ส.พรรคไทยรักไทยเขต 3 นครปฐม โดยมีหลักฐานเป็นมีดเปื้อนเลือดไฟฉาย และเกี๊ยะ ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นของนายไสว กว่าจะรู้ว่าจับผิดตัวนายไสวจำคุกนานถึง 1 ปีเต็ม แน่นอนหนังสือพิมพ์กรุงเทพ ฯ ได้เสนอข่าวนี้อย่างครึกโครม ซีอุยทนกระแสกดดันไม่ไหว จึงรีบหลบหนีไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกลับมายังนครปฐม มันเร่รอนไปทั่วทุกแห่งในประเทศไทย พร้อมฟังข่าวว่ามีเรือกลับเมืองจีนหรือไม่ ขาฝันอยากกลับบ้านเกิดมาตั้งนานแล้ว เมื่อไม่มีเรือกลับ ซีอุย จึงมาเป็นลูกจ้างทำสวนผักของนาย อิ๋ดเจียก แซ่อึ้ง ที่ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และที่นี้เองคือที่สุดท้ายที่มันจะก่อกรรมทำเข็ญ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:22:57 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:48:08 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ..............................................เหยื่อรายที่ 7 รายสุดท้าย.................................................. 27 มกราคม พ.ศ. 2501นี้เป็นข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ของซีอุย เพราะเขาตั้งใจที่จะสังหารเหยื่อที่เป็นเด็กชายคนแรกแทนที่จะเป็นผู้หญิงและ เป็นคนที่เขารู้จักในเวลานั้น เวลาประมาณ 15.00 น.ซีอุย ยังทำงานที่สวนของนายเฉลียว ขุดดินปลูกผักอยู่ในไร่ ทันใดนั้นเหยื่อสุดท้ายของเขาก็มาหาด.ช.สมบุญ บุตรนาวา บุญยกาญจน์ทั้ง สองรู้จักกันมานานแล้ว ในฐานะลูกค้าซื้อผักประจำ แต่ซีอุยทนแรงยั่วยวนไม่ไหว มันหาจังหวะที่จะฆ่ามานานแล้ว และวันนี้เป็นวันที่เหมาะสมอย่างยิ่ง มัน กระโดดเข้าสวมกอดเด็กชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มเข้าไปในสวนยางพาราท่อยู่ลึกสุด เมื่อมันถึงที่ปลอดคน ก็ปล่อยให้ยืน เด็กชายก็ไม่ร้องและดิ้นแต่อย่างใด มันเริ่มเอามือกดศีรษะ กดให้ล้มนอนหงาย ก่อนใช้มือซ้ายปิดปากและจมูก มือขวาก็ใช้มีดแทงคอที่ใต้ลูกกระเดือก เด็กชายผู้เคราะห์ร้ายสิ้นใจในเวลาไม่นานนัก ซีอุยเริ่มใช้มีดด้านเดิมเชือกหลอดลมให้ขาด แล้วทำการผ่าท้องและสะดือจนถึงหลอดลมที่ตัดไว้ แล้วตัดเอาหัวใจและตับออกมากองบนใบไม้ที่อยู่ข้างศพ เย็นนั้นมันนำหัวใจและตับของเหยื่อคนล่าสุดกลับเข้าที่พักในสวน ผักล้างด้วยน้ำจนสะอาดก่อนเก็บไว้กะละมังไว้ในตู้กับข้าว แต่ ครั้งนี้มันแตกต่างกับเหยื่อรายอื่น ๆ ที่มันจัดการ มันคิด หากมีผู้พบเห็นศพมันจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน เพราะพ่อแม่เด็กนั้นต้องรู้ดีว่าได้ใช้ลูกของต้นมาซื้อผักที่สวนนี้มัน จึงตัดสินใจกลับไปที่สวนยางพาราอีกครั้ง มันทำการกำจัดศพ มันใช้ไฟเผา ชั่วพริบตาเดียวไฟก็ลุกลามไปเศษไม้ใบแห้งจนลามติดเนื้อหนังมังสาของเด็กชาย ผู้เคราะห์ร้ายห่าง จากตำบลเนินพระไปเล็กน้อย นาย นาวา บุณยกาญจน์ พ่อของเด็กชายสมบุตร และนายเสงี่ยม ม่วงแสง เพื่อนบ้าน กำลังออกตามหาลูกชาย เพราะเป็นห่วงว่าให้ไปซื้อผักที่เนินพระและไม่กลับมา ซึ่งตอนแรกทั้งสองคนพากันเดินทั่วบริเวณสวนผักมัน คงถึงคราวชะตาขาดของซีอุย ที่มันก่อกรรมทำเข็นไว้มาก นายนาวาและนายเสงี่ยมได้ตรงไปที่ซีอุยใช้เป็นที่กำจัดหลักฐานศพทั้งสองเฝ้ามองพฤติกรรมที่น่าสงสัยของซีอุย และเขาก็อุทานอย่างไม่เป็นภาษาคน