[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
11 พฤศจิกายน 2567 02:25:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปริศนาคัมภีร์ วิวรณ์ และ คำพยากรณ์ของพระเยซู (ก่อนวันสิ้นยุค)  (อ่าน 5218 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7862


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 11 มิถุนายน 2553 02:24:03 »

[ โดย อ.มดเอ็กซ์ โพสท์ไว้ในบอร์ดเก่า ]





คำพยากรณ์ของพระเยซู (ก่อนวันสิ้นยุค)


ข้อความเหล่านี้เป็นข้อความจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ (พระคัมภีร์ไบเบิล) ที่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนจะถึงวันสิ้นยุค หรือก่อนที่จะเริ่มยุคใหม่ ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ของพระเยซูคริสต์ที่ได้กล่าวไว้เมื่อ 2000 กว่าปีแล้ว


จากเหตุการณ์ของโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็น สงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดนั้น ก็สอดคล้องกับคำพยากรณ์ของพระเยซูคริสต์ โดยพระองค์ได้กล่าวเตือนไว้นานแล้วว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องบังเกิดขึ้น เพื่อให้มนุษย์ทุกคนตระหนักถึงความจริงว่า แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงควบคุมสิ่งเหล่านี้ และพระองค์ทรงปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนหันกลับมาหาพระเจ้า และดำเนินในทางของพระองค์.... “ใครมีหู จงฟังเถิด”





ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากพระวิหาร แล้วพวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลายในพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร




พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี"




เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าพระองค์ส่วนตัวกราบทูลว่า "ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบ




ว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี้" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง





ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเรา กล่าวว่า `เราเป็นพระคริสต์' เขาจะล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป




ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง




เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและโรคติดต่อร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ




เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก

ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา




คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน


ผู้พยากรณ์เท็จหลายคนจะเกิดมีขึ้นและล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป




ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่กว้างออกไป


แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด




ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะได้ประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง





*อ้างอิงจาก พระธรรมมัทธิว บทที่ 24:4-14 (ฉบับไทยคิงเจมส์เวอร์ชั่น)





ขอพระเจ้าอวยพระพร


โจเซฟ


 :o

http://www.oknation.net/blog/Joseph/2009/05/01/entry-1





Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7862


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2553 02:25:45 »


(23/05/2008 Midnight Cell)

เหตุการณ์ในปัจจุบัน พบว่ามีภัยพิบัติอันตรายมากมาย อาทิเช่น พายุไซโคลนนากีส ถล่มพม่า ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากมายร่วมแสน และ แผ่นดินไหวในประเทศจีน ที่รุนแรงมากจนมีผู้เสียชีวิตเป็นหลายหมื่น สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จะพบว่ารุนแรงมากเป็นประวัติการณ์ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะมีความเสียหายมากมายเช่นนี้ นอกจากที่ เหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น สึนามิ ได้เคยเกิดขึ้นแล้ว และมีการตื่นตัวกันระยะเวลาหนึ่ง อีกไม่นานก็ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น จนเกิดเหตุการณ์ใหม่ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ ทำให้เราจะต้องพิจารณาพระธรรมวิวรณ์ให้ดี
จากพระคัมภีร์วิวรณ์บทที่ 6 ขอให้เรามาพิจารณาร่วมกัน

