[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 02 กันยายน 2562 16:17:35



หัวข้อ: สร้างธรรมะให้เป็นที่พึ่งกับใจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 02 กันยายน 2562 16:17:35
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13038900370399_FB_IMG_1567413468284_320x200_.jpg)

“สร้างธรรมะให้เป็นที่พึ่งกับใจ”

การทำบุญทำทานนี้จะไม่มีพิษไม่มีภัย เวลาไม่มีเงินทำบุญก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีเงินก็ไม่เดือดร้อนเพราะไม่เสพสุรา ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวเตร่ อันนี้ก็จะทำให้อยู่เฉยๆอย่างมีความสุขได้ เวลาร่างกายไม่สบายไปไหนมาไหนไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ได้ติดเที่ยว ไม่ได้ติดเล่นการพนัน อยู่บ้านได้ อยู่บ้านเฉยๆได้ ไม่ทุกข์ทรมานใจเหมือนกับคนที่ติดอบายมุข แล้วก็ให้เราละเว้นจากการทำบาป บาปนี้ก็ คือ

๑.การฆ่าสัตว์
๒.การลักทรัพย์
๓.การประพฤติผิดประเวณี
๔.การพูดปดโกหกหลอกลวง เพราะการกระทำบาปจะทำให้จิตใจเราไม่สบายใจ แล้วนอกจากนี้เวลาร่างกายตายไป จิตใจก็จะต้องไปใช้บาปในอบายแทนที่จะไปเกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉานก่อน ไปเกิดเป็นเปรตเป็นอสูรกาย ไปตกนรก แต่ถ้าเราไม่ทำบาปเราก็ไม่ต้องไปอบายกัน แล้วถ้าเราทำบุญด้วย ทำบุญรักษาศีล
๕. ละเว้นอบายมุข เวลาร่างกายตายไปใจจะมีบุญติดไปกับใจด้วย บุญก็จะพาให้จิตใจที่เป็นดวงวิญญาณนี้กลายเป็นเทวดาไป ไปอยู่ในสวรรค์ เพราะบุญให้ความสุขใจอิ่มใจ พอเป็นดวงวิญญาณก็จะเป็นดวงวิญญาณที่มีความสุขใจอิ่มใจ ก็จะเป็นดวงวิญญาณของพวกเทวดาทั้งหลายนี่เอง

นี่คือผลที่เราจะได้รับจากการที่เรามาสร้างธรรมะให้เป็นที่พึ่งกับใจ เราจะได้ไปสวรรค์กันเวลาที่ร่างกายนี้ตายไปแล้ว ในทางตรงกันข้ามถ้าเราไม่ทำบุญทำทาน เราไม่รักษาศีล ๕ ไม่ละเว้นอบายมุข เราจะมีแต่ความทุกข์เวลาที่ร่างกายของเราไม่สามารถไปทำตามที่เราอยากทำได้ อยากจะไปเที่ยวก็ไปไม่ได้ อยากจะเสพอบายมุขก็เสพไม่ได้ เราก็จะมีความหงุดหงิดรำคาญใจ มีการซึมเศร้า เราไม่มีบุญทำบุญที่จะให้ความอิ่มใจสุขใจ ใจของเราก็จะรู้สึกหิวโหยเวลาไม่ได้เสพไม่ได้ทำอะไรตามความอยาก ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายกับชีวิต บางทีก็อาจจะคิดฆ่าตัวตายได้ นี่คือผลที่เกิดจากการที่ไม่ทำบุญทำทาน ไม่ละเว้นการเสพอบายมุขต่างๆ ไม่ละเว้นจากการทำบาป จะทำให้ใจนี้ไม่มีความสุข จะมีแต่ความทุกข์รุมเร้าจิตใจอยู่จนไม่มีความอยากที่จะอยู่ต่อไป เวลาที่ร่างกายไม่สามารถเป็นที่พึ่งของใจได้ แต่ถ้าเราทำบุญทำทานไม่ทำบาปไม่เสพอบายมุข ใจของเรานี้จะมีแต่ความอิ่มความพอความสุข ถึงแม้ร่างกายจะไม่สามารถพาเราไปไหนมาไหนทำอะไรให้กับเราได้ เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะเรามีความสุขจากการทำบุญทำทาน มีความสุขจากการรักษาศีล มีความสุขจากการไม่เสพอบายมุข แต่ก็ยังเป็นความสุขในระดับต่ำ เพราะยังมีความสุขที่มากกว่านี้อยู่ รออยู่ข้างหน้า ความสุขที่มากกว่านี้ต้องเพิ่มการปฏิบัติให้มากขึ้นจากการรักษาศีล ๕ ก็เปลี่ยนมารักษาศีล ๘ แล้วก็ต้องมาเจริญจิตตภาวนา มาฝึกจิตใจทำจิตให้สงบเรียกว่าสมาธิ แล้วก็มาศึกษาธรรมะเพื่อให้มีดวงตาเห็นธรรม ให้มีปัญญาที่จะใช้ในการกำจัดกิเลสตัณหาต้นเหตุของความทุกข์ใจต่างๆให้หมดสิ้นไปจากใจ

ถ้าภาวนาได้สำเร็จแล้วจิตใจก็จะปราศจากความทุกข์ ปราศจากความอยากต่างๆ ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจจะมีแต่ความสุขตลอดเวลา มีความสุขตั้งแต่ขณะที่มีชีวิตอยู่ เวลาร่างกายแก่เจ็บหรือจะตาย จิตใจนี้จะไม่สะเทือนไม่เดือดร้อน เพราะจิตใจไม่ต้องใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหาความสุข ยังสามารถหาความสุขได้และได้ความสุขที่เหนือกว่าความสุขที่ได้จากการใช้ร่างกายไปหาความสุขต่างๆมา แล้วก็หลังจากที่ร่างกายนี้ตายไปแล้ว ใจที่ปราศจากกิเลสตัณหาก็จะไม่มีอะไรดึงใจให้กลับมาเกิดอีกต่อไป จะไม่ต้องกลับมาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตาย มาอาศัยร่างกายเป็นเครื่องมือหาความสุขอีกต่อไป เพราะใจสามารถหาความสุขจากการมีธรรมะอยู่ภายในใจ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ที่จะให้ความสุขกับใจไปอย่างถาวร ไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด


สนทนาธรรมบนเขา 
วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรีเขต
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน