เถลิงศกใหม่กับฟริดริช นิทเช่: ปีใหม่กับการตั้งปณิธานต่อตนเองในมุมมองปรัชญา
<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-01-12 08:58</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภัทรพล เป็งวัฒน์</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded">
<p>น้ำหมึกปากกาถูกวาดเป็นรูปกากบาทอีกครั้งบนตัวเลข 31
ที่หน้าสุดท้ายปฏิทินถูกฉีกออก
วันที่ของศักราชใหม่ถูกนำมาวางแทนที่ชิ้นเก่า
แล้วพวกเราก็เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง …</p>
<p>เมื่อห้วงยามของการเถลิงศกใหม่มาถึง สายลมแห่งการเฉลิมฉลองแด่วันใหม่และปีใหม่ก็วิ่งเข้ามาปะทะใบหน้าของเราอีกครั้ง หลายคนเดินทางกลับไปภูมิลำเนาเกิดเพื่อพบเจอครอบครัว หลายคนอิ่มอุ่นกับการนอนนิ่งในผ้าห่มหนาๆ บางคนร่ำสุรากับมิตรสหายที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมานานหลังจบจากสถาบันศึกษา และ ใครอีกหลายคนถือเอาโอกาสเช่นนี้ใช้วางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง</p>
<p>สิ่งที่เราพบเจอจนเป็นปกติทุกขวบปี เมื่อปีใหม่มาถึง คนส่วนใหญ่มักจะมีการตั้งเช็คลิสต์ หรือ วางแผนการเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อใช้ชีวิตให้ไม่เหมือนเก่าในปีใหม่ การเปลี่ยนแปลงตนเองที่ว่านี้เป็นการตั้งต้นให้ตัวเองทำอะไรใหม่ๆ ในปีใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่เพื่อให้ชีวิตตนเองดีกว่าเดิมในปีที่แล้วมา ปณิธานในการเปลี่ยนแปลงมีหลายหลากต่างกันไป เริ่มตั้งแต่การดูแลรูปร่างและเปลี่ยนแปลงให้สมส่วน พัฒนาทักษะภาษา ไปจนถึงการลดปริมาณการดื่มเบียร์ เป็นต้น และ สิ่งที่เราพบเจอจนเป็นปกติทุกขวบปี (อีกเช่นกัน) คือ การตั้งปณิธานไว้แต่ไม่ได้ทำตามปณิธานนั้นจนสำเร็จ (บางทีก็ตั้งปณิธานไว้ให้สบายใจเป็นพอ) เมื่อทำไม่สำเร็จ ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาสู่หัวใจของใครหลายคนมักจะเป็นความรู้สึกที่รู้สึกว่าตนล้มเหลว รู้สึกผิดเมื่อแผนการเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามคาด เกิดความรู้สึกลบ ความรู้สึกไม่พอใจต่อตนเอง บางคนถึงขั้นท้อถอยเลยก็มีให้เห็น คำถามที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์เหล่านี้ คือ หากเราตั้งปณิธานไว้แต่ทำไม่สำเร็จ เราควรที่จะตั้งปณิธาณเหล่านี้อยู่หรือไม่? และ เราควรจะทำมันต่อไปไหม? นักปรัชญาหนวดงามชาวเยอรมันนาม ฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม นีทเช่ (Friedrich Wilhelm Nietzsche, 1844-1900) อาจช่วยตอบคำถามนี้ได้ ลองดูว่าเขาจะตอบปัญหานี้อย่างไร</p>
<p>ก่อนอื่นเราควรเริ่มต้นพิจารณาคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงก่อน คำถามคือ เรายังจะเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่เรากำลังจะเป็นในปีหน้าหรือไม่? คำตอบ คือ ไม่ เพราะว่า ทั้งลักษณะทางกายภาพของร่างกายและลักษณะทางสภาพจิตใจของเราจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน กล่าวคือ ในด้านร่างกาย เซลล์ร่างกายจะแก่ขึ้นและผลัดเซลล์ใหม่ เส้นผมที่เคยดกดำจะหงอกและร่วงโรย ผิวหนังจะเหี่ยวย่นขึ้น รวมถึงกำลังวังชาจะถดถอยลง เป็นต้น ในด้านสภาพจิตใจ แน่นอนว่าเราจะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะด้านอารมณ์และจิตใจ จากวันเวลาและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหรือจากเหตุการณ์ที่พบเจอในอนาคต เช่น การย้ายงาน การแต่งงาน หรือสูญเสียบุคคลที่รัก เป็นต้น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่นอนต่อตัวเราทุกคน และ เราจะไม่ใช่คนคนเดียวกันกับคนที่กำลังจะเป็นในปีถัดไปอย่างแน่นอน</p>