(เนื่องจากมีผู้ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง ได้ให้ความเห็นว่า การตีความพระธรรมตอนนี้ อาจจะมีความเห็นแตกต่างกันไป อยากให้เสนอมุมมองต่าง ๆ ดังนั้นผมจึงขออนุญาตเสริมคำอธิบายจาก อมตธรรมร่วมสมัย ฉบับอธิบาย ร่วมด้วยครับ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจมากขึ้น โดยจะใช้เป็นตัวหนังสือสีน้ำเงินตัวเอียงครับ แต่ผมขออยากหนุนใจนะครับ ไม่ว่าจะตีความแบบใดก็ตาม เราก็อย่าลืมเป้าหมายหลักของผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์นี้นะครับ โดยสำหรับวิวรณ์ตั้งแต่บทที่ 4 เป็นต้นไป จะเป็นข่าวสารสำหรับคริสตจักร ซึ่งท่านยอห์นได้เขียนขึ้น เพื่อเป็นการเตือนสติคริสเตียนที่เฉื่อยชา และหนุนใจผู้ที่อดทนต่อสู้ในโลกนี้อย่างสัตย์ซื่อ โดยท่านยอห์นได้เขียนหลักของพระธรรมวิวรณ์ ไว้ในตอนต้นของพระธรรมวิวรณ์ คือ
"ความสุขมีแก่ผู้ที่อ่านและแก่บรรดาผู้ที่ฟังคำเผยพระวจนะ แล้วประพฤติตามสิ่งต่างๆที่เขียนไว้ในนั้น เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว" (วิวรณ์ 1:3 ThaiTSV2002)
และ ผมก็อยากจะหนุนใจนะครับ ว่า "เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว" จริง ๆ ครับ
ผมจะขอยกข้อความเกี่ยวกับการตีความพระธรรมวิวรณ์ จากหนังสือ อมตธรรมร่วมสมัย ฉบับอธิบาย มาให้พิจารณากันก่อนนะครับ)
ตลอดหลายศตวรรษมานี้ การตีความพระธรรมวิวรณ์พัฒนาขึ้นมาเป็นสี่แนวทางด้ายกัน (ได้แก่ ทัศนะที่ถือว่าเป็นเรื่องอดีต ทัศนะที่ถือว่าเป็นเรื่องอนาคต ทัศนะที่ถือว่าเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ และ ทัศนะแบบอุดมคติ) แต่ละแนวทางก็มีผู้สนับสนุนที่ทรงความสามารถ แต่ก็ไม่มีแนวทางใดสามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องแนวทางเดียวที่จะอ่านพระธรรมเล่มนี้ อย่างไรก็ตาม โดยสรุปแล้ว คำถามนำไปใช้ขั้นพื้นฐานที่สุดของแต่ละแนวทาง ก็คือ ถามตัวคุณเองว่า "การตีความอย่างนี้ จะช่วยให้ฉันเป็นสาวกที่ดี่ขึ้นของพระเยซูคริสต์ในวันนี้หรือไม่ ?"

"วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าประทานแก่พระองค์ เพื่อสำแดงต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และพระองค์ทรงใช้ทูตสวรรค์ไปแจ้งกับยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์" (วิวรณ์ 6:1 ThaiTSV2002)
ตั้งแต่ วิวรณ์ 6:1 เป็นต้นไป เป็นการพิพากษาชุดแรกจากทั้งหมด 3 ชุด แต่ละชุดมี 7 อย่าง โดยอีก 2 ชุด คือ แตร และขัน ขณะที่ตราแต่ละดวงถูกเปิดออก พระคริสต์ผู้เป็นองค์พระเมษโปดก ก็เคลื่อนเหตุการณ์ ซึ่งจะนำไปสู่บั้นปลายของประวัติศาสตร์มนุษย์ หนังสือม้วนนี้จะยังเปิดไม่ครบถ้วนจนกว่าจะแกะตราดวงที่เจ็ด เนื้อหาสาระในหนังสือม้วนเผยให้เห็นถึงความเสื่อมทรามของมนุษย์ และแสดงให้เห็นสิทธิอำนาจของพระเจ้าเหนือเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์ของมนุษย์

"ข้าพเจ้าก็เห็น และนี่แน่ะ ม้าสีขาวตัวหนึ่งออกมา ผู้ที่ขี่ม้าตัวนั้นถือธนู และได้รับมอบมงกุฎ แล้วท่านก็ออกไปอย่างมีชัย และเพื่อจะได้ชัยชนะ" (วิวรณ์ 6:2 ThaiTSV2002)
ตราดวงที่หนึ่ง พบว่า สอดคล้องกับการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระองค์ทรงมีชัยชนะเรียบร้อยแล้ว และสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
(มีความเห็นแตกต่างกัน ว่าผู้ที่ขี่คือใคร ส่วนใหญ่ จะตีความว่าเป็นพระเยซูคริสต์ แต่มีท่านแย้งว่าน่าจะไม่ใช่พระคริสต์ ดังเช่นในคำอธิบายของ อมตธรรมร่วมสมัย ฉบับอธิบาย มีความเห็นว่าไม่น่าจะใช่พระคริสต์ กรุณาอ่านข้างล่าง ที่คำอธิบายของ วิวรณ์ 6:7-8)

"3 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สองร้องว่า 'มาเถอะ'
4 และม้าอีกตัวหนึ่งเข้ามา เป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับมอบหมายให้เอาสันติภาพไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนรบราฆ่าฟันกัน และท่านผู้นี้ได้รับมอบดาบใหญ่เล่มหนึ่ง" (วิวรณ์ 6:3-4 ThaiTSV2002)
จากปัจจุบัน พบว่าเกิดการรบราฆ่าฟันกันมากมาย สันติภาพที่แท้จริงหาได้ยากมากในยุคปัจจุบัน ดังนั้น ตราดวงที่สองน่าจะเป็นสิ่งที่สำเร็จแล้ว

"5 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สามร้องว่า 'มาเถอะ' แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าดำตัวหนึ่งเข้ามา และผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ถือตราชู
6 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเหมือนอย่างเสียงพูดดังออกมาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นว่า 'ข้าวสาลีราคาลิตรละหนึ่งเดนาริอัน(หนึ่งเดนาริอัน เท่ากับค่าแรงของคนทำงาน ในหนึ่งวัน) ข้าวบาร์เลย์สามลิตรต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายน้ำมันและน้ำองุ่น' " (วิวรณ์ 6:5-6 ThaiTSV2002)
ผู้ขี่ม้า ถือตราชู เพื่อให้เราพิจารณาให้ดีถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
หนึ่งทะนานเท่ากับหนึ่งลิตร โดยปกติหนึ่งเดนาริอันเป็นจำนวนเงินที่จ้างคนงานให้ทำงานวันหนึ่งและจะสามารถซื้อข้าวสาลีได้มากถึง 8 ทะนาน ()
ในปัจจุบัน พบว่า ประเทศไทย ราคาของข้าวแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ และจากพระคัมภีร์ได้บอกแก่เราว่า ต่อไป ข้าวสาลีจะราคาแพงมาก และขาดแคลน แต่ว่าน้ำมันและน้ำองุ่นจะไม่ขาดแคลนเท่าข้าวสาลี แม้ในการคาดการณ์ของมนุษย์จะพบว่าน้ำมันน่าจะขาดแคลน แต่พระคัมภีร์ได้บอกแก่เราอย่างชัดเจนว่า แม้ว่าน้ำมันจะแพง แต่จะไม่หมดแน่นอน ขอให้เรามีสติปัญญาในการณ์มองอนาคตต่อไป