เมื่อเห็นวัตถุอย่างหนึ่งโผล่ออกจากกองไฟมันเป็นขาคน ขาของเด็กชายสมบุตรไฟ ยังไม่ติดหมดทั่วร่าง สภาพยังเห็นศพเด็กน้อยครบสมบูรณ์อยู่ นายนาวาไม่รอช้าปราดไปเขี่ยกองไฟแล้วอุ้มร่างไร้วิญญาณของลูกรักไว้แนบอก ดวงตาและสีหน้าโกรธแค้น สัตว์นรก มึงทำได้อย่างไร"นายนาวาคำรามดุดัน วางศพลูกชายลงกลับพื้นโผเข้าใส่ซีอุยอย่างบ้าคลั่ง ซี อุยไม่ได้ต่อสู้เพราะตัวมันไม่มีอาวุธอะไรเลย มันยอมให้นายนาวาและนายเสงี่ยมจับมัดไว้ที่เสาบริเวณบ่อน้ำของสวนผัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา 2 ชั่วโมง และเก็บหลักฐาน หัวใจและตับที่ซ่อนในตู้กับข้าว...............................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:23:22 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:51:21 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ........................................ซีอุยให้การรับสารภาพในสิ่งที่มันทำทั้งหมด........................................ ...........................................การตัดสินของศาล....................................... ซีอุยขึ้นศาลชั้นต้นในจังหวัดระยอง ซึ่งตอนแรกเป็นการสืบคดีเด็กชายสมบุญก่อน แล้วจึงเล่าว่าได้ก่อคดีแบบนี้ที่จังหวัดอื่นหลายแห่ง มากถึง 6 ศพตามกฎหมาย อาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 289ไม่ พ้นโทษประหารแน่แต่จำเลยรับสารภาพหมดทุกข้อกล่าวหา และให้คำสัตย์จริงตั้งแต่ต้นเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ศาลจึงลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิตแทนซีอุยยิ้มไม่หุบเพราะมันรอดตาย แต่ อัยการ นายสุเมธ กาญจนอักษร ไม่คิดเช่นนั้นเนื่องจากสังคมไม่ยอมรับและให้อภัยการกระทำที่ซีอุยทำไว้ ความรู้สึกประชาชนและความหวาดระแวงต่าง ๆ ก็ยังเกิดขึ้น ถ้าฆาตกรกินคนยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาล ฐานฆ่าคนโดยไต่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย ต่อสู้คดีจนถึงบทสรุปที่ศาลอุทธรณ์ต้องประหารชีวิตสถานเดียวส่วน ที่ศาลชั้นต้นลดโทษ เพราะจำเลยรับสารภาพ แต่ที่ทำเพราะมีพยานและหลักฐานแน่นหนา เมื่อมีหลักฐานจำเลย(ซีอุย)ก็ไม่จำเป็นที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะลดโทษอีกซีอุยเมื่อฟังคำตัดสิน ถึงกับเป็นลมกลางอากาศ ล้มผลึ่งกลางศาลลงนอนกลับพื้น ภายหลังเครียดจัดถึงกับอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างรุนแรง 4 ครั้งใน ระหว่างรอการประหาร ซีอุย แซ่อึ้ง ถูกส่งตัวขังเดี่ยวที่เรือนจำบางขวางจังหวัดนนบุรี และเกือบตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยช้อนสังกะสีสำหรับตักข้าวกิน แต่ผู้คุมมาเห็นก่อน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:23:53 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:56:31 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ....................................วันประหารของซีอุยถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว.......................................... จุดจบ 17 กันยายน 2502 ที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนบุรีปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ...............................................