<p>ผ่านมุมมองของนิทเช่ เขาเห็นว่า ความแตกต่างระหว่าง มนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ คือ มนุษย์มีสิทธิ์ที่จะตั้งปณิธาณต่อตนเอง กล่าวคือ การตั้งปณิธานเป็นความสามารถที่จะคิด คาดการณ์ คาดหวังต่อตนเอง นิทเช่เชื่อว่า การตั้งปณิธานต่อตนเองเป็นลักษณะพื้นฐานที่บ่งบอกถึงการเป็นมนุษย์ และ มนุษย์แต่ละคนจะ ‘เป็น’ และ ‘ไม่เป็น’ บุคคล ที่กำลังจะเป็นในอนาคต (each of us is and is not the person we will become in the future) กล่าวคือ การตั้งปณิธานเป็นหนทางสำหรับการยืนยันถึงอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มนุษย์ไม่สามารถทราบได้เลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การตั้งปณิธานต่อตนเองจึงเป็นการคาดการณ์ต่อตนเองในอนาคตและเป็นการรักษาคำมั่นต่อตนเอง(ซึ่งบางทีอาจทำได้ยากในเชิงปฏิบัติ) นอกจากนี้การตั้งปณิธานต่อตนเองยังเป็นการป้องกันรักษาอัตลักษณ์ของตนเองเอาไว้ นั่นคือ ‘ความเป็นตัวฉัน’ (I) และขณะเดียวกันเป็นการผูกโยงเพื่อรวม ‘ความเป็นตัวฉันที่ตั้งใจจะเป็น’ (I promise) (ในอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน)</p>
<p>ศักยภาพในการตั้งปณิธานนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงถึงการมีเจตจำนงของมนุษย์ในฐานะปัจเจกบุคคล (individual) ซึ่งนิทเช่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ (nonhuman animal)โดยส่วนมากแล้วจะไม่ปรากฏการรับรู้ถึงตนเองในฐานะปัจเจกบุคคล รวมถึงไม่มีความเข้าใจเรื่องอัตลักษณ์ แม้ว่าสัตว์บางประเภทอาจมีประสบการณ์ของความรู้สึกผิด แต่ก็เป็นความรู้สึกผิดที่ไม่ได้มีที่มาจากการทำตามปณิธานไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามนิทเช่ชี้ว่า หากมนุษย์เราเอาแต่ตั้งปณิธานและประพฤติอย่างซื่อสัตย์จริงใจดุจความซื่อสัตย์ที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า เมื่อนั้นมนุษย์อาจตกอยู่ในสภาวะที่เหมือนสัตว์ (an animal-like state)</p>
<p>นิทเช่มองว่าเราตั้งปณิธานได้ แต่ไม่จำเป็นที่เราจะต้องรักษาปณิธานไปจนสำเร็จ (อาจฟังดูไม่เข้าท่าแต่กรุณาอ่านให้จบก่อน) เขาเห็นว่า บางทีการจะเต็มเติมให้ปณิธานที่ตั้งไว้สำเร็จลุล่วง ไม่ควรที่จะต้องแลกมาด้วยวิธีการที่ยากลำบากและโง่เขลาจนเกินไป เช่น อยากลดน้ำหนักมากจึงใช้วิธีการอดอาหารจนเป็นลมหมดสติ หรือ การให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานมากจนละเลยเรื่องความรัก ทั้ง ๆที่ทุกเช้าที่ออกไปทำงานมีโอกาสเจอคนที่ถูกใจและสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้ (แต่กลับปฏิเสธโอกาสนี้ เพราะปณิธานว่าจะโฟกัสแค่เรื่องงานเท่านั้น) เป็นต้น หากเราเจอเหตุการณ์ทำนองนี้แล้วเราเลือกที่จะพังปณิธานที่ตั้งไว้ลงบ้างในบางโอกาส นิทเช่
บอกกับเราทุกคนว่า การทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องผิดและไม่มีเหตุผลที่จะต้องรู้สึกผิดเลยหากการละเลยคำมั่นสัญญาต่อตนเองเกิดขึ้น และ จงมองตัวตนด้วยความรักต่อตนเอง (the Romantic View of Self) กล่าวคือ เราต้องรับรู้ตนเองในฐานะตัวเรา ไม่ใช่ตัวเราในฐานะทาสของความคิด (ที่ถูกตั้งไว้) จากความต้องการของเราในอดีตตลอดเวลา เพราะ ตัวตนของมนุษย์ไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลง และเติบโตอยู่เสมอ การมองตัวตนด้วยความรักต่อตนเองนี้เป็นวิธีการที่มนุษย์เตรียมตัวเตรียมใจที่จะทำลายล้าง (annihilate) ตัวตนของตนเองซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า<a href="#_ftn1" name="_ftnref1" title="" id="_ftnref1">[1][/url] ทำลายล้างเพื่อสามารถสร้างสรรค์ตัวตนขึ้นมาใหม่และสร้างขึ้นใหม่เพื่อถูกทำลายล้าง ตัวตนจะถูกประกอบสร้างและถูกทำลายเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ และตัวตนจะประสบกับสองภาวะนี้ไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดนิ่ง ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ (human being) เป็นเช่นนี้เสมอ</p>
<p>กระบวนการประกอบสร้างตัวตนและทำลายล้างตัวตนตามแนวคิดของนิทเช่ที่ว่านี้ มีสิ่งที่เรียกว่า เสรีภาพแบบสุดโต่ง (radical freedom) เป็นฐานคิดสำคัญตามแบบฉบับของสกุลความคิดอัตถิภาวนิยม เสรีภาพที่ว่านี้โยงใยเกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจและความรับผิดชอบ การเลือกสรรค์สร้างนิยามตนเองสามารถบรรลุได้ผ่านการกระทำ มนุษย์เลือกนิยามตัวตนอันมีความหมายผ่านการกระทำ เสรีภาพและความรับผิดจะเกิดขึ้นสมบูรณ์เมื่อมนุษย์อยู่ในภาวะของความวิตกกังวล (anxiety) สองสิ่งนี้ไม่สามารถแยกขาดกันได้ การดำรงอยู่ของมนุษย์เป็นสภาวะที่มีความเปลี่ยนแปลงอันปราศจากเหตุผลอยู่ตลอดเวลา ด้วยมีเสรีภาพและความรับผิดชอบที่ไม่สามารถแยกขาดออกไปมนุษย์ได้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อมนุษย์ดำรงอยู่ในสภาวะที่มีเสรีภาพอย่างมีความเป็นของแท้ (exist as an authentically free being) เมื่อนั้นมนุษย์จึงสามารถเลือกกระทำและรับผิดชอบเพื่อสร้างความหมายให้แก่ชีวิตตนเองได้ตลอดเวลา<a href="#_ftn2" name="_ftnref2" title="" id="_ftnref2">[2][/url] และการเลือกขณะเดียวกันคือการสร้างคุณค่าบางอย่างต่อตัวเราเอง</p>
<p>ดังกล่าวข้างต้นเสรีภาพสุดโต่งเป็นพื้นฐานในทุก ๆ การตัดสินใจในการกระทำและความรับผิดชอบ การตั้งปณิธานในวันปีใหม่เองก็นับเป็นหนึ่งในการสร้างสรรค์ตนเองของมนุษย์ผ่านการกระทำเช่นกัน กล่าวได้ว่าการมีเสรีภาพสุดโต่งเป็นตัวการสำคัญที่เปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถเลือกก้าวข้าม (overcome) หรือทำลายปณิธานที่ตั้งไว้ได้ (ในทำนองเดียวกันกับช่วงเวลาที่มนุษย์ตั้งใจตั้งปณิธานต่อตนเองขึ้นมา) ด้วยเสรีภาพอันสุดโต่งนี้เองมนุษย์สามารถเลือกรักษาปณิธานและทำลายปณิธานที่ตนเองก่อขึ้นมาได้ ทั้งนี้ภายหลังตัดสินใจเลือกและกระทำ มนุษย์จำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาปณิธานต่อ หรือ เลิกล้มปณิธานลง รวมถึงการเลือกทุกครั้งในชีวิตก็เช่นกัน การเลือกและความรับผิดชอบดังกล่าวคือความยากลำบากที่มนุษย์ต้องแบกรับ เพราะว่าทุก ๆ การเลือกเป็นการเลือกเพื่อสร้างความหมายต่อตัวมนุษย์และนิยามตนเองอยู่ตลอดเวลา</p>
<p>จากมุมมองของนิทเช่ หากเราตั้งปณิธานไว้แล้วทำไม่ได้ตามเป้าหมาย ไม่มีเหตุผลอะไรให้เราต้องเสียใจหรือรู้สึกผิด เพราะ เราสร้างมันใหม่ได้เสมอ และ ทำลายมันเมื่อใดก็ได้ หากมันมีความหมายต่อเรามากพอ</p>
<p>สุดท้ายแล้ว หลักใหญ่ใจความสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ไม่ใช่การถามว่า หากเราตั้งปณิธานไว้แต่ทำไม่สำเร็จ เราควรที่จะตั้งปณิธาณเหล่านี้อยู่หรือไม่? และ เราควรจะทำมันต่อไปไหม? สองคำถามนี้ไม่สำคัญเลย</p>
<p>คำถามที่สำคัญคือ เราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความหมาย? ต่างหาก</p>
<p>สุขสันต์วันขึ้นปีใหม่ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย</p>
<p>Be less of the person you are expected to be, and more of the person you want to be. ---Nietzsche<a href="#_ftn3" name="_ftnref3" title="" id="_ftnref3">[
