'เชียงใหม่' ประกาศ 'พื้นที่ประสบสาธารณภัย' ในเขต 2 อำเภอ
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-04-06 16:42</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'เชียงใหม่' ประกาศ 'พื้นที่ประสบสาธารณภัย' ในเขตอำเภอฝางและพร้าว หลังเผชิญปัญหาหมอกควันมาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 2567 เตรียมเงินชดเชยให้ประชาชน - ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และฝุ่นควัน PM2.5 ในพื้นที่หลายส่วนของภาคเหนืออยู่ในระดับวิกฤต พบ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานใน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53635130928_719e6daa10_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">แฟ้มภาพอาสาดับไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา</span></p>
<p>6 เม.ย. 2567
คมชัดลึก และ
มติชนออนไลน์ รายงานว่านายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกประกาศ เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย / เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อัคคีภัย ไฟป่า ในพื้นที่อำเภอฝาง โดยระบุว่าด้วยได้เกิดเหตุอัคคี ภัย ไฟป่า ขึ้นในเขตพื้นที่อำเภอฝาง เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 ซึ่งภัยดังกล่าวป็นสาธารณภัย "ภัยพิบัติ" กรณีฉุกเฉินก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน หรือก่อให้กิตวัตถุมลพิษหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและการดำรงชีวิตของประชาชน</p>
<p>เพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธาณภัยแห่งชาติและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ "ภัยพิบัติ" กรณีฉุกเฉิน เร่งด่วน อาศัยอำนาจตามความข้อ 20 วรรคสาม ของระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยภิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ประกอบกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้อำนวยการจังหวัดจึงประกาศให้พื้นที่ดังต่อไปนี้</p>
<p>อำเภอฝาง ประกอบด้วย</p>
<ul>
<li>ตำบลเวียง หมู่ที่ 1-20</li>
<li>ตำบลม่อนปิ่น หมู่ที่ 1-15</li>
<li>ตำบลแม่คะ หมู่ที่ 1-15</li>
<li>ตำบลแม่ข่า หมู่ที่ 1-13</li>
<li>ตำบลแม่งอน หมู่ที่ 1-15</li>
<li>ตำบลโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 1-7</li>
</ul>
<p>
อำเภอพร้าว</p>
<ul>
<li>ตำบลโหล่งขอด หมู่ที่ 1-9</li>
<li>ตำบลแม่ปั๋ง หมู่ที่ 1-14</li>
<li>ตำบลแม่แวน หมู่ที่ 1-11</li>
<li>ตำบลน้ำแพร่ หมู่ที่ 1-8</li>
<li>ตำบลบ้านโป่ง หมู่ที่ 1-8</li>
<li>ตำบลป่าตุ้ม หมู่ที่ 1-12</li>
<li>ตำบลสันทราย หมู่ที่ 1-14</li>
</ul>
<p>เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย หรือ "ภัยพิบัติ" การให้คาวมช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธาณรภัยจังหวัด และแผนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว และดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีที่กระทรวงการคลังกำหนด ต้องไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันที่เกิดภัย</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ฝุ่นควัน PM2.5 ในพื้นที่หลายส่วนของภาคเหนืออยู่ในระดับวิกฤต</span></h2>
<p>
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่าสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควัน PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่วันนี้ยังคงวิกฤตอย่างต่อเนื่องและเป็นอีกวันหนึ่งที่มีค่ามลพิษปกคลุมเพิ่มขึ้นสูงเกินมาตรฐาน เว็บไซต์ IQAir ที่คอยสังเกตการณ์คุณภาพอากาศของเมืองสำคัญทั่วโลก ได้จัดอันดับเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุด และดีที่สุดในแต่ละวันแบบเรียลไทม์ รายงานว่า เมื่อเวลา 9 โมงเช้าที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และมลพิษทางอากาศ PM2.5 ใน เชียงใหม่ อยู่ในระดับสีแดง วัดได้ 260AQI มีผลกระทบต่อทุกคน อย่างรุนแรง</p>
<p>ทางด้าน ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ รายงาน (Hotspot) จุดความร้อนจากไฟป่า พบมากถึง 74 จุด โดยไฟป่าวันนี้กระจายอยู่ใน 16 อำเภอ มากสุดที่อยู่ที่อำเภอเชียงดาว ถึง 24 จุด รองลงมาที่อำเภอจอมทอง 14 จุด และอำเภอฝาง 8 จุด แม้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าและจิตอาสาจะใช้ความพยายามอย่างหนัก ในการจำกัดแนวไฟ แต่พื้นที่ที่เข้าถึงยากลำบากยังเป็นอุปสรรค นอกจากนั้นไฟป่ายังขยายวงกว้างในหลายอำเภอ ส่งผลให้กลุ่มควันปกคลุมไปทั่วทั้งจังหวัด ประชาชนต้องเผชิญกับอากาศที่ย่ำแย่อีกด้วย</p>
<p><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53635359380_6bcfe0cc06_o_d.png" /></p>
<p>ด้าน
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศประจำวันที่ 6 เม.ย. 2567 ณ 12:00 น สรุปดังนี้ พบว่าภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 46.6 - 222.8 มคก./ลบ.ม. โดยจังหวัดในภาคเหนือที่ปริมาณ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ได้แก่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/04/108715