"7 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตตัวที่สี่ร้องว่า 'มาเถอะ'
8 แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้มีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกหนึ่งในสี่ส่วน ที่จะทำลายได้ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน" (วิวรณ์ 6:7-8 ThaiTSV2002)
ตราดวงที่ 4 นี้ จะพบว่า เริ่มมีความเกี่ยวข้องกับความตายโดยตรง โดยมัจจุราช และแดนคนตาย จะทำลายชีวิตของคน 1 ใน 4 ของโลก จากนี้ไป เราจะเห็นตัวเลขของคนตายมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเหตุการณ์ 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่ คมดาบ (สงคราม การฆ่าฟันกัน) อดอยาก โรคระบาด และสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน
เมื่อตีความ สัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน อาจจะสามารถแปลว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งจากเหตุการณ์พายุนากีส และแผ่นดินไหวในประเทศจีน พบว่า มีผู้คนตายเป็นจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่นาน และเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ได้ จึงอาจจะรวมอยู่ในกรณีนี้
นอกจากนี้ จากข่าวได้ระบุว่า สถานที่เกิดเหตุในพม่าและจีน ล้วนเป็นดินแดนที่เป็นแหล่งของการเพาะปลูกข้าว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้การกันดานอาหาร ความอดอยากมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อศึกษาพระธรรมวิวรณ์ต่อไป เรื่อง ตราดวงที่ 5-7 แตร และขัณฑ์ ซึ่งเป็นพระพิโรธของพระเจ้า จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอด ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ตั้งแต่ วิวรณ์ 6:2 เป็นต้นไป เมิ่อแกะตราสี่ดวงแรก ม้าสี่ตัวก็ปรากฎขึ้น ม้าเหล่านี้หมายถึงการพิพากษาของพระเจ้า ในความบาปและการขบถของประชาชน พระเจ้าเป็นผู้นำทิศทางประวัติศาสตร์มนุษย์ ทรงใช้แม้กระทั่งศัตรูของพระองค์ทำให้น้ำพระทัยสำเร็จ ม้าสี่ตัวเป็นการชิมลางของการพิพากษาขั้นสุดท้ายที่จะมาถึง บางคนมองว่าบทนี้คู่ขนานกับคำตรัสบนภูเขามะกอกเทศ (มัทธิว 24) ภาพของม้าสี่ตัวพบในเศคาริยาห์ 6:1-8 ด้วย
วิวรณ์ 6:2-8 จะพบว่า ม้าแต่ละตัวมีสีต่าง ๆ กัน บางคนกล่าวว่า ม้าขาวคือชัยชนะ และผู้ขับขี่ ก็คือพระคริสต์ (เพราะต่อมาพระคริสต์ทรงม้าขาวสู่ชัยชนะ ในวิวรณ์ 19:11) แต่ในเมื่อม้าอีก 3 ตัวเกี่ยวข้องกับการพิพากษาและการทำลาย ม้าขาวกับผู้ขับขี่จึงไม่น่าเป็นพระคริสต์ ม้าทั้งสี่เป็นส่วนหนึ่งของการพิพากษาของพระคริสต์ที่ทรงเปิดเผยให้รู้ จึงเป็นการเร่งไป หากพระคริสต์จะทรงม้าขาวออกมาในตอนนี้ในฐานะผู้พิชิต ม้าสีอื่นเป็นสัญลักษณ์ของการพิพากษาต่าง ๆ กัน คือ สีแดงหมายถึงการสงคราม การนองเลือด สีดำหมายถึงการกันดารอาหาร และม้าสีหม่น คือ ความตาย ข้าวสาลีและข้าวบาร์เล่ย์มีราคาสูง หมายถึงสภาพการกันดารอาหาร แต่สภาพเลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง

"9 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณทั้งหลายที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น
10 เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า 'ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา'
11 แล้วพระองค์ประทานเสื้อคลุมสีขาวแก่พวกเขาแต่ละคน และทรงบอกให้พักต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง จนกว่าผู้ร่วมรับใช้และพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนอย่างพวกเขาครบจำนวน" (วิวรณ์ 6:9-11 ThaiTSV2002)
เมื่อพิจารณา ตราดวงที่ห้าอาจจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เพราะในปัจจุบัน มีผู้รับใช้ ต้องถูกข่มเหงเพราะข่าวประเสริฐมากมาย เพียงแต่ยังไม่ควบจำนวน

วิวรณ์ 6:9 แท่นบูชานั้น หมายถึง แท่นบูชาในพระวิหารที่สัตว์ถูกนำมาถวายบูชาลบล้างบาปที่เชิงแท่นบูชา แทนที่จะเป็นเลือดของสัตว์ ยอห์นกลับมองเป็นวิญญาณของผู้พลีชีพ เพื่อการประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งคนเหล่านี้ได้รับคำบอกเล่าว่าจะมีคนสูญเสียชีวิตเพราะความเชื่อในพระคริสต์อีก (วิวรณ์ 6:11) ในท่ามกลางสงครามการกันดารอาหาร การกดขี่ข่มเหงและความตาย คริสเตียนจะได้รับการเรียกร้องให้ยืนหยัดมั่นคงในสิ่งที่เขาเชื่อ ผู้ที่อดทนจนถึงที่สุดเท่านั้นจึงจะได้รับรางวัลจากพระเจ้า (มาระโก 13:13)
วิวรณ์ 6:9-11 ผู้พลีชีพเพื่อความเชื่อ ต้องการให้พระเจ้านำความยุติธรรมมาสู่โลก แต่เขาได้รับคำบอกกล่าวให้รอคอย พระเจ้าไม่ได้ทรงรอคอยให้ถึงจำนวนที่แน่นอนจำนวนหนึ่ง แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าคนที่ทนทุกข์และตายเพื่อความเชื่อจะไม่ถูกลืม พระเจ้าจะให้เกียรติยศแก่เขาเป็นรายบุคคล เราอาจจะอยากได้รับความยุติธรรมทันที เช่นเดียวกับผู้พลีชีพเพื่อความเชื่อเหล่านี้ แต่เราต้องอดทน พระเจ้าทรงกระทำสิ่งต่าง ๆ ตามเวลาของพระองค์ และพระองค์ทรงสัญญาว่าจะให้ความยุติธรรม การทนทุกข์เพื่ออาณาจักรของพระเจ้าจะไม่เสียเปล่า