ก่อนจบ................................................... ในหลายสิบปีให้หลังมีผู้สนใจเรื่องราววิปริตของซีอุย พยายามค้นคว้าและพบว่าคดีนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลไม่น้อยถึงขนาดตั้งข้อสังเกต ว่าซีอุยเป็นฆาตกรวิปริต หรือแค่แพะรับบาปเท่านั้น !??ประการ หนึ่ง ซีอุยเป็นผู้รับสารภาพเองว่าเป็นฆาตกร ในขณะที่ตำรวจเองไม่มีหลักฐานใดๆ มัดตัวคนร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยซีอุยลอยนวลอยู่นานหลายปี การที่ตำรวจคลี่คลายคดีเก่า ๆ ได้ มีหลักฐานเดียวคือคำสารภาพของซีอุยเท่านั้น ! น่าสนใจว่าซีอุยพูดไทยไม่ได้มาก ต้องให้การผ่านล่าม คำแปลและความเข้าใจของซีอุยเกี่ยวกับความผิดหรือคำสารภาพนั้นมีมากขนาดไหน มีการตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยอาจจะสารภาพไปตามบท เพราะเข้าใจว่าเมื่อจบเรื่อง ตัวเองจะถูกส่งกลับเมืองจีนเท่านั้น จากข่าวในห้วงเวลานั้นพบว่าคำรับสารภาพของซีอุยก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย ! ในจำนวน 6 ศพ ที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การฆ่าอย่างสิ้นเชิง ตำรวจแถลงว่าที่ไม่กินเพราะซีอุยบอกว่า ตับกับหัวใจเล็กเกินไป กินไม่อิ่มเลยไม่กิน !
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:25:18 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:59:49 » |
|
ซีอุยผู้น่าสงสาร ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวซีอุย ไปทำแผน ฯ บางคดีพิสดารและเหลื่อเชื่อเกินไป เช่น รายหนึ่งซีอุยให้การว่าฆ่าเด็กแล้วอุ้มวิ่งเข้าไปในสวนลึกหลายกิโล แถมยังแวะอาบน้ำอาบท่าระหว่างทางอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวผิดวิสัยเกินไป อีกจุดหนึ่งคือการลงมือระหว่างเหยื่อรายที่ 6 และรายที่ 7 ที่ทิ้งช่วงเวลาห่าง กันถึง 1 ปี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นหรือคดีที่ ต.ทับสะแก ซึ่งซีอุยสารภาพว่าลงมือถึง 4 ครั้ง รายแรกทำไม่สำเร็จ แต่ก็ลงมือได้ในอีก 3 รายต่อมา ตามปกติทั่วไปเมื่อก่อเหตุครั้งแรกไม่สำเร็จ ซีอุยน่าจะหลบหนีเพราะเด็กต้องจำหน้าได้ กลับกล้าอยู่ในพื้นที่เดิมและลงมือกับเหยื่ออีก 3 ราย ซ้อน ฯลฯ แม้มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสงสัยมากมาย แต่อย่างไรเสียคงไม่สามารถหาข้อยุติหรือตรวจสอบให้แน่ชัดได้แต่ก็น่าสนใจว่า หลังตำรวจจับกุมซีอุยได้ คดีฆ่าผ่าท้องเด็กก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย !............................ข้อมูลจากหนังสือ ซีอุย มนุษย์กินคน เรียบเรียงโดย ท่านขุน บุญราศรี.............................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:30:42 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 19:32:47 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 19:52:27 » |
|
เจ๊ เงาฝัน ต้องเกิดไม่ทััน เรื่อง ซีอุย แน่ ๆ 5 5 5 ซีอุยผู้น่าสงสาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 20:56:38 » |
|
ทันค่ะ แค่ไม่ทราบรายละเอียดเบื้องลึกที่ น้อง"บางครั้ง"นำมาแบ่งปัน
หวาดเสียว หวาดกลัว ตื่นเต้น สยองขวัญ มิน่า!ร้องให้อยู่จึงเงียบ เมื่อถูกขู่ด้วยเรื่องนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
กำลังโหลด...