3][/url]</p>
<p> </p>
<div>
<p><strong>อ้างอิง </strong></p>
<div id="ftn1">
<p class="MsoFootnoteText" style="margin:0in; margin-right:0in; margin-left:0in"><span style="font-size:10pt"><span style="font-family:Calibri,sans-serif"><a href="#_ftnref1" name="_ftn1" style="color:blue; text-decoration:underline" title="" id="_ftn1"><span class="MsoFootnoteReference" style="vertical-align:super"><span style="font-size:14.0pt"><span style="font-family:"Angsana New",serif"><span class="MsoFootnoteReference" style="vertical-align:super"><span style="font-size:14.0pt"><span style="line-height:107%"><span style="font-family:"Angsana New",serif">[1]</span></span></span></span></span></span></span>[/url] <a href="
https://www.theparisreview.org/blog/2017/12/22/advice-new-years-resolutions-kierkegaard-nietzsche/" style="color:blue; text-decoration:underline"><span style="font-size:14.0pt"><span style="font-family:"Angsana New",serif">
https://www.theparisreview.org/blog/2017/12/22/advice-new-years-resolutions-kierkegaard-nietzsche/</span></span>[/url] </span></span></p>
</div>
<div id="ftn2">
<p class="MsoFootnoteText" style="margin:0in; margin-right:0in; margin-left:0in"><span style="font-size:10pt"><span style="font-family:Calibri,sans-serif"><a href="#_ftnref2" name="_ftn2" style="color:blue; text-decoration:underline" title="" id="_ftn2"><span class="MsoFootnoteReference" style="vertical-align:super"><span style="font-size:14.0pt"><span style="font-family:"Angsana New",serif"><span class="MsoFootnoteReference" style="vertical-align:super"><span style="font-size:14.0pt"><span style="line-height:107%"><span style="font-family:"Angsana New",serif">[2]</span></span></span></span></span></span></span>[/url] <a href="
https://iep.utm.edu/existent/#SH1c" style="color:blue; text-decoration:underline"><span style="font-size:14.0pt"><span style="font-family:"Angsana New",serif">
https://iep.utm.edu/existent/#SH1c</span></span>[/url] </span></span></p>
</div>
<div id="ftn3">
<p class="MsoFootnoteText" style="margin:0in; margin-right:0in; margin-left:0in"><span style="font-size:10pt"><span style="font-family:Calibri,sans-serif"><a href="#_ftnref3" name="_ftn3" style="color:blue; text-decoration:underline" title="" id="_ftn3"><span class="MsoFootnoteReference" style="vertical-align:super"><span class="MsoFootnoteReference" style="vertical-align:super"><span style="font-size:10.0pt"><span style="line-height:107%"><span style="font-family:"Calibri",sans-serif">[3]</span></span></span></span></span>[/url] <a href="
https://bigthink.com/thinking/10-new-years-resolutions-you-can-steal-from-philosophers/" style="color:blue; text-decoration:underline">
https://bigthink.com/thinking/10-new-years-resolutions-you-can-steal-from-philosophers/[/url] </span></span></p>
</div>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคว
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/01/107599