"12 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก ข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวยิ่งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลายเป็นสีดำมืด เหมือนกับเสื้อผ้าขนสัตว์ที่ใช้ไว้ทุกข์ และดวงจันทร์วันเพ็ญก็กลายเป็นเหมือนกับสีเลือด
13 และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงมาบนพื้นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่อที่ถูกลมแรงพัดจนผลที่ยังไม่สุกหล่นลงมา
14 ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่ถูกม้วนเก็บ และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ถูกเคลื่อนไปจากที่เดิม
15 แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต บรรดานายทหารใหญ่ พวกเศรษฐี พวกผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสหรือเสรีชน ต่างซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา
16 พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า 'จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และจากพระพิโรธของพระเมษโปดก
17 เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า' " (วิวรณ์ 6:1-17 ThaiTSV2002)
ตราดวงที่ 6 น่าจะยังไม่เกิดขึ้น แต่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

วิวรณ์ 6:12 ดวงตราดวงที่หก เปลี่ยนฉากกลับมาเป็นภาพบนโลกนี้ การพิพากษาทั้งห้าตอนแรกมุ่งไปที่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะ แต่การพิพากษาครั้งนี้เป็นสากล ทุกคนจะหวาดกลัวเมื่อโลกนี้สะเทือนสะท้าน
วิวรณ์ 6:15-17 เมื่อได้เห็นพระเจ้าประทับเหนือพระที่นั่ง มนุษย์ทุกคนทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยต่างพากันตกใจกลัว ต่างร้องให้ภูเขาพังลงมาทับตน เพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญการพิพากษาของพระเมษโปดก ภาพอันแจ่มชัดนี้มิได้มุ่งให้ผู้เชื่อตกใจ เพราะสำหรับผู้เชื่อ พระเมษโปดก คือ พระผู้ช่วยผู้อ่อนสุภาพ แต่สำหรับขุนพล จักรพรรดิ หรือกษัตริย์ซึ่งแต่ก่อนไม่ยำเกรงพระเจ้า และหยิ่งผยอง ไม่เชื่อในพระเจ้า จะต้องเผชิญกับพระพิโรธของพระองค์ ไม่มีใครที่ปฏิเสธพระเจ้าจะอยู่รอดในวันแห่งพระพิโรธ แต่ผู้ที่เป็นของพระคริสต์จะได้รับรางวัลแทนการลงโทษ คุณเป็นของพระคริสต์หรือไม่ ? ถ้าเป็น คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัววาระสุดท้ายนี้

"ความสุขมีแก่ผู้ที่อ่านและแก่บรรดาผู้ที่ฟังคำเผยพระวจนะ แล้วประพฤติตามสิ่งต่างๆที่เขียนไว้ในนั้น เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว" (วิวรณ์ 1:3 ThaiTSV2002)
อยากให้เราพิจารณาตัวเราเองให้ดีว่า เราควรจะให้ความสำคัญแก่สิ่งใด เราพร้อมที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือไม่ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อใด พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราเพื่อให้เรากลัว แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดง เพื่อให้เราเตรียมพร้อม ให้เราพิจารณาให้ดีว่าเราพร้อมแล้วหรือยัง !!!!!!!

อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล
คำแบ่งปัน Midnight Cell เมื่อวันที่ 23/05/2008
เรื่อง สัญญาณเตือนภัย (วิวรณ์ บทที่ 6)
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

เอกสารอ้างอิง

อมตธรรมร่วมสมัย ฉบับอธิบาย (Life Application Study Bible - New Testament, Thai Edition.)


http://www.followhissteps.com/web_christianstories/Sermons/revelation6.html



บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ปริศนา คัมภีร์ วิวรณ์ คำพยากรณ์ พระเยซู 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.712 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 08 พฤศจิกายน 2567 00:36:42