[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 26 มีนาคม 2563 11:50:24



หัวข้อ: ฆตาสนชาดก - พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น "พญานก"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 มีนาคม 2563 11:50:24
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/73857682901951_17_320x200_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/73640317428443_31_320x200_.jpg)
ภาพจาก วัดพระบรมธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช

• ฆตาสนชาดก  

เขมํ ยหินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อญฺญตรํ ภิกขุ อารพฺภ กเถสิ ฯ
--------------------

พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า เขมํ ยหึ ดังนี้ ฯ

เรื่องพิสดารมีว่า ภิกษุนั้นเรียนพระกัมมัฏฐาน จากสำนักพระศาสดาแล้วไปสู่บ้านชายแดนตำบลหนึ่ง อาศัยหมู่บ้านหมู่หนึ่งจำพรรษาในเสนาสนะป่า ในเดือนแรกนั้นเองเมื่อเธอเข้าไปบิณฑบาต บรรณศาลาถูกไฟไหม้ เธอลำบากด้วยไม่มีที่อยู่ จึงบอกแก่พวกอุปัฏฐาก พวกนั้นพากันกล่าวว่า ไม่เป็นไรดอกพระคุณเจ้า พวกกระผมจักสร้างบรรณศาลาถวาย รอให้พวกกระผมไถนาเสียก่อน หว่านข้าวเสียก่อน เถิดขอรับ จนล่วงสามเดือนไป เธอไม่อาจบำเพ็ญพระกรรมฐานถึงที่สุดได้ เพราะไม่มีเสนาสนะสับปายะ แม้เพียงนิมิตก็ให้เกิดขึ้นไม่ได้ พอออกพรรษาไปสู่พระเชตวัน ถวายบังคมพระศาสดานั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง พระศาสดาทรงกระทำปฏิสันถารกับเธอ แล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ กัมมัฏฐานของเธอสบายหรืออย่างไร เธอจึงกราบทูลความไม่สบายตั้งแต่ต้น พระศาสดาตรัสว่า ดูกรภิกษุ ในปางก่อนโน้น แม้พวกดิรัจฉานก็รู้สบายและไม่สบายของตน พากันอยู่ในเวลาสบาย ในเวลาไม่สบายก็พากันทิ้งที่อยู่เสียไปในที่อื่น เหตุไร เธอจึงไม่รู้สบายของตนเล่า เธอกราบทูลอาราธนา ทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนก บรรลุวิญญูภาพแล้ว ถึงความงดงามเป็นยอดได้เป็นพญานก อาศัยต้นไม้ใหญ่สมบูรณ์ด้วยสาขาและค่าคบ มีใบหนาแน่น อยู่ใกล้ฝั่งสระเกิดเอง ในแนวป่าตำบลหนึ่ง พากันอยู่เป็นหลักแหล่งพร้อมทั้งบริวาร นกมากด้วยกัน เมื่ออยู่ที่กิ่งอันยืดไปบนน้ำของต้นไม้นั้น ก็พากันถ่ายคูถลงในน้ำ และในสระเกิดเองนั้น มีนาคราชร้ายอาศัยอยู่ นาคราชนั้นมีวิตกว่า นกเหล่านี้พากันขี้ลงในสระเกิดเองอันเป็นที่อยู่ของเรา เห็นจะต้องให้ไฟลุกขึ้นจากน้ำเผาต้นไม้เสียให้พวกมันหนีไป พญานาคนั้นมีใจโกรธ ตกกลางคืน เวลาที่พวกนกทั้งหมดมาประชุมกันนอนที่กิ่งไม้ทั้งหลาย ก็เริ่มทำให้น้ำเดือดพล่าน เหมือนกับยกเอาสระขึ้นตั้งบนเตาไฟฉะนั้น เป็นชั้นแรก ชั้นที่สองก็ทำให้ควันพลุ่งขึ้น ชั้นที่สามทำให้เปลวไฟลุกขึ้นสูงชั่วลำตาล พระโพธิสัตว์เห็นไฟลุกขึ้นจากน้ำ ก็กล่าวว่า ดูกรฝูงนกชาวเราเอย ธรรมดาไฟติดขึ้นมา เขาพากันเอาน้ำดับ ก็บัดนี้ น้ำนั่นแหละลุกเป็นไฟขึ้นแล้ว พวกเราไม่อาจอยู่ในที่นี้ได้ ต้องพากันไปที่อื่น แล้วกล่าวคาถานี้ว่า


เขมํ  ยหึ  ตตฺถ  อรี  อุทีริโต
ทกสฺส  มชฺเฌ  ชลเต  ฆตาสโน
น  อชฺช วาโส  มหิยา  มหีรุเห
ทิสา  ภชวฺโห  สรณชฺช  โน  ภยํ

แปลว่า ความเกษมมี ณ ที่ใด ณ ที่นั้น ข้าศึกเกิดขึ้นแล้ว ไฟลุกโพลงอยู่กลางน้ำ วันนี้จะอยู่กันบนต้นไม้เหนือแผ่นดินไม่ได้ละ พวกเจ้าจงพากันบินไปตามทิศทางเถิด วันนี้ที่พึ่งของพวกเราเป็นภัยเสียแล้ว ฯ

มีอรรถาธิบายว่า ความเกษมคือความปลอดภัยเหนือน้ำใด เหนือน้ำนั้นมีข้าศึกศัตรูประชิดแล้ว ไฟผู้กินเปรียงกำลังลุกโพลงกลางน้ำในวันนี้พวกเราจะอยู่กันบนต้นไม้ที่งอกบนแผ่นดินไม่ได้ละ พวกเจ้าพากันไปเถิด บินไปตามทิศทาง วันนี้ภัยเกิดแต่ที่พึ่งของพวกเราแล้ว ที่พำนักของพวกเราเกิดเป็นภัยขึ้นแล้ว ฯ
 
พระโพธิสัตว์ ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็พาฝูงนกที่ทำตามคำบินไปในที่อื่น ฝูงนกที่ไม่เชื่อถือคำของพระโพธิสัตว์ พากันเกาะอยู่ ต่างถึงสิ้นชีวิตแล้ว.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสประกาศสัจจะ จบสัจจะ ภิกษุนั้นดำรงอยู่ในพระอรหัตผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า ฝูงนกที่กระทำตามคำของพระโพธิสัตว์ในครั้งนั้นได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนพญานกได้มาเป็นเราแล.  


จบฆตาสนชาดก