ถ้าทุกคนยอมรับได้ว่า ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การเตรียมตัว เตรียมใจ เสียก่อน เพื่อให้ฉากสุดท้ายของชีวิตปิดตัวลงอย่างงดงาม จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม และอย่ากลัวว่า ทำพินัยกรรมชีวิต แพทย์จะไม่เหลียวแลรักษาตัวเราเลย สำหรับผู้ป่วยที่อาการของโรคอยู่ในระยะสุดท้าย หมดหวังจากการรักษาให้หายจากโรคแล้ว แพทย์ต้องดูแลเราตามอาการ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทรมาน และทำให้เราจบชีวิตลงอย่างสงบ
ส่วนประเด็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อยื้อชีวิตนั้น คงขึ้นอยู่กับเป้าหมายว่า เราต้องการยื้อชีวิตไปเพื่ออะไร และเพื่อใครมากกว่า....................
ดังนั้น..................การใส่ท่อช่วยหายใจยื้อชีวิตไปอีกหนึ่งวัน อาจเป็นไปเพื่อให้คน ๆ นั้นและญาติสนิทได้เจอะเจอกัน เพื่อร่ำลาหรือสั่งลากันเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งมีความหมายสำคัญยิ่งสำหรับคนที่จะจากไปและญาติสนิทคน แต่การยื้อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความหมาย อาจเพิ่มความทรมานกายและใจให้ตัวผู้ป่วยและคนที่อยู่..........................
ย้ำว่าผู้ทำหนังสือ พินัยกรรมชีวิต หรือหนังสือแสดงเจตนาปฏิเสธการรักษา อาจเปลี่ยนแปลงหนังสือแสดงเจตนาได้เสมอ ขอเพียงให้มีสติสุดท้ายเหลืออยู่ คุณอาจเรียกขอ พินัยกรรมชีวิต มาฉีกทิ้งก่อนก็ได้ ถ้าคิดว่าเจ็บคราวนี้รอดแน่ ๆ
ความคิดในการทำ พินัยกรรมชีวิต ของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงอาจเป็นความห่วงใยครั้งสุดท้าย ที่ไม่ต้องการให้คนที่เรารักต้องมาเดือดร้อนกับตนเราอีกต่อไป ในเมื่อการยื้อชีวิตของตนให้คงอยู่ เป็นไปไม่ได้ ก็ขอตายอย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จะดีกว่าจริงไหมคะ?
credit by...........................
http://www.manager.co.th